Menu
Home
News
Space
N
Market
Forum
Feed
ทั้งหมด
ทั่วไป
เกม
อนิเม / มังงะ
ซื้อขาย
บทสรุป
แจ้งปัญหา
[--mobilemenu--]
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ขอลิ้งยืนยันใหม่
ลืมรหัส
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
[email protected]
หรือ
[email protected]
ทั้งหมด
>
เกม
Firis no Atelier เนื้อเรื่องตั้งแต่ตนจนจบ [Load โหด ย้ำ Load โหด]
#Atelier Firis
#JRPG
Tweet
Reply
Vote
#
Fri 25 Nov 2016 : 10:17AM
bank-Ultima
member
Overheat - System Down
Since 7/4/2006
(17267 post)
Character Story
หลังจากนี้เนื้อหาตัวละครแต่ละคนในกลุ่มจะส่งผลกับฉากจบในแต่ละแบบของฟิริส โดยจะทำการแบ่งแยกไว้ในส่วนของแต่ละคน โดยเนื้อเรื่องตัวละครบางคน จำเป็นต้องดำเนินเนื้อเรื่องของตัวละครอื่นก่อน ถึงจะดำเนินต่อไปได้
โดรเซล (ตัวละครในกลุ่ม)
76. นักแต่งบทละคร ที่มีนิสัยชอบหลงทางอยู่เป็นประจำ โดยไปพบกับฟิริสข้างในป่า ฟิริสจึงพาออกมา โดรเซลจึงให้ความช่วยเหลือฟิริสตอบแทน
77.โดยที่จริงแล้วเป็นลูกสาวของฟริท ตัวละครจากภาคก่อน จากภาคก่อนฟริทเล่าให้โซฟี่ฟังว่าเขาพลัดหลงกับลูกสาวขณะเดินทาง โดรเซลได้เรียนรู้ความสามารถด้านการใช้ดาบมาจากฟริท แต่เจ้าตัวกลับใช้ขวาน เพราะว่ามันดูมีพลัง ใหญ่ แล้วก็หนัก จะดาบหรือขวานก็เหมือนๆกันแหละ
78.โดรเซลเล่าให้ฟังว่าตอนที่เขาเดินทางอยู่กับพ่อ เธอเดินทางกับอีกคนนึงด้วย โดรเซลอยากจะเจอคนๆนั้นมาก จึงขอให้ฟิริสช่วยตามหาพ่อของเธอ โดยพ่อของโดรเซลจะผมสีเทา ถือดาบ 2 เล่ม ชอบตุ๊กตามาก เลยทำให้ฟิริสนึกถึงฟริท ที่สำคัญ คนๆนั้นก็แต่งตัวเหมือนกับพ่อของเธอด้วย
79.ฟิริสจึงพาโดรเซลไปหาฟริทที่เมืองไวสลาค ฟริทดีใจมากที่ได้เจอลูกสาว ส่วนโดรเซลดีใจมากที่ได้เจอกับคนๆนั้น คนๆนั้นก็คือตุ๊กตาฟริทคุง ต้นแบบมาจากฟริทนั่นเอง.... สรุปว่าคนๆนั้นก็คือตุ๊กตา
80.วันหนึ่งฟริทรีบมาหาฟิริสเนื่องจากตุ๊กตาฟริทคุงแขนขวาหัก โดรเซลพอได้ยินจึงโกรธฟริทมาก เนื่องจากฟริทเป็นข่างทำตุ๊กตา การที่ไม่ให้ความสำคัญกับตุ๊กตา ไม่ดูแลรักษาอย่างดี ขาดคุณสมบัติในการเป็นช่างทำตุ๊กตา โดรเซลก็วิ่งหนีออกไป ส่วนฟริทก็ขอฝากฟริทคุงไว้ให้กับฟิริส
81.โดรเซลเล่าให้ฟิริสฟังว่า เธอพบกับฟริทคุงตั้งแต่ยังเด็ก ฟริทคุงที่พ่อกับแม่เชิดหุ่นให้ดูสนุกมาก ฟริทคุงเลยเป็นเหมือนกับฮีโร่ของเธอ เนื่องจากโดรเซลและฟริท บ้าตุ๊กตามาก เวลาคุยเรื่องตุ๊กตาก็จะติดลม จนแม่ของเธอหนีออกจากบ้านไป ความฝันของโดรเซลตอนนี้ คือการเชิดหุ่นละครด้วยกัน 3 คน พ่อแม่ลูก
82.ฟิริสจึงซ่อมฟริทคุง แล้วให้โดรเซลไปขอคืนดีกับฟริท ด้วยการเชิญชวนมาเชิดหุ่นละครกัน 3 คน ฟริท โดรเซล และฟิริส โดยโดรเซลให้ฟิริสจะเป็นผู้อ่านบทบรรยายละคร (ไม่ถามความสมัครใจของฟิริสเลย)
83.โดรเซล ฟริท และฟิริส ได้ไปเชิดหุ่นละครที่หมู่บ้านเอลโทน่า เพราะฟิริสอยากให้พ่อกับแม่ดูด้วย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี โดยหลังการแสดง โดรเซลได้ชักชวนฟิริสให้เดินทางไปกับฟริทและเธอ เพื่อแสดงเชิดหุ่นละครให้คนในแต่ละพื้นที่ดู
Clear
แองกริฟ (ตัวละครในกลุ่ม)
84.ทหารรับจ้างชราแต่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ สำหรับเขา เงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยฟิริสได้ทำการว่าจ้างให้แองกริฟร่วมทางไปกับเธอ
85.แองกริฟเป็นเพื่อนกับฟริทมานาน เพราะในอดีต ฟริทก็เคยเป็นทหารรับจ้าง เพราะฉะนั้นแองกริฟจึงรู้จักกับโดรเซลตั้งแต่เธอยังเด็ก
86.ผู้คนต่างกล่าวขานว่าแองกริฟเป็นอมตะ และเคยเอาชนะมังกรด้วยมือเปล่า แต่เจ้าตัวได้ปฏิเสธ ไม่เคยไปตีกับมังกรโว้ย ผู้คนเรียกกันเอาเองว่า "แองกริฟผู้เป็นอมตะ" แต่เจ้าตัวก็ดันชอบชื่อนี้
87.แองกริฟเห็นฟิริสสอบผ่านการเป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการ จึงถามกับฟิริสว่าเคยไปโรงเรียนไหม เนื่องจากแองกริฟเป็นทหารรับจ้างตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเรียนหนังสือ ฟิริสกับเรียเน่จึงบอกว่า ไม่เคยไปเรียน แต่ได้พ่อแม่ช่วยสอนให้
88.แองกริฟก็รับงานมาจ้างผู้ว่าจ้างไปเรื่อยๆ เพื่อเก็ยสะสมเงิน โดยมีฟิริสคอยช่วยเหลือ จนกระทั่งแองกริฟรับงานปราบมังกรมา จึงพาฟิริสไปด้วย
89.หลังกำจัดเสร็จ ฟิริสดีใจที่เอาชนะมังกรได้จึงเข้าไปดูใกล้ๆ แต่มังกรยังไม่ตาย จึงเข้าทำร้ายฟิริส แต่แองกริฟเข้ามาบังแทน แองกริฟได้รับบาดแผลสาหัส แต่ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต แองกริฟจึงต่อว่าฟิริส ทีหลังระวังตัวด้วย เพราะถ้าผู้ว่าจ้างเขาเป็นอะไรไป มันจะทำให้ชื่อเสียงของทหารรับจ้างของเขาต้องพลอยด่างพร้อยไปด้วย
