Review : The Fate of the Furious (น้ำตาพี่ดอม)
Review : The Fate of the Furious (น้ำตาพี่ดอม)
กำกับ : F. Gary Gray (The Italian Job, Law Abiding Citizen, Straight Outa Compton)
หนังที่หลังจากภาค 5 เป็นต้นมาก็เริ่มพัฒนาเป็นซีรีส์โคตรฮิตขนาดที่ว่ายึดโรงแทบทุกโรงแล้วยังเต็มแทบทุกรอบอีก ก็ถือเป็นหนังไฟท์บังคับที่ยังไงผมก็ได้ดูแน่นอนเพราะเป็นหนังซีรี่ส์ที่ภรรยาผมชื่นชอบมาก แต่เรื่องความบันเทิงมันก็สอบผ่านมาตลอดแหละครับ แล้วภาค 8 นี้จะเป็นอย่างไรมาดูกันครับ
The Fate of the Furious เล่าถึง Dominick Toretto (Vin Diesel) นักซิ่งและนักบู๊มหาประลัย และก๊วนเพื่อนแก๊งเดิมของเขาที่ผูกพันกันเหมือนเป็น “ครอบครัว” แต่แล้วเขาก็ได้พบกับ Cipher (Chalize Theron) แฮ็คเกอร์สาวที่ถือไพ่บางอย่างเหนือกว่าเขา และทำให้เขาทำงานให้เธอและทรยศครอบครัวของเขาได้ สุดท้ายแล้ว ดอมจะได้กลับมาหาครอบครัวของเขาหรือไม่ แล้วเพื่อนๆของเขาจะให้อภัยให้เขางั้นหรือ? ติดตามใน The Fate of the Furious ครับ
ก็ถือว่าผมเห็นตรงกับรีวิวหลายๆเจ้าที่ว่า Fast ภาคนี้สนุกขึ้น คือรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันเข้มข้นขึ้นจริงๆ หลายๆอย่างมัน At Stake วิกฤติมากขึ้น ไม่ใช่หาเรื่องมาขับรถกันเท่ห์ๆอย่างเดียว และรู้สึกว่าตัวละครหลายตัวมีการพัฒนา มีรสชาติมากขึ้น Roman จากตลกอยู่แล้วก็ตลกขึ้นอีก ตัว Deckard (Jason Statham) ก็ทวีความเท่มากขึ้น ได้โชว์บู๊มากขึ้น แถมยังเสริมความตลกเข้ามาอีกด้วย ทำให้ตัวละครมัน Likable ขึ้นมาก แล้วยังมีการขุดตัวละครเก่าๆขึ้นมาบางตัวอีกด้วยนะ (แต่จะเป็นใครต้องไปดูเองครับ) ส่วนตัวละครใหม่ที่เป็นลูกน้องของ Mr. Nobody ก็ทำได้ดีเช่นกัน ดูจะมาเป็นคู่กัดคนใหม่ของโRoman ได้เป็นอย่างดี
ฉากแอคชั่น และความตลก ก็ได้รับการพัฒนามาจากภาค 7 มากเช่นกัน คือภาค 7 นี่มันเหมือนจะมีหลายอย่างมาบีบเราว่าต้องชอบหนังนะ ต้องสนุกนะ เพราะเป็น Fast สุดท้ายของ Paul Walker และมีจา พนม แสดงด้วย (แต่เอาเข้าจริงฉากขับหนีโดรนท้ายเรื่องผมรู้สึกมึนๆดูไม่ค่อยรู้เรื่อง และฉากพี่ดอมกับ Deckard เอาท่อนเหล็กมาฟาดๆกันนี่ผมว่าจืดสนิท) แต่ภาค 8 นี้บอกได้เต็มปากเลยว่าสนุกจริงๆ ฉากไล่ล่ากลางทุ่งน้ำแข็งท้ายเรื่องนี้ผมให้อยู่ระดับเดียวกับฉาก “ลากตู้เซฟ” ที่เป็นหนึ่งในฉากที่ดีที่สุดของซีรี่ส์นี้เลยครับ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นชื่อเสีย(?) ของหนังตระกูล Fast เรื่องความเว่อร์ ความไม่สมเหตุสมผล ในภาคนี้ก็ยังคงมีอยู่ แถมบางอันมันก็น่าเกลียดมากจนไม่อาจให้อภัยได้จำใจต้องตัดคะแนน (อย่างตัวร้ายมีอุปกรณ์ไฮเทคมากมาย ดูกล้องได้ทุกตัวในเมือง แต่จะติดไมค์ดักฟังที่เสื้อพี่ดอมซักตัวนี่ไม่ได้เลยเรอะ) อ้อ อีกอย่างที่รู้สึกว่าพัฒนาขึ้นคือการแสดงครับ ที่ภาคนี้เราจะได้เห็นน้ำตาพี่ดอมซะที ซึ่งแกก็เล่นใช้ได้เลยครับ ถึงแม้จะไม่ใช่ระดับหวังรางวัล แต่มันก็ทำให้ตัวละครมีมิติขึ้น ดีกว่ากูเท่ห์ กูรู้ทันไปซะหมดเหมือนที่เคยเป็นมาเป็นไหนๆ
สรุป : ก็ถือเป็น Fast ที่ชอบมากกว่าภาคอื่นๆ พัฒนาขึ้นจากภาค 7 มาก สูสีกับภาค 5 ที่เป็นภาคที่ชอบครับ
คะแนน ให้ 7.9/10 (B+) ชอบครับ
กำกับ : F. Gary Gray (The Italian Job, Law Abiding Citizen, Straight Outa Compton)
หนังที่หลังจากภาค 5 เป็นต้นมาก็เริ่มพัฒนาเป็นซีรีส์โคตรฮิตขนาดที่ว่ายึดโรงแทบทุกโรงแล้วยังเต็มแทบทุกรอบอีก ก็ถือเป็นหนังไฟท์บังคับที่ยังไงผมก็ได้ดูแน่นอนเพราะเป็นหนังซีรี่ส์ที่ภรรยาผมชื่นชอบมาก แต่เรื่องความบันเทิงมันก็สอบผ่านมาตลอดแหละครับ แล้วภาค 8 นี้จะเป็นอย่างไรมาดูกันครับ
The Fate of the Furious เล่าถึง Dominick Toretto (Vin Diesel) นักซิ่งและนักบู๊มหาประลัย และก๊วนเพื่อนแก๊งเดิมของเขาที่ผูกพันกันเหมือนเป็น “ครอบครัว” แต่แล้วเขาก็ได้พบกับ Cipher (Chalize Theron) แฮ็คเกอร์สาวที่ถือไพ่บางอย่างเหนือกว่าเขา และทำให้เขาทำงานให้เธอและทรยศครอบครัวของเขาได้ สุดท้ายแล้ว ดอมจะได้กลับมาหาครอบครัวของเขาหรือไม่ แล้วเพื่อนๆของเขาจะให้อภัยให้เขางั้นหรือ? ติดตามใน The Fate of the Furious ครับ
ก็ถือว่าผมเห็นตรงกับรีวิวหลายๆเจ้าที่ว่า Fast ภาคนี้สนุกขึ้น คือรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันเข้มข้นขึ้นจริงๆ หลายๆอย่างมัน At Stake วิกฤติมากขึ้น ไม่ใช่หาเรื่องมาขับรถกันเท่ห์ๆอย่างเดียว และรู้สึกว่าตัวละครหลายตัวมีการพัฒนา มีรสชาติมากขึ้น Roman จากตลกอยู่แล้วก็ตลกขึ้นอีก ตัว Deckard (Jason Statham) ก็ทวีความเท่มากขึ้น ได้โชว์บู๊มากขึ้น แถมยังเสริมความตลกเข้ามาอีกด้วย ทำให้ตัวละครมัน Likable ขึ้นมาก แล้วยังมีการขุดตัวละครเก่าๆขึ้นมาบางตัวอีกด้วยนะ (แต่จะเป็นใครต้องไปดูเองครับ) ส่วนตัวละครใหม่ที่เป็นลูกน้องของ Mr. Nobody ก็ทำได้ดีเช่นกัน ดูจะมาเป็นคู่กัดคนใหม่ของโRoman ได้เป็นอย่างดี
