มันเริ่มมาจากวันที่ 28 ก.ค. 2563 ประมาณ 11 นาฬิกา

ผมกำลังนั่งทำงานของตัวเองอยู่ แล้ว sms ก็เด้งขึ้นมา ผมไม่ใส่ใจเพราะคงเป็นข้อความโฆษณาของ ais บลาๆๆ เลยจะปัดทิ้ง แต่มันคือข้อความแสดงเจตจำนงขอรับวัคซีนของคนพิการในราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

คือต้องย้อนกลับไปช่วงต้นเดือนนี้นี่ละ

มีโฆษณาของวิทยาลัยจุฬาภรณ์ในการขอรับวัคซีน sinopharm ของคนพิการ ผมก็ลงทะเบียนไปโดยไม่สนใจเลยสักนิด เพราะเชื่อว่ายังไงก็เบี้ยว ไม่ก็มี vip มาเอาวัคซีนไปใช้อยู่ดี

จนกระทั่งผมได้ข้อความมาเมื่อวาน

ผมก็กรอกข้อความขอเจตจำนงไป แล้วเขาก็ส่ง sms ว่าให้ผมไปที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะวันถัดมา คือวันนี้

ผมก็หาข้อมูลกับแม่ให้วุ่นเลยว่าของจริงไหม สรุปคือของจริง ผมเลยเตรียมตัวพักผ่อนอย่างเต็มที่เพื่อไปฉีดวัคซีน

เช้าวันถัดมา ผมออกจากบ้านช่วง 8 โมงเช้าไปฉีดวัคซีน ก็เดินทางค่อนข้างไกล จากอ่อนนุชไปที่แจ้งวัฒนะ มันก็ไกลแหละ

มาถึงศูนย์ช่วงเก้าโมงเช้าจะมีพยาบาลมาตรวจ sms เพื่อให้รู้ว่าผมมาฉีดวัคซีนไหม เมื่อผ่าน ผมก็เดินเข้าประตูไป

ตรงธรณีประตูจะมีคนฉีดแอลกอฮอล์ที่มือและวัดอุณหภูมิเป็นขั้นตอนปกติ แล้วผมก็เข้าไป

คือผมไม่เคยมาที่นี่เลย ยิ่งเข้ามายิ่งไม่ต้องพูดถึงครับ เลยอึ้งๆกับความใหญ่ของมันเหมือนกัน แล้วผมก็เดินเข้าไปที่จุดคัดแยกผู้พิการ พอเขาตรวจว่าผมเป็นผู้พิการเสร็จก็ติดสติกเกอร์รอคิว (ตรงนี้เป๋อนิดนึงตรงที่ไปตรวจคัดแยกผิด ควรจะไปตรงจุดคนพิการทางพฤติกรรมและอารมณ์ ดันไปตรงจุดคนพิการทางการเคลื่อนไหวซะงั้น )

เขาก็ถามว่าไปคนเดียวได้ไหม ผมก็ตอบว่าได้ ผมก็เดินตามคนที่จะฉีดวัคซีนไปนั่งเก้าอี้ที่เรียงกันเป็นแถว (ตรงนี้คนคงคิดว่าคนคงแน่น ไม่แน่นครับ เดินไปมาสบายมากเลย)

แล้วรอสักพัก จะมีพยาบาลมาวัดความดันกับตรวจบัตรประจำตัวประชาชน ปรากฏว่าความที่ตอนนั้นค่อนข้างตื่นเต้นและเหนื่อยจากการเดินทางด้วย ความดันปกติก็จริง แต่อัตราการเต้นของหัวใจปาไป 115 แต่ก็ผ่าน ก็เลยฉีดวัคซีนตอนนั้นเลย (ตรงนี้ขอเสริมนิดนึงว่าเขามีฉีดแอลกอฮอล์ที่แขนตรงที่ตรวจด้วย)

ฉีดวัคซีนเสร็จก็นั่งรอดูอาการประมาณ 25 นาที ทุกอย่างก็เรียยร้อยดี ผมเลยยกมือเพื่อบอกว่าผมพร้อมแล้ว ทางพยาบาลเขาก็ขอดูบัตรประจำตัวประขาชนอีกครั้งพร้อมกับบอกว่าอีก 24 ชั่วโมงจะมี sms มาให้กรอกข้อมูลว่าอาการหลังฉีดว่ามีอาการอะไรแทรกซ้อนไหม แล้ววันที่ 16-19 จะมี sms นัดวันฉีดวัคซีนเข็มที่สอง หลังจากบอกขั้นตอนเรียบร้อยก็ออกจากศูนย์ราชการ สิริรวมน่าจะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในการฉีดวัคซีน กับ 25 นาทีในการนั่งรอ

