จาก Clip ตอน media tour ปลายเดือนที่แล้ว เป็น Fixed Stat

แล้วจะมี Point ให้ไปปลดสกิล ของ summon อีกที ซึ่ง สกิลตรงนี้ไม่พอใจ reset ได้ตลอดเวลาครับ จะได้ point กลับคืนมา
คือให้เรารีสกิล จนกว่าจะพอใจ

ที่บอกว่า Open World นี่คืออยากได้แน Elden Ring ใช่มั้ยครับ? ถ้าเป็น Map ใหญ่ๆแบบ God of Wars นี่ไม่โอเคเหรอครับ?

ผมอยากได้แบบไร้รอยต่อครับ ซึ่งหลายค่ายตะวันตกทำได้ ตั้งแต่เจนก่อนแล้ว

ผมไม่อยากจะเปรียบเทียบกับค่ายอื่นนะ แต่เหลี่ยมมันจะควรจะพัฒนาไปข้างหน้าได้แล้ว แต่นี่เหมือนถอยหลังเข้าคลอง

เอาจริงเหลี่ยมก็เคยทำOpen World นะ ตอนภาค15 แต่ทำไม่ค่อยดีเท่าไร แต่พอเข้าใจว่ามันทำเป็นครั้งแรก มาภาค16ก็ควรจะต่อยอดแล้วทำให้ดีกว่าเดิม แต่นี่กลับไปใช้แบบภาค14ซะงั้น แล้วที่สำคัญภาคนี้ลงแค่Ps5 ไม่ลงps4 มันควรจะรีดประสิทธิภาพออกมาได้มากกว่านี้สิ

ไม่รู้สินะ ผมมองว่าทีมงานเขาเลือกที่ทางที่เขาถนัดแล้วมันทำออกมาดี มันก็ไม่ได้เป็นการถอยหลังอะไรนะ เลือกทำในสิ่งที่ถนัด รึเป็นเพราะผมไม่ได้ให้ราคาความเป็น openworld ว่ามันดีก็ไม่รู้ หลัง ๆ แอบเอียนด้วยซ้ำกับความพยายามฝืนทำให้มันออกมาเป็น open world แล้วออกมาซะแห้งเลยน่าจะแย่กว่า

สำหรับผมนะคำว่าไร้รอยต่อไม่ได้หมายถึง Openworld แต่หมายถึงการใช้ประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ทำให้มันโหลดแบบเนียนๆ อย่างสมัย PS4 ก็ใช้ช่วงเปิดประตู ลอดถ้ำอะไรแบบนี้ ก็เนียนระดับนึงแต่ PS5 ต้องเนียนกว่านั้น เท่าที่ดูคลิปงาน PAX ก็ยังไม่เห็นว่ามันตัด Loading Area อะไรนะคิดว่าแมปมันก็จะต่อกันอยู่รึเปล่าไม่รู้สิ คนเล่นโชว์ดันโหลดเซฟไปมาเลยพูดยาก แต่ถ้าตัวเกมจริงมันมี Loading Area แบบเข้าจอดำถึงจะแค่ 2-3 วิผมก็คงจะเฟลนิดๆ เหมือนเจ้าของโพสต์แหละกับค่ายเกมระดับนี้

แต่ก่อนผมก็ชอบความเป็น Open World เพราะเหมือนเป็นสิ่งล้ำสมัย

แต่หลังจากได้สัมผัสหลาย ๆ เกมแล้ว ความเป็น Open World ไม่ได้เป็นสิ่งการันตรีว่า จะทำให้เราเล่นเกมได้สนุกหรือไม่

ดูอย่าง Tales of Arise ได้ ที่ไม่ได้เป็น Open World แต่ทำออกมาประสบความสำเร็จและเล่นสนุกมาก

เดี๋ยวนี้ผมเลยเริ่มเฉย ๆ กับความเป็น Open World คิดแค่ว่าขอให้ทำเกมออกมาดี และเล่นได้สนุกเป็นพอ