90.ในที่สุดแองกริฟก็สะสมเงินได้ครบเป้า แล้วได้บอกฟิริสกับเรียเน่ถึงความฝันของเขา ทำไมเขาถึงต้องเก็บสะสมเงิน เขาอยากจะสร้างโรงเรียนขึ้นมา เพื่อให้ความรู้กับเด็กๆ ให้โอกาสกับเด็กๆ ไม่อยากให้ทำงานเสี่ยงชีวิตแบบเขาตั้งแต่เด็ก
91.ฟิริสกับเรียเน่ประทับใจมาก แองกริฟเลยให้ฟิริสช่วยหาสถานที่ที่จะตั้งโรงเรียนของเขา อยากให้เป็นสถานที่ที่ผู้คนมากมายเข้าถึงได้ ไม่มีแบ่งชั้นบรรดาศักดิ์ ใครๆก็เรียนได้ ฟิริสจึงแนะนำไปที่ฟูลส์ไฮม์ โดยเธอจะไปปรึกษาไค พอไคทราบเรื่องก็รู้สึกยินดีอย่างมาก และจะให้ความช่วยเหลือแองกริฟต่อ
92.เป็นอันว่าแองกริฟสามารถตั้งโรงเรียนขึ้นมาในเมืองฟูลสไฮม์ได้สำเร็จ โดยแองกริฟได้ชักชวนให้ฟิริสมาเป็นครูสอนการแปรธาตุ
Clear
93.หลังจากนั้นที่บาร์เหล้าในเมืองฟูลสไฮม์ แองกริฟ ได้ชักชวนโลจี เรวี่ และไค มาดื่มเหล้ากับเขา โดยแองกริฟเป็นคนที่คอแข็งที่สุด โดยเขาชนะพนันกับอีก 3 คน ให้เลี้ยงเหล้าให้เขา
เรวี่ (ตัวละครในกลุ่ม)
94. นักดาบหนุ่ม พบกับฟิริสครั้งแรกใน Atelier ของเธอ เรวี่ขอให้ฟิริสช่วยซ่อมกุญแจของเขา หลังจากนั้นเรวี่ก็เดินทางไปกับฟิริส
95.เรวี่อยากจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด จึงออกเดินทางตามหาสมบัติโบราณ (สิ่งของจากยุคก่อน) โดยที่ตัวของเขาเต็มไปด้วยสมบัติโบราณ โดยสมบัติโบราณชิ้นแรกของเขา คือ กุญแจที่ได้รับมาจากปู่ที่เสียไปแล้ว
96.เรวี่มีความเชี่ยวชาญด้านงานบ้านงานเรือนเป็นอย่างมาก ตอนเด็กเคยได้รับการฝึกฝนมาก่อน จะให้ทำความสะอาดยังไง ทำอาหารแบบไหน บอกเรวี่ได้หมด
97.ฟิริสอยากทานอาหารฝีมือของเรวี่ เรวี่เลยชวนไปที่ฟูลส์ไฮม์เพื่อซื้อวัตถุดิบ พวกฟิริสได้พบกับเด็กขายขนมปังในร้านหนึ่ง ซึ่งพ่อของเขาป่วยอยู่ เรวี่จึงเข้าไปช่วยเหลือกิจการของเด็กคนนี้จนสินค้าขายดีหมดสต๊อค ฟิริสก็เสียใจที่ไม่ได้กินขนมปังสูตรเฉพาะของเรวี่
98.เรวี่ได้ให้สัญญากับฟิริสว่าจะทำอาหารให้ทาน ฟิริสจึงมาทวงสัญญา ทำให้เรวี่ต้องชวนฟิริสไปที่หมู่บ้านโดน่า เพื่อหาวัตถุดิบ
99.แต่ระหว่างทางเรวี่ได้ยินนักผจญภัยพูดถึง นักดาบโครงกระดูก ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของเรวี่ โดยปีศาจตนนี้มีสมบัติโบราณที่เขาใฝ่หาอยู่ ซึ่งเรวี่ได้ยินเรื่องราวนี้มาจากปู่ของเขา
100.นักดาบโครงกระดูกอยู่ในโบราณสถานใกล้ๆกันระหว่างหมู่บ้านโดน่ากับฟูลสไฮม์ (ซึ่งเป็นสถานที่ที่พบกับคัลโดะ ที่จะกล่าวถึงในภายหลัง) เรวี่และฟิริสไม่สามารถกำจัดมันได้ เพราะมันสามารถฟื้นคืนชีพได้ตลอด
101.เรวี่รู้สึกหมดหวัง เพราะสมบัติโบราณอยู่ข้างหน้าเขาแท้ๆ ฟิริสจึงชวนไปหาข้อมูลที่ศูนย์ให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลกับนักผจญภัย สาขาไวส์ลาค โดยมีอันเนรีสเป็นผู้ดูแล
102.ฟิริสและเรวี่ได้สอบถามข้อมูลนักดาบโครงกระดูกกับอันเนเรีส อันเนรีสได้นำบทความโบราณมาตีความให้ทั้งสองฟัง นักดาบโครงกระดูกมีตัวตนที่เป็นอมตะ ทำหน้าที่ปกป้องบางสิ่ง การจะเอาชนะ จำเป็นต้องมีกุญแจเงินเพื่อคลายพลังของนักดาบโครงกระดูก
103.กุญแจที่เรวี่มีคือกุญแจที่ว่า แต่เนื่องจากกุญของเรวี่เป็นสนิมมาตั้งแต่แรก ฟิริสจึงทำการแปรธาตุขึ้นมาใหม่ ให้เป็นกุญแจเงินตามเดิม
104. ฟิริสและเรวี่ จึงกลับไปหานักดาบโครงกระดูกอีกครั้ง ด้วยพลังของกุญแจสีเงิน ทำให้นักดาบโครงกระดูกสูญเสียพลัง ทำให้พวกฟิริสเอาชนะมาได้
105.แต่ทั้งสองกลับไม่พบสมบัติโบราณเลย มันอาจจะหายไปพร้อมกับนักดาบโครงกระดูกก็หรือไม่มีอยู่ตั้งแต่แรกเป็นแค่เรื่องเล่ามาตั้งแต่โบราณ เรวี่กลับไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลย แถมยังหัวเราะออกมาได้ ถึงไม่มีก็ไม่เป็นไร พลังจากสมบัติโบราณถ้ามันได้มาง่ายๆก็ไม่มีความหมายนะสิ เขาหาใหม่หลังจากนี้ก็ได้
106.ที่ Atelier เรวี่ได้ขอบคุณฟิริส เขาไม่สามารถเอาชนะนักดาบโครงกระดูกได้ถ้าไม่มีพลังการแปรธาตุของฟิริส โดยเรวี่ได้ชักชวนฟิริสให้ร่วมเดินทางไปกับเขา เพื่อหาสมบัติโบราณ เพื่อให้ได้รับพลังที่ไม่มีสิ่งใดมาต่อกรได้
Clear
ออสก้า (ตัวละครในกลุ่ม)(Part ต้น)
107.เพื่อนสมัยเด็กของโซฟี่ มีความสามารถในการสื่อสารกับพืชได้ตั้งแต่เด็ก จากการเดินทางมาที่พื้นที่นี้ทำให้ออสก้าผอมลงจากภาคก่อน ออสก้าบอกเขาเป็นคนที่อยู่ๆจะอ้วนก็อ้วนง่าย จะผอมก็ผอมง่ายมาก ทำให้เรียเน่โกรธออสก้า นี่มันศัตรูของผู้หญิงจริงๆ
