น่าจะมีพรรคเดียวที่เสนอ กก รอฟังอยู่เหมือนกัน

ของยากเลย ถ้าไม่ใช่กก. ไม่น่ามีคนเสนอล่ะมั้ง

และสุดท้ายต่อให้เป็นกก. ผมก็ว่าทำสำเร็จได้ยากมาก รึแทบเป็นไปไม่ได้เลย

น่าจะยากครับ..ไปปฏิรูปเขา เราจะโดนปฏิวัติกลับอะดิ

ประเทศนี้ ทห ตร พ่อทุกสถาบันอยู่แล้ว

ผมเคยดู ที่เขาศึกษาใน USAเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ + การเคลื่อนย้ายแรงงาน+ระบบ ศก. ของแต่ละรัฐ ปรากฏว่ารัฐที่ค่าแรงดีจะมีแรงงานจะรัฐอื่นย้ายเข้ามา และระบบ ศก.ดีกว่า เพราะคนเยอะแถมเป็นกลุ่มคนวัยทำงานย้ายเข้ามาด้วยสัดส่วนคนทำงานเยอะ ภาษีได้เยอะ สาถารณูประโภค ก็ดีกว่ารัฐที่กดค่าแรงขั้นต่ำอีกครับ

ถ้าเอามาเทียบว่าเมืองไทยต้องทำยังไง ตอนนี้คำตอบน่าจะเป็น ยังไงก็ต้องให้ค่าแรงที่ดีกว่า พม่า ,ลาว , เขมร หรือเวียมนาม (ถ้าเวียดนามให้ดีกว่าคน ลาวก็เลือกไปเวียดนามแทนไทย) แถมบ้านเราอัตตราเกิดคนมันเริ่มชะลอตัวแล้วด้วยแนวโน้มขาดแรงงานจะหนักขึ้นแน่นอน ทำให้ต้องพึ่งแรงงานเพื่อนบ้านเยอะขึ้น


คือขี้หมูขี้หมาคุยกันกี่ที ยังไงก็ต้องให้เยอะกว่าเพื่อนบ้าน แน่ๆ และอีกเรื่องคือค่าแรงขั้นต่ำมันก็ต้องพอมาจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล + เงินเหลือพอเก็บ หรือเอามาใช้ในการศึกษา หรือ ซื้อของฟุ่มเฟือย แล้วรัฐก็ไปเก็บภาษีจากของฟุ่มเฟือยกลับมาครับ
ซึ่งมีแนวคิดว่าถ้า คนมีเงินเหลือ คนจะกล้าซื้อของที่มีคุณภาพดีขึ้น มันกระตุ้น ศก. ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดีกว่าการกดค่าแรงครับ

แต่อย่างว่าถ้าเราไปขึ้นค่าแรงมากๆ ทีเดียวมันจะทำให้ผู้ประกอบการ นายจ้าง ชอคได้เพราะปรับตัวไม่ทันรัฐมันก็ต้องหาจุดสมดุลให้ได้ ให้ WIn-win กันหมดด้วยครับ

อีกเรื่องคือ รัฐบาลทหาร ตู่ นี่มันขึ้นค่าแรงขั้นต่ำช้ามากๆ มาหลายปีแล้วยังไงรัฐบาลใหม่มันจะต้องเร่งเรื่องนี้แน่ๆ แต่ข้อแม้มันมีอยู่ว่าถ้าได้ค่าแรงเยอะขนาดนั้นจะให้คนไปทำงานอะไรเนี้ยแหล่ะ
ถ้าจะมีงานดีๆทำ ก็ต้องพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีสูงขึ้นด้วยนั่นแหล่ะ

ในมุม และ ปสก ที่ผมเกี่ยวข้องนะครับ

ธุรกิจเก่าๆ know how มันตัน อย่างจีนที่เค้าค่าแรงเดือนนึง 2-3 หมื่น เค้า มีเทคฯ ครับ จากผลินสินค้ากลายเป็นผลิตเครื่องจักรแทน
คือ know how ของคนรุ่นเก่า หรือ กลางๆ ของเรามันตัน ด้วยการศึกษา ไอคิว

อย่างผมคนหัวกลางๆ เรียนก็กลางๆ มันพัฒนาธุรกิจ กับนวัตกรรมได้เท่านี้ จะดีกว่านี้ต้องฉลาดกว่า ความคิดดีกว่า แต่จะบอกว่าในบรรดาเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันทั้งหมดหรือรุ่นพี่รุ่นน้อง เพื่อนที่ทำงาน ผมคือคนที่ทำธุรกิจจนสำเน็จแต่คนเดียวเท่านั้น

ค่าแรงต้องขึ้นครับ 350 บาทมันไม่พอแน่นอน แต่ พนง จะมีโอทีทำ ผมว่าปีละ 25 บาท ทุกๆปี ผปก น่าจะพอปรับตัวได้ และไม่มีใครบ่น

