Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
[ดราม่า] ผู้แต่ง The Witcher บอกหนังสือต่างหากที่ทำให้เกมดัง, ผู้แต่ง Metro สวนกลับ “เขามันไอ้หยิ่งจองหอง”
BeBear Skywalker at 2017-04-19 19:25:59 , Reads (10169), Comments (29) , Source :



นำมาเสนอเคสเดียวกับจอร์จ ลูคัส ที่ตอนแรกสร้างหนัง Starwars เลย
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อันเดรย์ แซ็บโควสกี้ ผู้ให้กำเนิดนิยายและเรื่องสั้นชุด The Witcher ได้เปิดเผยความในใจระหว่างการสัมภาษณ์กับ Waypoint ว่าเกม The Witcher ทำให้ยอดขายหนังสือของเขาตก และยังบอกว่าหนังสือของเขาต่างหากที่ทำให้เกมโด่งดังนอกยุโรปตะวันออก

“ความเชื่อที่ว่า CD Projekt Red เป็นคนแพร่กระจาย [The Witcher] ไปสู่วงกว้าง และเกมทำให้ผมโด่งดังนอกประเทศโปแลนด์เป็นเรื่องผิดมหันต์ ผมต่างหากที่ทำให้เกมโด่งดัง ผลงานการแปลเป็นภาษาอื่นๆ ทั้งหมดในตะวันตก รวมถึงอังกฤษ ถูกตีพิมพ์ก่อนที่เกมภาคแรกจะออกซะอีก”

ดูเหมือนแซ็บโควสกี้จะเข้าใจผิดไปเองครับ เพราะเกม The Witcher ภาคแรกออกวางจำหน่ายทั่วโลกบน PC ในเดือนตุลาคม 2006 แต่หนังสือ Witcher เล่มแรกที่วางจำหน่ายในอังกฤษ ซึ่งก็คือ The Last Wish วางขายในปี 2007 ขณะที่ Blood of Elves นวนิยายเล่มแรกก็ไม่ได้ขายในอังกฤษจนกระทั่งปี 2008

แซ็บโควสกี้บอกว่าที่ผ่านมาเกม The Witcher ทำให้ยอดขายหนังสือเขาตกพอๆ กับคนที่ซื้อหนังสือเพราะเล่นเกมมาก่อน ทำให้กลายเป็นว่าเขาขายหนังสือได้เท่าเดิม “มีคนเล่นเกมมากขึ้นเพราะพวกเขาได้อ่านหนังสือของผม เท่าที่ผมนับดูนะ แต่ก็ไม่แน่ใจ ผมไม่เคยศึกษาเรื่องนี้”



อย่างไรก็ดี แซ็บโควสกี้ก็ยังพูดถึงเกมในด้านดีอยู่เล็กน้อย เขายอมรับว่าที่เขาขายมันไปก็เพื่อเงินเท่านั้น และที่อ้างว่าเกมทำลายตลาดของเขาก็เป็นเพราะนักเขียนที่เขาเจอมีอายุน้อยกว่าเขา และต่างคิดกันว่าเขาแต่งนิยายที่ดัดแปลงมาจากเกมอีกที

แน่นอนว่าย่อมมีคนเห็นต่าง ดิมิทรี กลูฮอฟสกี้ ผู้แต่ง Metro ได้ออกมาสวนกลับว่าอันเดรย์ แซ็บโควสกี้ ไม่เพียงแต่ “เข้าใจผิดทั้งหมด” เท่านั้นแต่ยังเป็น “ไอ้หยิ่งจองหอง” อีกด้วย เพราะสิ่งที่แซ็บโควสกี้พูดนั้นมันช่างตื้นเขิน “ปราศจากเกมแฟรนไชส์ ซีรี่ส์ Witcher ก็ไม่มีทางที่จะมีคนต่างชาติอ่านมากมายขนาดนี้”

กลูฮอฟสกี้ให้เครดิตว่าเหตุที่ Metro ได้รับความนิยมนอกยุโรปตะวันออกเป็นเพราะ 4A Games และเกมซีรี่ส์ Metro เขาไม่เพียงแต่พูดถึงสิ่งดีๆ เกี่ยวกับการทำงานกับเกมเท่านั้น แต่เขายังจัดการความสมดุลในการร่วมมือกับ 4A Games เพื่อช่วยกำหนดเรื่องราวทั้งหมดด้วยการเคารพนับถือนักพัฒนาเกมที่มีความเชี่ยวชาญกับสื่อด้านนี้ ซึ่งตรงข้ามกับกลูฮอฟสกี้ที่รับเงินก้อนเดียวแล้วก็หายจ้อยไปเลย


ข้างล่างนี่เป็นข่าวเก่า เผื่อใครไม่ได้อ่าน อ่านดูละขำดี



-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผู้ให้กำเนิด The Witcher ไม่ได้เงินสักแดงเดียวจากความสำเร็จของเกม



The Witcher ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเกม RPG ที่ประสบความมากๆ ในยุคนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า อันเดรย์ แซ็บโควสกี้ ผู้ให้กำเนิดนิยายและเรื่องสั้นชุด The Witcher จะได้รับเงินเป็นกอบเป็นกำจากความสำเร็จนั้นครับ