ตอนเดินทางกลับมาบ้านก็เฉยๆอยู่หรอก แต่ตอนนี้ปสดเนื้อปวดตัวนิดๆละผม ขอตัวนอนก่อนเน่อ

โชคดีครับผม

ที่บางซื่อที่ลงทะเบียนนี่ได่AZทุกคนเลยรึป่าว

คำประกาศช่างกำกวม​ บอกแค่ว่าฉีดAZเป็นวัคซีนหลัก​ ดูจากยอดที่มีน่าจะต้องแรนด้อมคนอะ​ ค้องมีหลายๆคนได้ชิโนแวค

นับยังไงเนี่ย อ่ะ ให้แค่วันราชการเลย 20 วัน

1 ล้านโดสต่อวัน แปลว่าต่อเดือนใช้ 20 ล้าน โดส

แต่หามาได้แค่ 10 ล้านโดส

สรุป แผนเดือนๆต่อไปของไทย เราจะมีมากี่ล้านโดสกันแน่เริ่มงง

อยู่ประเทศนี้ต้องวิ่งควายให้ทันนะครับ
ผมแม่งแลคไปเสี้ยววิจองเต็มทันที ห่า

อยู่ประเทศนี้ก็ต้องทนกับการบริหารงานของรัฐบาลจนต้องตื่นเต้ลล์ลุ้นหลายอย่างเหมือนกัล

1.ลุ้นติด ไม่รู้วันไหนจะติดเชื้อ วันไหนเกิดเจ็บคอ ไอ เวียนหัวก็จะใจเต้นตึกตักแบบไม่มีสาเหตุ
2.ลุ้นตรวจ พอใจเต้นได้ที่แล้วก็ไปรอลุ้นตรวจ แล้วก็ใจเต้นลุ้นว่าเมื่อไหร่จะได้ตรวจ
3.ลุ้นเตียง พอตรวจเสร็จแล้วก็ลุ้นตัวโก่งว่าจะได้เตียงเมื่อไหร่ตอนไหน ยิ่งผ่านไปนานใจยิ่งเต้นแรง
4.ลุ้นตาย ได้เตียงหรือไม่ ไม่รู้ แต่ก็ต้องลุ้นจนใจเต้นแรงทั้งคืนว่าวันพรุ่งนี้จะตื่นมามั๊ย

ประเทศนี้เป็นประเทศที่มีแต่เรื่องชวนใจเต้ลล์จริงๆ เปิดกาฉะยังไม่ลุ้นเท่านี้เลย

ผมนี่ไม่อยากเอาชีวิตคนในบ้านไปเสี่ยงกับความห่วยของระบบรัฐเลยยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อวัคซีน 2 ชุด สำหรับ 4 คน
Sinopham ชุดนึง ฉีดเข็ม 2 วันเสาร์นี้ กับ Moderna ที่กะเอาไว้เป็นตัวบูสช่วงปลายปีอีกชุดนึง หมดเงินไปร่วม 20,000
มันสะท้อนให้เห็นเลยว่าประเทศนี้นี่แม่งมือใครยาวสาวได้สาวเอาจริงๆ และสำหรับคนที่ไม่มีเงินนี่ชีวิตแขวนบนเส้นด้ายจริงๆ

และแล้วก็จนได้ ธนาคารทหารไทยที่เคยไปใช้บริการอยู่

ปิด 14 วัน โชคดีที่ช่วงนี้ไม่ได้ไปใช้เป็นเดือนๆ

ไปทีไรก็มักจะบ่นกับพนักงานทุกครั้งแหละว่า

เชื้ออังกฤษมันแรงนะ ควรจะยกเลิกเปิดแมสเพื่อทำธุรกรรมได้แล้ว

เค้าก็บอกมันเป็นนโยบายของผู้บริหาร แล้วก็อุตส่าห์ไปคอมเมนท์ใน

เพจธนาคารทหารไทยแล้ว ว่าถ้าติดเชื้อขึ้นมา ธนาคารจะรับผิดชอบอย่างไร?

เกิดคนในครอบครัวตายขึ้นมา รับผิดชอบไหวเปล่า? สุดท้ายก็คำตอบเดิมๆ

ไปตายห่านซะ ไอ้พวกผู้บริหาร ผู้อาวุโสเฮ-ซ-ย

บริหารห่านไรไม่ดูตามสถานการณ์เลย คนแก่คนอาวุโสในบ้านเรานี่มันมีแต่พวก Trash

หรือไง?

