ผมชอบเกมแนว Interactive Movies ครับ ยิ่งงานคลาสสิคอย่าง Dragon's Lair นี่ยิ่งดูยิ่งตลก พูดง่ายๆ คือดูเอาฮานั่นเอง แล้วก็เป็นแนวเกมที่เริ่มสูญพันธ์ไปแล้วด้วยจนกระทั่งถูกพัฒนาและยกระดับขึ้นโดยค่าย Quantic Dream ผลงานที่น่าจะจำได้กันก็คือ Heavy Rain เมื่อปี 2010 ไม่นานมานี้ที่เล่นแล้วไม่รู้จะฮาดีมั้ย มันช่างสยิ๋วกิ้วเหลือเกิน (เรื่องเกี่ยวกับฆาตกรรมต่อเนื่องนี่นะ...) จนมาถึง Beyond: Two Souls ที่เปลี่ยนบรรยากาศมาเรื่องเหนือธรรมชาติ+ไซไฟบ้าง
คำเตือน: ในรีวิวมีสปอยล์เล็กๆ น้อยๆ นะครับ ถ้าคิดจะเล่นเองเสพเองทุกเม็ดอย่างเพิ่งอ่าน คลิกมา+ยอดวิวก็ซาบซึ้งแล้วครับ (แฮ่)
เกมนี้จะให้เล่นหรือดำเนินเรื่องผ่านชะตาชีวิตของตัวละครเอกตัวเดียวเท่านั้นคือโจดี้ โฮล์มส์ (Ellen Page) ไปตั้งแต่วัยเด็กน้อยจนถึงวัยผู้ใหญ่ เคียงข้างไปกับวิญญาณที่ชื่อว่าไอเดนที่ผู้เล่นสามารถบังคับใช้งานให้เป็นประโยชน์ได้ในบางสถานการณ์ ส่วนตัวละครสำคัญอีกคนนั้นก็คือนักวิจัยที่ศึกษาในกรณีของโจดี้อยู่อีกคนนั่นก็คือดร.เนธาน (Willem Defoe) ซึ่งถือเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดตั้งแต่ต้นเกมถึงจบเกม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างโฟกัสที่โจดี้กับวิญญาณไอเดนทั้งหมดครับ สองคนสำคัญที่เติบโตไปด้วยกัน ผจญภัยไปด้วยกันตลอดเวลา ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเกมนี้
เกมสมัยนี้ทำได้ถึงระดับนี้แล้ว
งานภาพนี่คงไม่ต้องบรรยายมากนะครับ นั่นคือเอาคนแสดงจริงๆ เอานักแสดงมาปั้นเป็นโพลิก้อนในเกมเลยทีเดียว ออกมาเป๊ะสมจริงมาก การแสดงสีหน้าก็มีพลังใกล้เคียงกับคนเป็นๆ มากยิ่งขึ้นไปอีก ด้านอื่นทั่วไปที่ติดเหลี่ยมบ้างหยักบ้างเทกเจอร์หยาบบ้างโดยเฉพาะฉากอันนั้นต้องไปโทษ PS3 แล้วครับว่ามาถึงที่สุดแล้วจริงๆ โทษ Quantic Dream ผู้สร้างไม่ได้เลย ต่อไปต้อง PS4 สินะ...
เรื่องราวในเกมจะใช้วิธีเล่าแบบข้ามไปมาไม่เป็นไปตามลำดับเวลาที่แน่นอนครับ เช่นบทนี้เล่นวัยเด็กบทหน้าข้ามไปวัยผู้ใหญ่แล้วก็บทต่อไปอาจจะกลับมาเด็กอีกที โดยมีรูปแบบอยู่ที่การค่อยๆ ไขปมของเนื้อเรื่องหรือทำให้ผู้เล่นรู้สึกสงสัยใครรู้ว่าระหว่างที่ข้ามไปตั้งหลายปีนั้นมันเกิดอะไรขึ้นทำไมไปลงเอยตรงนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เกมดูน่าติดตามอยู่ตลอดคนเล่นไม่เบื่อตายไปเสียก่อน เพราะบางบทนี่เล่นแล้วต้องสารภาพว่าดำเนินเรื่องช้าจริงๆ ในส่วนตรงนั้นจะไปเน้นที่ความเศร้าความซาบซึ้งของเกม ซึ่งถ้าใครไม่เศร้าไปด้วยก็จบกันเลย...แต่ผมมีปัญหาส่วนตัวอยู่อย่างตอนเล่นรอบแรกเลยคือจำไม่ได้ว่าอะไรมันเกิดขึ้นก่อนหลังครับ แม้จะมีชื่อบทบอกเรียงกันตามเหตุการณ์ก่อนหลังก็ตามที (เป็นคนความจำสั้น)
