ควอนตัมคอมพิวเตอร์ถูกสร้างมาเพื่อทำลายเหรียญคริปโต
.
พักหลังได้ยินคนพูดคุยเรื่องทำนองนี้บ่อย ผมเชื่อว่าถ้านักฟิสิกส์ควอนตัมได้ยิน หลายคนฟังก็คงจะรู้สึกขัดใจ เพราะสิ่งที่ขับเคลื่อนนักฟิสิกส์ หรือ นักวิทยาศาสตร์ จริง ๆ แล้วคือ ความต้องการที่จะแสวงหาความจริงของธรรมชาติ
.
ริชาร์ด ไฟแมนต์ นักฟิสิกส์รางวัลโนเบล ชาวอเมริกัน ได้พูดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 1983 (เกือบสามสิบปี ก่อนที่จะมีบิทคอยน์) ไว้ว่า
.
"Nature isn't classical, dammit, and if you want to make a simulation of nature, you'd better make it quantum mechanical, and by golly, it's a wonderful problem, because it doesn't look easy."
.
ยังมีปัญหาอีกมากมายในโลก ที่คอมพิวเตอร์ดิจิทัลแบบเดิมไม่สามารถคำนวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบตัวยา สารเคมี การทำนายสภาพภูมิอากาศ และการทำ optimization
.
ผมเชื่อว่านักวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจที่จะสร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเพื่อทำลายเหรียญคริปโต
.
แต่เผอิญ มันเป็นสัจพจน์ทางคณิตศาสตร์ ไม่ใช่การคาดการณ์ ที่ว่าเมื่อควอนตัมคอมพิวเตอร์สร้างเสร็จสมบูรณ์ 100% ระบบ public-key cryptography ในปัจจุบันเช่น RSA และ ECC จะถูกทำลายลง ซึ่งระบบนี้ถูกใช้อยู่บนระบบของ blockchain ที่เป็นพื้นฐานของเหรียญคริปโตต่าง ๆ
.
เปรียบได้กับการที่อัจริยะอย่าง สตีฟ จ็อบส์ คงไม่ได้คิดจะสร้าง iphone ขึ้นมาเพื่อทำลายบริษัทอย่าง Kodak แต่ Kodak ถูก disrupt เอง เพราะปรับตัวไม่ทัน
.
แล้วทำไมต้องสนใจ ณ ตอนนี้?
.
หนึ่ง ระบบ public-key cryptography ที่เรียกว่า post-quantum cryptography ซึ่งเชื่อว่าสามารถป้องกันการโจมตีของควอนตัมคอมพิวเตอร์ได้ ยังไม่มีมาตรฐาน และในอดีตกว่าที่เราจะสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ให้ระบบ public-key cryptography ที่ใช้ในปัจจุบันได้ ต้องใช้เวลาร่วม 20 ปี
.
ถ้าองค์กรต่าง ๆ ในประเทศ ไม่เริ่มเตรียมความพร้อมตั้งแต่ตอนนี้ แสดงว่าเรากำลังเอา digital infrastructure ของประเทศไปเสี่ยงอย่างจริงจัง อ้างอิงจากคำประกาศของ National Institute of Standard and Technology (NIST) ประเทศสหรัฐอเมริกา
.
"If large-scale quantum computers are ever built, they will be able to break many of the public-key cryptosystems currently in use. This would seriously compromise the confidentiality and integrity of digital communications on the Internet and elsewhere."
.
สอง Global Risk Institute ได้ทำการสำรวจความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านควอนตัมคอมพิวเตอร์ทั่วโลก พบว่า 20% เห็นว่ามีโอกาสมากกว่า 50% ที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์จะสามารถทำลายระบบ RSA ได้ภายในเวลา 10 ปี
.
สาม ถ้าเราย้อนกลับมามองประเทศไทย มีองค์กรไหนในไทยที่ตอนนี้ มีความเข้าใจเชิงลึก ว่าควอนตัมคอมพิวเตอร์ทำงานอย่างไร ตอนนี้พัฒนาถึงไหนแล้ว ในอนาคตจะสามารถโจมตีระบบความปลอดภัยตรงจุดไหนบ้าง แล้วจะต้องป้องกันอย่างไร
.
อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน แต่สิ่งที่แน่นอนคือ อะไรที่ปรับตัวไม่ทัน ก็จะสูญหายไปตามวิวัฒนาการของธรรมชาติ!

