1. "ฟิริส" เด็กผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเอลโทน่า หมู่บ้านที่อยู่ในภูเขา เธอมีพรสวรรค์ในการฟังเสียงของแร่ ทำให้ตามหาแร่ในที่ต่างๆได้ สินค้าหลักของหมู่บ้านเอลโทน่าคือ แร่ต่างๆ หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านปิด ไม่ค่อยมีคนเข้าออก เนื่องจากผู้คนในหมู่บ้านได้รับการสั่งสอนว่า โลกภายนอกเต็มไปด้วยอันตราย



2.ฟิริสมีความฝันที่อยากออกเดินทางไปยังโลกภายนอก เพราะเคยได้รับหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับโลกภายนอกมาจากพี่สาวของเธอ "เรียเน่" ซึ่งเรียเน่เป็นคนที่ออกไปติดต่อโลกภายนอก หาสิ่งของต่างๆมาให้คนในหมู่บ้าน



3.วันหนึ่งฟิริสได้พบกับโซฟี่ที่ประตูทางเข้าออกของหมู่บ้าน โดยโซฟี่ได้ทำการระเบิดประตูทิ้ง เพื่อเข้ามาข้างใน เนื่องจากไม่มีใครตอบรับเธอ ฟิริสอยู่ในเหตุการณ์ก็ตกใจที่โซฟี่และพรัฟต้าเข้ามาที่หมู่บ้านของเธอ โซฟี่ได้ทำการซ่อมประตูด้วยการแปรธาตุ ทำให้ฟิริสสนใจการแปรธาตุขึ้นมา โดยมีโซฟี่คอยสอนเรื่องราวการแปรธาตุเบื้องต้นให้กับฟิริส



4.ฟิริสได้เห็นการแปรธาตุจึงคิดได้ว่า ถ้าโลกภายนอกเต็มไปด้วยอันตราย เธอก็จะใช้การแปรธาตุเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆให้เธอ ฟิริสจึงไปขอเป็นลูกศิษย์ของโซฟี่ ท่ามกลางการคัดค้านของลูคัส (พ่อ) และ นิโคล่า (แม่)



5.โซฟี่ได้บอกกับฟิริสว่า สาเหตุที่เธอเดินทาง ก็เพื่อที่จะไปสอบเป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการ



6."เบลุนท์ "ผู้เฒ่าในหมู่บ้านที่เป็นเหมือนผู้ใหญ่บ้าน ได้มอบโจทย์ให้กับฟิริส ถ้าฟิริสช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆของผู้คนในหมู่บ้านได้ จะยินยอมให้ฟิริสออกเดินทางไปโลกภายนอก



7.ฟิริสก็ทำตามเงื่อนไขสำเร็จ จนได้ออกไปที่โลกภายนอก แต่ผู้เฒ่าได้ยื่นเงื่อนไขมาอีกข้อ ฟิริสต้องสอบเป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการให้ผ่าน ภายใน 1 ปี ไม่งั้นฟิริสต้องกลับมาที่หมู่บ้านทันที



8.เมื่อถึงวันเดินทางฟิริสได้ไปร่ำลาผู้คนในหมู่บ้านรวมถึงพ่อและแม่



9.เมื่อออกมาที่โลกภายนอกได้สำเร็จ โซฟี่และพรัฟต้าได้ขอแยกทางกับฟิริส ซักวันพวกเธอคงจะได้พบกันอีกที่เมือง "ไลเซนเบิร์ก" สถานที่สอบเป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการ โดยโซฟี่ได้มอบเต้นท์ Atelier ให้กับฟิริส
การจะเข้าสอบ จำเป็นต้องมีจดหมายแนะนำจากนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการอย่างน้อย 3 ฉบับ ถึงจะมีสิทธ์สอบ

========================================



10.ฟิริสเดินทางมาถึง "หมู่บ้านเมเฮน" เธอได้พบกับอิลเมเรีย นักแปรธาตุอัจฉริยะ (เจ้าตัวเรียกเอง) ฟิริสจึงขอให้อิลเมเรียช่วยเขียนจดหมายแนะนำให้เธอ แต่ที่จริงแล้วอิลเมเรียก็กำลังหานักแปรธาตุอย่างเป็นทางการอยู่ เธอจึงบอกว่าที่หมู่บ้านเมเฮน มีนักแปรธาตุคนนึงอยู่ แล้วอิลเมเรียก็ออกจากหมู่บ้านไป



