<p>
ชื่อภาษาญี่ปุ่น GRAVITY DAZE 2/重力的眩暈完結編:上層への帰還の果て、彼女の内宇宙に収斂した選択 (แปลออก = สปอยล์ครึ่งเกม) ...........เอิ่ม...ยาวจัง เรียกย่อ ๆ ว่า GR2 ละกัน </p>
<p>
 </p>
<p style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/79324/logo.jpg" style="width: 600px; height: 338px;" /></p>
<p style="text-align: center;">
 </p>
<p>
มือใหม่ขอบอกตรงนี้ก่อน ถ้าไม่เล่นภาคแรกมาเลยมีงงแน่นอน เพราะงั้น Remastered ลดแลกแจกแถมบ่อยมากราคาถูกเหมือนได้ฟรี (ส่วนภาค Vita ออริจินอลทำลืม ๆ ไปได้ก็ดี) ถ้าจะเล่นต้องเล่นเป็นแพ็คคู่ไปเลย 1 ก่อน 2 ซึ่งตรงนี้อาจจะดูเป็นภาระสำหรับหลาย ๆ คนที่อยากเล่นแต่ไม่ค่อยมีเวลา (เฉลี่ยภาคละ 15-20 ชั่วโมงถ้าเอาจบอย่างเดียว) หรือไม่เล่นไม่ได้จริง ๆ อ่านรีวิวอย่างเดียวก็พอ...</p>
<p>
สำหรับเกมนี้ถ้าให้จำกัดความภายในประโยคเดียวล่ะก็คง "ซุเปอร์ฮีโร่หญิงผู้มีพลังควบคุมแรงดึงดูด บินไปบินมาอย่างอิสระทั่วแมป ช่วยชาวบ้าน ช่วยเมือง เนื้อเรื่องหลักไขปริศนาค้นหาตัวเอง แล้วก็ทำตัวน่ารักนุ้งนิ้ง" ประมาณนี้มั้ง...ตัวเอกเกมนี้แฟน ๆ เยอะมาก~ (ประมาณ 2-3 คน) หลงอะไรเธอนักหนา?</p>
<p>
 </p>
<p style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/79324/C278OX8VQAE5PWR.jpg" style="width: 600px; height: 338px;" /></p>
<p style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/79324/C278q1PUUAAJ-F_.jpg" style="width: 600px; height: 338px;" /></p>
<p style="text-align: center;">
เสน่ห์นี้มาจากการนอนในเล้าเป็ดหรือท่ามกลางกองขยะ?</p>
<p>
 </p>
<p>
เอาล่ะเข้าเรื่อง ถ้าคนเล่นภาคแรกกระโดดมาจาก Vita เลยอาจจะไม่เท่าไร ไม่รู้สึกอะไรมาก แต่ถ้ามาจาก Remastered ของ PS4 นี่รับรองว่ามี hurt กระดองใจกันครับ คือแบบจากเล่นลื่น ๆ ควบคุมเคลื่อนไหวแม่นยำ 60fps เหลือ 30 เงี้ย ใครไม่เจ็บยกมือให้ดูหน่อย ไอ้รับได้มันก็รับได้อยู่หรอก ฮึ่ย...(กัดริมฝีปากล่างพูด)</p>
<p>
เอาเฟรมเรตไปแลกได้อะไรกลับมาบ้าง หนึ่งเลยก็คือสีสันมีมากขึ้น ภาคที่แล้วนี่จืดมาก ตัวอย่างเช่นเมืองโซนนี้สีน้ำตาล โซนนี้สีม่วง โซนนี้สีเขียวแล้วมันจะไปแนวโทนเดียวกันหมด ซึ่งก็เข้าใจว่าเกมมัน open world บินร่อนได้ทั่วถ้าทำมากไปเครื่อง Vita ระเบิดคามือ พอมาภาคสองพัฒนาแล้วให้สมกับที่ทำบนเครื่องเจนปัจจุบัน ตัวกราฟิกไม่เท่าไร สวย-โอเคร-แบบปกติ โมเดลตัวละครก็สวย-โอเคร-แบบปกติ ที่พัฒนากันแบบเอาจริงเอาจังคือเอฟเฟ็คต์ตูมตาม ศัตรูมาทีละ 10-20 ตัวเฟรมไม่ตก (บางมิชชั่นมาพร้อมมิสไซล์ หรือ npc มาทีละร้อยตัวนี่ตกนะ แต่อันนั้นมันแค่ 1% ของเกมเลยไม่อยากพูดถึง) อะไร ๆ ที่มันเต็มจอจัดหนักก็ใส่มาไม่ยั้งแบบภาคแรกอายม้วนต้วนไปเลย แล้วก็ระบบฟิสิกส์ที่ไม่ธรรมดา ตัวเอกมีพลังควบคุมแรงดึงดูด + ลอยได้ + ทำให้ของลอยได้แล้วยิงให้บินไปชนเป้าหมายได้ ฯลฯ เพราะฉะนั้นเวลาเล่นอยู่นี่มีของประกอบฉากหรือผู้คนปลิวว่อนเด้งไปเด้งมา ก็ต้องขอนับถือในทีมเทคนิคทีมโปรแกรมเลยครับ</p>
<p>
ทว่า ไม่ว่าจะด้วยข้อจำกัดทางด้านฮาร์ดแวร์หรือจากไหนก็ตาม GR2 ก็มีปัญหาทางด้านภาพแบบไม่น้อยอยู่เหมือนกัน อะไรที่เกี่ยวกับเกมเพลย์จะยกไปไว้ในส่วนย่อหน้าอื่น เอาแต่ที่เห็นได้ชัดก่อนคือเกมนี้มี draw distance ที่ต่ำมาก ยกตัวอย่างในภาพข้างล่าง</p>
<p>
 </p>
<p style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/79324/C27749lUcAQcovF.jpg" style="width: 600px; height: 338px;" /></p>
<p style="text-align: center;">
<u>อธิบาย:</u></p>
<p style="text-align: center;">
ส่วนเขียว ๆ ข้างล่างนั่นคือสวนสาธารณะที่มีต้นไม้หลายสิบต้น คนเดินไปมาหลายสิบคน ร้านค้า เก้าอี้ น้ำพุ ฯลฯ</p>
<p style="text-align: center;">
แต่ตัวเกมโหลดไม่ได้เลย นอกจากนี้ก็พวกเทกเจอร์กำแพง หลังคา พื้น ฯลฯ ที่จะไม่โหลดถ้าไม่เข้าใกล้เหมือนกัน</p>
<p style="text-align: center;">
บางเกมเลือกที่จะโหลดของคุณภาพจากต่ำมาก ปานกลาง สูงเมื่อค่อย ๆ เข้าใกล้ </p>
<p style="text-align: center;">
แต่ GR2 เลือกที่จะไม่โหลดแบบใดเลยขึ้นมา แล้วบางทีเข้าไปใกล้แล้วก็จะยังโหลดไม่ทันด้วย</p>
<p style="text-align: center;">
ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ต้องแลกเพื่อรักษาคุณภาพเฟรมเรตไว้ หรือแค่ปัญหาของทีมพัฒนาเกมเอง</p>
<p style="text-align: center;">
 </p>
<p>
ให้อธิบายง่าย ๆ ก็คือ รอบตัวละครเกินระยะประมาณ 5-10 เมตร เกมจะแทบไม่โหลดอะไรมาให้เห็นเลยครับ ยกเว้นอยู่สองอย่างคือศัตรูกับไอเท็มฟื้นพลังที่จะมองเห็นได้ไกลหน่อย ที่เหลือไม่มีเลย ไอเท็มต้องเข้าไปใกล้ บินอยู่ดี ๆ ชนรั้วกั้นที่โหลดมาไม่ทันจนกระทั่งอยู่ตรงหน้า ไอเท็มหรือหีบสมบัติที่หมุนหาไปเถอะ ถ้าไม่อยู่ข้าง ๆ ไม่เจอหรอก npc ชาวเมืองที่โหลดทีละคนสองคนโดยต้องเข้าไปใกล้ เรื่องนี้เรื่องใหญ่ก็จริง แต่ถ้าไม่คิดมากและทำความเข้าใจว่าเกมมัน open world ไปไหนมาไหนอิสระสุด ๆ แบบไม่ต้อง now loading เปลี่ยนฉาก ก็หยวน ๆ กันได้ เกมก็ไม่ได้อลังการงานสร้าง AAA ขนาดนั้น</p>