108.ออสก้ามีเพื่อนที่เป็นดอกไม้ต้นหนึ่ง ที่สนิทมาตั้งแต่ภาคก่อนชื่อ เชลซี่ โดยออสก้าได้ขอให้ฟิริสช่วยทำยากำจักศัตรูพืชกับพาเขาไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อที่จะให้เชลซี่มีเพื่อนเพิ่ม หลังจากพาไปยังสถานที่ต่างๆเชลซี่ก็ได้เพื่อนเพิ่มขึ้นมากมาย โดย Event ของออสก้าจะมีต่ออีก หลังดำเนินเนื้อเรื่องของโซฟี่ไปถึงจุดหนึ่ง
คัลโดะ (ตัวละครในกลุ่ม)(Part ต้น)
109. นักโบราณคดี ทำหน้าที่บันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ กลัวผู้หญิงมาก เนื่องจากตอนเด็ก ถูกน้องสาวแกล้งบ่อยๆ จนกลายเป็นโรคกลัวผู้หญิง โดยแสดงอาการกลัวเรียเน่ตั้งแต่แรกเห็นจนฟิริสสงสัย
110.เขาไม่กลัวฟิริสและอิลเมเรีย จนทำให้อิลเมเรียโกรธ เพราะทำเหมือนกับเธอไม่มีเสน่ห์ของผู้หญิง
111.คัลโดะศึกษาประวัติศาสตร์อยู่ตลอดเวลา เช่น ให้ฟิริสพาไปสถานที่แห่งหนึ่ง ในอดีตเคยเป็นหมู่บ้าน แต่ได้ล่มสลายไปแล้ว
112.คัลโดะให้เหตุผลว่า เพื่อศึกษาเรื่องราวในอดีตและบันทึกเรื่องราวของปัจจุบันให้สืบทอดไปยังคนรุ่นใหม่ๆ นั่นคือหน้าที่ของนักประวัติศาสตร์ ซึ่งเขากำลังเสาะหาประวัติความเป็นมา "ของผู้บอกทาง" กลุ่มคนที่มีหน้าที่บอกเล่า บันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ ซึ่งก็คือบรรพบุรุษของเขานั่นเอง
113.คัลโดะกำลังเขียนเรื่องราวบันทึกใหม่อยู่ โดยเลือกที่จะไปศึกษาในหมู่บ้านเอลโทน่าของฟิริส จึงขอให้ฟิริสพาไป จนคัลโดะเขียนหนังสือประวัติของหมู่บ้านเอลโทน่าเสร็จ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับฟิริสอีกด้วย
114.หนังสือที่เขาเขียนจำเป็นต้องนำไปส่งเข้าคลังข้อมูลของศูนย์บริการให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลกับนักผจญภัย คัลโดะได้พบกับอันเนรีส เพื่อนเก่าของเขาที่ตอนนี้เป็นผู้ดูแลศูนย์บริการให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลกับนักผจญภัยสาขาไวสลาค โดยคัลโดะไม่มีท่าที่หวาดกลัวอันเนรีสเลย เนื้อเรื่องของคัลโดะจะดำเนินต่ออีกทีหลังจากดำเนินเนื้อเรื่องของเมเคล็ท-อะโทมิน่า กับโซฟี่ 3 คนก่อนครับ
อิลเมเรีย (ตัวละครในกลุ่ม)(Part ต้น)
115. เนื้อหาหลักของอิลเมเรียจะดำเนินคู่กับเนื้อหาส่วน Main Story หลังจากพบกับอิลเมเรียก็เดินทางไปกับฟิริสอีกครั้ง หลังจากผ่านการสอบการเป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการ อิลเมเรียได้เล่าให้ฟิริสฟังว่า ตระกูลของเธอ เป็นตระกูลนักแปรธาตุที่มีชื่อเสียง ทั้งพ่อและแม่ของเธอเป็นนักแปรธาตุชั้นแนวหน้า แต่พ่อแม่ของเธอ ไม่เคยยอมรับในตัวอิลเมเรีย เพราะฉะนั้นเธอจึงออกเดินทางเพื่อไปสอบเป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการ เพื่อให้พ่อแม่ของเธอยอมรับตัวตนของเธอ
116A.วันหนึ่งอิลเมเรียชวนฟิริสไปเดินซื้อของที่เมืองไลเซนเบิร์ก ฟิริสกับอิลเมเรียได้แวะไปดูร้านขายของของนันนา ทั้งคู่ได้พบกับตุ๊กตา 2 ตัว ต่างคนต่างชอบคนละแบบ ของอิลเมเรียจะเป็นลูกเจี๊ยบ ส่วนของฟิริสเอ่อ ตัวอะไรก็ไม่รู้
116B.ระหว่างทางกลับทั้งสองได้ยินผู้คนคุยกันเกี่ยวกับลูกสาวตระกูลไลน์เวเบอร์ว่า สอบไม่ได้ที่ 1 ในการสอบการเป็นนักแปรธาตุครั้งล่าสุด ทำให้ตระกูลเสียชื่อเสียง อิลเมเรียได้ยินจึงขอตัวกลับไปก่อน
117.ฟิริสได้พูดคุยกับอิลเมเรียให้กำลังใจอิลเมเรียว่าไม่เป็นไรนะ ถึงไม่ได้ที่ 1 แต่ก็ผ่านการสอบ เธอรู้ดีว่าอิลเมเรียตั้งใจมาก แต่อิลเมเรียโกรธ เธอไม่ได้ที่ 1 ก็ไม่มีความหมาย เพราะพ่อแม่ของเธอไม่สนใจ ไม่รับรู้ด้วยถึงเธอจะสอบผ่าน แล้วฟิริสเป็นใคร รู้อะไรบ้างไหมว่า กว่าเธอจะมาถึงจุดนี้ เธอต้องพยายามมาตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนกับฟิริสที่สอบผ่านเป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการ ด้วยการใช้เวลาเรียนเพียงแค่นิดเดียว จนอิลเมเรียทะเลาะกับฟิริส แล้วก็แยกทางออกไป
118.ฟิริสพยายามจะขอคืนดีก็ไปหาอิลเมเรีย แต่อิลเมเรียก็ไม่สนใจฟิริส ไม่พูดด้วย ฟิริสจึงหาทางคืนดีด้วยการไปซื้อตุ๊กตาที่ร้านของนันนา นันนาก็บอกว่าจะเอาไปให้เป็นของขวัญสินะ ฟิริสก็สงสัยว่าทำไมถึงรู้ได้ละ
119.จนวันหนึ่งอิลเมเรียกลับมาหาฟิริสและมอบตุ๊กตาที่ฟิริสชอบ ฟิริสก็มอบตุ๊กตาที่อิลเมเรียชอบ แล้วทั้งสองก็ขอโทษ คืนดีกันอีกครั้ง
120.ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของเธอ ไม่ใช่การทำให้พ่อแม่ของเธอยอมรับในตัวเธอ แต่เป็นนักแปรธาตุที่ดีคอยช่วยเหลือผู้คนต่างหาก
121.หลังจากนั้นอิลเมเรียก็คิดหาหนทางจะเป็นนักแปรธาตุที่ดี ก็ได้ข้อสรุปมาว่า คงต้องช่วยเหลืองานของผู้คนที่กำลังลำบาก ฟิริสเลยชวนไปที่ฟูลส์ไฮม์ ที่นั่นอิลเมเรียได้พบกับเด็กคนนึงที่ทำของเล่นพัง อิลเมเรียจึงช่วยซ่อมให้ พอได้ช่วยเหลือผู้คนแล้ว อิลเมเรียจึงรู้สึกดีใจมาก