11.ฟิริสได้พบกับ "ดิออน" นักแปรธาตุประจำหมู่บ้านเมเฮน ดิออนงานยุ่งมากเนื่องจากผู้คนในหมู่บ้านพึ่งพาเขาตลอด โดยฟิริสได้แบ่งเบาภาระต่างๆ



12.จนกระทั่งฟิริสได้รับจดหมายแนะนำจากดิออน เนื่องจากฟิริสได้ช่วยเหลือดิออน ซ่อมกังหันในหมู่บ้าน ดิออนได้สอนให้ฟิริสรู้ถึงความพยายาม ดิออนกว่าจะผ่านการสอบมาได้ ก็ใช้เวลามานาน ถ้าฟิริสพยายามเหมือนเขา ต้องสอบผ่านได้แน่นอน



13.หมู่บ้านต่อมาคือ "หมู่บ้านป่าโดน่า" ฟิริสได้พบกับนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการ และทำหน้าที่เป็นแม่เฒ่าประจำหมู่บ้าน เธอชื่อ "ออเรรี่" ที่หมู่บ้านโดน่า ใจกลางหมู่บ้านจะมีต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุมานานหลายร้อยปี



14.ออเรรี่ได้ให้บททดสอบต่างๆกับฟิริส โดยท้ายสุด เธอให้ฟิริสทำกอเอี๊ยะ เพื่อบรรเทาอาการปวดสะโพกให้กับออเรรี่ เนื่องจากเธอเกิดที่หมู่บ้านนี้ เธอก็อยากจะอยู่เฝ้าดูหมู่บ้านนี้ไปนานๆกับต้นไม้ใหญ่ในหมู่บ้าน บททดสอบของออเรรี่ ได้สอนให้ฟิริส มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น สำหรับฟิริสถ้ามีคนกำลังลำบากอยู่ ถึงเธอจะต้องหมดสิทธ์สอบการเป็นนักแปรธาตุ เธอก็ยอม



15.การจะเดินทางไปไลเซนเบิร์ก จำเป็นต้องนั่งเรือข้ามไปอีกฝั่ง โดยขึ้นเรือที่ "เมืองฟูลส์ไฮม์" เมื่อฟิริสมาถึง เธอได้พบกับอิลเมเรียที่กำลังหงุดหงิดอย่างมาก จนกระทั่งฟิริสได้ทราบสาเหตุที่อิลเมเรียโมโหอยู่



16.ฟิริสได้พบกับ "ไค" กะลาสีของเมืองฟูลส์ไฮม์ เขาได้บอกว่าตอนนี้ไม่สามารถล่องเรือไปส่งฟิริสหรือคนอื่นๆ รวมถึงผู้ที่จะเข้าสอบเป็นนักแปรธาตุได้ ส่วนเหตุผล เขาก็ไม่ได้บอก แล้วก็วิ่งหนีไป



17.ฟิริสกับอิลเมเรีย จึงได้ร่วมมือกันหาข้อมูลต่างๆ จนได้พบกับ "โลจี" ช่างตีเหล็ก



18."อันเนรีส" เจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลกับนักผจญภัย



19.และ "แม" น้องสาวของไค ฟิริสได้ทราบข้อมูลมาจากแมว่า ตอนนี้ที่ทะเลมีพายุอยู่กลางทะเล ทำให้เรือไม่สามารถแล่นออกได้ และเรือสินค้าก็ไม่สามารถมาส่งของให้กับฟูลส์ไฮม์ได้อีกด้วย



20.โดยแมได้ข้อมูลนี้มาจาก "เรน" นักแปรธาตุอย่างเป็นทางการประจำเมือง เรนได้หาวิธีต่างๆแต่ที่จะหยุดยั้งพายุ แต่ก็ไม่สำเร็จ



21.ฟิริสได้พบกับโซฟี่และพรัฟต้า โดยพวกเธอได้ชวนฟิริสไปขึ้นเรือด้วยกัน แต่ฟิริสก็อธิบายสาเหตุต่างๆให้โซฟี่ฟัง



22A.ฟิริสกับอิลเมเรียจึงมาปรึกษากัน โดยฟิริสมีความคิดว่า ก็สร้างเรือที่แล่นผ่านพายุไป