<p>
ส่วนปัญหาอื่น ๆ ที่เล็กน้อยกว่านั้นก็มีเรื่องมุมกล้องที่บางทีมั่วนิ่มสุด ๆ ในทางแคบ ๆ หรือตัวทะลุกำแพงคิดซอกเหยียบพื้นไม่ตรงทิศประมาณนี้ เล็ก ๆ น้อย ๆ</p>
<p>
อีกจุดที่อยากจะพูดถึงหน่อยก็คืองานศิลป์การออกแบบ "โลกต่างมิติ" ของ GR2 ส่วนตัวแล้วคิดว่าทำได้ด้อยกว่าภาคแรก อันนี้ในแง่ของความรู้สึกอย่างเดียว</p>
<p>
มองโลกในแง่ดี เรื่องแบบนี้พอรีมาสเตอร์ลง PS5 เขาคงแก้ไขเนอะ...แต่ต้องซื้ออีกรอบเนอะ... ;~;</p>
<p>
 </p>
<p style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/79324/C278sn1UoAEoe-U.jpg" style="width: 600px; height: 338px;" /></p>
<p style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/79324/C278Q2bUQAADetF.jpg" style="width: 600px; height: 338px;" /></p>
<p>
 </p>
<p>
ส่วนของเนื้อเรื่อง ก็อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าถ้าไม่เล่นภาคแรกนี่เหมือนกินข้าวไม่กินกับ ต้องเล่นต่อเนื่องกันครับไม่งั้นนี่นอกจากจะไม่รู้เรื่องแล้วก็จะไม่รู้ว่าใครเป็นใครด้วย เปรียบง่าย ๆ ภาคแรกคือภาคปริศนาส่วนภาคนี้คือภาคไขปริศนา ไม่มีการย้อนความ เริ่มมาถึงก็ต่อจากภาคที่แล้วเลย แล้ววิธีการเล่าเรื่องก็ชวนปวดหัวน่าดูชมอยู่ ไม่ใช่เพราะ deep หรือซับซ้อนหรืออะไรนะครับ เล่าง่ายตรงไปตรงมาแบบการ์ตูนเด็ก-วัยรุ่นเลย (เกมใช้วิธีเล่าเรื่องแบบการ์ตูนช่อง comic ด้วย) แต่ตัวละครแต่ละตัวไวมาก คิด-พูด-ทำแบบข่องต่อช่อง ฉากต่อฉาก ไม่มีการยืนรอเพลงขึ้นหรือบิ๊วอารมณ์ดราม่า เผลอกด O รัวนี่คือพลาดไปแล้วช่วงหนึ่งของชีวิต นี่เล่นตั้งแต่ต้นจนจบยังต้องใช้เวลาให้มันเข้าสมองคืนนึงเลยกว่าจะสรุปตบโต๊ะออกมาได้ทั้งหมด แต่จบสวยประทับใจนะ</p>
<p>
ในส่วนของตัวละคร เรื่องนี้ต่อให้ไม่สังเกตคงจะเห็นกันชัดเจนอยู่แล้วว่า women power มาก ตัวละครสำคัญที่เป็นตัวนำ 80% ผู้หญิงล้วน ๆ แต่เป้าหมายของทีมสร้างและกลุ่มเป้าหมายผู้เล่นน่าจะอยู่ตรงที่ "ชอบตัวละครผู้หญิงที่หลากหลาย" มากกว่าจะกดเพศชาย ซึ่งตัวละครชายหลายคนก็มีบทที่ดีและกึ่ง ๆ จะโรแมนติคเรียกน้ำตาลูกผู้ชายด้วย แต่ประเด็นอยู่ที่ strong and cute women แล้วก็ my waifus ครับ ซึ่งประเด็นนี้ตัวละครหญิงก็ไม่ได้เขียนขึ้นมาเพื่อเอาใจแบบฉบับของพวกหลงรูปลักษณ์ภายนอก