(สปอยล์ !!!) ถ้าจะให้แบ่งการดำเนินเรื่องก็คงเป็น 1. ส่วนเด็กกับวัยรุ่นที่ดราม่าหน่อย เน้นอารมณ์ความรู้สึก 2. ส่วนฝึกฝนและร่วมงานกับ CIA รวมถึงหลังจากนั้นที่เน้นไปที่แอคชั่น 3. ออกเดินทางกับเป็นคนไร้บ้านข้างถนน ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นนักสืบโลกวิญญาณ คนสืบผี ช่วยชาวบ้าน อะไรประมาณนั้น 4. สุดท้ายก็ไปกู้โลก ! (จบสปอยล์ !!!) รวมๆ กันแล้วก็ไม่ยาวมากครับ ใช้เวลาเล่นประมาณ 6-8 ชั่วโมงเท่านี้จริงๆ แล้วลืมเรื่องการสำรวจไปได้เลยว่ามีน้อยมาก ทางแยกยิ่งแล้วใหญ่ เพราะตัวเกมไม่มีจุดเปลี่ยนชีวิตของโจดี้เลยครับ โอเคว่าเปลี่ยนชีวิตคนอื่นอาจจะใช่ (เช่นปล่อยให้ตาย) หรือเผาบ้านคนเล่น แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงความเปลี่ยนแปลงที่เบาบางเท่านั้น แล้วไปยัดทางแยกเอาที่เดียวตอนจบหรือใกล้จบมันทั้งหมดเลย เรียกได้ว่าดำเนินเรื่องไปได้ค่อนข้างเป็นเส้นตรงเลยทีเดียว (แต่ก็มีจุดเถลไถลบ้าง...หน่อยนึง)
ส่วนทางด้านเกมเพลย์ Interactive Movies เกมนี้ทำให้ผู้เล่นได้เล่นเป็นตัวละครในภาพยนตร์ได้ดีมาก การเคลื่อนไหวฉับพลันหรือการตัดสินใจตอบปัญหาต่างๆ ทำได้ราบลื่น แล้วก็เป็นมิตรกับคนที่ไม่ถนัดพวก QTE หรือกดปุ่มตามจังหวะด้วย เพราะว่าจะมีช่วงสโลว์ให้ช่วงเวลาที่ให้โอกาสก็ค่อนข้างนานอยู่ ทั้งหมดจะผสมผสานกับการบังคับตัวละครเดินทางเองบ้างแล้วก็ใช้ไอเดนแก้ปริศนาต่างๆ ในเกมครับ ใช้ไอเดนนี่จะคล้ายๆ แยกร่างปล่อยพลังวิญญาณออกมา ทำได้สารพัดประโยชน์ตั้งแต่ผลักของ บีบคอ เข้าสิง ฯลฯ ไปจนถึงอ่านความทรงจำเลย (เฮี้ยนมาก...)
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโดยเนื้อๆ เกมเพลย์ ของ Beyond: Two Souls สามารถสรุปได้ภายในประโยคเดียวครับ นั่นก็คือ "ขอให้ท่านบังคับโจดี้เดินทางไปให้ถึงจุดหมาย แล้วกดปุ่มตามที่กำหนดไปเรื่อยๆ" กดพลาดก็ไม่ตายซะด้วย เกมนี้ไม่มีการเกมโอเวอร์กลางทางครับ กดพลาดไปก็อาจจะเจ็บนิด อับอายขายหน้าหน่อย หรือต้องให้ไอเดนช่วย แต่ไม่มีการล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่อะไร อย่างน้อยก็คือไม่ใหญ่พอจะให้ชีวิตโจดี้เปลี่ยน บทเปลี่ยน หรือมีทางแยกอะไรออกมา อาจจะมีฉากโบนัสหรือบางสิ่งบางอย่างเพิ่มอะไรมานิดหน่อยแต่ก็เป็นเพียงจุดเล็กๆ ซึ่งในข้อนี้ผู้สร้างก็ได้เตือนไว้แล้วก่อนเกมออกวางขาย ผมก็ไม่ควรจะคิดอะไรมาก ไม่ตายก็ไม่ตาย สงสารนางเอก แต่กลับกลายเป็นว่านอกจากไม่ตาย (?) แล้วเกมยังดำเนินไปอย่างตรงแน่วอีกต่างหาก...ทุกอย่างที่ผู้เล่นกดตัดสินใจไปนี่ก็เหมือนกับเอาไม้จิ้มฟันเขี่ยๆ ชะตาชิวิตโจดี้เล่นให้จั๊กจี๋หรือแค่คันๆ หรือนี่ อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลนะครับว่าจะมีความเห็นในรูปแบบไหน สำหรับผมแล้วแบบนี้ไม่ค่อยชวนให้เล่นหลายรอบเท่าไร (ยกเว้นว่าเผาบ้านคน อันนี้ชอบเผาหลายรอบ สนุก)
(สปอยล์ !!!) ฉากที่โลกหายนะในอนาคตน่าทำแยกออกมาอีกเกม น่าสนุกกว่าอีก (จบสปอยล์ !!!)