เอามาจาก fb ดร.Jirawat Tangpanitanon




แต่สงสัยทําไมยุคนี้คนยุคใหม่บ้านเราแห่ไปcrypto กันทั้งนั้น
ขนาดห้างใหญ่ๆยังพร้อมรับ
แต่ธปทกลับออกมาเบรค
Block chain crypto defi อนาคตจะหายไป
หรือจะมาแทนระบบธนาคาร
สงสัยถ้ามาแทน มันจะเป็นยังไง
ราคาcryptoขึ้นลงอย่างกะ วันนี้อาจรวย พรุ่งนี้อาจจน

crypto ตลาดใหม่ คนสนใจเพราะเข้าไปเกร็งกำไรเท่านั้น ยิ่งเด็กรุ่นใหม่หูผึ่งเห็นคนเอามาโพสอวดกำไรก็หลอกเข้าสู่ตลาดได้ง่าย คนที่เข้ามาไม่ได้สนใจหรอกว่าหน้าที่ของ crypto คืออะไร
พูดถีงปัญหาของ crypto ก่อน จะเห็นว่ามันใช้พื้นฐาน blockchain คือไม่มีตัวกลางแต่ข้อมูลกระจายเก็บทุกคน จะเห็นว่ายิ่งคนใช้มากระบบยิ่งอุ้ยอ้ายมากขึ้น การออกแบบในการถอดรหัสแบบ proof of work ให้คนมาช่วยขุดก็ใช้ทรัพยากรมาก การถอดรหัสไม่ได้ขึ้นกับจำนวนเงินที่ทำธุรกรรมเลย เพราะทำธุรกรรม 1 เหรียญ กับ 1 ล้านเหรียญ ก็ใช้ทรัพยากรเท่ากัน นั่นแปลว่าถ้า crypto จะมาแทนเงินสด ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งโลกจะรองรับมันได้หรือไม่ ลำพัง ณ ปัจจุบัน ทำธุรกรรม 1 ครั้ง ยังใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 นาที
ลองมาดู NFT ซึ่งออกแบบมาเก็บแค่ log ไม่ได้เก็บทั้ง file แปลว่าการทำซ้ำสามารถทำได้ไม่จำกัด เพียงแค่ NFT ยืนยันความเป็นเจ้าของ แปลว่ามันสะดวกแค่การชี้มาที่เจ้าของเท่านั้น แต่การถอดรหัส ไม่ได้ใช้ระบบ proof of work ที่ชักชวนคนมาขุดเหมืองเหมือน BTC ดังนั้นค่า gasfee มันเลยสูงมาก เพราะมาเก็บกับคนใช้แทน และยิ่งมีคนมาใช้ NFT มาก ระบบยิ่งช้ามากและค่า gasfee ก็ต้องถีบตัวสูง มันคืออุปสรรคของ NFT
มาดู Quantum Computer ที่จะมา Hack crypto ถ้ามาจริงระบบ centralize พังทลายก่อนแน่นอน แต่ถ้ามันมาจริงมัน hack ได้ก็ออกแบบให้มันป้องกันได้ ระบบธนาคารก็คงใช้ Quantum Computerนี่แหละ
crypto จะมาแทนเงินจริงได้หรือไม่ก็อยู่ที่คนออกแบบจะออกแบบให้มันทั้งปลอดภัยและทำธุรกรรมได้รวดเร็วทั้ง 2 อย่างได้อย่างไร และการที่มันไม่มีเสถียรภาพยิ่งทำให้ภาคธุรกิจไม่ทำธุรกรรมผ่านช่องทางนี้ demand คงมาจากช่องทางผิดกฎหมาย คนทั่วไปที่จะมารอทำธุรกรรมแต่ละครั้ง 20-30 นาทีคงไม่อยากจะใช้เป็นแน่

อ่านแล้วเห็นภาพเลย

ก็ยังสงสัยอยู่มูลค่าขึ้นลงแบบนี้ มันจะมาแทนเงินจริงได้ยังไง

แต่เห็นธปทจะทําคล้ายๆกัน เงินบาทคลิปโตมั้ง
แต่น่าจะเหมือนเงินสด
แค่เอาไปไว้ใน ระบบ block chain น่าจะใช่มั้งนะ