122.อิลเมเรียได้ไปปรึกษากับเรน เนื่องจากเธอตัดสินใจแล้วว่า เธออยากจะเปิด Atelier เป็นของตัวเอง พ่อกับแม่ของเธอจะว่ายังไง เธอก็ไม่สนใจละ เรนจึงให้คำแนะนำว่า อยากเปิดก็เปิดสิ นักแปรธาตุ จะแปรธษตุที่ไหนก็ได้ ที่นั่นก็จะเป็น Atelier ขึ้นมาเอง แถมตอนนี้อิลเมเรียเป็นนักแปรธาตุเต็มตัวคนนึงแล้ว ทำให้อิลเมเรียมั่นใจในตัวเองมากขึ้น หลังจากที่ฟิริสและอิลเมเรียกลับไป ทำเอาเรนรู้สึกหวาดกลัวคู่แข่งทางการค้าคนใหม่ขึ้นมา
123.อิลเมเรีย ตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นนักแปรธาตุที่ดี เธอจึงเขียนจดหมายไปหาพ่อกับแม่ของเธอ เพื่อบอกว่าเธอจะเปิด Atelier ของตัวเองขึ้นมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เธอจะไม่เสียใจกับเส้นทางที่เธอเลือกเด็ดขาด จดหมายแบบนี้คงทำให้พ่อกับแม่ของเธอโกรธแน่ๆ โดย Event หลังจากนี้จำเป็นต้องดำเนิน Event ของเรียเน่ให้จบก่อน ถึงจะดำเนินต่อได้
โซฟี่กับพรัฟต้า (ตัวละครในกลุ่ม)(Part ต้น)
124.หลังจากที่โซฟี่กับพรัฟต้ามาร่วมเดินทางกับฟิริส ฟิริสได้ชักชวนโซฟี่ ให้มาทำการแปรธาตุกับเธอ โดยโซฟี่ชักชวนให้ไปเก็บวัตถุดิบกัน การแปรธาตุที่ดี ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ดีด้วย
125.ฟิริสไปยังสถานที่ที่โซฟี่บอก "สรวงสวรรค์ที่ยังคงอยู่" โดยทั้งสองได้ทำการแข่งเก็บวัตถุดิบ โดยฟิริสได้พูดเย้ยโซฟี่ว่า เธอสามารถได้ยินเสียงของแร่ ซึ่งเป็นพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งก่อนหน้านั้นฟิริสได้บอกให้โซฟี่รู้มาก่อนนานแล้ว แต่โซฟี่ก็เป็นผู้ชนะ เนื่องจากโซฟี่มีความสามารถในการฟังเสียงของวัตถุดิบต่างๆได้ เป็นความสามารถของนักแปรธาตุระดับสูง ซึ่งโซฟี่ได้ความสามารถนี้มาในภาคของเธอ
126. หลังจากนั้นทั้งสองจึงกลับมาแปรธาตุที่ Atelier โดยฟิริสก็สงสัยถึงความสามารถในการฟังเสียงของวัตถุดิบของโซฟี่ จึงไปถามกับโซฟี่ โซฟี่กับพรัฟต้าจึงช่วยกันอธิบายว่า มันเป็นความสามารถหรือพรสวรรค์อย่างหนึ่ง โดยนักแปรธาตุจะฟังเสียงความต้องการของวัตถุดิบได้ ซึ่งอีกไม่นานฟิริสก็จะฟังได้เช่นกัน
127.โซฟี่ได้เล่าถึงความฝันของเธอ 2 อย่าง อย่างแรกคือการทำให้พรัฟต้ากลับมาเป็นมนุษย์ ส่วนอีกข้อยังไม่ทันได้เล่า พรัฟต้าก็เข้ามาหา
128A.หลายวันต่อมา โซฟี่รับงานช่วยเหลือผู้คนมากไป จนงานล้นมือ สุดท้ายก็โดนพรัฟต้าต่อว่า ถึงแม้ว่าจะอยากช่วยผู้คนมากมายก็ตาม แต่ก็ควรมีจำกัดบ้าง จนฟิริสต้องมาช่วยงานโซฟี่
128B.หลังจากที่ฟิริสช่วยเหลืองานของโซฟี่ ฟิริสก็ชื่นชมโซฟี่ที่ยอมรับงานจำนวนมากเพื่อช่วยเหลือคน โซฟี่เลยเล่าให้ฟังถึงความฝันของเธออีกข้อ นั่นก็คือการทำให้ทุกคนมีความสุขด้วยการแปรธาตุของเธอ
128C.วันหนึ่ง โซฟี่มีเรื่องกลุ่มใจ เธอต้องการสร้างสิ่งของอย่างหนึ่ง ดูภายนอกก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ รูปร่างคล้ายคริสตัลสีแดง ที่เปร่งประดายได้เอง เป็นสิ่งของที่มีความวิเศษระดับตำนานเลยก็ว่าได้ ซึ่งเธอคิดวิธีสร้างขึ้นมาไมได้ ฟิริสจึงอาสาจะช่วยคิด การจะดำเนินเนื้อเรื่องส่วนนี้ต่อ ต้องผ่านเนื้อเรื่องของเมเคล็ทกับอะโทมิน่าก่อน
เมเคล็ทกับอะโทมิน่า (ตัวละครนอกกลุ่ม)
129. เป็นตัวละครที่ควรจะรู้เนื้อหามาก่อน จากภาคของโซฟี่ โดยฟิริสจะพบกับทั้งสอง ครั้งแรกที่ระหว่างทางไปเมืองไวสลาค
130.หลังจากการสอบการเป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการของฟิริส เมเคล็ทกับอะโทมิน่าจึงขอความช่วยเหลือจากฟิริส โดยให้ทำการแปรธาตุทำยาบางอย่างให้กับเขา จัดหาวัตถุดิบมาให้พวกเขา เป้าหมายของสองคนนี้คือตามหาบางสิ่ง แต่สิ่งสำคัญในตอนนี้ เขาต้องหานักแปรธาตุที่มีความสามารถก่อน
131.เมเคล็ทกับอะโทมิน่าจึงตอบแทนฟิริสโดยการบอกถึงสถานที่แห่งหนึ่งในสันเขาที่เอื้อมถึงดวงจันทร์ ซึ่งสถานที่แห่งนี้จะมองเห็นเกาะลอยฟ้าอยู่ อาจจะมีสมบัติบางอย่างที่โซฟี่ต้องการ แต่เนื่องจากเกาะลอยฟ้าอยู่ ทำให้ฟิริสไม่สามารถเดินทางขึ้นไปได้
132.ฟิริสจึงไปสอบถามข้อมูลกับคนอื่นๆ ประกอบกับสิ่งที่เรวี่เห็นในโบราณสถานลาบิริน (ที่ๆพบกับคัลโดะครั้งแรกและสถานที่ที่เรวี่สู้กับนักดาบโครงกระดูก) ซึ่งภายในโบราณสถานจะมีรูปภาพหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นว่าในอดีต มีเรือที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าได้
133.ฟิริสจึงไปปรึกษากับไคและโลจีที่ฟูลสไฮม์ ซึ่งทั้งสองจะคอยช่วยฟิริสสร้างเรือที่ลอยบนท้องฟ้าได้
134.เมื่อฟิริสจัดเตรียมวัตถุดิบในการต่อเติมเรือเสร็จ พวกไคกับโลจีก็ลงมือประกอบเรือจนเสร็จ