ผู้หญิงแต่ละคนในที่นี้ไม่ว่าจะตัวดีหรือตัวร้ายก็มีลักษณะที่เราเข้าใจได้ง่าย ๆ มีอุปนิสัยและปมเด่นปมด้อยที่ไม่ห่างเหินไปจากคนเล่น ยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างตัวเอก Kat เองนี่ที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่นี่เพราะเป็นเด็กดีมากหรือเพราะหัวกลวงหลงคารมคนง่ายกันแน่...ก็ถือว่าเป็นแบบฉบับที่ดีของการเป็น super hero (เก็ตมั้ยครับว่าผู้สร้างเกมจงใจให้เราเล่นเป็น comic hero)</p>
<p>
เนื้อเรื่องโดยรวมค่อนข้างยาวครับ หลัก ๆ นี่ก็หลายชั่วโมงแล้ว นอกจากนี้พวก side story (คั่นระหว่างเนื้อเรื่องหลักแต่ละบท ทำหรือไม่ทำก็ได้) ก็ไม่ได้เขียนมาแบบเผา ๆ เต็มไปด้วยเหตุการณ์และตัวละครทั้งหลักทั้งเสริมมากมายให้ค้นหา GR2 ถือว่าสอบผ่านสำหรับผู้เล่นที่จะมาเล่นเพราะสนใจในเรื่องราวของเกม (100% ที่ 40 ชั่วโมง)</p>
<p>
 </p>
<p style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/79324/C278LkQUcAAUTvN.jpg" style="width: 600px; height: 338px;" /></p>
<p style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/79324/C2776fWUcAAd2zU.jpg" style="width: 600px; height: 338px;" /></p>
<p style="text-align: center;">
 </p>
<p>
ซาวน์แทร็คของเกมนี้ก็เป็นอีกอย่างที่อยากแนะนำ จำได้ว่าเคยรีวิวภาคแรกไปว่าประมาณ "ติดหูมากกกก" มาภาค 2 ก็เสริมเพิ่มไปเป็น "ติดหูมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก" ละกัน โดยเฉพาะ<a href="https://www.youtube.com/watch?v=MkpMoraqmqU">เพลงนี้</a> 5 วันแล้วยังไม่ยอมออกจากหัวเลย...</p>
<p>
ตัวเกมจะใช้ภาษาแปลก ๆ พูดแทนพากย์แบบเต็ม ๆ นะครับ ก็มาทีละพยางค์สองพยางค์ "อะเฮอะ" "อะฮะ" "ซี ๆ" "ฮานาก้า" "โซเดมาคอม" ฯลฯ อะไรก็ว่าไป จุดที่ชอบคือนั่งฟังว่านักพากย์ (คนญี่ปุ่นล้วน) แต่ละท่านคนไหนจะหลุดชื่อตัวเอก Kat ว่าเคตโตะ หรือ Raven ว่าเรวึนมั้ย พยายามกันมากมายเลยให้เสียงมันออกมาเป็น "แค้ต!" ฟังแล้วจั๊กจี้ดี</p>
<p>
 </p>
<p style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/79324/C2770aiVEAAwG3L.jpg" style="width: 600px; height: 600px;" /></p>
<p style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/79324/C2772N6VEAE0L6j.jpg" style="width: 600px; height: 338px;" /></p>
<p style="text-align: center;">