22B.ส่วนอิลเมเรียให้ความเห็นว่าหาวิธีกำจัดพายุ ในเมื่อความคิดเห็นต่างกัน แต่ยังร่วมมือกัน ทั้งสองจึงคิดค้นหาวิธีการของตัวเอง



23.ฟิริสได้ไปคุยกับไค เกี่ยวกับข้อมูลที่เธอได้รับ ไคจึงยอมรับผิดและขอโทษฟิริสที่ปิดบัง จากนี้ไปเขายินดีจะให้ความช่วยเหลือฟิริส



24.ฟิริสจึงปรึกษาไค โลจี แม และ "เอสก้า" เพื่อนของแม จึงได้ข้อสรุปว่าเธอจะปรับปรุงเรือเพื่อแล่นฝ่าพายุไป โดยทำการเพิ่มเกราะให้กับเรือ เพิ่มความเร็วให้กับเรือ



25.ฟิริสจึงไปปรึกษากับเรน โดยมีโซฟี่ตามไปด้วย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เรือแลนฝ่าพายุ แต่สิ่งสำคัญคือการทำเตาเผาเพื่อเร่งความเร็วให้กับเรือ หม้อแปรธาตุที่มีอยู่ไม่สามารถทำขึ้นมาได้ จำเป็นต้องใช้หมอแปรธาตุที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้



26.โซฟี่จึงนำตำราการสร้างหม้อที่มีประสิทธิภาพตามที่เรนบอกให้กับเรน โดยอิลเมเรียได้ยินเข้าพอดี จึงอาสาช่วยเหลืองานสร้างหม้อแปรธาตุระดับสูงนี้ โดยมีโซฟี่และเรนคอยช่วยเหลือ ส่วนฟิริสก็รับหน้าที่สร้างชิ้นส่วนเรือต่างๆ โดยมีไคกับเพื่อน เป็นคนประกอบเรือให้



27.เมื่อแยกย้ายกันไป อิลเมเรียได้ทำตำราบางอย่างตก โดยที่เรนเป็นคนเก็บเอาไว้



28.เมื่อฟิริสเตรียมชิ้นส่วนเรือต่างๆที่สำคัญเสร็จ พวกอิลเมเรียก็ทำหม้อเสร็จ แล้วนำมาให้ฟิริสสร้างเตาหลอมขึ้นมา จนองค์ประกอบของเรือต่างๆ เสร็จสมบูรณ์ ที่เหลือก็รอแค่ไคประกอบเสร็จ



29.ทันใดนั้นเรนก็เข้ามาหาฟิริส โดยที่อิลเมเรียก็อยู่ด้วย เรนได้บอกกับอิลเมเรียว่า ทำไมอิลเมเรียถึงหยุดคิดวิธีที่จะหยุดพายุละ ในเมื่อตำราที่เธอสร้างเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยอิลเมเรียได้บอกเหตุผลว่า เธออยากจะทำงานร่วมกับฟิริส



30.ในที่สุดเรือก็ประกอบเสร็จ แต่โซฟี่และพรัฟต้าไม่ได้มาด้วย เนื่องจากติดธุระอื่นอยู่ โดยโซฟี่ได้เขียนจดหมายให้กับฟิริสว่า ไว้พบกันที่เมืองไลเซนเบิร์ก ในที่สุดพวกฟิริสก็นั่งเรือฝ่าพายุหมุนมาได้



31.เพื่อเดินทางไปไลเซนเบิร์กต่อ โดยที่อิลเมเรียได้แยกทางไปก่อน แต่ก็ไปดักรอฟิริส เพื่อที่จะเดินทางไปด้วยกันอีกที โดยอิลเมเรียได้ถามฟิริสว่าตอนนี้เธอมีจดหมายแนะนำครบแล้ว แต่ฟิริสยังขาดอยู่อีก 1



32.ฟิริสจึงนึกได้ว่าเรนก็เป็นนักแปรธาตุ เพราะงั้นกลับไปหาเรน เพื่อไปขอรับบททดสอบ เพื่อแลกกับจดหมายแนะนำดีกว่า