ฉากแอคชั่น และความตลก ก็ได้รับการพัฒนามาจากภาค 7 มากเช่นกัน คือภาค 7 นี่มันเหมือนจะมีหลายอย่างมาบีบเราว่าต้องชอบหนังนะ ต้องสนุกนะ เพราะเป็น Fast สุดท้ายของ Paul Walker และมีจา พนม แสดงด้วย (แต่เอาเข้าจริงฉากขับหนีโดรนท้ายเรื่องผมรู้สึกมึนๆดูไม่ค่อยรู้เรื่อง และฉากพี่ดอมกับ Deckard เอาท่อนเหล็กมาฟาดๆกันนี่ผมว่าจืดสนิท) แต่ภาค 8 นี้บอกได้เต็มปากเลยว่าสนุกจริงๆ ฉากไล่ล่ากลางทุ่งน้ำแข็งท้ายเรื่องนี้ผมให้อยู่ระดับเดียวกับฉาก “ลากตู้เซฟ” ที่เป็นหนึ่งในฉากที่ดีที่สุดของซีรี่ส์นี้เลยครับ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นชื่อเสีย(?) ของหนังตระกูล Fast เรื่องความเว่อร์ ความไม่สมเหตุสมผล ในภาคนี้ก็ยังคงมีอยู่ แถมบางอันมันก็น่าเกลียดมากจนไม่อาจให้อภัยได้จำใจต้องตัดคะแนน (อย่างตัวร้ายมีอุปกรณ์ไฮเทคมากมาย ดูกล้องได้ทุกตัวในเมือง แต่จะติดไมค์ดักฟังที่เสื้อพี่ดอมซักตัวนี่ไม่ได้เลยเรอะ) อ้อ อีกอย่างที่รู้สึกว่าพัฒนาขึ้นคือการแสดงครับ ที่ภาคนี้เราจะได้เห็นน้ำตาพี่ดอมซะที ซึ่งแกก็เล่นใช้ได้เลยครับ ถึงแม้จะไม่ใช่ระดับหวังรางวัล แต่มันก็ทำให้ตัวละครมีมิติขึ้น ดีกว่ากูเท่ห์ กูรู้ทันไปซะหมดเหมือนที่เคยเป็นมาเป็นไหนๆ
สรุป : ก็ถือเป็น Fast ที่ชอบมากกว่าภาคอื่นๆ พัฒนาขึ้นจากภาค 7 มาก สูสีกับภาค 5 ที่เป็นภาคที่ชอบครับ
คะแนน ให้ 7.9/10 (B+) ชอบครับ
Popular News
แสดงความคิดเห็น
นาย No Body ก็ introduce ตัวร้ายคนใหม่มา แสดงโดยดาราดังๆอีกหนึ่ง เงินเยอะไง จ้างใครก็ได้ (ซิลเวสเตอร์ สตอลลโลน อาร์โนลด์ หรือจัสติน บีเบอร์ ไม่ก็ เมอรีล สตรีพ ทอมแฮงค์ไรงี้ มายังได้) คราวนี้มาพร้อมกับ แสนยานุภาพทรงพลังใหม่ เราอาจจะต้องสู้กันนอกโลก แต่ไม่ต้องห่วงองค์กรเราสร้างจรวดไว้แล้ว
แรมซีย์ กับ เทจ ก็พ่นศัพท์เทคโนโลยีกับ IT บลา บลา บลา (ที่อาจจะไม่มีอยู่จริงในโลก) นายโรมัน ก็ทำตัวโง่ๆตลกๆเช่นเคย
คราวนี้เราไม่ได้ Fast แบบธรรมดา เรามาแบบ Faster with Flying!! ดอมพ่นคำพูดเท่ๆ ออกมาถ้ามีปีกหรือ spotlight ส่องด้านหลัง ดุจบรรลุนิพพานแล้ว ก็ทำได้เช่นกัน
นาย No Body ยืนพูดหน้าเก๊กนิดๆ "แต่ยังไงซะเราต้องยืมมือคนคนนี้เข้ามาช่วย ไม่งั้นภารกิจนี้ก็ทำไม่ได้" แล้วไซเฟอร์ โผล่มา ทุกคนในทีมตกตะลึง
