พอดีมองๆ จอคอมใหม่ที่กะจะใช้ในอนาคต ปกติใช้แต่ 60 Hz มาตลอด แล้วเห็นว่าหลังๆ ถ้าจะเน้นเกม PC แนะนำมากกว่า 60 Hz ซะส่วนใหญ่ ถ้าแพงๆ ก็ต้องล่อ G Sync ไป

ที่สงสัยคือ ระหว่าง 120 Hz ถึง 240 Hz นิ มีผลมากน้อยแค่ใหนครับ? ถ้าผมมีงบจำกัดไม่เกิน 10,000 บาท มันจะคุ้มมั้ยถ้าเอาแค่จอคอมที่อยู่แถวๆ 120 ~ 144 Hz? หรือว่าควรเก็บเงินลงทุนไปเอาจอที่มีระบบ G Sync เลย?

ผมไม่ขอตอบฝั่งG Syncเพราะไม่มีความรู้ตรงนี้เลย

ส่วนจอ120-240hz ต่างกันมั้ย คำตอบคือต่างครับรู้สึกได้สำหรับผมนะ แค่cursorก็รู้สึกแล้ว ประเด็นถัดมาคือ 240ที่ว่าเนี่ยมันต้องใช้Hardwareที่สูงมาก ระดับก็แบบRTX 2080+ เพราะผมใช้2070ทุกวันนี้กดultraเกมใหม่ๆเฟรมวิ่งราวๆ90-150แล้วแต่เกม

ส่วนพวกจอ144hzที่ราคาต้ำกว่า10,000แบรนที่ใช้แล้วรู้สึกว่าดีที่สุดในกลุ่มราคานี้ก็Zowie BenQนั้นแหละ ส่วนพวก240ราคาก็ทะลุ15,000ไปหมดละ ละก็จอพวก120hzทั้งหลายที่ราคาไม่เกิน15,000สีกากทุกตัว

ละก็มีผลมากน้อยแค่ไหน ส่วนมากมันจะไปเห็นชัดกับพวกเล่นfpsซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าเล่นเกมคนเดียวผมมองว่า144Hzก็เพียงพอมากๆละ

ปล. ผมใช้Zowie BenQ

G sync ช่วยเฉพาะตอนที่ fps ของเกมต่ำกว่าจอครับ เช่น จอ gsync 144hz แต่การ์ดจอดันได้แค่ 100hz gsync จะปรับ hz monitor ลงมาที่ 100hz ทำให้ภาพลื่นไม่มี tearing เพราะไม่ต้องเรนเดอร์เฟรมช่วงที่คาบเกี่ยวของ Hz จอครับ พวก freesync adaptive sync ก็คิดคล้ายๆกันครับ เพียงแค่เป็น software ไม่ใช่ฝั่ง hardware แบบ gsync

แต่ถ้าเล่นพวก csgo ที่ fps เกินจอก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยครับ

จอใหม่เอาที่ 144Hz ขึ้นไปครับ ถ้า 27 นิ้วขึ้นก็ควรจะรับ resolution 1440p ครับ

มีทั้งคู่ก็ดีครับท่าน เช่น 144+ G-Sync
แต่ปัญหาคือราคาแพงมากถ้าจะเอาเทคโนโลยีครบ เพราะ เขียวเขาไม่ได้ให้ฟรีๆ
แล้วการดจอท่านต้องเขียวด้วยครับ มันลดอาการเทียริ่งได้จริง(อาการเส้นภาพแนวขวางแตกที่เกิดจากรีเฟรชเร็ทไม่สัมพันกับเฟรมเรท)

อีกทางเลือกนึกก็คือ Free -Sync + กับการ์ด 5700 พวกนี้ถูกตังกว่าครึ่งๆ
แต่โดยพื้นฐาน แล้วจอ 144Hz นี่ก็ดีกว่าจอ60อยู่แล้วครับ รู้สึกได้เลย เอาแค่ตอนเลื่อนเม้าทำโฟโต้ช็อปยังรุ้สึกได้ฮะ