ถ้าต้องเลือกจริงๆขอบ กก.มากกว่าพอควร เอาตรงๆมันก็ยังไม่ดีทั้งคู่ จะ 450 หรือ 600 มันก็โยนขี้ให้ผู้ประกอบการทั้งนั้น ต้องรอดู Detail จริงๆว่ามีแผนช่วยผู้ประกอบการยังไงแล้วค่อยคิดอีกที

อย่างของก้าวไกล ถ้าจำไม่ผิด ปัจจุบนเค้าให้ไม่เกิน 48 ชม./week, 6วัน/week การไปลดเหลือ 40/5 แปลว่าด้วยปริมาณงานเท่าเดิม นายจ้างต้องจ่าย OT เพิ่ม ก็เป็นภาระอีก (อันนี้กระทบโดยตรงเพราะที่บ้านก็จ้างแม่บ้าน+พยาบาลอยู่ 2คน)

ในความคิดผม คืออยากให้ทำผสมผสานกันแฮะ แต่น้ำหนักไปทาง พท. มากกว่า ผมอิงตามความเป็นไปได้นะ ไม่ได้ความชอบ แต่ต้องมีเงื่อนไขนะ

อย่าง ค่าแรง 600 เนี่ย ถ้าค่อย ๆ ปรับทยอยขึ้นไป และอ้างอิงตามการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กันไปด้วย ถ้าไม่เติบโตต่อเนื่องก็ควรพิจารณาชะลอรอบนั่น ๆ ผมคิดว่าเป็นไปได้ และเจ้าของกิจการจะไม่เจ็บช้ำเท่าไหร่ เพราะตามจริงขึ้นไปขึ้นมาตามรอบเผลอ ๆ ก็คงเฉียด ๆ 600 ได้เหมือนกันถ้าไปปี 70

แต่ชอบของกก. เรื่องที่มีคำว่า "ทักษะ" เนี่ยแหละ ส่วนเรื่องชั่วโมงการทำงานนี่ บ้านเรายังคงรับจ้างผลิตอยู่ ถ้าไม่สามารถทำให้กำลังการผลิตคุ้มค่ากับค่าแรงและชั่วโมงการทำงานที่น้อยลงได้นี่ผมว่าไม่ผ่านง่าย ๆ ไหนจะเรื่องค่านิยมของคนตะวันออกอีก ที่ขาดความเชื่อใจในพนง. (จริง ๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีพวกนิสัยเสียทำให้เขาไม่ไว้ใจเยอะมาก ๆ ) เอาแค่เรื่อง WFH ลดปัญหาจราจร บางธุรกิจมันสามารถทำได้อย่างไร้ปัญหาก็ยังทำไม่ได้กันเลย

TLDR; สำหรับผมดีคนล่ะแบบ ถ้าค่าแรงเพิ่ม ทักษะกับกำลังการผลิตควรเพิ่มด้วย ดังนั่นผมเห็นว่าการเสริมทักษะและมาตราฐานในการทำงานของแรงงานในตลาดมีความสำคัญพอ ๆ กันรึมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำ

ถ้ามีแค่ สองพรรค ผมเลือก กก นะ แต่ติดทำงานไม่เกิน40 ชม sme ไทยส่วนมากก็ทำงาน 6วัน/วีคอยู่แล้ว ในส่วนนี้ก็คงต้องปัดเป็น ot ไป คำถามต่อมาคือ ผู้ประกอบการต้องรับภาระตรงนี้ใช้ไหม???

ล่าสุดทัวร์ลงจนต้องโพสขอโทษและ

ปัจจัยที่จะทำให้กก. จะไม่ได้ร่วมรัฐบาลรึชนะการเลือกตั้งส่วนนึงก็น่าจะเป็นเพราะคาแรคเตอร์พรรคที่เหมือนวัยรุ่นปากเปราะ เอาแต่ใจนี่หละ ถึงจะไม่ทุกคนก็เถอะ แต่โดยธรรมชาติแล้วเรื่องร้าย ๆ มันจำติดตามากกว่าเรื่องดี ๆ อยู่แล้ว

ถึงจะขอโทษ ผู้คนเขาก็จะจำได้อยู่ดี ว่าพูดอะไรคิดอะไรไว้ (แม้ซักพักก็จะลืม ๆ กันก็เถอะ) ที่สำคัญ พท. ก็จำได้เช่นกัน เกิดต้องร่วม รบ. กัน จะไปรอดรึ

อันนี้ผมว่าไม่ต้องห่วง การเมืองถ้าผลประโยชน์ลงตัวมันก็ไปได้หมดแหละครับ ล่าสุดก็ เจ๊มิ่ง ด่าพปชร.ไว้ยังไง ตอนนี้เป็นยังไง

ผมมองว่า กก ไม่ผิดนะเรื่องนี้ พรรคอื่น อินฟูมากมายก็ออกมาวิจารณ์ ทำไมต้องขอโทษหว่า
ประเทศประชาธิปไตย วิจารณ์นโยบายไม่ได้???