ไร้รอยต่อมันก็มีข้อเสียกับการเล่าเรื่องที่เป็นสเกลระดับประเทศครับ มันทำให้แผนที่ตามเนื้อเรื่องเล็กกว่าความเป็นจริง ลองคิดดูครับเราสามารถเดินทางจากเมืองหลวงประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่งได้โดยใช้เวลาไม่กี่นาทีเพราะเป็นเกมจะทำให้เดินทางยาวมากสมจริงไม่ได้ การแบ่งเป็นโซนมันจะอนุมานได้ว่าระหว่างทางที่เราไม่เห็นได้มีการเดินทางผ่านมาเยอะ แล้วสามารถอธิบายเรื่องพื้นที่ต่างๆ มีสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันง่ายกว่าเพราะมันอยู่ห่างกันเยอะ ภูมิศาสตร์ต่างกัน การแบ่งโซนแต่มีพื้นที่กว้างๆ มันก็ทำให้สนุกได้แบบโอเพ่นเวิลถ้ามีกิจกรรมแอคทีฟให้ทำเยอะในแผนที่ อย่าง Dragon Age: Inquisition ไม่ใช่โอเพ่นเวิลแต่ก็มีมีกิจกรรมหลายอย่างในแผนที่ขนาดใหญ่ให้ฟีลแบบโอเพ่นเวิล หรือถ้าอย่าง FF ก็ภาค 12 เป็นตัวอย่างที่ดี ต่อให้มันแยกเป็นโซนๆ ถ้ามันมีกิจกรรม มีความแอคทีฟในแผนที่ มันไม่จำเป็นต้องทำเป็นโอเพ่นเวิลด์หรือแผนที่แบบไร้รอยต่อ การแบ่งโซนมันก็ช่วยให้โหลดสิ่งต่างๆ ในแผนที่ได้เยอะขึ้นด้วย

Forspoken ไงครับ open world เป็นไงละ ยับเลย..

เกมเหลี่ยมไม่เหมาะกับ opw อะครับ เกมที่เน้นเนื้อเรื่องไม่รู้จะทำ opw ไปทำไม ถึงทำไปก็ไม่มีเวลาทำให้ดี ได้แต่ใส่เควสซ้ำๆ เดิมๆ ให้คนเล่นด่ากลับมาอีก..

ถ้ายกตัวอย่างเกมตะวันตกแบบ witcher3 หรือ rdr2 ท่วีงทำได้ ก็คงต้องถามว่า อีก 10 ปี เราจะได้เล่น FF16 มั้ย?

open world สำหรับผม คือ แผนที่เปิดกว้างเข้าถึงได้แทบจะทุกพื้นที่ ประมาณว่าวิ่งเข้าปราสาทลาสบอสได้ตั้งแต่เริ่มเกม แต่จะวิ่งไปถึง หรือปราบบอสได้ไม่ได้ นั่นก็แล้วแต่ที่เกมมันจะกำหนดมา

ความสนุกเกม open world นอกจากความอิสระ คือความแอ๊ะๆ เอ๋อๆ ในเกม ที่เราไปเคลียเควสมาก่อน แล้วเดินไปรับรางวัลทันทีที่เรารับเควสมาแล้ว หรือได้ฟังบทสปอยที่เราข้ามเนื้อหาของเกมมา แต่บางเกมที่เขียนสคริปมาดี ยิ่งเป็นตัวยืนยันคุณภาพของเกมไปด้วย

แต่ถ้าคุณไม่ชอบสภาพข้างต้น เล่นเกมโลกปิดแต่แมพใหญ่มันก็เพียงพอแล้ว

อย่าให้พี่เหลี่ยมฝืนทำ Open World เลยฮับ
มันจะกลายเป็น Big World โหลงๆ เหลงๆ

พี่เหลี่ยม ถนัดทำ Story-Driven มากกว่า
จะให้ไปมีจุดอิสระได้ตอนไหน หรือให้มี
New Game+ แบบ Hard ก็ว่ากันไปดีกว่า