135.เมื่อประกอบเรือเสร็จ เมเคล็ทกับอะโทมิน่าก็มาหาฟิริส เพื่อขอให้พาพวกเขาไปยังเกาะลอยฟ้า โดยพวกเขาได้ถามฟิริสว่ายังจำได้ไหม พวกเขากำลังหานักแปรธาตุที่มีความสามารถ เพื่อที่จะพาพวกเขาไปยังเกาะลอยฟ้าแห่งนั้น เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขา คือ ค้นหาบางสิ่งที่อยู่ในเกาะลอยฟ้า ที่ผ่านมาจะเรียกว่าหลอกใช้ก็อาจจะใช่ พอฟิริสฟังก็ไม่ได้ถือสาอะไร เธอยินดีที่จะพาทั้งสองขึ้นไปด้วย
136A.การไปเกาะลอยฟ้าแห่งนี้ ควรนำโซฟี่และพรัฟต้าเข้ามาในกลุ่มด้วย (ไม่ Confirm ว่าบังคับไหม) เนื่องจากจะมี Event ที่เมเคล็ทชักชวนให้ฟิริสมาเรียนรู้การแปรธาตุแห่งการทำลายล้าง แต่เจ้าตัวไม่ได้พูดชื่อการแปรธาตุนี้ แต่ชักชวนให้ฟิริสเรียนรู้พลังที่จะทำให้แปรธาตุได้ทุกสิ่ง
136B.พรัฟต้าพอได้ยิน ก็เลยจะเข้าไปต่อว่า แต่โซฟี่ก็ไมได้ห้ามพรัฟต้าเช่นกัน โดยให้ดูท่าทีของฟิริส โดยฟิริสปฏิเสธ เนื่องจากถ้าแปรธาตุออกมาได้ทุกอย่าง มันก็ง่ายเกิน หมดสนุกพอดี ซึ่งโซฟี่เชื่อใจฟิริสว่าเธอจะตอบแบบนี้ แถมเมเคล็ทกับอะโทมิน่าดูแล้วจะพูดแกล้งฟิริส หยอกๆมากกว่า เพราะดูแล้วทั้งสองท่าทางจะถูกอกถูกใจฟิริสอย่างมาก
137.ที่ด้านในของเกาะลอยฟ้า จะพบกับซากเรือที่แตกอยู่ เมเคล็ทกับอะโทมิน่าจะเข้าไปสำรวจซากเรือ แต่ก็พบกับปีศาจ "เทพแฝดเอมเอล" ซึ่งทั้งสองบอกนี่เป็นผลกรรมจากการกระทำของพวกเขา แล้วทั้งสองจึงขอให้ฟิริสช่วยต่อสู้กับปีศาจตนนี้
138.หลังกำจัดปีศาจได้ เมเคล็ทกับอะโทมิน่าได้เล่าให้ฟิริสฟังว่าพวกเขาในตอนนี้เป็นมนุษย์เทียม มีชีวิตมานานกว่า 500 ปีแล้ว (จากเหตุการณ์ในภาคโซฟี่) ส่วนสาเหตุที่ทำไมทั้งสองถึงมาที่เกาะแห่งนี้ เพราะ มาตามหาร่องรอยของเพื่อนคนหนึ่ง คนที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกศิษย์ของลูอาด (เมเคล็ทกับอะโทมิน่า ร่างต้นเมื่อ 500 ปีก่อน) เป็นนักแปรธาตุที่ชื่นชอบการผจญภัยมาก หลังจากที่เขาขึ้นเรือ ก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรอีกเลย รู้แต่จะมาที่เกาะแห่งนี้เท่านั้น เมเคล็ทกับอะโทมิน่าจึงขอให้พวกฟิริสกลับไปก่อน พวกเขาเตรียมวิธีกลับไว้แล้ว มีบางสิ่งที่เขาต้องสำรวจต่อ
139.เวลาผ่านไปเมเคล็ทกับอะโทมิน่าก็มาหาฟิริสที่ Atelier โดยทั้งสองได้พบกับบันทึกของเพื่อนพวกเขา เป็นคนที่ชื่นชอบการเขียนอย่างมาก เช่นเขียนเรื่องราวของคนสองคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ (หมายถึงช่วงเวลา 500 ปีก่อน ที่พรัฟต้ากับลูอาด ทะเลาะ แล้วต่อสู้กัน) ก่อนกลับทั้งสองบอกฟิริสว่า เพื่อนคือสิ่งสำคัญ รักษามิตรภาพไว้ให้ดีด้วย
140หลายวันต่อมาเมเคล็ทกับอะโทมิน่าก็กลับมาที่ Atelier ของฟิริส ได้พูดคุยกับโซฟี่และพรัฟต้า และมอบบันทึกให้กับฟิริส พรัฟต้าก็เล่าให้ฟังถึงเจ้าของบันทึกนี้ว่าเป็นเพื่อนและลูกศิษย์ที่ดีคนนึงของเธอ โดยบันทึกเล่มนี้ มีตำราการสร้างหินนักปราชญ์อยู่ (ทำให้ดำเนินเนื้อเรื่องของโซฟี่ต่อได้) และบันทึกเล่มนี้ คือ บันทึกของผู้บอกทาง ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องของคัลโดะ จะกล่าวถึงในเนื้อเรื่องของคัลโดะอีกที
141.ฟิริสจึงไปขอบคุณเมเคล็ทกับอะโทมิน่าที่ให้บันทึกกับเธอ เมเคล็ทกับอะโทมิน่าก็ถามฟิริสว่าได้มองไว้หรือยังอนาคตข้างหน้าของฟิริส ฟิริสก็ยังไม่เข้าใจถึงจุดมุ่งหมายของตัวเอง ทั้งสองเลยบอกฟิริสว่า ก่อนหน้านั้นฟิริสบอกว่าเธออยากจะเรียนรู้การแปรธาตุมากขึ้น เพื่อที่จะได้มีฝีมือที่ดีขึ้น สิ่งนี้แหละคืออนาคตข้างหน้าของฟิริส คิดเอาซะว่านี่เป็นคำแนะนำจากพวกเขา
Clear
142.หลังจากนั้นพอไปหาเมเคล็ทกับอะโทมิน่า จะพบโซฟี่กับพรัฟต้ากำลังตรวจดูหม้อแปรธาตุที่โซฟี่เคยทำให้กับทั้งสอง ในเนื้อเรื่องของโซฟี่ DLC ทำให้ฟิริสเพิ่งจะตระหนักได้ว่ารอบตัวเธอ มีแต่คนเก่งๆทั้งนั้น
คัลโดะ (ตัวละครในกลุ่ม)(Part หลัง)
143.ก่อนที่จะได้หนังสือของผู้บอกทาง จะมี Event ของคัลโดะว่าเค้าพบต้นกำเนิดบรรพบุรุษของเขา ที่เป็นผู้บอกทางแล้วส่วนหนึ่ง หน้าที่ของเขาคือการบันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ แต่พวกเขากลับไม่เข้าใจถึงภาระที่ต้องบันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ ทำไมพวกเขาถึงต้องทำด้วยละ
144.วันเวลาผ่านไป คัลโดะพบร่องรอยเพียงแค่อย่างเดียว คือ บรรพบุรุษของเขาเหมือนจะชื่อ "อัลโตะ" แต่ไม่มีบันทึกอะไรเกี่ยวกับบรรพบุรษของเขาเลยซักนิด
145.หลังจากได้รับบันทึกของผู้บอกทาง จะมี Event ระหว่างคัลโดะกับพรัฟต้า โดยพรัฟต้าไปเรียกชื่อคัลโดะว่า อัลโตะ เพราะคนรู้จักคนนึงของพรัฟต้าไปหน้าคล้ายกับคัลโดะ ซึ่งอัลโตะคือเจ้าของบันทึกผู้บอกทาง ที่เคยติดตามพรัฟต้ากับลูอาดนั่นเอง คัลโดะจึงขอยืมบันทึกของผู้บอกทางจากฟิริส เพื่อนำมาอ่านหาข้อมูล