ไซเฟอร์พูดกับดอม "เฮ้!! กูฆ่าแม่ของลูกมึง แล้วเกือบฆ่าลูกมึง แต่เรายังโอเคอยู่ใช่มะ"
ดอมกับไซเฟอร์มองหน้าดุๆกันพักนึง เหมือนนักมวยปล้ำกำลังจะเริ่มปล้ำ
ไซเฟอร์ "กูหิ้วเบียร์โคโลน่ามาให้มึงแดกด้วยนะ"
ดอมยิ้มพริมใจพร้อมยื่นมือรับเบียร์ "FAMILY"
แล้วภาค 9-10-11 ก็วนเนื้อเรื่องพล็อตแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่หนังก็ยังขายได้ร้อยล้าน พันล้าน
เค ไปดมกาวต่อละ
แล้ว The Fast หลังๆมันมีความเป็นการ์ตูนมาก อย่างรถติดเกราะกันกระสุนไปลุยกับผู้ร้ายนี่นึกถึง Knight Rider
แล้วหนังมันมาถึงจุดที่ไม่ว่าใครก็ตายแล้วฟึ้นได้ ภาคนี้น้องบักชอว์ ภาค 9 จะเอาฮานกลับมาก็ได้ ไม่ต้องพูดถึงเมียดอม น้องผมดูแล้วไม่เชื่อว่าตาย 100% คือไม่รู้สึกอาลัยอาวร ว่าเกิดการสูญเสียตัวละครแบบไม่มีวันกลับสำหรับซีรี่ส์นี้ เหมือนดราก้อนบอลที่เราเฉยๆไม่ว่าใครจะตาย จีจี้ คุริริน ตายแล้วไง เพราะเดี๋ยวก็ขอพรชุบขึ้นมาได้
อันนี้พูดในแง่วิจารณ์ การที่ใครจะชอบไม่ชอบภาคไหน เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่ละคนก็ชอบไม่เหมือนกัน และความชอบ/ไม่ชอบนี้ก็ยังเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อก่อนไม่ชอบภาคนี้ วันนี้มาดูอีกทีรู้สึกชอบภาคนี้ อย่าง John Wick บางคนก็ดูแล้วไม่สนุกนะ
เพราะงั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะวัดว่าภาคไหนสนุกกว่ากัน แต่คุณค่าของหนัง มันจะมั่นคงไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง (ถึงแม้จะขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละสังคม แต่ละยุคสมัย) อย่าง Fast ภาคแรกก็มีคุณค่าในฐานะต้นกำเนิด (จริงๆมี The fast and the furious ปี 1955 ด้วยนะ)
เคยตั้งกระทู้หนังแนวซิ่งรถ ผมยก The French Connection, C"etait un rendez-vous, Mad Max 2 (ตอนนั้นภาค4 ยังไม่ฉาย) พวกนี้มีคุณค่า ริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นที่น่าจดจำ แต่ถ้าเอาความมันส์เข้าว่าพวกนี้สู้ Fast 8 ไม่ได้ แต่ถ้าจะเอามันส์ ผมยกให้พวกรวมคลิปรถชนในยูป บางคลิปแค่ 15-20นาที แต่มันส์กว่า The fast ทั้งเรื่อง
7 นี้โดนแก้แถมปรับบทตอนพอลตาย ทำให้มันดูล้นๆ จืดๆ แถมเว่อร์เกินไปครับ แถมไคลแมกห่วย มาถือแป๊บเหล็กตีกันซะงั้น
