- มีทั้งหมด 7 บท 70 ฉาก มากกว่าภาค 4 ที่มี 61 ฉาก อยู่นิดหน่อย ดังนั้นถือว่า Volume มากกว่าภาคที่แล้วอยู่นิดหน่อย

- เนื้อเรื่องแบ่งเป็น “บทโนบุนากะ” กับ “บทมิทสึฮิเดะ” ที่เล่าเนื้อเรื่องผ่านมุมมองของทั้งคู่ ดังนั้นจะมีบางฉากที่เป็นสงครามเดียวกันเลย แต่อันนึงเป็นของโนบุนากะ อีกอันเป็นของมิทสึฮิเดะ

- เนื่องจากเป็นเนื้อเรื่องของโนบุนากะกับมิทสึฮิเดะ คิดว่าแฟนซีรี่ส์คงจะรู้กันดีว่ามันจะจบที่ตรงไหน ถ้าเทียบกับภาคก่อน ๆ ก็ถือว่าช่วงที่นำมาเล่าเรื่องนั้นค่อนข้างสั้นทีเดียว แต่ก็แลกกับการขยายเนื้อเรื่องประวัติศาสตร์ในช่วงนี้ออกมาได้ละเอียดกว่าภาคก่อน ๆ เยอะ

- เนื้อเรื่องของคนอื่นก็จะมีแทรกอยู่บ้าง เช่น เนื้อของอิเอยาสึ ฮิเดโยชิ จะแทรกเป็นฉากไกเด็นอยู่ในเนื้อเรื่องของโนบุนากะ หรือเนื้อเรื่องของจิกะโนะสุเกะก็จะแทรกอยู่ในเนื้อเรื่องของมิทสึฮิเดะ

- เนื้อเรื่องภาคนี้ค่อนข้างเคารพไทม์ไลน์จริงของประวัติศาสตร์

- Free Mode ภาคนี้ไม่ได้มีเป็นอีกโหมดแยกออกมาในหน้าจอเมนู ถูกมัดรวมอยู่กับเนื้อเรื่องหลักนี่แหละ ถ้าเคยผ่านฉากนั้นแล้ว กดเล่นฉากนั้นซ้ำจะมีตัวเลือกให้เล่นแบบ Free Mode ได้

- มีฉาก DLC (มากับ Season Pass หรือซื้อแยกเอาเป็นฉาก ๆ) มีทั้งหมด 6 ฉาก ปัจจุบันปล่อยมาแล้ว 3 ฉาก ครึ่งหลังอีก 3 ฉากมีกำหนดเพิ่มในเดือน 8 เป็นเนื้อเรื่องขำ ๆ เบาสมอง แต่ความยากระดับ 10 ดาวเต็ม หลังจากนี้จะมีเพิ่มอีกหรือไม่คงต้องรอติดตาม

- เป็นฉากสั้น ๆ ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีในการเคลียร์ โดยเราจะต้องปกป้องประตูฐานทัพของเรา ไม่ให้ตัวเฝ้าประตูถูกตีตาย ถ้าตัวเฝ้าประตูโดนอัดตายประตูจะเปิด ศัตรูจะสามารถวิ่งเข้าไปในฐานของเราได้ทำให้ HP ของฐานลดลงเรื่อย ๆ เคลียร์ฉากเมื่อแม่ทัพที่เป็นบอสตาย แต่บอสจะไม่โผล่ออกมาแต่แรก ศัตรูจะมุ่งหน้ามาที่ฐานเราทีละระลอก

- รางวัลของการเคลียร์โหมดคือ “ทรัพยากร” สำหรับนำไปอัพเกรดร้านค้าต่าง ๆ ของเรา กับ “ค่าความสัมพันธ์” ของ 2 ตัวละครที่เราเลือกเล่น เมื่อค่าความสัมพันธ์เต็มหลอด จะปลดล็อกอีเวนท์พูดคุยกันของ 2 ตัวละครนั้น (มีกำหนดว่าใครมีอีเวนท์กับใครบ้าง หนึ่งตัวละครไม่ได้มีอีเวนท์กับตัวละครอื่นทุกตัว)

- จะมีการคำนวณแต้มและเกรดที่เราได้ในฉากนั้น เป็นเกรด D ถึง S คะแนนจะเพิ่มเมื่อฆ่าทหารศัตรู ฆ่าแม่ทัพ ทำมิชชั่น ต่อคอมโบ และเมื่อจบฉากจะมี Bonus Score ให้อีกตามผลงานที่เราทำได้ ยิ่งเกรดสูงยิ่งได้รางวัลมาก

