ภาค 3 นี้จริงๆมันดีงามตรงที่มีดราม่านี่แหละครับ ส่วนแอ็คชั่นผมชอบฉากสู้กับมวยไทยที่สุดละ เจ๋งเลยนะตอนแรกนึกว่าคงไม่มีอะไรให้น่าจดจำ ที่ไหนได้เปล่าเลย

คือยิปมัน 2ภาคแรกมันไปโฟกัสที่ค่านิยมรักชาติของคนจีน และหนังก็มีนัยยะทางการเมืองสูงเลย แบบจีนสู้กับชาติอื่นที่กดขี่ และหนังภาค2 ว่ากันตรงๆมันลอก Cinderella Man (2005) ของ Ron Howard มาค่อนข้างเยอะ อย่างฉากต่อยมวยแล้วเมียก็ลุ้นไปด้วยโดยฟังวิทยุบรรยายสดๆอยู่ที่บ้าน แต่หนังมันไม่ได้โฟกัสที่ครอบครัวของยิปมันเหมือน Cinderella Man ไงครับ อารมณ์ส่วนนี้ในหนังมันเลยไปไม่สุด คราวนี้พอมาภาค 3 ผู้สร้างก็หันมาให้ความสำคัญกับครอบครัวของยิปมันมากขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วหนังมันควรจบปิดฉากยิปมันแค่นี้จะดีงามกว่า


แต่ถ้าจะสร้างภาค4 ก็อยากให้เล่าถึงยิปมันแก่ตายเป็นหนังดราม่าชีวิตไปเลย คือก็ไม่รู้ว่าภาค4 มันจะสู้กับอะไร เล่าเรื่องอะไรอีกแล้ว ไม่งั้นมันก็ซ้ำเดิมๆ เดี๋ยวจะเหมือนหวงเฟยหงของหลี่เหลียนเจี๋ย ที่ถ้าหลังภาค2 มันไม่ทำออกทะเลจนไปสู้กับโจรสลัด ไปอเมริกา มันจะจบสวยมากเลย คือเสียดายที่มันไปเล่าชีวประวัติหวงเฟยหงก็ตอนเป็นทีวีซีรี่ย์แล้ว คือมีช่วงเปลี่ยนแปลงยุคสมัย มีปฏิวัติ มีตัดผมเปียมาไว้รองทรงด้วย แล้วเวอร์ชั่นเดวิดเจียง ก็เล่าถึงหวงเฟยหงตอนแก่ มีการแต่งงานใหม่ได้เมียเด็กแบบชีวประวัติจริง คือถ้ายิปมัน4 จะมี คิดว่ามันควรไปแนวทางนั้น



ฉากบู๊ผมให้ผ่านนะ ออกมาสวยอยู่ แต่ส่วนตัวผมชอบ SPL2 มากกว่า ซึ่งฉากบู๊ในภาค3 นี้มันไม่ดิบโหดเท่าสองภาคก่อน เพราะหงจินเป่าไม่ได้กำกับคิวบู๊ เพราะไปสร้าง The Bodyguard



The Bodyguard คิวบู๊ดุแรงสไตล์หงจินเป่า


แต่การที่คิวบู๊ ยิปมัน3 ไม่โหดก็ถือว่าเข้ากับหนังดีเพราะภาคนี้มันเป็นหนังครอบครัว แบบที่อาตี๋สามารถพาอาม่าอากงไปดูได้ ส่วนตัวผมว่ายิปมัน3 ก็พอๆกับไอ้ไดโนเสาร์จูราสสิค เวิร์ลแหละ ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่ดีงามกว่าตรงที่มีดราม่า