ก็สงสัย มันจะต่างจากธนาคารปกติยังไง

ยิ่งเห็นอีกหัวข้อ ธนาคารจะหายไป ก็สงสัยมันจะเป็นไปได้หรือ
ถ้าลดสาขา เพราะคนไปใช้onlineมากขึ้น อันนี้พอเข้าใจ

ตลาดคริปโตตอนนี้มันต่างจากบ่อนยังไง? รอบตัวผมไม่มีใครบอกว่ามันการลงทุนซักคน

แถมช่วงนี้พยายามชักชวนเยาวชนเข้าบ่อนอีก อะเมซิ่ง ไทยแลนด์

แล้วควอนตัมคอมมันต้องมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ไม่ใช่คอมบ้านตั้งโต๊ะนะคุณ อีกสิบปีก็ไม่รู้ว่ามันต้องจัดการยังไง เพราะไม่มีใครเห็นอนาคต

คืออ่านแล้วเนื้อหามันเวิ่นเว้อมาก เอาศัพท์หรูมาใส่ เอาศัพท์เทคนิคมาใส่ แต่อ่านแล้วไม่ได้อะไรเลย

มโนไปเรื่อย อ้างหน่วยงานโน้นนี้อ่านแล้วเสียเวลามาก แล้วที่เหรียญจะมาแทนเงินเฟียต อีกนานครับใครจะใช้ทำธุรกรรมได้จริงจัง ถ้ามันวิ่งแบบนี้ ซื้อขายกันข้ามวันมีล่มจมได้เลย

อย่างเอกวาดอร์เอาเหรียญไปใช้ทั้งประเทศ แล้วไง? ประเทศที่จัดการปัญหาการเงินตัวเองได้ไม่ดีพอ แค่คริปโตทำกำไรให้หน่อยอย่าพึ่งมั่นใจเต็มร้อย ดูกันยาวๆดีกว่า

จบยังไงไม่รู้ แต่รู้ว่าสนุกแน่

อิดิทหน่อย
"เปรียบได้กับการที่อัจริยะอย่าง สตีฟ จ็อบส์ คงไม่ได้คิดจะสร้าง iphone ขึ้นมาเพื่อทำลายบริษัทอย่าง Kodak แต่ Kodak ถูก disrupt เอง เพราะปรับตัวไม่ทัน"

ประโยคนี้คืออะไร? คุณกรองข้อมูลหน่อยนะ อย่าสักแต่ก๊อปมาลง

มันไม่ใช่แค่บ้านเรานะครับ เหรียญ crypto มันนิยมทั่วโลกน่ะแหละ ไม่งั้นการ์ดจอไม่ขาดแบบนี้หรอก
Quantum computer กับ เหรียญ crypto มันคนละเรื่องเดียวกัน Quantum computer มันจะสามารถแก้การถอดรหัสยากๆ ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
อย่างการเข้ารหัส ที่เขาว่าใช้เวลาหลายพันปี ถึงจะถอดแบบ brute force ได้ แต่ Quantum computer อาจจะถอดได้ในไม่กี่วัน
แต่มันไม่ได้มีผลแค่เหรียญ crypto มันมีผลกับทุกอย่างที่เข้ารหัสในโลก เช่น ฐานข้อมูล password ต่างๆ
ที่เขาพยายามทำก็คือ สร้างการเข้ารหัส ที่ทนทานต่อการถอดรหัสแบบใช้กำลัง (Bruteforce) ของ quantum computer ได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น quantum computer ไม่ได้ว่าจะแพร่หลายในเร็ววัน
Quantum computer ทุกวันนี้ยังมีหน่วยประมวลผลจำนวนไม่สูงมาก (เพราะสร้างยาก ลงทุนสูง ใช้เครื่องมือเฉพาะมากมาย)
เอาง่ายๆ ก็ยัง r&d กันอยู่ แต่ก็มีเปิดให้นักวิจัยเข้าไปใช้ เพราะมันต้องเรียนรู้วิธีเขียนโปรแกรมกันใหม่หมด