146.ในที่สุดคัลโดะก็เข้าใจถึงต้นกำเนิดบรรพบุรุษของเขา ที่เป็นผู้บอกทาง ทำการบันทึกเรื่องราวต่างๆของประวัติศาสตร์ แท้ที่จริงแล้วผู้บันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ เริ่มมาจากบรรพบุรุษของเขา อัลโตะ ติดตามเฝ้าดู บันทึกเรื่องราวต่างๆของอาจารย์ที่เป็นนักแปรธาตุทั้งสองคน นั่นก็คือ พรัฟต้าและลูอาด การบันทึก ไม่ใช่หน้าที่หรืออะไรที่สำคัญ แต่เป็นเพียงแค่งานอดิเรกเพื่อความสนุกของเขาเท่านั้น จากสิ่งที่ทำมาเลยเกิดเป็นการบันทึกเรื่องราวต่างๆของประวัติศาสตร์ขึ้นมา เพื่อบอกต่อให้กับคนรุ่นหลัง
147.หลังจากที่คัลโดะรู้ถึงประวัติความเป็นมาของบรรพบุรุษของเขา เขาก็ยังคงทำหน้าที่เป็นคนบันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่อไป เพราะ ประวัติศาสตร์คือการสะสมความรุ่งเรืองในแต่ละวัน เขาจึงชักชวนให้ฟิริสออกเดินทางไปเสาะหาเรื่องราวต่างๆของประวัติศาสตร์กับเขา
Clear
เรียเน่ (ตัวละครในกลุ่ม) (Part หลัง)
148.จากเนื้อเรื่องหลักก่อนสอบการเป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการ เรียเน่มีบางสิ่งจะบอกกับฟิริสหลังเธอสอบผ่าน จนเวลาผ่านไปนาน ฟิริสจึงมาทวงสัญญาของเรียเน่ แต่เรียเน่ปฏิเสธ เธอคิดอีกทีไม่อยากเล่าให้ฟัง จนหลังๆเรียเน่ก็ค่อยๆเล่ามาว่า เธอกำลังหาสถานที่แห่งหนึ่งอยู่ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน (Event นี้จะเริ่มเมื่อได้โซฟี่และพรัฟต้ากลับเข้ากลุ่มและเคยเห็น Event หนึ่งของนอลเบลท์ซึ่งจะกล่าวในภายหลัง)
149.จนกระทั่งเรียเน่จะขอแยกทางกับฟิริส ไปตามหาสถานที่ที่เธอกำลังจะหา ฟิริสจึงเสนอตัวช่วยเรียเน่ตามหา แต่เรียเน่ไม่ต้องการ เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับฟิริส สองพี่น้องจึงทะเลาะกัน
150.เรียเน่เข้ามาขอโทษฟิริสแล้วชวนกลับไปที่จุดชมวิวในหมู่บ้านเอลโทน่า เธอจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังที่นั่น ความจริงแล้วเรียเน่กับฟิริส ไม่ใช่พี่น้องกันทางสายเลือด แม่ของเรียเน่เป็นคนพาเรียเน่มาที่เอลโทน่า จนกระทั่งแม่ของเธอเสียชีวิตไป เรียเน่ตอนเด็กที่กำลังร้องไห้ ก็ได้ฟิริสเข้ามาพูดคุยจะอยู่เพื่อนเรียเน่เอง
151.ลูคัสกับนิโคล่า พ่อกับแม่ของฟิริสก็ได้รับเลี้ยงเรียเน่เป็นเหมือนลูกแท้ๆของทั้งสอง เรียเน่อยากรู้ถึงบ้านเกิดที่แท้จริงของเธอ เธอจึงอยากออกตามหา ฟิริสจึงชวนให้ไปพูดคุยกับพ่อแม่ตรงๆ
152.ลูคัสกับนิโคล่าจึงเล่าให้ฟังว่า แม่ของเรียเน่พาเรียเน่หนีตายมาจากทางตะวันออก โดยไม่ได้บอกสาเหตุและสถานที่ที่จากมา โดยต่างหูของเรียเน่เป็นของแม่ของเรียเน่จริงๆ โดยลูคัสได้เสนอความคิดเห็นว่า หินที่ใช้ทำต่างหูนี้ ถ้าไปสืบค้นถึงชนิดของหิน อาจจะทราบที่มาของสถานที่บ้านเกิดของเรียเน่ก็ได้
153.ฟิริสจึงไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับหินและแร่ต่างๆ ซึ่งคนๆนั้นก็คือ โลจีนั่นเอง โลจีให้ความเห็นว่าหินชนิดนี้อยู่ทางตะวันออก โดยจะพบเห็นได้ในทุ่งหญ้ารกร้าง ซึ่งน่าจะหมายถึงเวสเพลน สถานที่ที่ตั้งของหมู่บ้านกลาโอทาล (ชื่อเวส ตัวเกมบอกอยู่ทางตะวันออก หรือเวสเพลน เป็นแค่ชื่อ ไม่ได้สื่อถึงทิศ)
154.ฟิริสจึงไปหานอลเบลท์ที่หมู่บ้านกลาโอทาล เพื่อให้นอลเบลท์ช่วยดูต่างหูของเรียเน่ เมื่อนอลเบลท์เห็นต่างหูก็ตกใจมาก นอลเบลท์เลยทราบว่าที่จริงแล้วเรียเน่เป็นคนจากหมู่บ้านเดียวกันกับเขา เรียเน่อยากจะเห็นบ้านเกิดของเธอ นอลเบลท์จึงยอมเขียนแผนที่ให้
155.ฟิริสกับเรียเน่จึงเดินทางไปที่สรวงสวรรค์ที่ยังคงอยู่ ที่นั่นเรียเน่ได้พบกับซากปรักหักพังที่บ้านเกิดของเธอ ทำให้เรียเน่ร้องไห้ออกมา โดยมีฟิริสร้องไห้เป็นเพื่อนอยู่ด้วย
156.ฟิริสจึงกลับไปหานอลเบลท์ แค่เห็นสีหน้านอลเบลท์ก็พอจะรู้เรื่องแล้ว นอลเบลท์เลยให้กำลังใจเรียเน่ ถึงเธอจะสูญเสียบ้านเกิดไป แต่เธอก็ยังมีน้องสาวที่น่ารักกับบ้านเกิดอยู่อีกแห่งหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเสียใจหรอกนะ ฟิริสจึงพาเรียเน่กลับไปยังหมู่บ้านเอลโทน่าของพวกเธอ
157.ลูคัสกับนิโคล่าก็ต้อนรับการกลับมาของเรียเน่ เพราะไม่ว่ายังไงเรียเน่ก็เป็นลูกสาวคนสำคัญคนหนึ่งของพวกเขา
158.ฟิริสได้ถามกับเรียเน่ว่า พอใจแล้วหรือเปล่าที่ได้เห็นบ้านเกิดของตัวเอง เรียเน่จึงพูดความจริงว่าในตอนแรกเธอแค่ต้องการจะรู้ถึงบ้านเกิดของตัวเอง แต่ตอนนี้เธออยากจะรู้สาเหตุที่บ้านเกิดของเธอล่มสลายลง