ปท นี้ปกครองด้วย อิ๋งๆ เป็นใหญ่ครับ ถถถ สามกีบควรเกรงใจเจ๊อิ๋งด้วย ถถถ

ไม้หลักปักขี้เลน หวังอะไรไม่ได้กับนักการเมืองแบบนี้

ถ้าขึ้นจริงก็แช่ไป 10ปีอะครับ เหมือน300 ขึ้นแล้วค่าแรงโดนแช่ไปกี่ปี ไม่รู้จักจำกัน 55555

เมื่อก่อนก็แบบนี้แหล่ะครับ คนต้องทำโอทีเพื่อให้อยู่ได้ดีขึ้นหน่อย แต่ตอนพ่อผมเริ่มอายุเยอะ แกอาศัยงานรับเหมาเอา เพราะ มันเร่งงานได้ แล้วถ้าได้ตามโควต้าปุ๊บก็เลิกเร็วเลย

ผมว่าทางออกคนไทย บางส่วนน่าจะเป็นงานเหมา (รายได้-เวลาดีกว่า จบงานก็เลิกเร็ว) ดีกว่าโอทีอีก ไม่ใช่ระเภทดึงงานจนได้โอทีแบบนี้ไม่ไหว.....บางส่วนนะครับ

ถ้าคนส่วนมากของสังคมมันเป็นประเภท บอกเวลางาน 8-9 ชม. แต่มาถึงใส่เต็มที่แล้วจะเลิกตรงเวลาก็เลิกเลย ระบบให้ค่าจ้างจะเปลี่ยนไปครับ โอที นี่หมายความว่า บริษัท ต้องจ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ เพื่อทำงานเพิ่ม เผลอๆต้องเลี้ยงอีกมื้อด้วยซ้ำ ถ้าเขาจบงานในเวลาได้อาจจะได้ผลดีกว่าด้วยซ้ำ

มันทำยากครับ สมมุติ ว่าเรื่องอะไรที่เขาลงทุนเพื่อส่วนรวมไว้ แล้ว คนในสังคมมันไม่เหมาะกับวิธีไปใช้ของส่วนรวมก็มีเยอะในบ้านเรา


ตัวอย่างก็ไอ้ตู้ปันสุขที่เขาเอาของกินของใช้ไปไว้ในตู้ แ่มีคนเอาไปทีเดียวเยอะๆแล้วเอาไปขายต่อเพราะบอกจะเอาเงินสดนั่นแหล่ะ พอทำกันจริงๆก็รู้ว่าว่าเราทำแบบนี้แล้วไม่ได้ผลนั่นแหล่ะ

ไอ้ที่ว่าคนเราไม่เหมาะ คือระบบความคิด , การทำเพื่อส่วนรวม , วินัย คนบ้านเรามันไม่พอ เห็นแก่ได้,ไม่มองการณ์ไกล ,เชื่อเรื่องเหนือ ธรรมชาติ นี่เยอะจริงๆ

ในทางเทคนิค รัฐ ไม่มีอำนาจไปควบคุม อะไรทั้งนั้น ทั้ง ค่าจ้าง ร่วมไปถึงการควบคุม ราคา มันเป็นการทำลายตลาด

สิ่งที่ทำได้คือ ออกกม.ที่สร้างสรรค์ แล้วเก็บภาษีให้น้อยๆ

ปกติ คือ ทำให้ เศรษฐกิจดี เกิดการใช้จ่าย ภาษีจะได้เก็บมากขึ้น ใช้ภาษีให้ถูกต้อง สร้างหรือ อุดหนุน สิ่งพื้นฐานเพื่อลดรายจ่าย ปชช.

แต่ รัฐบาล 10 ปี ที่ผ่านมา เศรษฐกิจ บริหารตามมีตามเกิด เจ้าสัวรวยคนเดียว

ขนส่ง สาธารณะ ก็ขึ้นๆเอา ทางด่วน รถไฟฟ้า มีแต่ขึ้นๆ ค่าไฟฟ้าก็มาซ้ำเติม

ใช้ภาษีห่วยแตก สร้างกินรี ซื้อบอลโลก ห่านนนน

ค่าครองชีพในกรุงเทพนี่พอๆกับสิงค์โปรเลย

ยังดีมีบ้านของพ่อแม่อยู่

ถ้านึกภาพหนุ่มมหาลัยตามหาความฝันเมื่องกรุงแบบเพลงพี่ปู พงศิษท์

ไม่เหลือภาพ ระทมเหี้ยๆ