- สรุปง่าย ๆ ว่าจุดประสงค์ของการเล่นโหมดนี้คือการฟาร์มทรัพยากรไปอัพเกรดร้าน กับฟาร์มค่าความสัมพันธ์ปลดล็อคอีเวนท์ใน Gallery นั่นเอง ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างมากทีเดียวกว่าจะอัพเกรดร้านค้าได้เต็มหมดทุกร้าน ถ้าจะปลดอีเวนท์พูดคุยให้หมดก็คือเล่นวนไปจนอ้วกแตก

- เพิ่ม “เซ็นกิ” ที่เป็นท่าพิเศษที่เราสามารถกดได้ใช้ได้ตลอดเมื่อเกจของท่านั้นเต็ม มีทั้งท่าบัฟ เติมมุโซ และท่าโจมตี ท่าโจมตีแต่ละท่าจะมีการระบุไว้ว่าได้ผลดีกับทหารศัตรูประเภทไหนเป็นพิเศษด้วย ทุกตัวละคร (ยกเว้นตัวละครเสริม) มีท่าเซ็นกิเฉพาะของตัวเองคนละ 1 ท่า

- เกี่ยวกับ Moveset ภาคนี้ใช้ระบบเลือกใส่อาวุธให้กับตัวละคร และทุกคนจะมี “อาวุธที่ถนัด” ของตัวเอง ถ้าใช้อาวุธที่ถนัดจะสามารถใช้ท่าชาร์จพิเศษเฉพาะตัวได้ แบบเดียวกับ Dynasty Warriors ภาค 7-9 รายละเอียดอื่น ๆ อ่านได้ที่หัวข้อ "ระอบบอาวุธ" ด้านล่าง

- Moveset ของทุกอาวุธ ไม่ว่าให้ใครใช้ก็จะเหมือนกันหมด (ยกเว้นเมื่อใช้อาวุธที่ถนัด) แต่ละอาวุธมี Moveset แตกต่างกัน ดังนั้นภาคนี้ไม่มีการแบ่งประเภท Moveset ของตัวละครออกเป็น 4 ประเภท แบบภาค 1-4 แล้ว เพราะ Moveset ถูกกำหนดด้วยอาวุธที่ใช้

- นอกจากนั้นคือเหมือนเดิมหมด สี่เหลี่ยมตีธรรมดา สามเหลี่ยมชาร์จ / จินโซคุ มุโซมี 3 หลอด มีเร็นกิเกจ เปิดเร็นกิเกจแล้วใช้มุโซโอกิไคเด็น (ท่าสุดยอด) ได้ มีไอเท็มพกพาสำหรับกดใช้เมื่อไหร่ก็ได้ มีม้า อย่างเดียวที่หายไปคือท่า R1 เฉพาะของแต่ละตัวละคร มีมิชชั่นให้ทำในฉาก โบนัสมิชชั่นต้องวิ่งหาเอง ฯลฯ

- คล้ายกับภาค 4-II ทุกคนจะมีบอร์ดตัวละครเป็นรูปตราประจำตระกูลของตัวเอง ในบอร์ดจะมีช่องสัญลักษณ์วงกลมหลาย ๆ ช่อง ที่เมื่อใช้แต้มปลดล็อคก็จะได้ค่าสเตตัสเพิ่ม หรือได้สกิลติดตัวมา

- มี Rank (เลเวลนั่นแหละ) เหมือนเดิม สเตตัสหลักของตัวละครจะเพิ่มตามแรงค์

- สามารถพัฒนาตัวละครทะลุขีดจำกัดต่อไปได้อีกหลังแรงค์ตัน โดยปลดล็อคสกิลทะลุขีดจำกัดในบอร์ดตัวละคร

- ที่เพิ่มมาคือแรงค์ความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธ (จะพูดถึงในหัวข้อถัดไป)

- ทั้ง Rank และความเชี่ยวชาญอาวุธ มีระบบค่าประสบการณ์สต็อก สำหรับสะสมไปใช้อัพให้ตัวละครที่ต้องการได้ เหมือนกับซีรี่ส์ Orochi

- อาวุธจะถูกจัดแรงค์ตั้งแต่ F ถึง S ตามสกิลอาวุธและสกิลเลเวลที่อาวุธชิ้นนั้นมี ยิ่งอาวุธติดสกิลดี ๆ เลเวลสูง ๆ ก็ยิ่งแรงค์สูงตาม ถ้าตัวละครมีแรงค์ความถนัดในการใช้ต่ำกว่าก็ใช้อาวุธนั้นไม่ได้