ผมใช้จอ gsync มาได้ 4 ปีกว่าละ ซื้อตอนออกใหม่ๆ เลือดซิบๆ เลย
จอตัวเก่าเป็น 120hz ไม่มี gsync จอใหม่เป็น 144hz gsync

ความแตกต่างในด้านความลื่น สำหรับเกมทั่วๆ ไปจะไม่ค่อยมีครับ คืออยู่ในระดับเดียวกับจอ 144hz ที่ไม่มี gsync แต่ในบางเกมที่ล็อค 60fps มาถาวรจะเห็นความลื่นชัดขึ้นโดยเฉพาะเวลาแพนกล้องไปรอบๆ เช่น assassin's creed revelation เกมนี้ผมเห็นชัดสุดละ หมุนมุมกล้องทีจะไม่มีเงาตามขอบวัตถุเลย เมื่อเทียบกับจอเก่ามันลื่นกว่าจอ 60hz จริง แต่ถ้าฉากหมุนเร็วๆ ก็จะเริ่มเห็นเงาๆ สั่นๆ บ้างเล็กน้อย (เกม AC ของ PC ภาคแรกๆ มันล็อค 60fps ปรับเพิ่มไม่ได้ไงครับ เพิ่งมีมาปลดล็อคในภาค black flag มั้งนะถ้าจำไม่ผิด)

ถ้าถามผมผมว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่กับ gsync เหมือนเป็นลูกเล่นใส่มาเพิ่มให้ชีวิตดีขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับเปลี่ยนชีวิต ถ้าจอนี้เสียต้องซื้อใหม่ผมคงไม่พุ่งเป้าไปว่าต้องมี gsync ขอแค่ hz สูงๆ และไม่เป็นจอ ips ก็พอ เพราะเข็ดมาแล้วกับแสงลอดของจอ ips มันน่ารำคาญมากกว่าการไม่มี gsync ซะอีก เพราะไม่ว่าจะเล่นเกมดูหนังมันก็รำคาญสีดำไม่เป็นดำไปซะหมด

ทำไมไม่หา freesync + 120hz เลยละ ราคาถูกกว่าเยอะ

เหมือนว่าการ์ด กNvidia ก็ใช้ Freesync ได้แล้วนิ แต่รุ่นไหน support บ้างต้องไปดูถูกกว่าเยอะครับ

100-144 ผมแยกออกนะเกินนี้ผมแยกไม่ออกล่ะเพราะจอที่ผมใช้มัน 165hz ลองปรับดู 3 แบบแล้วแยกออกแค่ 100-144

คือแค่เล่นเว็บก็รู้แล้วอ่ะครับว่าคนละเรื่องกับพวกจอ 60 เลยลื่นกว่ากันมากเวลาสกอร์เมาส์เลื่อนๆอ่านอะไรเนี่ยเห็นเลยว่ามันจะไม่หน่วงเหมือนพวกจอ 60 แต่เกิน 144 ผมว่าเกินจำเป็นอ่ะลองไปทดสอบดูที่ร้านส่วนตัวเกิน 144 ผมมองไม่ออกครับ 100 กับ 144 ลองแล้วต่างกันนิดหน่อยแต่ยังพอดูออกพอปรับ 165 ก็ไม่ต่างกับ 144 เลยครับ

Gsync นี่อย่างที่หลายๆคนบอกแหละครับเวลาเล่นเกมเฟรมร่วง หรือ เกม opt มาไม่ดีถ้าเฟรมตกบ่อยๆมันก็ช่วยได้ครับภาพมันจะลื่นๆ

ผมใช้ pg279q

ถ้าอยากใช้การ์ดจอ nvidia อย่างเดียว ถ้าเลือกได้ก็ควรใช้ Gsync ครับ
จอที่เป็น Freesync ก็สนับสนุน มีบางรุ่นที่เป็น Gsync compatible จาก Nvidia ส่วนพวก unofficial ก็สนับสนุนแต่อาจจะไม่สมบูรณ์ได้ แต่ก็พอใช้ได้