ฝืนทำ Open World มือไม่ถึง ได้ไม่เท่า
Dev ฝั่งตะวันตก มีแต่ถูกเปรียบเทียบ
ไม่ก็ถูกเหน็บแนม มีแต่เสียกับเสียครับ

ปล. FF7RB ขอขับรถไม่ต้องเติมน้ำมันนะ
เล่นเกมแบบขอความสนุก ไม่ต้องให้มัน
Fantasy Based On Reality ขนาดนั้น

ผมว่าไม่ไหวอย่าฝืนครับ แล้วผมว่าโยชิพีแกก็ค่อนข้างจริงใจกับผู้เล่นดี ตอบเคลียร์ว่าไม่ทำ Open world
เกมส์ Semi open world แบบ God of wars น่าจะเหมาะกับเกมส์ JRPGมากกว่า แล้วโยชิพีแกก็เคยบอกว่าได้รับอิทธิพลจาก GOW มา คิดว่าน่าจะคล้ายๆกัน สมัยนี้คำว่า Open world มันไม่ว้าวแล้ว ถ้าทำมาแล้วกลวงๆแห้งๆ แบบภาค 15 สู้ทำแคบๆแน่นๆแบบ FF7Rยังดีกว่า ไอ้ Full open world ฝรั่งทำ นี่ Hogwarts legacy เข้าดันเจี้ยน เข้าห้องใต้ดิน นี่ตัดโหลดฉากหมดนะครับ เพราะฉะนั้นถ้าตั้งใจทำ ใส่ใจรายละเอียดดีๆ เกมส์เพลย์สนุกๆก็โอเคแล้ว

เห็นอย่างนี้ อยากให้เหลี่ยมรีเมค Vagrant Story เลยนะครับ เอาเกมส์เพลย์ คอมแบทแบบนี้แหละ

ส่วนตัวไร้รอยต่อนี่ไม่สนเลย open world นี่ยังไงก็ใช้ fast travel เป็นหลักแทบทุกเกม
นานๆทีถึงมีอารมณ์สุนทรีย์ขับรถชมวิวไปมั่ง
นอกจากครั้งแรกที่หาทางไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็ fast travel ตัดฉากโหลดจอดำเหมือนกันอยู่ดี

Open world เนื้อเรื่องดีๆ ผมว่านับหัวได้เลยวา่มีไม่กี้เจ้า Ubisoft gameplay loop เดิมๆ Rockstar เขาก็เก่งด้านนี้อยู่แล้ว The Witcher นี่ก็ไม่เถียง แต่ที่เหลือ ผมว่าถ้าเน้นเนื้อเรื่องนี่ไม่ไหวอ่ะ

MGS 5 เกมญี่ปุ่นไม่กี่เจ้าที่แม็พอย่างกลวง
Fallout ของ Bathesda เนื้อเรื่องอ่อนทุกภาค ภาค New Vegas สนุกมากก็จริง แต่งานออกแบบ กราฟฟิค มันยุคเก่านานนม
Exclusive ของ Sony ยกเว้น GoW 2018 นี่ไม่เคยเล่นสักเกม แตะๆบ้างแค่ Horizon ภาคแรก แต่งานออกแบบก็คล้ายๆ Ubisoft ภาพรวมดูดี อลังการ ภาพสวย แต่เนื้อเรื่องที่ไปตามดูก็ธรมมดาเหมือนเดิม

ถ้านำเสนอเกมมาดี เล่นสนุก เนื้อเรื่องดี ยังไงก็ไม่น่ามีปัญหา ยิ่งถ้าโมเดลเหมือนภาค 14 ที่มันเป็นแม็พย่อยๆ งานออกแบบสวยๆ แต่เพิ่มรายละเอียดให้เข้าไปสำรวจเหมือนเกม next gen ผมว่าเข้าท่าดีเสียอีก เผลอๆมันอาจมี mount ให้ขี่เหมือน 14 อ่ะแหละ เวลาไปชนขอบก็ขึ้นเปลี่ยน map เอา