- ภาคนี้มีอาวุธแค่ 3 ระดับ คือ
1. อาวุธระดับต่ำ (แบ็คกราวน์เป็นสีทองแดง)
2. อาวุธระดับสูง (แบ็คกราวน์เป็นสีเงิน)
3. อาวุธแรร์ (แบ็คกราวน์เป็นสีทอง)
แบ่งตามพลังโจมตีพื้นฐาน ทองแดงต่ำสุด เงินอยู่ตรงกลาง ทองสูงสุด

- เราสามารถเลือกใส่สกิลอาวุธลงในอาวุธระดับต่ำและระดับสูง และเพิ่มเลเวลสกิลอาวุธ (เต็ม 9) เองได้อย่างอิสระ

- อาวุธแรร์เป็นอาวุธที่มาแทนอาวุธสุดยอดประจำตัวของแต่ละคน ต้องทำเงื่อนไขในการเก็บคล้ายกับภาคก่อน ๆ อาวุธ 1 ชนิด มีอาวุธแรร์ 1 อัน ดังนั้นภาคนี้ไม่มีอาวุธสุดยอดประจำตัวละครให้เก็บแล้ว และอาวุธแรร์จะเป็นอาวุธแรงค์ S ทุกชิ้น

- อาวุธแรร์จะมีสกิล 8 สกิลติดมาให้ ซึ่งเราไม่สามารถแก้ไขสกิลหรืออัพสกิลเลเวลของอาวุธแรร์ได้ โดยสกิลเลเวลของอาวุธแรร์จะอยู่ที่ 6-8 (ส่วนใหญ่เลเวล 7 / เลเวล 6 กับ 8 เป็นส่วนน้อย) แน่นอนว่าบางอันก็มีสกิลงี่เง่าติดมาด้วย ส่งผลให้แม้อาวุธแรร์จะมีพลังโจมตีพื้นฐานสูงที่สุด ก็ไม่ดีเท่าอาวุธระดับสูงช่องว่าง 8 สล็อต ที่เราสามารถเลือกติดสกิลดี ๆ ให้เองได้ และอัพเลเวลสกิลได้ถึง 9 หมดทุกสกิล

- อาวุธ DLC (มากับ Season Pass หรือซื้อแยกเอาเป็นเซ็ต มีเซ็ตละ 3 อาวุธ) เป็นอาวุธในระดับเดียวกับอาวุธแรร์ (แบ็คกราวน์สีทอง) พลังโจมตีเท่ากัน แต่สกิลจะดีกว่าอาวุธแรร์ คือมีครบ 8 สกิลในอาวุธ เลเวลสกิลทุกอันเป็นเลเวล 8 ขึ้นไป มี 2-3 สกิลเลเวล 9 และมีสกิลโง่ ๆ ปนอยู่น้อยกว่าอาวุธแรร์ อัพเลเวลและแก้ไขสกิลไม่ได้เหมือนกัน จุดที่แตกต่างกับอาวุธแรร์คือ ไม่มีแรงค์อาวุธกำกับ ไม่ว่าแรงค์ความถนัดของตัวละครจะเป็นเท่าไหร่ก็สามารถใช้อาวุธ DLC ได้

- อาวุธ Pre-order / ซื้อเกมในช่วงโปรโมชั่น เป็นอาวุธระดับต่ำ (ชื่อ-หน้าตาเดียวกัน) ที่มีสกิลพื้นฐานเลเวลกลาง ๆ ติดมาให้ 4 สล็อต เหมาะสำหรับใช้เล่นในช่วงแรก ๆ ไม่สามารถแก้ไขสกิลได้เพราะไม่มีสล็อตว่าง แต่สามารถอัพเลเวลสกิลได้

ความสนุกผมให้ไม่แพ้ภาค 4 เลยสำหรับภาคนี้

- ระบบต่อสู้และรายละเอียดของฉาก 1 ฉากในโหมดเนื้อเรื่องยังสนุกเหมือนเดิม แม้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากภาคก่อน ๆ มาก ซึ่งอาจจะดีแล้วสำหรับอีค่ายข่อยนี่ เพราะพอมันพยายามทำอะไรใหม่ ๆ แม่มพังตลอด