ไม่หายหรอก มันก็แค่เอา คอมพ์ รุ่นใหม่มาขุดต่อ

เรื่องถอดรหัสอะไร ผมไม่รู้นะแต่การเล่นคริปโตนี่มันไม่ใช่การลงทุนแบตลาดหุ้นแน่

เล่นหุ้นดูพื้นฐาน ดูสถานะการณ์ เพื่อซื้อขาย

เล่นคริปโตนี่อ่านใจ วาฬล้วนๆ ว่ามันจะปั่นไปถึงไหน แล้วมันจะทุบตอนไหน ทุบแล้ว มันจะทุบซ้ำ หรือทุบแล้วมันจะปั่นต่อ

ลุกช่าจ่ายรอยวง คือประโยค ติดปากของคนเล่นคริปโต ซึ่งผมก็เล่นนะเอาสนุกๆ นะ

Quantum ใช้งานได้จริงซักวัน Crypto สั่ง Hardfork 5 นาที เสร็จ แล้วก็นั่งดูความฉิบหายของระบบการเงินทั่วโลกอย่างสบายใจ

crypto ตอนนี้มันกลายสภาพเป็นบ่อนไปแล้ว คนเข้าไปไม่ได้เพราะไปตามเทคตามหาการกระจายอำนาจหอกเหวอะไรหรอก

เข้าไปหวังรวยแทบจะล้วนๆ

ผมก็เช่นกัน

เล่นคริปโต นี่ถ้าเล่นเก่ง รวยกันมาเยอะแล้ว เพื่อนผมทุน ล้านนึง กำไร ล้านนึง ภายในปีเดียว ตอนนี้เก็บทุนใช้กำไรเล่นแล้ว รอบนี้ช้อน GALA ไว้เยอะกะขึ้น ไม่รู้ว่าปล่อยทันแก๊งตี 3 ไหม

รอบนี้ยังไม่ทันขายกันหลายคน รีบลงซะก่อน

เล่นคริปโต เก็งง่ายกว่าหุ้นปั่นนะผมว่า แต่มัน high risk high return ของจริงเลย

ไม่ว่าหุ้นหรือคริปโต ถ้าจะกำไรต้องซื้อถูกขายแพง ก็รวยแล้ว เหอๆ

สงสัยต่อ bitcoins มีทั้งหมด21ล้านtoken
น่าจะมีเจ้าของกันหมดแล้ว หรือเปล่า
แล้วพวกที่ซื้อคอมมาขุด มันไปขุดจากไหน
เมื่อถ้าtokenมีเจ้าของแล้ว

หรือที่ขุดๆกันอยู่ ขุดได้ทุกtoken และtokenอื่นๆไม่มีจํากัด

Bitk scbx ก็ซื้อไปแล้ว

เห็นข่าวล่าสุด crytomind ก็จับมือกับ กสิกร
แต่dealนี้อ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ

แต่crytomind คือผู้ช่วยมguildfi ไทย ที่ระดมทุนได้เกือบ5พันล้าน

ยิ่งตามยิ่งเจอแต่เรื่องที่เริ่มไม่ค่อยจะรู้เรื่องในโลกของธุรกิจรุ่นต่อไป
แต่อ่านๆ ไปก็เพลินดี ตื่นเต้นไปกับเขาด้วย ทั้งๆที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

Covidจบ นักท่องเที่ยงเริ่มกลับมา ต่อไปนักท่องเที่ยวจะจ่ายค่าที่พักเป็นtoken
สงสัยตอนนั้น จะทํายังไงหว่า ยิ่งไม่ค่อยรู้เรื่องซะด้วย
ค่าที่พักคืนละ1500 จ่ายวันนี้
พรุ่งนี้มูลค่าอาจเพิ่มเป็น1800
หรือเหลือไม่ถึงพัน สงสันคนทำธุรกิจตัวเล็กๆที่ต้องรับtoken
เขาจะบริหารจัดการกันยังไง

Bitcoin ถูกขุดมาแล้ว 90% (วันนี้) เหลืออีก 10% เป็นรางวัลสำหรับ Miner ในวันที่ Bitcoin จะครบ 21 ล้าน ก็อีก 100 กว่าปี (พวกเราเป็นปุ๋ยกันหมดแล้ว)
เมื่อถึงจุดๆนั้น Miner จะได้ค่า Fee เป็นรางวัลแทน และอีก 100 ปี คิดว่าราคา Bitcoin มันจะราคาเท่าไร ? อาจจะ 1 satoshi : 1$ ก็เป็นได้