แต่ยังไงๆ ตู้เซฟภาค5 คือมาสเตอร์พีช ครับ
ภาคแรกถึงจะตีหัวเข้าบ้าน (จริงๆก็ตีหัวเข้าบ้านทุกภาค) เป็นหนังวัยรุ่น โชว์ความเท่ เอาใจวัยจ๊าบ ใช้รถแต่งเท่ๆเป็นจุดขาย แต่ก็เป็นภาคที่ดีที่สุด ถ้าจะเอาดราม่าภาค1 ก็มีมากที่สุด ก็ตอนนั้นยังเป็น "แอ็คชั่นดราม่า" อยู่ (ถึงแม้จะทำได้ไม่ถึง เพราะเน้นขายรถมากกว่า)
ภาค1 เป็นหนังวัยรุ่น มีประเด็นวัยรุ่นวัยคะนอง อารมณ์พุ่งพล่าน อยากเข้ากลุ่ม ตามเพื่อนตามฝูง อยากเด่นเป็นที่ยอมรับ "ดอม" ยังเป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อ เป็นเด็กเก็บกด ไม่แสดงอารมณ์ มีปมฝังใจเรื่องพ่อ มีประเด็นเรื่องครอบครัว ต้องแบกภาระ ดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเองกับน้องสาว ส่วน "ไบรอัน" ก็เป็นตำรวจตามพ่อ และต้องต่อสู้กับความสับสนในใจ ต้องเลือกระหว่างมิตรภาพกับหน้าที่ และความฝันของวัยรุ่น
ส่วนภาคหลังๆก็ลอกหลายเรื่อง แต่มันก็ทำให้แฟรนไชส์นี้แข็งแรงและยังขายได้ นี่ก็ไม่รู้ว่าจบภาค10 ปิดท้ายแล้ววิน ดีเซล จะไปทำอะไร
เข้าใจหนัง ว่าจะขายอะไร ที่เหลือคือดูแล้วเขาคุมอยู่มั้ย
ตรึงให้คนดู ดูได้อย่างมีอรรถรสตลอด เกือบ 2 ชม. หรือไม่
ซึ่งมันผ่าน ตรึงทาร์จังให้มีสมาธิดู เพลิดเพลินได้ตลอด
แม้จะมีช่วงที่จะล้นๆกรอบอยู่บ้าง แต่ความมันส์ก็ตีกลับมาเข้ากรอบได้ตลอด
สรุป เอาไปเลย 9.1 คะแนน แฮ่
เอาเข้าจริง ตอนภาค 4 ดอมเริ่มมีความสามารถรู้ทัน โอเคยังไม่หนักเกิน ยังพอเข้าใจได้ว่า หนีไปมา ฝึกปรือการปล้นมากกว่าตอนเกรียน แต่ก็ยังมีฉากรู้ไม่ทันอยู่บ้าง ยังงงตอนไบรอั้นเอากุญแจให้
มาภาค 5 ก็ยังต้องการทีมมาช่วยไม่ค่อยรู้ทันโดนฮอปบุกไปรวบ
ภาค 6 นี่รู้ทันไปหมด กระสุนมาจากไหน ติดตั้งสัญญาณติดตามไว้ รู้ว่าฮอปจะตามมาเจอตัวเองกะโอเว่น รู้ทันว่าเลตตี้จะลอยต้องกระโดดไปรับ แสนรู้มาก
ภาค 7 นี่ก็รู้ทันชาวบ้านรู้ว่ากล่องคือระเบิด แต่ก้อน้อยกว่าหก ยังพอไหวนะ
ภาค 8 นี่รู้ทันยันมิสไซล์ แต่ยังมีงงๆ ตอนเลตตี้แย่งกระเป๋า ไม่รู้ทันว่าตัวเองมีลูก ยังมีซีนให้เห็นน้ำตาดาดอม ตอนตกใจว่าไซเฟอร์จะทำร้ายลูก ค่อยดูมีชีวิตหน่อย
หวังว่าภาค 9 ลดระดับความแสนรู้ของดอมลงหน่อยก้อดีนะ
เอาเข้าจริง ตอนภาค 4 ดอมเริ่มมีความสามารถรู้ทัน โอเคยังไม่หนักเกิน ยังพอเข้าใจได้ว่า หนีไปมา ฝึกปรือการปล้นมากกว่าตอนเกรียน แต่ก็ยังมีฉากรู้ไม่มันอยู่บ้าง ยังงงตอนไบรอั้นเอากุญแจให้