- เนื้อเรื่องเล่าได้ดี มีความน่าติดตาม ตอนแรกคิดว่าโฟกัสแค่โนบุนากะกับมิทสึฮิเดะ 2 คน เนื้อเรื่องจะสั้น ๆ น่าเบื่อ แต่พอเล่นจริง เฮ้ย ดีอ่ะ การรีดีไซน์ตัวละครใหม่ทำให้ภาคนี้เราได้เห็นโนบุนากะกับมิทสึฮิเดะในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้ผมชอบมิทสึฮิเดะขึ้นมาเลยนะ จากที่ผมมองมิทสึฮิเดะเป็นแค่ไอ้กากมาตลอดภาค 1-4

- รวมถึงตัวละครอื่น ๆ ที่ถูกรีดีไซน์ใหม่และกำหนดนิสัยบุคลิกใหม่ ก็ทำให้รู้สึกไม่จำเจกับภาคก่อน ๆ อย่างบทบาทของโนฮิเมะกับคัทสึอิเอะในภาคนี้ทำผมถึงกับอึ้งเลย หรือจะเป็นอิเอยาสึที่เปลี่ยนจากหลังตีนเป็นหน้ามือ หรือโยชิโมโตะที่ไม่ได้เป็นบักเอ๋อเตะบอลโผล่มาให้โนบุนากะกระทืบฉากเดียวหมดบทแล้ว

- แน่นอนว่าเหล่าตัวละครใหม่ที่มาช่วยเติมเต็มก็นำความสดใหม่มาให้เกมได้เช่นเคย ตอนนี้มายโลดี้กลายเป็นติ่งน้องกวาง (จิกะโนะสุเกะ) แล้ว ขอยกให้น้องเป็นนางเอกบทมิทสึฮิเดะ

- เนื้อเรื่องภาคนี้ค่อนข้างเคารพไทม์ไลน์จริงของประวัติศาสตร์ รวมกับการโฟกัสไปที่โนบุนากะกับมิทสึฮิเดะแค่ 2 คน ทำให้การแบ่งบทตัวละครไม่ค่อยดีอย่างช่วยไม่ได้ อย่าง ชินเก็น เคนชิน มีบทน้อยมาก ขนาดโทชิอิเอะที่เป็นตัวละครฝั่งโอดะยังค่อนข้างจืดจางเลย (แต่โยชิโมโตะมีบทเพิ่มขึ้นนะ น่าจะมีบทมากกว่าภาค 1-4 รวมกันอีก)

- โหมดปกป้องปราสาท เป็นสิ่งที่คิดว่าไม่ควรเพิ่มเข้ามาเลย เพราะสิ่งที่ต้องคือซ้ำซากเหมือนกันหมดตั้งแต่ฉากแรกยันฉากสุดท้าย แต่ต้องเล่นหลายรอบมากวนไปเพื่อฟาร์มทรัพยากรมาอัพร้านค้า ไม่เล่นก็ไม่ได้ ถ้าจะเก็บค่าความสัมพันธ์ให้ครบด้วยก็ต้องเล่นเกิน 200 รอบ

- ระบบอาวุธ ค่ายข่อยให้เหตุผลว่า “เปลี่ยนเพราะมีคนคอมเมนต์ว่าชอบตัวละครแต่ไม่ชอบอาวุธกับ Moveset ของตัวละคร” ซึ่งตูไม่เชื่อโว้ย เอ็งแค่ขี้เกียจแน่ ๆ ส่วนตัวอยากได้ระบบอาวุธใครอาวุธมันแบบเดิมมากกว่าเพราะมันเป็นเสน่ห์ของตัวละครแต่ละตัวด้วย แล้วท่า EX ของทุกคนค่อนข้างทรงพลัง ถ้าเปลี่ยนไปใช้อาวุธอื่นที่ไม่ถนัดก็ใช้ไม่ได้

- รันมารุเป็นตัวละครที่ไม่ควรโดนตัดออกจากภาคนี้ด้วยประการทั้งปวง เฮ้ยคือนี่สตอรี่โอดะอ่ะ น้องต้องมีบทอ่ะ ซึ่งภาคนี้เหมือนใส่ยาสุเกะมาแทนบทของรันมารุเฉยเลย ส่วนอีกคนที่คิดว่าควรต้องได้อยู่คืออายะโกเซ็น

- มายโลดี้เป็นติ่งซานาดะ... เทอจะเอาขุ่นพี่โนบุยูกิมายโอชิมาให้ฉันเล่นภาคเดียวแล้วเก็บกลับไม่ได้...

- การรีดีไซน์ตัวละคร พูดถึงในสิ่งที่ชอบไปแล้วว่าแปลกใหม่ แต่ก็รู้สึกเสียดายตัวละครเซ็ตเดิม ผูกพันกันมาตั้ง 4+1 ภาค ไหนจะในโอโรจิอีก