159.ฟิริสและเรียเน่จึงกลับไปหานอลเบลท์อีกครั้ง เพื่อสอบถามถึงสาเหตุที่บ้านเกิดของเรียเน่ล่มสลายลง สาเหตุเกิดจากเมื่อ 10 ปีก่อนถูกมังกรผู้ปกครองท้องฟ้า "โลกิอุส" ทำลายหมู่บ้าน เผาทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งมังกรตัวนี้อาศัยอยู่ทางตะวันตกของหมู่บ้านกลาโอทาล
160.เรียเน่จึงตัดสินใจจะไปกำจัดมังกรตัวนี้ เพื่อไม่ให้โศกนาฏกรรมเกิดซ้ำสองเหมือนกับบ้านเกิดของเธอ เรียเน่จึงชวนฟิริสไปกำจัดมังกรกับเธอ
161.ที่ตะวันตกของเวสเพลน พายุทรายได้พัดอย่างรุนแรงอยู่ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปด้านในของหุบเขา ที่เป็นบริเวณรังมังกรได้ โดยนอลเบลท์ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือกับพวกฟิริส
162.พายุทรายนี่ ไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมา ถ้าหากทำลายอุปกรณ์ควบคุมได้ พายุทรายก็จะสงบลง ที่นอลเบลท์รู้รายละเอียดเรื่องนี้ เป็นเพราะว่าเขาสร้างพายุทรายขึ้นมา เพื่อกักขังมังกรตัวนี้ไม่ให้ออกมาอาละวาด แต่ก็ไม่รู้ว่าอุปกรณ์นี้มันจะทนได้อีกนานแค่ไหน
163.พวกฟิริสจึงไปทำลายอุปกรณ์ที่ควบคุมพายุทรายทั้งหมด 3 จุด จนกระทั่งได้พบกับผู้ปกครองท้องฟ้า มังกรโลกิอุส
164.ในที่สุดเรียเน่ก็กำจัดผู้ปกครองท้องฟ้าได้สำเร็จ เพราะความช่วยเหลือของฟิริส ผู้คนในพื้นที่นี้ก็ปลอดภัยจากการรุกรานได้สำเร็จ แถมยังเป็นการปลดปล่อยดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตทั้งหลายให้เป็นอิสระ
165.ฟิริสกับเรียเน่ จึงกลับมาหานอลเบลท์เพื่อรายงานว่ามังกรถูกกำจัดแล้ว นอลเบลท์จึงกล่าวคำขอบคุณในฐานะเป็นตัวแทนของหมู่บ้าน ซึ่งเขาได้ชักชวนเรียเน่ให้มาอยู่ที่หมู่บ้านกลาโอทาลด้วย เพราะผู้คนที่ยังมีชีวิตรอดออกมา ได้มาตั้งรกรากขึ้นที่หมู่บ้านกลาโอทาลแห่งนี้ แต่เรียเน่ปฏิเสธ เพราะเธอยังมีบ้านเกิดอีกแห่งหนึ่ง หมู่บ้านเอลโทน่านั่นเอง
166.หลังจากร่ำลากัน นอลเบลท์ได้คิดถึง "อาเรีย" ภรรยาของตัวเองที่เสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากเขาไม่สามารถกำจัดผู้ปกครองท้องฟ้าได้ แต่ในที่สุดลูกสาวของพวกเขา โตขึ้นมาสวยสง่างามเหมือนกับเธอ ก็กำจัดมังกรได้สำเร็จ สรุปก็คือนอลเบลท์ คือพ่อที่แท้จริงของเรียเน่นั่นเอง แต่น่าจะพลัดหลงขณะหลบหนี โดยในท้ายที่สุดเรียเน่ก็ไม่ทราบความจริงเรื่องนี้ (ส่วน Event ในตอนต้น ของเนื้อหาเรียเน่ จะเป็น Event ของนอลเบลท์ที่โดดงาน แล้วโดนลุงที่รู้จักต่อว่า ลุงคนนั้นเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่นอลเบลท์สอบผ่านการเป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการ ก็มีแฟนคนสวยมาด้วย แต่ปัจจุบันแฟนกับลูกของนอลเบลท์ก็ไม่อยู่แล้ว)
167.ในที่สุดเรียเน่ก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิมอีกครั้ง โดยเธอได้เฝ้ามองฟิริส เหมือนกับที่พรัฟต้าเฝ้ามองโซฟี่อยู่ในฐานะผู้ดูแล
168.เรียเน่มีความคิดที่จะจัดปิคนิคกับครอบครัว จึงไหว้วานให้ฟิริสช่วยจัดเตรียมขนมเอาไว้ เมือ่กลับมายังหมู่บ้านเอลโทน่าจึงชักชวนพ่อกับแม่มาปิคนิคกันที่จุดชมวิวในหมู่บ้านเอลโทน่า ถึงฟิริสกับเรียเน่จะไม่ได้เป็นพี่น้องกันทางสายเลือด แต่สายสัมพันธ์ที่ทั้งสองมี เป็นสายสัมพันธ์ของพี่น้องจริงๆ
169.วันเวลาผ่านไปเรียเน่ก็บรรลุความต้องการของตัวเองแล้วในเรื่องบ้านเกิดของเธอ จึงจะขอเดินทางไปกับฟิริสตลอดไป ฟิริสก็รู้สึกยินดี เพราะเธอก็อยากอยู่กับเรียเน่ พี่สาวที่เธอรักที่สุด
Clear
170.เมื่อกลับไปที่หมู่บ้านกลาโอทาล จะพบกับนอลเบลท์อยู่กลางเมือง เขากำลังสวดภาวนาให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ของผู้ปกครองท้องฟ้า โดยมีเรียเน่เข้าร่วมภาวนาด้วย โดยสิ่งก่อสร้างกลางเมือง เปรียบเสมือนหลุมศพของผู้เสียชีวิตนั่นเอง
อิลเมเรีย (ตัวละครในกลุ่ม)(Part หลัง)
171.หลังจากที่เครียร์ปัญหาของเรียเน่จบ เรียเน่ได้นำจดหมายฉบับหนึ่งมาส่งให้กับอิลเมเรีย
172.เป็นจดหมายจากพ่อของอิลเมเรีย ที่จริงแล้วพ่อแม่ของอิลเมเรีย ก็เป็นห่วงเป็นใยเธอ อยากจะมาดู Atelier ของเธอ และจะคอยสนับสนุนอิลเมเรียหลังจากนี้ เพราะนี่เป็นหนทางที่อิลเมเรียเลือก ถึงเวลาที่เธอเติบโต เป็นนักแปรธาตุที่ดี ที่ผ่านมาอิลเมเรียคิดมากไปเอง จนเข้าใจผิดมาโดยตลอด เพราะการที่อิลเมเรียเอาแต่คิดจะเป็นอัจฉริยะ จะเป็นที่หนึ่ง มันเป็นการปิดกั้นตัวเอง ทำให้ตัวเองมองไม่เห็นความสามารถของตัวเอง
173.หลังจากไขข้อข้องใจกับพ่อแม่ อิลเมเรียจะได้ทำตามสิ่งที่เธออยากจะทำ นั่นคือการเปิด Atelier ของตัวเอง แต่ความฝันของเธอจะเป็นจริงมากกว่านี้ได้ ถ้าหากฟิริสจะมาเปิด Atelier ร่วมกันกับเธอ เพราะฟิริสคือเพื่อนคนสำคัญที่สุดของอิลเมเรีย