 </p>
<p>
ในส่วนของเกมเพลย์ พื้นฐานก็ไม่มีอะไรมากครับ บินเล่นไปไหนก็ได้ คุยกับ npc ทำเนื้อเรื่องหลัก เนื้อเรื่องเสริม หานู่นหานี่ ขุดเหมืองหาเงินมาอัพเกรดตัวละคร ทำ challenge mission เพื่อความภูมิใจส่วนตัว อันนี้คือเบสิคที่ทุกคนที่เล่นจะเข้าใจได้ง่ายโดยไม่ต้องอธิบายเพิ่มอะไร GR2 เป็นเกมที่มีระบบไม่ซับซ้อน ความหลากหลายไปกระจุกอยู่ตรงเดียวคือการควบคุมตัวละครและการต่อสู้ด้วยสไตล์ต่าง ๆ ที่มีลีลาเด็ดดวงหลากหลายให้เลือกใช้ในการต่อสู้หรือเดินทางไปไหนต่อไหน</p>
<p>
ส่วนที่อยากออกความเห็นก่อนเป็นอย่างแรกเลยคือส่วนที่ทำให้อยากปาจอยไปปักคาทีวีที่สุด คือ...ตั้งแต่สมัย Vita แล้วล่ะ Gravity Rush นี่ก็ถือว่าเป็นเกมที่คอนโทรลได้***มากเกมหนึ่ง อันนั้นเราเข้าใจว่าลงเครื่องพกพา ปุ่มมันไม่พอ แถมมีโมชั่นคอนโทรลบ้าบออะไรก็ไม่รู้อีก ซึ่งตรงนั้นพอรีมาสเตอร์แล้วก็ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น เล่นได้สบายขึ้นจนอยากกราบบริษัทที่รีมาสเตอร์มาให้เล่น..................ทีนี้ พอเวลาผ่านไป ชะวิ้ง! Gravity Rush 2 .......โอ พระเจ้ากล้วยทอด! มันกลับไปคอนโทรลบัดซบเกือบจะเหมือนสมัยตอนเล่น Vita เลย!!! เอาจริงนี่ก็เวอร์ไป GR2 ไม่ได้บัดซบถึงขนาดนั้น แต่ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าทีมรีมาสเตอร์ (Bluepoint Games) มันโปรแกรมส่วนของเกมเพลย์เก่งกว่าทีมสร้างตัวจริง (Project Siren) หรือไงฟระ...คือ ไม่รู้จะบ่นอันไหนก่อนดี มุมกล้องตอนบินที่หน่วงบ้างมึนบ้างโดยเฉพาะในช่วงเวลาคับขัน ตอนไรเดอร์คิกใส่ศัตรูแล้วเลยไปหน้าตาเฉย ตอนกดกราวิตี้สไลด์แล้วมุมกล้องสั่น ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ทั้งที่ปิดโมชั่นคอนโทรลแล้ว) โดดลงแพลตฟอร์มแล้วลื่นตก กระโดดจะเกาะแล้วไม่เกาะ กดโดดแล้วไม่ถูกจังหวะ สไตล์การต่อสู้แบบตัวเบา (Lunar Style) ตัวหนัก (Jupiter Style) ที่โคตรจะเล่นลำบาก ฯลฯ ให้บ่นนี่ทั้งวัน 100 บรรทัด พอก่อนดีกว่า สรุปคือ...แบบ <u>นี่คือคนรีวิวเล่น 100% ทั้งเนื้อเรื่องหลักเรื่องเสริมแล้วนะ Challenge ก็เหรียญทอง max หมดทุกด่าน 100% ยังไม่เข้าใจเลยว่าทนเล่นบางด่านไปได้ยังไง</u> แล้วคิดดู คนที่ไม่ได้กะจะเล่นละเอียดหรือเล่นไม่คล่อง หมุนไปหมุนมา กล้องสั่นหงึก ๆๆๆๆ มันต้องมีคลื่นไส้เลิกเล่น เผาแผ่นกันบ้างล่ะ...ใจไม่รักจริงไม่น่ารอด</p>
<p>
