เรื่องความสว่างผมแฮปปี้นะ
เพราะชอบเล่นในห้องมืด
เพราะงั้น โดยเสกลของคอนทราส
ความมืด 0 นี่ช่วยได้มากเลย hdr คงไม่รู้สึกทึม
ชินกับภาพพลาสม่าและการเบิร์นแล้วด้วย 555

ไอ้ตัวก่อนหน้าที่มีข่าวว่า
เล่น hdr แล้วปรับ brightness ไม่ได้
ผมกังวลกว่าซะอีก เพราะงั้นคงไม่ลังเลเพราะเรื่องความสว่าง

แต่ที่น่าสนใจคือเรื่อง สี pixel เทียมนี่ละ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ 55
หลังๆ ไม่ได้ติดตามเลย หยอดกระปุกอย่างเดียว

ส่วนราคาก็สมกับเป็นโซนี่ละนะ
ถ้า lg ราคาคงจับต้องได้สบายขึ้น

เอื้อออ..อ่านแล้วปวดหัวไม่ได้ตามหลายปี 555 plasma ผมอย่าเพิ่งพังละกันไม่งั้นลำบาก lcd ผมไม่ชอบภาพเคลื่อนไหวมัน..เอาพวก motion มาแทรกก็แปลกๆ

ความสว่างน้อยกว่าก็จริง แต่มันทดแทนกันที่ OLED สีดำได้สนิทครับ ในขณะที่ LCD ทำไม่ได้
มาตรฐาน HDR OLED กับ LCD เลยไม่เหมือนกันครับ LCD ต้องใช้ความสว่างมากกว่า เพราะมันทำดำสนิทไม่ได้แบบ OLED

ถามเพิ่มครับ oled นี่ภาพเคลื่อนไหวมันทำได้ดีกว่า lcd ไหมครับ

เรื่องสีดำ infinite contrast ก็ยกให้ OLED ไปแหละครับ พวก LCD ดีๆบางตัวก็ถือว่าดีนะไม่แย่ แต่เปอร์เซนต์ความต่างเรื่องความสว่างนี่มันต่างกันเยอะไปหน่อย ถ้าดูคอนเทนต์มืดๆอย่างพวกอวกาศนี่ก็ oled ดีกว่าแหละ แต่ส่วนใหญ่ที่โชว์ hdr จริงๆมันจะเป็นพวกคอนเทนต์สว่างๆมากกว่า
----
เรื่อง motion นี่ควรจะดีกว่าครับ พวก response time มันเร็วกว่า lcd เยอะเลย แต่ถ้าดูหนังส่วนใหญ่มัน 24fps อยู่แล้วเนอะ มันเบลอหน่อยๆก็โอเคอยู่สำหรับ lcd

ผมว่าเรื่องความสว่าง
สุดท้ายแล้ว มันเป็นประเด็นเดิมๆ
คือ ดูในห้องสว่างจ้า รึเปล่า แค่นั้น

แต่ในแง่ของ ระดับสี ระดับความสว่าง
ผมว่าถึงจะมืดกว่า แต่ระดับชั้นสีน่าจะได้เท่ากัน
อย่างที่คุณ niriaki ว่า
เหมือนhdr มีร้อยขั้น
lcd 100-200
แต่ oled 0-100 อะไรงี้
ไม่รู้เข้าใจถูกมั้ย
ไม่งั้น uhd คงไม่ยอมลด max bright ลง
point คือ ซีนสว่าง เราต้องรู้สึกแสบตาจริงๆหรือเปล่า
ในห้องมืด แสงแค่นิดเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว
จุดที่น่าสนใจจึงเป็น ระดับชั้นความสว่างนี่ละ
ข้อมูลจาก 4k hdr แสดงได้ครบ ก็น่าจะจบ

ปล เรื่องโมชั่นก็ได้ยินว่าดีขึ้นกว่า lcd นะฮะ
แต่ได้ยินมาอีกว่า ยังไม่กริบเท่าที่ควร ยังมีเบลอ
คิดว่าคงใกล้ลงตัวแล้วล่ะ tech นี้