33.เมื่อกลับไปยังฟูลสไฮม์ ไปหาเรนเพื่อขอจดหมายแนะนำ เรนก็ลืมเลยว่าฟิริสกำลังจะไปสอบเป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการ เธอมัวแต่ยุ่งกับปัญหาในเมืองจนลืม เรนจึงมอบหมายให้ฟิริสทำการสร้างระเบิดขึ้นมา ฟิริสก็ตกใจทำไมเรนถึงให้ฟิริสสร้างของแบบนี้ขึ้นมา แถมยังให้ไปโยนใส่สัตว์ประหลาดอะไรก็ได้อีกด้วย



34.เรนได้สอนฟิริสว่าการแปรธาตุ คือ การสรรค์สร้างและการทำลาย เราสร้างระเบิดขึ้นมา โดยระเบิดมีไว้ทำลาย ฟิริสอยากจะเป็นนักแปรธาตุแบบไหนละ



35.(ตรงนี้ผมเลือกตอบ) สรรค์สร้าง ฟิริสก็บอกไปว่าการสรรค์สร้างเป็นการช่วยเหลือผู้คน เรนก็บอกว่าคำถามข้อนี้ไม่มีคำตอบผิดถูกที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ เรนจึงให้จดหมายแนะนำกับฟิริส
ตอนนี้จดหมายแนะนำก็ครบ 3 แล้ว แต่ในเกมมีนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการ 5 คน ผมจึงไปไล่เก็บมาให้ครบ



36.ที่ทุ่งหิมะ มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ผู้คนอาศัยอยู่ "หมู่บ้านฟรอคเค" ที่นั่นมีนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการอยู่ อายุน้อยกว่าฟิริสมาก ชื่อ "คิลเช" หมู่บ้านนี้หิมะตกตลอดปี มีอากาศที่หนาวเย็นอยู่ตลอด



37.ฟิริสได้เข้าไปหาคิลเช เพื่อขอรับบททดสอบ โดยคิลเชให้ฟิริสสร้างของขึ้นมาตามตำราของเธอ แต่ตำราของคิลเชเข้าใจได้ยากมาก แม้เจ้าตัวจะบอกว่าง่ายก็ตาม คิลเชเลยถามฟิริสว่าจะเปลี่ยนบททดสอบไหม



38.(ผมตอบไม่เปลี่ยน พยายามทำก่อน) คิลเชเลยให้คำใบ้ฟิริสขึ้นมา โดยคำใบ้ของคิลเชทั้ง 2 ทำให้ฟิริสคิดออกว่าสิ่งที่คิลเชจะให้ฟิริสสร้าง ก็คือ เสาคบเพลิงนั่นเอง
เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น พายุหิมะที่พัดประจำ เสาคบเพลิงของคิลเช จะไม่มีวันมอดลง ให้ทั้งแสงสว่างและความอบอุ่นกับหมู่บ้าน จนกระทั่งฟิริสได้รับจดหมายแนะนำจากคิลเช



39.หมู่บ้านต่อไปอยู่ในหุบเขา เส้นทางกันดานมาก จำเป็นต้องซ่อมสะพานก่อนถึงจะเข้าไปได้ "หมู่บ้านกลาโอทาล" ฟิริสได้พบกับ "นอลเบลท์" นักแปรธาตุผู้ชอบอู้งาน แต่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจ คิดถึงหมู่บ้านก่อนตลอด ผิดกับการกระทำท่าทีของเขา โดยเขาได้พบกับฟิริสตอนแรก แต่ก็ไม่บอกว่าเขาเป็นนักแปรธาตุ เลยแกล้งให้ฟิริสตามหาเอง จนสุดท้ายถึงยอมพาไปที่ Atelier ของเขาและแนะนำตัวเอง



40.นอลเบลท์ได้ให้จดหมายแนะนำกับฟิริสทันที โดยไม่ต้องรับบททดสอบใดๆ ฟิริสไม่สบายใจจึงขอรับบททดสอบจากนอลเบลท์



41A.นอลเบลท์เลยบอกว่า ฟิริสผ่านบททดสอบแรกละ เพราะจดหมายแนะนำของเขา เขียนไว้ว่า "คนที่ถือจดหมายแนะนำฉบับนี้ เป็นคนโง่สุดๆ ในฐานะที่เป็นนักแปรธาตุก็เหมือนกัน ท่าทางไม่เอาอ่าว ช่วยปรับตก โดยไม่ต้องเกรงใจด้วย" ฟิริสก็โล่งใจที่กลับมาขอรับบททดสอบจากนอลเบลท์