ถ้าคิดว่าใช้การ์ดจออย่าง 5700XT ได้ เลือกจอ Freesync จะประหยัดกว่ามากครับ

- ต้องเข้าใจใหม่ว่า refresh rate 60hz, 75hz, 90hz, 120hz, 144hz พวกนี้ไม่ได้เกี่ยวกับ GSync หรือ Freesync หรือ Adaptive Sync
- ตัว Refresh rate มันก็คือ refresh rate จะจอ Gsync, freesync, adaptive sync มันยังต้องมี refresh rate ทั้งหมด
- Gsync, freesync, adaptive sync พวกนี้คือ variable refresh rate ทั้งหมด ซึ่งจอปกติจะเป็น fixed refresh rate
- fixed refresh rate จอปกติได้กี่ hz ก็จะทำงานที่ hz เท่านั้นตลอดไม่มีลดไม่มีเพิ่มไม่ว่ากรณีไหน
- variable refresh rate จะมี hz ที่บอกมาคือ max refresh rate ส่วนการทำงาน ถ้าใช้กับอุปกรณ์ที่รองรับมันจะไม่ได้ทำงานที่ max ตลอดเหมือนแบบ fixed อีกต่อไป
- คนทั่วไปติดแต่คำว่า fps(frames per second) ซึ่งสมัยนี้เป็นสิ่งที่ควรเลิกนำมาเป็นหลักอ้างอิงได้แล้ว
- fps มันเป็นค่าเฉลี่ยว่า ใน 1 วินาที มีกี่ frame ,ซึ่งค่ามันกว้างมาก ไม่ละเอียด
- game เรนเดอร์ frame by frame เป็น millisec(ms) เป็นที่มาของคำว่า frame time(เวลาที่ใช้ในการเรนเดอร์เฟรมนั้นๆ)
- หากมีเกมที่ได้ 100 fps ไม่ได้หมายความว่า เกมๆนั้นเรนเดอร์เฟรมทุกเฟรมที่เวลา 10ms เท่ากันหมด แต่ละเฟรมมีวัตถุให้เรนเดอร์เยอะน้อยยากง่ายต่างกันไป เช่น อาจมีบางเฟรมใช้เวลา 100ms ขึ้นมาเฟรมเดียว(frame time spike) แล้วอีกเฟรมใช้เวลา 20ms อีกเฟรม 16ms อะไรอย่างนี้ก็ได้ แต่สิริรวม 100เฟรม จะใช้เวลาไม่เกิน 1วิ(1000ms)
- ทำให้เกิด screen tearing เนื่องจากการเรนเดอร์ มันใช้ buffer(ที่เก็บภาพที่เรนเดอร์แล้วใน memory) ตัวเดียวกัน มันเลยเขียนทับลงไปเรื่อยๆจากบนลงล่าง ซึ่งมันไม่รอรอบที่จอจะแสดงผล(เวลาที่ภาพเรนเดอร์เสร็จกับเวลาที่จอจะเอาไปแสดงผล ไม่ สอดคล้อง/sync กัน) เลยเกิดอาการภาพเหลื่อมกัน
- รอบการแสดงผลจอ หรือ refresh rate คือ สมมุติจอ 100hz(100 ภาพต่อ 1วิ) หมายความว่า จอ refresh เอาภาพใหม่มาแสดงทุกๆ 10ms(มาจาก 1 วิ = 1000ms, 1000ms/100hz)
- ปัญหานี้เลยทำให้เกิด vsync คือการ์ดจอจะพยายาม hold ไว้ไม่เรนเดอร์เฟรมใหม่จนกว่าจอจะเอาภาพที่เรนเดอร์เสร็จแล้วไปแสดงผลก่อน ภาพเลยไม่ขาด