Clear
โซฟี่กับพรัฟต้า (ตัวละครในกลุ่ม)(Part หลัง)
174.หลังจากที่ได้บันทึกของผู้บอกทาง จะได้ตำราในการสร้างหินนักปราชญ์ ซึ่งหินนักปราชญ์เป็นวัตถุดิบอย่างหนึ่งในการสร้าง "คริสตัลบริสุทธ์สีแดงที่เปร่งประกายได้"
175.หลังจากที่ฟิริสสร้างขึ้นมาได้ โซฟี่ก็ขอบคุณฟิริส ไม่จำเป็นต้องทำขึ้นมาเองก็ได้ แค่บอกแนวทางมาให้เธอก็พอ แต่ฟิริสอยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์กับโซฟี่ ซึ่งสิ่งที่ฟิริสสร้างขึ้นมาเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้พรัฟต้ามีร่างกายที่จะใกล้เคียงกับมนุษย์
176.เมื่อเวลาผ่านไปฟิริสจึงได้ชวนโซฟี่มาแปรธาตุด้วยกัน โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บวัตถุดิบอีกครั้งเหมือนครั้งก่อน แต่ฟิริสกับโซฟี่พลัดตกลงไปในถ้ำด้านล่าง เนื่องจากแผ่นดินทรุด โดยโซฟี่ได้รับบาดเจ็บจนมีไข้ขึ้นสูง
177. ฟิริสได้ทำกระเป๋าของเธอหล่นหาย ขณะตกลงมาข้างล่าง จึงรีบหาทางออก แต่เส้นทางเต็มไปด้วยสัตว์ร้าย แถมอาการของโซฟี่ก็ไม่ค่อยดี เธอจึงตั้งใจจะหาวัตถุดิบ เพื่อที่จะนำมาปรุงเป็นยา เพราะต้องการจะช่วยโซฟี่ ในตอนนั้นฟิริสได้ยินเสียงของพืชชนิดหนึ่ง พูดขึ้นมาว่าตัวเองอยากจะเป็นยา เพื่อรักษาอาการป่วยของคนๆนั้น (โซฟี่)
178. ฟิริสจึงนำพืชต้นนั้นมาปรุงเป็นยา รักษาอาการให้กับโซฟี่ จนอาการดีขึ้น แล้วเรียเน่กับพรัฟต้าก็ช่วยพาทั้งสองออกมาจากถ้ำได้สำเร็จ
179.วันต่อมา โซฟี่เกิดสงสัยในตัวฟิริส เนื่องจากวันที่พวกเธอตกลงไปในถ้ำ สถานที่แห่งนั้นยากที่จะหาพืชมาปรุงยาช่วยเธอได้ ฟิริสจึงเล่าให้ฟังว่าเธอได้ยินเสียงของพืช บอกว่าอยากจะเป็นยารักษาโซฟี่ โซฟี่จึงนำวัตถุดิบต่างๆ ให้ฟิริสฟัง ซึ่งฟิริสก็ได้ยินเสียงขอวัตถุดิบทั้งหมด เท่ากับว่าความสามารถในการฟังเสียงของวัตถุดิบของฟิริส ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว สาเหตุเกิดจากการที่ฟิริสมีความต้องการที่จะช่วยเหลือโซฟี่ วัตถุดิบต่างๆได้รับรู้ถึงจิตใจที่ดีงามของฟิริส จึงทำให้ฟิริสสามารถฟังเสียงของวัตถุดิบขึ้นมาได้ ซึ่งต่างจากกรณีของโซฟี่ เนื่องจากโซฟี่มีความฝันที่จะทำให้ทุกคนมีความสุขจากการแปรธาตุ โซฟี่จึงได้รับความสามารถนี้ขึ้นมา
180.หลายวันต่อมา โซฟี่กับพรัฟต้าทำตัวลับๆล่อๆอยู่ จนฟิริสมาพบเข้า โซฟี่กับพรัฟต้า เตรียมตัวที่จะออกเดินทางโดยแยกทางกับฟิริส เพราะในตอนนี้ฟิริสเป็นนักแปรธาตุที่ดีแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องยืนด้วยตัวเองแล้ว แต่ฟิริสไม่ยอม อยากจะอยู่กับพวกโซฟี่นานๆ โซฟี่เลยชวนฟิริสเดินทางไปกับพวกเธอ เพื่อที่จะใช้การแปรธาตุ ทำให้ทุกคนมีความสุข
Clear
ออสก้า (ตัวละครในกลุ่ม)(Part หลัง)
181.หลังจากที่ฟิริสได้ยินเสียงของวัตถุดิบ ฟิริสจะได้ยินเสียงของเชลซี่ ดอกไม้ที่เป็นเพื่อนของออสก้าแล้ว แต่หลังจากนั้นเชลซี่อาการไม่ค่อยดีขึ้น ฟิริสจึงทำสารอาหารมาให้เชลซี่
182.วันเวลาผ่านไป อาการของเชลซี่ก็ไม่ดีขึ้น เพราะนี่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายของเชลซี่นั่นเอง อายุขัยของเธอกำลังจะหมดลง ฟิริสเลยอาสาจากออสก้า จะใช้การแปรธาตุของเธอช่วยเชลซี่ แต่ออสก้าไม่ยอมให้ฟิริสทำแบบนั้น เนื่องจากมันผิดกับกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ เชลซี่จึงได้ร่ำลาฟิริสและออสก้า โดยขอให้ความฝันของออสก้า ที่จะเป็นเพื่อนกับพืชทั่วโลกเป็นจริง
183.สุดท้ายเชลซี่ก็เหี่ยวเฉาตายไป เหลือไว้แต่เมล็ดพันธุ์ของเธอ ออสก้าตั้งใจจะนำเมล็ดพันธุ์ของเชลซี่ไปปลูกตามพื้นที่ต่างๆบนโลก ออสก้าจึงชวนฟิริสออกเดินทางกับเขา เพื่อที่จะได้รู้จักกับพืขต่างๆในโลกนี้
Clear
Reply
Vote
Related Thread
ข้อมูลใหม่ Metaphor: ReFantazio ปล่อยข้อมูลรายละเอียดโลกทัศน์ เนื้อเรื่อง และตัวละครในเกม
2 โปรเจ็คใหม่ของ kickstarter จากทีมทำ Wild Arms กับ Shadow Hearts
[OT] Soul Hackers 2 | แฮกวิญญาณ เรียกปีศาจ ฟาดปากคู่อริ
[OT] Xenoblade Chronicles 3 | ชีวิตคือการต่อสู้ สู้เพื่อมีชีวิต !
มาแล้วลูกจ๋า Classic RPG ��าษาไทย The Gate : The Remant memory Mobile Version ตัวเต็มออกแล้วครับ
Popular Thread
ประกาศ Danmachi ss5
Like a Dragon Gaiden: The Man Who Erased His Name คะแนนรีวิว
ยังอยากหากินกับบุญเก่าเหมือนเดิม Blizzard เผย มีความคิดจะนำ World of Warcraft ลงเครื่องเกมคอนโซล
KOF XV DLC|HINAKO SHIJO|Trailer
2 online users
Logged In :
member
Since 7/4/2006
(17267 post)