จริงๆ yoship เคยพูดเรืองนี้สมัยแรกๆอะครับ

ff16 แกตั้งใจทำเป็น story driven ที่ทำให้ผู้เล่นตื่นเต้นไปตลอดเกมส์
เพราะงั้นการทำเป็น opw ที่มีแนวทางเป็นการวาง setting แล้วให้ผู้เล่นทำไรได้เรื่อยเปื่อยจึงไม่ใช่แนวทางภาคนี้อะตรับ

เปลี่ยน AI ที่เดินทางด้วยไปตามเนื้อเรื่องครับ
ที่ไปกับเรามากที่สุดก็น่าจะเป็น น้องหมา Torgal
สาวที่เห็น มีแต่ Jill ตอนโตครับ แห้งเหี่ยวหน่อย

ตอนนี้ก็มี jill cid น้องหมาครับ

ลุ้นให้เปลี่ยนได้อิสระ เผื่อจะได้ เจ๊การูด้า กับลุงไททัน มาร่วมทีมได้

3เดือนก่อนเกมออก gone gold แล้วแบบนี้ถือว่าปกติเปล่าครับ คิดว่าเวลามันเหลือน่าจะเกาๆไรได้อีกหน่อย

ถือว่าเร็วกว่าเกมทั่วไปนิดหน่อยครับ เรื่องการเกลา โยชิดะเคยออกมาบอกว่าเกมเข้าสู่ขั้นตอนการ Polish มาตั้งแต่ปีก่อนแล้วครับ (ตั้งแต่ 1 ปีก่อนวันวางจำหน่าย) ก็คือเกมน่ะเสร็จตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ที่เหลือจนถึงวันนี้คือเกลากับงานเสียงล้วนๆ (จากบทสัมสักที่นึงที่บอกว่าแต่งานเสียงของทีมโซเคน) คงเกลาแล้วเกลาอีกมาประมาณ 8-9 เดือนแล้วล่ะ

เกมเสร็จมาตั้งแต่ปีที่แล้วครับ ช่วงหลังจากนั้นก็ปรับแก้เกมกันไป

งานเข้าแล้วโยชิพี

GOTY แน่นอนครับ

ศึกระหว่าง อาถรรพ์ X vs โยชิพี

คอมโบโคตรเท่



ปล.ตอนเกมออก จะมีคนพูดไหมว่าทำไม Clive มันดูเบียวเหมือน Vergil ใน Devil May Cry ฮ่าๆ

ตัดมาจากคลิป combat trailer หน้าที่แล้ว

ตั้งแต่เทรเล้อร์ออก ยังไม่มีอันไหนบอกว่า clive เป็น dominant ของ ifrit เลยครับ

ทั้งที่ในหน้าหลักเวป บอกใครเป็น dominant ตัวไหนหมดแล้ว

ผมว่าหลักการพลังของ clive น่าจะใช้เงื่อนไขต่างจาก dominant ,คนอื่น
แกถึงใช้ได้หลายตัว

มีใช้ตอนลิมิตเบรคนี่ฮะ แต่อาจจะมาเป็น eikonic abilities ทีหลังได้

น่าจะเป็นพลังของ Phoenix หรือเปล่าครับ clip ตอน press
พลังของ ifreet น่าจะยังไม่ตื่น ช่วงที่บุกปราสาท ก่อนสู้ benedicta

ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่เหมือนเอฟเฟคไม่ค่อยเหมือนฟีนิค มันมีความหนามๆแบบอีฟรีท ถ้าใช้ฟินิคน่าจะมีเอฟเฟคพวกขนนกหรือปีกไหมฮะ

จากที่เห็นหน้า ability tree ที่โผล่มาแว๊บๆ
วงใหญ่ ล้อมด้วย วงเล็ก ที่เป็นพลังของ eikon แต่ละ stance
วงใหญ่นี่สีแดงธาตุไฟ สีเดียวกับวงเล็กของ ฟินิกซ์ ข้างบน
เลยคิดว่า ไคลฟ์มันคงใช้พลังอิฟริทเบสเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ต้องเปลี่ยน stance แบบตัวอื่น