41B.โดยนอลเบลท์ได้ให้ฟิริสสร้างระเบิดแล้วนำมาให้เขา จากนั้นจึงบอกให้ไปสู้กับปุนิ (ตัวเยลลี่ มาสคอทเกม Atelier) ที่อย่นอกหมู่บ้าน โดยนอลเบลท์ได้บอกฟิริสว่า ให้เตรียมตัวไปดีๆละ



42.ฟิริสก็ชะล่าใจหลังจากกำจัดปุนิเสร็จ แต่ทันใดนั้นกริฟฟ่อนก็โผล่มาทำร้ายฟิริสต่อ



43.หลังจากกำจัดเสร็จ ฟิริสก็โกรธนอลเบลท์ที่ไม่ยอมบอกเธอว่ามีสัตว์ประหลาดตัวอื่นอยู่ด้วย



44.เมื่อกลับมาหานอลเบลท์ ฟิริสก็บ่นรัวๆ ว่านอลเบลท์รู้อยู่แล้วใช่ไหม นอลเบลท์เลยสอนฟิริสว่า คนเราจะทำอะไรต้องเตรียมการไว้ให้ดี เพราะมันมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ เขาไม่อยากเห็นคนอื่นต้องบาดเจ็บกับเรื่องนี้ นอลเบลท์จึงได้ให้จดหมายแนะนำจริงๆกับฟิริส
เป็นอันว่าตอนนี้จดหมายแนะนำครบ 5 ฉบับแล้ว ก็เดินทางไปไลเซนเบิร์กกันต่อ



45.ในที่สุดฟิริสก็เดินทางมาถึงไลเซนเบิร์กได้สำเร็จ ฟิริสได้พบกับ "นันนา" เจ้าของร้านขายของที่มีลูกค้าเข้าร้านมากที่สุดของเมือง ได้บอกกับฟิริสว่าให้ฟิริสไปยื่นลงทะเบียนสอบก่อน



46.ที่เมืองนี้ฟิริสจะได้พบกับ "พาเมล่า" ซิสเตอร์ (แม่ชี) ที่เป็นตัวละครจากภาคก่อน (โซฟี่) กำลังเร่ขายของอยู่ โดยพาเมล่าเพิ่งมาถึงเมืองนี้ได้ไม่นาน แต่ก็เป็นที่รู้จักของผู้คนมากมาย แต่ผู้คนก็แค่ทักทาย ไม่ได้ช่วยซื้อของของเธอเลย



47.ที่สมาคม ฟิริสได้พบกับ "เอเดล" เทศมนตรีของเมือง ผู้อำนวยการสมาคมนักแปรธาตุ และแน่นอนว่าเธอก็เป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการด้วย โดยเธอได้ตรวจสอบจดหมายแนะนำของฟิริส และได้รับลงทะเบียนฟิริส เพื่อเข้าสอบ (เมื่อลงทะเบีนแล้ว จะไม่สามารถออกจากเมืองไลเซนเบิร์กได้ จนกว่าจะสอบเสร็จ)



48.เมื่อถึงวันสอบ ฟิริสก็นอนไม่หลับ จึงออกไปเดินเล่นและได้พบกับอิลเมเรีย ก็พูดคุยให้กำลังใจกัน ไว้มาพยายามกันในวันสอบพรุ่งนี้



49.เมื่อถึงเช้าวันสอบฟิริสได้เดินทางไปสมาคมด้วยกันกับอิลเมเรีย โดยเอเดลได้รอผู้เข้าสอบทั้งหมด 4 คน ฟิริส อิลเมเรีย โซฟี่ที่มาสาย และ ตัวประกอบเพศผู้



50.การสอบจะแบ่งเป็น 2 Part หลัก คือ สอบข้อเขียน คำถามเกี่ยวกับตัวเกม โดยจะมี 4 ตัวเลือก ทั้งหมด 20 ข้อ



51.สอบภาคปฏิบัติ แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ การแปรธาตุ (เน้น LV ของที่สร้างยากกับคุณภาพที่ทำออกมา)