แซ็บโควสกี้ให้สัมภาษณ์กับ Eurogamer ว่าเขาไม่เคยเป็นนักเล่นเกมและไม่เคยสนใจในเกมเลย นั่นทำให้เขาไม่คิดว่าเกมจะประสบความสำเร็จและได้ขายลิขสิทธิ์ให้กับ CD Projekt Red โดยไม่ขอส่วนแบ่งใดๆ ทั้งหมดที่เขาได้คือเช็คใบเดียวเท่านั้น

“ผมโง่พอที่ขายลิขสิทธิ์ให้พวกเขาทั้วยวง พวกเขาเสนอส่วนแบ่งของกำไรให้ผม แต่ผมบอกว่า ‘ไม่เอา มันจะไม่มีกำไรแน่นอน เอาเงินทั้งหมดของผมมาเดี๋ยวนี้! ทั้งหมดเลย’ มันเป็นเรื่องที่โง่มาก ผมโง่เองที่ปล่อยทุกอย่างให้ไปอยู่ในมือของพวกเขาเพราะผมไม่เชื่อว่าพวกเขาจะทำสำเร็จ แต่ใครจะล่วงรู้ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จล่ะ ผมไม่รู้”

ในประเทศโปแลนด์ แซ็บโควสกี้มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ผู้ประพันธ์นิยายแฟนตาซีระดับคลาสสิก The Hobbit, The Lord of the Rings และ The Silmarillion แต่ข้างนอกโปแลนด์ ผู้คนต่างคิดกันว่านิยาย The Witcher มาจากเกมครับ ซึ่งแซ็บโควสกี้บอกว่าบางครั้งผู้คนที่พูดคุยกับเขามักเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนแต่งนิยายจากเกม The Witcher มากกว่าที่จะเป็นคนสร้างเกรัลท์และสิริขึ้นมา

“มันเกิดขึ้นแล้ว ผมจำได้ว่าผมรู้คำด่าเยอะมาก และผมก็ด่าพวกนั้นไปในหลายๆ ภาษา”

Credit : 4gamerth.com

แสดงความคิดเห็น
20 more comments >>
อ่านดูแล้ว รู้สึกไม่แปลกที่แกจะเคืองนะ

เป็นเจ้าของผลงานตัวจริง แต่มีคนไปว่าแกว่าเขียนนิยายจากตัวเกม
คงโดนถาม โดนว่าจากหลายๆทาง ไม่งั้นคงไม่ออกอาการขนาดนี้
จากบทสัมภาษณ์เก่าของแก ที่บอกว่า "ไม่น่าขายเอาเงินแค่ก้อนเดียวเลย เพราะคิดว่ามันไม่มีทางออกมาดี" นั้นแหละเป็นสิ่งที่บ่งบอกแล้วว่า ทัศนคติต่อฝั่งเกมเป็นยังไง คล้ายๆพวกผู้เฒ่าผู้แก่บ้านเราแหละ ส่วน Dmitry นี่ถึงกับเข้าไปพัวพันกับ dev เลยด้วยซ้ำ มันก็บ่งบอกอยู่ละจากการกระทำ
ว่าจะไปหาหนังสือมาอ่านอยู่เหมือนกัน แต่ได้ยินว่า Triss ในหนังสือนิสัยแย่มาก เลยไม่กล้าอ่าน 555
ลุงจะคิดว่า จะแป้กในช่วงแรก ๆ ก็ไม่แปลกหรอก
ช่วงแรก ภาคแรกคนไม่พอต้องตัดเนื้อหา เกณฑ์คนทำ
ภาคสอง บริษัทเกือบล้มจม
มาเข้าที่เข้าทางก็ภาคสามโน้น

จะผู้ใหญ่ประเทศเราหรือประเทศไหนใครอยากร่วมหัวจมท้ายกับสิ่งที่มองไม่เห็นอนาคตบ้าง
เอาจริงๆแล้วถ้าดูสถานการณ์ตอนนั้นก็ไม่ถือว่าลุงแกพลาดหรอก ค่ายเกมโนเนมที่ไหนไม่รู้เอาไปทำเกมภาคแรกก็คงต้องบอกว่าก็แค่งั้นๆไม่ใช่เกมดังอะไรเลย ภาค 2 เริ่มดูดีขึ้นมานิดนึงแต่ก็ยังเทียบอะไรกับเกมที่ออกยุคเดียวกันอย่าง Skyrim Dragon age อะไรพวกนี้ไม่ได้เลยซักนิด มาเปรี้ยงเอาภาคสามนี่แหละโหทอปฟอร์มมาจากไหนครับลูกเพ่
ลุงแกพลาดแล้วยังมา roasted ตัวเองตอนหลังเนี่ยแหละที่ฮา
แต่งเรื่องใหม่ใช้จักรวาลเดิมแต่งให้เทพกว่าเดิมแล้วเอาไปขายให้ CDPR อีกรอบดิลุง
Yo-Kai Watch กับ Inazuma Eleven ยังทำจากเกมเลย ดังเป็นพลุแตกเลย โดยเฉพาะ Yo-Kai Watch
จิงๆก็ถูกของแกนะ ถ้าไม่มีนิยายแก เกมนี้ก็ไม่มี ไม่ได้สร้าง
ผมว่าจะเอาขุนแผนไปเสนอ CD ให้ทำเป็นเกมหน่อยหน่อย
ลุงเซ็งเลย อดได้ส่วนแบ่ง