จุดที่ช่วยไว้ไม่ให้จอยปลิวหรืองอนเลิกรีวิวเลิกเล่นไปก่อนนี่คือนอกจากตัวเกมเพลย์จะมีความยืดหยุ่นและความหลากหลายแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของทีมสร้างแล้ว <strong>บอสไฟท์กับจุดไคลแมกซ์ของเกมทำได้ดีมาก</strong>จนต้องอ้าปากค้างเลยทีเดียวครับ คือไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมากตั้งแต่สมัย God of War II หรือ Bayonetta กับ MGR ซึ่งเป็นความรู้สึกว่า "เราได้ต่อสู้ในเหตุการณ์ที่สำคัญจริง ๆ แบบอลังการงานสร้าง" เนื้อเรื่องก็ส่งมาถึงตรงนี้แบบชวนอินมาก ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็นภาพลวงตามาจากที่เราเป็นแฟนเกมนี้แต่แรกอยู่แล้ว แต่ความรู้สึกประมาณว่าขาจรไม่เข้าใจเก็บเอาไว้ก็ไม่เสียหลาย</p>
<p>
ที่เหลือให้เก็บตกก็มีพวกความลับหรือของสะสมที่เราต้องไปถ่ายรูปมาเช่นภาพศิลปะของจิตรกรเอก วิวสำคัญของเมือง ชายหญิงหน้าตาดีของเมือง แล้วก็มีช่วยกันหาสมบัติแล้วแชร์สถานที่กันผ่านทางออนไลน์ กับแข่งกันทำเวลา challenge mission ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นโบนัสที่ไม่ทำก็ได้ แต่ถ้าทำก็ดีครับ</p>
<p>
 </p>
<p style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/79324/C278SjlUUAAVcbj.jpg" style="width: 600px; height: 338px;" /></p>
<p style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/79324/C278uC1UcAUOEwr.jpg" style="width: 600px; height: 338px;" /></p>
<p style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/79324/C278vuNUUAI-V1x.jpg" style="width: 600px; height: 338px;" /></p>
<p>
 </p>
<p>
+ โอเพ่นเวิร์ลบินเล่นสนุกดี</p>
<p>
+ ตัวเอกน่ารัก</p>
<p>
+ เนื้อเรื่อง โดยเฉพาะส่วนไคลแม็กซ์ทำได้ดีมาก ปิดฉากอวสานอย่างสวยงาม << ข้อนี้ช่วยไม่ให้คะแนนต่ำกว่า 8</p>
<p>
+ ซาวด์แทร็ค</p>
<p>
- คอนโทรล เล่นให้ตายก็ไม่ชิน คนที่เล่นไม่เป็นนี่สงสัยคือตายเลย แหวะ! (เสียงคายของเก่า)</p>
<p>
- ชอบภาคแรกมากกว่า ไม่รู้ทำไม</p>
<p>
 </p>
<p>
<u><strong>8.5 คะแนน</strong></u></p>
<p>
เกมเฉพาะกลุ่มตัวจริงเสียงจริง แต่ถ้าโดนแล้วก็รักเลย</p>
<p>
 </p>
<p>
 </p>
<p style="text-align: center;">
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/79324/C2e5SDaVQAAaTsn.jpg" style="width: 600px; height: 338px;" /></p>
<p style="text-align: center;">
ความจริงอันโหดร้าย</p>