- vsync เลยทำให้เกิดปัญหา input lag หรือจะเกิด micro stuttering เพราะ หากจอเอาภาพที่เรนเดอร์เสร็จแล้วไปแสดงผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว การ์ดจอก็เริ่มเรนเดอร์เฟรมใหม่ แต่เฟรมใหม่นี้ดันใช้เวลาเยอะกว่ารอบต่อไปของการแสดงผลของจอ จึงทำให้ต้องรอรอบถัดๆไปซึ่งจะเสียเวลาไปช่วงนึง เลยจะรู้สึกหนืดๆหน่วงๆ
- จากปัญหาทั้งหมดข้างบน วิธีที่จะแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ รอให้ภาพเรนเดอร์เสร็จปุ๊ปจอเอาไปแสดงผลทันที โดยไม่ต้องรอรอบ refresh จอแบบ fixed refresh rate เลยทำให้ปัญหาภาพ screen tearing หายไป เมื่อไม่มี screen tearing ก็ไม่ต้องมีการใช้ vsync ก็เลยไม่เกิด input lag และ micro stuttering
- ซึ่งจะเห็นได้ว่าไม่เกี่ยวกับ refresh rate โดยตรงแต่อย่างใด
- ปัจจุบัน จอ variable refresh rate จะมี operating window (ช่วงของการทำงาน) ไม่เท่ากัน เช่น Gsync จะทำงานในช่วง 30hz(33.33ms)-144hz, ส่วน freesync ไม่แน่นอน เช่น จอสองตัวคนละรุ่นกันแต่มี refresh rate 90hz ทั้งคู่ ตัวแรกอาจจะทำงานได้ที่ 30hz-75hz อีกจออาจจะ 30hz-60hz อะไรแบบนี้(เป็นปัญหาที่ freesync ต้องรับกรรมไปเพราะไม่ได้มี module ที่ผลิตเอง กำหนดมาตรฐานเอง อยู่ในจอ)
- หากเกมเรนเดอร์เร็วกว่าหรือช้ากว่า ณ ตอนนี้จอจะทำการแสดงผลซ้ำจากเฟรมล่าสุด
- ส่วนพวก competitive game บางทีการไม่ใช้จอ variable refresh rate ให้ใช้จอ refresh rate สูงๆ(144hz หรือ 6.9ms, 200hz หรือ 5ms) และไม่เปิด vsync จะดีซะกว่า โดยการปล่อยให้จอเรนเดอร์ตามใจไปเลย ให้มีภาพเหลื่อมไปเลย เพราะภาพเหลื่อมด้านบนคือภาพใหม่ล่าสุด ซึ่งอาจจะมีหัวศัตรูโผล่มาจากกำแพงแล้วก็ได้)
- เช่น สมมุติว่า เราใช้จอ gsync 144hz(gsync ทำงานที่ 30hz-144hz) เกมที่เล่นใช้เวลาเรนเดอร์เฟรม A เสร็จทั้งเฟรมที่เวลา 10ms(100hz/100fps) ซึ่งยังอยู่ในช่วงที่ gsync ทำงานอยู่(หากเปิด gsync) หมายความว่ากว่าภาพจะแสดงก็ต้องรอถึง 10ms แต่ขณะที่ถ้าไม่เปิด gsync เราก็จะได้เห็นภาพบางส่วนที่เวลา 6.9ms แล้ว ซึ่งอาจจะมีหัวศัตรูโผล่มาให้เห็นในภาพบางส่วนนั้นพอดีก็ได้
- ถ้าจะเล่นเกมทั่วไป ไม่ได้จะไปแข่งจริงจังระดับทัวร์นาเมนท์อะไร เป็นผมผมเลือก gsync ครับ ถ้างบพอ ได้ image quality + feeling ดีกว่าแน่นอน

ปล. น่าจะพออ่านแล้วเข้าใจกันเนอะ พยายามอธิบายให้ง่ายๆละ ผิดพลาดตรงไหนขออภัย

งั้นยังพอหาจอแก้วเคโทดมอนิเตอร์เทพๆตอนนี้ได้บ้างรึป่าวครับ