ระบบปรับสมดุลย์ของ Bitcoin
hash rate สูง บล็อคปิดเร็ว แลกมากับค่า difficulty ที่ยากทำให้โอกาสของ miner สุ่มเลขยากขึ้น คุ้มค่าไฟก็รันกันต่อไป
hash rate ต่ำ บล็อคปิดช้า ค่า difficulty ก็จะปรับให้สุ่มง่ายลงคนเห็นว่าค่า difficulty ง่าย ก็จะแห่กันกลับมาขุด วนเป็นระบบ
ระบบมันเลยไม่เคยล่ม เทรดน้อยเทรดมา ไม่มีความหมาย ตราบใดที่ราคา Bitcoin มันสูงเกินค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายมันก็ยังขุดกัน


ต้นทุนคือไฟฟ้าที่คนขุดต้องจ่าย แน่นอน Miner ก็มีต้นทุนไม่เท่ากัน คนจะขุดก็ต่อเมื่อมันคุ้มที่จะขุดครับถ้ามันไม่คุ้มค่าไฟจะไปขุดหาพระแสงอะไร

จากการคำนวน ต้นทุนเหมืองอยู่ราวๆ 10000$ กว่าๆ ดังนั้นมันถึงอยู่ในจุดคุ้มที่จะลงทุน และจาก Data on-chain ระบุว่าเหมืองทุกวันนี้ขุดมาเก็บหมดนะครับ ไม่ได้ขุดมาเทขาย

นึกว่าbcมีเจ้าของหมดแล้ว
คนคิดระบบมองได้สุดมาก

แบบนี้พวกchipจะขาดแคลนไปถึงปีไหน
ขนาดจีนปิดสั่งเหมืองไปแล้ว ก็ยังไม่พอ

นึกถึงตอนfb จะทำlibraเลย
แต่ผู้มีอำนาจบ้านเขาไม่อนุมัติ

ตลาดการเงินยุคต่อไป
ผู้เล่นจะเป็นหน้าใหม่
หรือผู้กุมอำนาจฝ่ายเดิมจะยังคุมต่อได้

แต่ตอนนี้ คนวงการธนาคารทั่วโลกน่าจะโดดเข้ามากันเยอะแล้วมั้ง

มองในภาพใหญ่ระบบ proof of work ของพวก crypto มันทำให้เปลืองไฟ ไปกับการขุด ซึ่งเกินพอดีในการรัน crypto ไปเยอะมากๆ แล้ว คือลด computing power เหลือ 1/100 ยังรันได้สบายๆ ไม่มีปัญหาอะไร

ยิ่งเหรียญแพงการใช้ไฟมันยิ่งมากตามจุดคุ้มทุนที่สูงขึ้น ตอนนี้ก็ผลาญพลังงานมากกว่าประเทศหลายประเทศแล้ว ในระยะยาวผมว่ามันต้องเปลี่ยนระบบการให้รางวัลเหมือง ไม่งั้นจะโดนกดดันจากสังคมถึงขั้นโดนแบนจากรัฐบาล เป็นข้ออ้างการแบนที่ฟังขึ้นที่สุดเลยในความเห็นผม

ปกติรางวัลต่อวันจะถูกล็อคไว้ เช่นหนึ่งวันจะขุดได้ 900 btc ถ้ามีคนลงทุนเอาควอนตัมมาขุด(บ้าหรือเปล่า) การประมวลผลเร็วมากแต่เค้าก็จะรางวัลเยอะ ก็จะได้แค่ 900 ไม่สามารถถขุดหมดทีเดียวหลายล้าน btc

มันจะปรับความยากขึ้นมาเท่านั้นเอง คนบ้าเอาควอนตัมมาขุดคุณก็อาจได้มากกว่านักขุดท่านอื่นๆ

เรื่องเจาะเข้าบล็อคเชน ถ้าเจาะได้ตอนนั้นโลกวินาศไปแล้วครับ ยิงนิวเคลียร์หรือเงินหายหมดแบงค์ BTC หรือคริปโตไม่ใช่อย่างแรกที่จะโดน ตอนนั้นคิดว่าก็คงขยับจากการเข้ารหัสแบบ 256 เป็น 512 แทน

ควอนตัมยังอีกนานถ้าจะเอามาใช้อย่างแผ่หลายเพราะเค้าต้องพัฒนาเรื่อง security ควบคุ๋ไปด้วยจะมาปล่อยใช้กันมั่วๆ ซั่วๆไม่ได้