โควิดระบาดนี่ทำให้เห็นสันดานคนหลายแบบดี เช่น

1.ลูกสาวที่เอาพ่อไปทิ้งกลางทางที่วัดเพราะพ่อติดโควิด
2.สามีที่ถีบหัวภรรยาออกจากบ้านเพราะต้องสงสัยว่าติดโควิด
3.เพื่อนที่ทิ้งเพื่อน ตีจาก ทำเพื่อนเป็นหมาหัวเน่า ปฏิบัติเหมือนคนไม่รู้จักกัน เพราะเพื่อนติดโควิด
4.นายจ้างที่ไล่คนที่ติดโควิดออกจากงาน อ้างว่าให้ยินยอมลาออกเองเพื่อไปรักษาตัว
5.เจ้าของบ้านที่ไล่ลูกบ้านออกจากห้องเช่าเพราะผู้เช่าติดโควิด

คำถามคือใครผิดระหว่างโควิดกับความเชี่ยของคน

วัคซีนของอเมริกาก็ลองมึงไม่บริจาคให้มั่งสิ ไอ้ห่านมึงก็รอให้เขาทำสงครามโรคกันเสร็จก่อนค่อยเห็นหัวพลเรือน

ทำแบบตอนดีล​ เกาหลีแลกไฟเซอกับอิสราเอล​ก้ดี

เอาล็อตที่ใกล้หมดอายุจากต้นทาง โดยแลกกับของที่เราสั่งไปแต่รอไตมาส4 เพื่อที่จะได้เอาของมาฉีดก่อน

ปกติที่บ้าน เรียกค่าเก็บขยะของชุมชน แบบเคาะตามบ้าน

ใช้เงินสด จ่าย แล้วได้บิล

ที่บ้านบอกเก็บบิลไว้ก่อนจะได้เป็นหลักฐาน

ผมรับมา ปาทิ้งถังขยะ แล้วตรงดิ่ง ถูสบู่ล้างมือ ....

ถ้าซอยบ้านผม ติดทั้งซอยจะโคตรไม่แปลกใจเลย ....

จากโรงพยาบาลแห่งนึงในกรุงเมพ



ทีมแพทย์แทบจะอ้อนวอน เราไม่ไหวแล้ว ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล ออกซิเจนก็หมด จนแพทย์ต้องพูดออกมาว่า "ช่วยกันแชร์นะคับ เราไม่ไหวแล้ว"

บางทีนี่เคยคิดว่ากรูเคยติดเชื้อไปแล้วแต่ไม่แสดงอาการจนหายเองไปแล้วป่าววะ

เพราะมีหมอคาดการณ์ว่ามีคนติดใน กทม. แต่ยังไม่แสดงอาการประมาณครึ่งล้าน

อะไรยังไงไม่รู้ละ แต่ทีมแพทย์ต้องพยายามกันหน่อยนะ เดี๋ยวเขาจะเปิดประเทศในอีก 2 เดือนข้างหน้า แค่นี้ยังบ่นแล้วจะทำอะไรกิน รัฐบาลเขามีแผนเดินหน้าเปิดประเทศเพื่อเศรษฐกิจ นายกก็บอกอยู่ว่าเราต้องอยู่ร่วมกับมันให้ได้ จบข่าว

วัคซีน “ไฟเซอร์” 1.54 ล้านโดส ที่สหรัฐฯ บริจาคให้ไทย มาถึงประเทศไทยแล้ว เช้ามืดที่ผ่านมา

โดยจะเก็บเข้าคลังวัคซีนในอุณหภูมิ -70 องศาฯ เมื่อกระจายไปหน่วยฉีดจะนำไปเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาฯ ซึ่งจะอยู่ได้นาน 4 สัปดาห์ ต้องรีบนำออกมาใช้

สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ 1.54 ล้านโดสนี้ มีการจัดสรร ดังนี้

- บุคลากรการแพทย์ดูแลผู้ป่วยโควิดทั่วประเทศ 700,000 โดส
- กลุ่มผู้สูงอายุ / ผู้มี 7 โรคเรื้อรัง อายุ 12 ปีขึ้นไป / หญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ในจังหวัดระบาดสูง 645,000 โดส
- ชาวต่างชาติในไทย เน้นผู้สูงอายุ / มีโรคเรื้อรัง และผู้จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ 150,000 โดส
- ทำการศึกษาวิจัย 5,000 โดส
- สำรองส่วนกลาง 40,000 โดส