ส่วนจอ sony ตัวนี้ น่าทึ่งเรื่องลำโพงมาก

คือ color volume เนี่ย มันจะพูดว่าเกี่ยวกับ brightness level ก็ได้ แต่มันไม่ได้ตรงๆเท่าไหร่ เพราะมันอยู่ที่ว่า แต่ละระดับ brightness level นี้เนี่ย (10%, 20%, 30%, ...) จอจอนึงมันจะสามารถ produce color ออกมาได้แค่ไหน (color volume มันน่าจะเกี่ยวข้องกับอะไรเยอะเลย tone mapping ก็น่าจะเกี่ยวด้วยมั้ง) พูดแบบง่ายคือ เราไม่สามารถดูแค่ค่าความต่างของ min-max brightness แล้วเอามาเปรียบเป็นค่า color volume ตรงๆได้เลย
--
ส่วนเรื่อง motion นี่ก็อาจจะยังสู้ plasma ไม่ได้ เพราะด้วยเทคฯการทำงานมันคงต่างกัน คือปกติร่างกายมนุษย์มันจะจำค่าค่านึงไปเป็นระยะเวลาครู่นึง (กลิ่น, ภาพ, รส, เสียง) ซึ่งกรณีนี้ก็คือภาพ ซึ่งมันสมองเรา/ประสาทจอตาหรือไรนี่แหละ มันก็จะจำไปครู่นึง ซึ่งมันมีทางแก้อยู่ คือถ้าเป็นอย่างจอของ vr headset ที่บอกเป็น low persistence นะ ถ้าจำไม่ผิด มันจะเป็นปัญหาใหญ่มากใน vr เรื่อง motion blur ต่อให้ใช้เป็น oled panel แล้วก็เถอะ เขาเลยแก้ด้วยง่ายๆเลยครับ black frame insertion(bfi) ซึ่งมันจะช่วยรีเฟรชสิ่งที่สมองมันจำไปครู่นึงซะ
ด้วยการทำงานของ plasma อันนี้ไม่ชัวร์นะ มันจะกระพริบแสดงกับปิดอยู่แบบเร็วมากๆ ซึ่งเราเลยมองว่า plasma panel นี่แหละ motion มันถึงดีสุด แต่กับจออื่นมันคงไม่ได้ทำงานแบบนี้ เขาเลยทำ bfi มาแทน
ซึ่งทีวีตัวไหนมีบ้างอันนี้ผมไม่รู้นะ แต่ที่รู้ชัดคือ Sony A1/A1E มี bfi ซึ่งมันช่วยได้แหละ แต่คงไม่ขนาด plasma เพราะขานั้นกระพริบเป็นพันๆรอบได้มั้ง แต่สิ่งที่แลกมาพอมีสีดำเข้ามาแทรกคือ ความสว่างลดลง มากน้อยขนาดไหนนี่คงต้องหาดูคนเทสเอาครับ

เท่าที่ได้ยินมาคือ OLED TV นะ มี Sony ตัวเดียว(มั้ง First OLED TV) ที่มี BFI
อีกอย่างนึงเรื่อง tone mapping มีผลต่อภาพนะ อย่าง OLED TV ตอนวัด max brightness(สีขาวล้วน)ของ LG สว่างกว่า Sony แต่พอดูกับคอนเทนต์ปกติของ Sony ดันสว่างกว่า แต่ของ LG กลับสว่างน้อยกว่า อันนี้เพราะมันอยู่ที่ผู้ผลิตจะเลือก ว่าจะทำแบบไหน maintain brightness หรือ mantain details in highlight ,ซึ่ง Sony เลือกความสว่าง LG เลือกรายละเอียด แบบกลางๆสุดคือของ Panasonic (เท่าที่เห็นเขาเทสนะ)
อีกอย่าง OLED เนื่องจากมันเป็น per pixel ทีนี้ตอนมันแสดงผล black หรือ near black นี่จะมีปัญหา เพด้วยมันเป็น per pixel หมายความว่า มันจะเห็นเป็น noise เขาเรียก posterization หรือไรนี่แหละ ซึ่งเท่าที่ตามเขาเทสคือ OLED ของ Sony เกลี่ยสีได้ดีสุด(แล้วยังมีออพชั่นให้เปิดเพิ่มอีก ดีขึ้นอีก) ยี่ห้ออื่นยังเป็นปัญหา
สุดท้าย Sony A1E จะออกเฟิร์มแวร์มารองรับ Dolby Vision ในอนาคต(Dolby พึ่งประกาศมาไม่นานว่าสามารถทำงานบน SW layer ได้แล้ว ยังไงก็ไม่รู้นะ) ส่วน LG มีอยู่แล้ว แต่ Panasonic อด แถม Sony เป็น Androis TV ด้วย ใครใช้ Android อยู่ก็ได้เข้าไปในวงจร Ecosystem ไปเต็มๆ

ใครสนใจเพิ่มเติมลองดูแชนแนล HDTV Test ใน YT ครับ อาจจะฟังยากหน่อยนะ สำเนียงเขาเหมือนคนเอเชีย เปิดซับเอาเด้อ

ความเห็นส่วนตัว
ผมเดาว่า OLED น่าจะอยู่อีกไม่นาน ก่อนโดน Quantum Dot(QD) กลืนกินไป QD สามารถเอามาใช้งานคล้าย OLED ได้นะ แต่ด้วยตัวมันเป็น inorganic มันจะทนกว่า อายุการใช้งานเยอะกว่า ผลิตเองได้ แต่ตอนนี้เราไม่ได้เอา QD มาใช้งานในลักษณะนั้น แต่แค่เอามาช่วยให้ LCD panel แสดงผลได้ดีขึ้นเฉยๆ ส่วนถ้าพอเอามาทำเป็น panel แบบ OLED แล้วคงต้องมาดูกันอีกที เรื่อง response time, brightness หรือไรพวกนั้น
พอละ เดี๋ยวโดนหาว่าดันทู้ ยังไงใครสงสัยอะไรผมจะช่วยตอบเท่าที่ผมรู้นะครับ pm มาก็ได้เด้อ

ข้อมูลมาเต็ม ขอบคุณครับ 555
ยังจะมีเทคใหม่ได้อีกเร้อ น่าสนใจจริงๆ

ความรู้ล้วนๆ ขอบคุณมากครับ