52.และสอบภาคสนาม โดยการโจมตีปุนิชนิดถึกพิเศษ จะใช้ไม้เท้าฟาดก็ได้ ปาระเบิดก็ได้ ยังไงก็ได้ ให้เวลาแค่เทิร์นเดียว



53.ตรงนี้จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นได้ 3 แบบ ขึ้นอยู่กับคะแนนที่ทำได้ จากที่ประเมิณ
คะแนนรวมต่ำกว่า 50 = ตก
- เอเดลประกาศผู้สอบผ่านมีแค่อิลเมเรียกับโซฟี่ ฟิริสร้องไห้เสียใจวิ่งออกจากสมาคมไปหาเรียเน่ที่ Atelier โดยเรียเน่ได้พาฟิริสกลับหมู่บ้านเอลโทน่า



54A.คะแนนรวมมากกว่า 50 ต่ำกว่า 90
- เอเดลเดินเข้ามาบอกว่า ปกติจะมีการประกาศคะแนนตามลำดับตามธรรมเนียม แต่ปีนี้มีผู้ที่คะแนนเท่ากัน จึงให้นักแปรธาตุทั้งสองมาสู้กันเพื่อตัดสินลำดับ



54B.โดยฟิริสต้องสู้กับอิลเมเรีย อิลเมเรียบอกว่า เธอเห็นฟิริสเป็นเพื่อนที่สำคัญ เพราะงั้นเธอจะไม่ออมมือแล้วก็ขอให้ฟิริส ห้ามออมมือเด็ดขาด ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ หลังต่อสู้เสร็จก็จะจับมือด้วยรอยยิ้ม



54C.เมื่อเอาชนะอิลเมเรียได้ อิลเมเรียก็บอกถึงแพ้แต่ก็สนุก ไม่เสียใจเลย แล้วก็มาจับมือกับฟิริส



55.คะแนนรวมมากว่า 90
- เอเดลเดินเข้ามาบอกว่า ปกติจะมีการประกาศคะแนนตามลำดับตามธรรมเนียม แต่ปีนี้มีผู้ที่มีความสามารถเป็นเลิศอยู่หลายคน ทำให้ยากแก่การตัดสิน เอเดลเลยมีความคิดดีๆว่า ให้พวกเธอสู้กันวัดผลไปเลยดีกว่า



56.ฟิริสก็แย้งไปว่าจะดีเหรอค่ะทำแบบนี้ เอเดลเลยบอกว่าได้สิ ก็ฉันเป็นเทศมนตรีนะย่ะ ทุกคนเลยยินยอมสู้ๆไป โดยโซฟี่ก็สงสัยว่า มีใครบ้างละที่ประเมินผลจัดลำดับยาก เอเดลก็ไม่ยอมบอก เพราะเดี่ยวหมดสนุกพอดี เอเดลเลยให้นักแปรธาตุทั้ง 4 คน มาสู้กัน โดยฟิริสสู้กับอิลเมเรีย ส่วนโซฟี่สู้กับตัวประกอบ



57.บทพูดฟิริสกับอิลเมเรียจะคล้ายๆกับอันบน แต่ดูลึกซึ้งกว่า พอชนะเสร็จ เอเดลเลยให้ฟิริสเตรียมสู้รอบต่อไปกับโซฟี่



58.- การต่อสู้กับโซฟี่ค่อนข้างยาก
- กรณีแพ้โซฟี่ โซฟี่ก็บอกเกือบไปแล้ว ฟิริสก็ชมโซฟี่ใหญ่เลย
- กรณีชนะ โซฟี่ก็บอกเธอแพ้แล้ว ไม่คิดเลยว่าฟิริสเมื่อตอนนั้นจะมายืนจุดเดียวแล้วเอาชนะเธอได้



59.กรณี 2 (คะแนนรวมมากกว่า 50 ต่ำกว่า 90) และ 3 (คะแนนรวมมากว่า 90 ) เอเดลก็มาประกาศผู้สอบผ่าน โดยผู้สอบตกก็มีแค่นายตัวประกอบคนเดียว กรณีที่ได้ที่ 1 ทุกคนก็จะชมฟิริสว่า เก่งมาก พยายามมาได้ถึงตอนนี้ ไม่คิดเลยว่าเธอจะทำได้



60.หลังเสร็จสิ้นการประกาศคะแนน ประกาศผล เอเดลก็ได้มอบใบรับรองให้กับทั้ง 3 คน และประกาศเป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการ



61.โดยอิลเมเรียก็จะแยกตัวออกไป โดยจะเดินทางอยู่บริเวณรอบๆนี้ โซฟี่ก็จะยังอยู่ที่เมืองไลเซนเบิร์กต่อ ส่วนฟิริสก็จะกลับหมู่บ้าน ทั้ง 3 คนจึงได้แยกย้าย ร่ำลา โดยพวกเราจะได้พบกันอีก



62.ฟิริสจึงกลับมาที่ Atelier เพื่อมาบอกเรียเน่ว่าเธอสอบผ่านแล้ว เรียเน่ถึงกับร้องไห้ดีใจ ตลอดเวลา 1 ปี น้องของเธอทำได้ถึงขนาดนี้ ผ่านร้อนหนาวมามาก และแล้ว 2 พี่น้องก็กลับหมู่บ้านเอลโทน่า



63.ที่หมู่บ้านเอลโทน่า ลูคัส พ่อของฟิริสได้ร้องโวยวายที่หน้าประตูเชื่อมต่อโลกภายนอก เมื่อไหร่ลูกสาวทั้งสองของฉันจะกลับมา และแล้วลูคัสก็ได้พบกับลูกสาวทั้งสองของตน



64.ฟิริสได้มาทักทายผู้เฒ่า พ่อแม่ ผู้คนต่างๆ โดยเธอได้กลับมาที่บ้านโดยพ่อแม่ของเธอรออยู่ นิโคล่าจึงขอให้ฟิริสนำของฝากมาให้กับเธอ ของฝากที่ว่า ก็คือเรื่องราวการเดินทางของฟิริสนั่นเอง

66.เวลาผ่านไป 6 เดือน ฟิริสได้ช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้านเอลโทน่าของเธออยู่ทุกวี่ทุกวัน



67. จนเธอได้ออกไปเดินเปลี่ยนบรรยากาศ ฟิริสได้ไปที่จุดชมวิวของหมู่บ้าน ซึ่งตรงนี้จะมองเห็นท้องฟ้าของโลกภายนอก ฟิริสจึงได้พูดออกมาว่า



68."ฉันอยากออกเดินทางงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง"



69.ทำไมเธอต้องมาทำงานทุกวี่ทุกวันแบบนี้ ตั้งแต่กลับบ้าน อยากเดินทางอีก เรียเน่แอบฟังอยู่เลยเข้ามาบอกฟิริสว่า ฟิริสควรจะเอาแต่ใจตัวเองมากกว่านี้หน่อย ฟิริสเลยบอก เธออยากออกเดินทางอีกครั้ง เพราะตอนที่จะแยกย้ายกับโซฟี่และอิลเมเรีย อิลเมเรียได้ถามฟิริสว่า หลังจากนี้ฟิริสอยากจะทำอะไร



70.เมื่อฟิริสตัดสินใจแล้ว เธอจึงรีบไปหาผู้เฒ่า เพื่อขอออกเดินทางอีก ผู้เฒ่าเลยบอก อยากไปก็ไปสิ



71.ฟิริสก็ช๊อค.... ทำไมเป็นแบบนั้นละ ผู้เฒ่าเลยบอกว่า ก็ฟิริสสอบเป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการผ่าน แล้วทำไม เขาต้องมารั้งฟิริสอีกละ แต่ถ้าจะไปก็ไปบอกพ่อแม่ก่อนเดินทางด้วยละ



72.ฟิริสก็กลับมาบอกพ่อกับแม่ ทั้งสองก็พูดออกมาว่า "จนป่านนี้เนี่ยนะ" อยากไปก็ไปสิ ไม่ห่วงแล้ว ฟิริสยิ่งช๊อคเข้าไปใหญ่ โดยเรียเน่ยืนขำอยู่ข้างๆ ฟิริสก็ไปโทษเรียเน่ว่า ทำไมไม่รีบบอกตั้งแต่แรก



73.จนฟิริสได้ออกเดินทางอีกรอบ โดยจะไปหาโซฟี่ที่เมืองไลเซนเบิร์กก่อน



74.เมื่อฟิริสเดินทางมาถึงไลเซนเบิร์ก โซฟี่กับพรัฟต้าจึงขอร่วมเดินทางไปกับฟิริส