7.9 คะแนน
ผมมีความคิดเห็นว่าสำหรับ Beyond: Two Souls เกมนี้จะมีฝ่ายที่ทั้งชอบและไม่ชอบ ซึ่งผมอยู่ในฝ่ายหลังครับ แม้ตัวงานที่นำเสนอออกมาจะจัดได้ว่าปราณีตและทุ่มเทในการสร้างงานด้านภาพ แต่ในฐานะเกมที่ผู้เล่นจะต้องโต้ตอบไปตามสถานการณ์ต่างๆ แล้ว ความหลากหลายและพลังที่จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกใจหายไปกับการตัดสินใจของตัวเองดูจะขาดออกไปครับ เหมือนกับพาจูงให้เราเดินทอดน่องจากจุด A ไปจุด B เพื่อกดปุ่มตามไปเรื่อยๆ คนที่เล่นเก่งก็จะสะดุดน้อยหน่อยหรือหลงทางยากหน่อย แต่ถนนนั้นเป็นทางตรงที่ค่อนข้างไปได้ช้าและน่าเบื่อพอสมควรทีเดียว ยกตัวอย่างให้ชัดเจนขึ้นก็คือตัวเกมโฟกัสที่โจดี้เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่ว่าเราจะเลือกชะตากรรมของคนอื่นว่าจะเป็นหรือตายก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรที่เป็นจริงเป็นจังซีเรียสมาก หรือจะเป็นชีวิตของเธอเองที่ต้องผ่านอะไรต่างๆ กับไอเดนตั้งแต่เด็กจนถึงจุดจบเกมก็ไม่ได้มีทางแยกระหว่างกลางที่ชี้เป็นชี้ตายหรือเป็นจุดผกผันเปลี่ยนแปลงของชีวิต แม้เนื้อเรื่องจะทำให้ดูดราม่าน่าสงสาร แต่ก็เล่นง่ายเอาทุกอย่างไปสรุปรวมเอาในทางแยกง่ายๆ ระหว่างฉากสุดท้ายและฉากจบเกมไม่กี่ทางเลือก ซึ่งในชีวิตคนเราจริงๆ หรือแม้กระทั่งเกมก่อนหน้าของทีมนี้เองอย่าง Heavy Rain มันไม่ (ควร) ออกมาแบบนี้ ชีวิตควรประกอบไปด้วยการตัดสินใจที่จะพาไปยังจุด C D D2 D3 E F ฯลฯ ด้วยสิ เพราะฉะนั้น แรงเชิญชวนที่จะให้เล่นหลายรอบหรือจดจำผลงานนี้ไปอีก 10 ปี 30 ปีนั้นเป็นไปได้ยากหน่อยครับ ตัวแก่นสารและเนื้อเรื่องของเกมก็ไม่ได้ลึกหรือซับซ้อนอะไรด้วย
แต่ความประทับใจในเทคโนโลยีของการสร้างเกมนี้และฉากต่างๆ รวมไปถึงการแสดงของนักแสดงที่มาร่วมสร้างผลงานเกมนี้ถือเป็นจุดเด่นที่น่าประทับใจเลยทีเดียว สีหน้าและอารมณ์ในบางครั้งมันโดนใจ ถ้า Quantic Dream จะสร้างเกมแนวนี้มาอีกผมก็เล่นนะ ผลงานต่อๆ ไปจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
มีฉากโป่โป๊อาบน้ำด้วยนะ (ไม่ใช่อันนี้)
เห็นด้วยกับผู้รีวิวครับ
เล่น The Wolf Among Us ดีกว่าครัฟผมว่าเจ๋งกว่าเยอะ
เพิ่งลองเล่น Demo เมื่อคืนครับ ชอบนะ ปุ่มกดลุ้นดี gameplay ก็เหมือนกับ The Walking Dead เลย เพราะเป็นทีมเดียวกัน รอให้ออกมาครบ 5 Episode ค่อยซื้อทีเดียวดีกว่า รู้สึกว่าปีที่แล้วจะมี Journey กับ The Walking Dead มาปีนี้ มี Lost in the Rain กับ The Wolf Among Us นี่แหละที่ชอบ ส่วน Beyond ก็คงเล่นอยู่แล้ว ^^
สนุกคุ้มค่ารู้สึกเต็มอิ่มแล้วครับ ตั้งตารอเกมต่อไปบนps4แน่นอน
.........
เนื้อเรื่องแนวๆนี้ถ้าทำเป็นหนังผมหลับตั้งแต่ 20 นาทีแรกแล้วครับ 555 แต่พอเป็นเกมมันกลับดูสนุกขึ้นเป็นกองทันทีเลย
ผมดูพี่เบย์แคสในยูทูปผมยังรู้สึกว่าสนุกเลยครับ เกมแนวนี้ถ้าอ่านภาษาอังกฤษเก่งๆล่ะก็หนุกแน่นอนครับแต่ถ้าอ่านไม่ออกมันจะกลับตาลปัตรกลายเป็นเกมโคตรน่าเบื่อไปในทันทีครับ