มาภาค 5 ก็ยังต้องการทีมมาช่วยไม่ค่อยรู้ทันโดนฮอปบุกไปรวบ
ภาค 6 นี่รู้ทันไปหมด กระสุนมาจากไหน ติดตั้งสัญญาณติดตามไว้ รู้ว่าฮอปจะตามมาเจอตัวเองกะโอเว่น รู้ทันว่าเลตตี้จะลอยต้องกระโดดไปรับ แสนรู้มาก
ภาค 7 นี่ก็รู้ทันชาวบ้านรู้ว่ากล่องคือระเบิด แต่ก้อน้อยกว่าหก ยังพอไหวนะ
ภาค 8 นี่รู้ทันยันมิสไซล์ แต่ยังมีงงๆ ตอนเลตตี้แย่งกระเป๋า ไม่รู้ทันว่าตังเองมีลูก แต่ยังมีซีนให้เห็นน้ำตาดาดอม ตอนตกใจว่าไซเฟอร์จะทำร้ายลูก ค่อยดูมีชีวิตหน่อย
หวังว่าภาค 9 ลดระดับความแสนรู้ของดอมลงหน่อยก้อดีนะ
เหมือนพี่วินแกจะชอบให้บทตัวเองดูเป็นแนวๆนี้หรือเปล่า
เพราะคาแรคเตอร์ดอมนี่คล้ายซานเดอร์ เคจ ใน XXX ซึ่งเป็นหนังที่ตัวแกเองมีส่วนร่วมสร้างมากๆ
แบบ กรูเทพ กรูรู้ทัน ทุกอย่างกรูวางแผนไว้แล้ว
เอาเข้าจริง ตอนภาค 4 ดอมเริ่มมีความสามารถรู้ทัน โอเคยังไม่หนักเกิน ยังพอเข้าใจได้ว่า หนีไปมา ฝึกปรือการปล้นมากกว่าตอนเกรียน แต่ก็ยังมีฉากรู้ไม่มันอยู่บ้าง ยังงงตอนไบรอั้นเอากุญแจให้
มาภาค 5 ก็ยังต้องการทีมมาช่วยไม่ค่อยรู้ทันโดนฮอปบุกไปรวบ
ภาค 6 นี่รู้ทันไปหมด กระสุนมาจากไหน ติดตั้งสัญญาณติดตามไว้ รู้ว่าฮอปจะตามมาเจอตัวเองกะโอเว่น รู้ทันว่าเลตตี้จะลอยต้องกระโดดไปรับ แสนรู้มาก
ภาค 7 นี่ก็รู้ทันชาวบ้านรู้ว่ากล่องคือระเบิด แต่ก้อน้อยกว่าหก ยังพอไหวนะ
ภาค 8 นี่รู้ทันยันมิสไซล์ แต่ยังมีงงๆ ตอนเลตตี้แย่งกระเป๋า ไม่รู้ทันว่าตังเองมีลูก แต่ยังมีซีนให้เห็นน้ำตาดาดอม ตอนตกใจว่าไซเฟอร์จะทำร้ายลูก ค่อยดูมีชีวิตหน่อย
หวังว่าภาค 9 ลดระดับความแสนรู้ของดอมลงหน่อยก้อดีนะ
เหมือนพี่วินแกจะชอบให้บทตัวเองดูเป็นแนวๆนี้หรือเปล่า
เพราะคาแรคเตอร์ดอมนี่คล้ายซานเดอร์ เคจ ใน XXX ซึ่งเป็นหนังที่ตัวแกเองมีส่วนร่วมสร้างมากๆ
แบบ กรูเทพ กรูรู้ทัน ทุกอย่างกรูวางแผนไว้แล้ว
นี่เป็นการบ้านสำคัญของผู้สร้างหนังเลย
ว่าจะทำยังไง ให้ความเหลือเชื่อ อลังการนี้
จะเกิดขึ้นได้ยังไง ถ้าไม่ดันดอมให้เป็นยอดมนุษย์
ดอมตอนนี้ มันเป็นยอดคน กึ่งยอดมนุษย์ แต่ยังไม่ถึงขั้นซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ก็เกือบแล้วล่ะ ฮ่าๆ
คงต้องลดทอนลง พลังหยั่งรู้ พลังความอึด เนี่ย
ทำยังไงให้หนังยังคงความเหลือเชื่อ อลังการงานสร้าง โดยไม่ดันให้เป็นยอดคนเหนือมนุษย์จนล้นเกินขอบเขต
น่าท้าทายความสามารถ ผกก มากเลย
edit คำสะกดผิด
เอาเข้าจริง ตอนภาค 4 ดอมเริ่มมีความสามารถรู้ทัน โอเคยังไม่หนักเกิน ยังพอเข้าใจได้ว่า หนีไปมา ฝึกปรือการปล้นมากกว่าตอนเกรียน แต่ก็ยังมีฉากรู้ไม่มันอยู่บ้าง ยังงงตอนไบรอั้นเอากุญแจให้
มาภาค 5 ก็ยังต้องการทีมมาช่วยไม่ค่อยรู้ทันโดนฮอปบุกไปรวบ
ภาค 6 นี่รู้ทันไปหมด กระสุนมาจากไหน ติดตั้งสัญญาณติดตามไว้ รู้ว่าฮอปจะตามมาเจอตัวเองกะโอเว่น รู้ทันว่าเลตตี้จะลอยต้องกระโดดไปรับ แสนรู้มาก
ภาค 7 นี่ก็รู้ทันชาวบ้านรู้ว่ากล่องคือระเบิด แต่ก้อน้อยกว่าหก ยังพอไหวนะ
ภาค 8 นี่รู้ทันยันมิสไซล์ แต่ยังมีงงๆ ตอนเลตตี้แย่งกระเป๋า ไม่รู้ทันว่าตังเองมีลูก แต่ยังมีซีนให้เห็นน้ำตาดาดอม ตอนตกใจว่าไซเฟอร์จะทำร้ายลูก ค่อยดูมีชีวิตหน่อย
หวังว่าภาค 9 ลดระดับความแสนรู้ของดอมลงหน่อยก้อดีนะ
เหมือนพี่วินแกจะชอบให้บทตัวเองดูเป็นแนวๆนี้หรือเปล่า
เพราะคาแรคเตอร์ดอมนี่คล้ายซานเดอร์ เคจ ใน XXX ซึ่งเป็นหนังที่ตัวแกเองมีส่วนร่วมสร้างมากๆ
แบบ กรูเทพ กรูรู้ทัน ทุกอย่างกรูวางแผนไว้แล้ว
ถ้านับ แซนเดอร์เคจใน XXX ภาคแรก และ Dom ใน Fast 1 คาแรคเตอร์หลุดกันสุดกู่เลยนะ
ดอมภาคแรกรู้ไม่ทันอะไรมากนัก โดนไบรอั้นหลอกไปจับจอห์นนี่ทรานแล้วทรานแกมาเม้งใส่ดอม ดอมยังไม่รู้เรื่อง
แซนเดอร์ใน XXX ก็ไม่ได้จะรู้ทันอะไรมากอาจจะดูรู้ทันตอนทดสอบ แต่ก็โดนกิบอนส์ปั่นหัวเล่นในภาระกิจสุดท้าย
ผมเริ่มเห็น วินดีเซลเล่นมุขรู้ทัน ก็ตั้งแต่ ฟาสต์ภาค 4 นี่แหละครับ สงสัยทำแล้วติดใจ ใช้ยาว
หลังๆมันฉลาดแบบ สายลับเกินไปแล้ว
รู้กระทั่งมุมกล้องตามเมือง รู้องศา รู้ไปหมดทุกอย่าง -*-
ภาค 8 พี่แกคนเดียว วางหมากหมดเลย ลูกทีมแทบไม่ต้อง
ผมชอบแบบ ให้ลูกทีมมาอุดช่องโหว่แต่ละจุดมากกว่า
ปล.ชอบภาค 5 สุด แต่ ดูสนุกทุกภาค
"
สัส แม่งวางแผนตั้งแต่พ่น speech นี้บนเครื่องบินไว้แล้วสินะ ฉลาดชิบบ
ทำไมยิ่งดูหนัง วิน ดีเซล มากเท่าไหร่ ยิ่งเกลียดม่างมากขึ้น ดู GOTG2 เล่นเป็นต้นไม้ แล้วนั่งฟังมันพูด ประโยคเดียวยังดีกว่าอีก
หลังๆมันฉลาดแบบ สายลับเกินไปแล้ว
รู้กระทั่งมุมกล้องตามเมือง รู้องศา รู้ไปหมดทุกอย่าง -*-
ภาค 8 พี่แกคนเดียว วางหมากหมดเลย ลูกทีมแทบไม่ต้อง
ผมชอบแบบ ให้ลูกทีมมาอุดช่องโหว่แต่ละจุดมากกว่า
ปล.ชอบภาค 5 สุด แต่ ดูสนุกทุกภาค
อุดช่องว่าง นี่ใช่เลย มันจะได้น่าติดตาม บทดูสนุกขึ้น
โดแคว๊ก โซแสว๊ก สแว๊ก สแว๊ก