วิจารณ์��าพยนตร์ สตาร์ วอร์ส IX:เดอะ ไรส์ ออฟ สกายวอล์คเกอร์
<<
<
1
2
3
>
>>
Reply
Vote
# Fri 20 Dec 2019 : 10:31PM
เรื่องไคโล เรน
เบนแม่งรักแม่จริงๆ ตอนภาค 8 ก็ไม่กล้ายิงอยากจะกลับไปใจจะขาด ขนาดเลอาเรียกแค่คำเดียวยังเขว้จนโดนแทง ฉากนี่ดูครั้งแรกจะดู แบบอะไรวะ แต่พอดูลึกๆแล้ว ขนลุกมากอ่ะ
Like : "MnemoniC", Sorrowkung
View all 2 comments >
Fri 20 Dec 2019 : 10:47PM
เรื่องของเบนน้ำตาไหลเลยน่ะผมฉากไลท์ เซเบอร์สามแฉกที่หลุดมือ ฉากนั้นพีคพอๆกับเหมือนตอนที่เวเดอร์บอกว่าเป็นพ่อลุคหรือตอนที่โอบีวันผิดหวังกับอนาคินเลย จริงๆผมว่าช่วง 7 กับ 8 ถ้าไม่เน้นขายดาราเก่าๆอย่างแฮมิลล์และฟอร์ด บทของไดรเวอร์ที่เป็นทั้งเบนและไคโล เรนจะมีมิติกว่านี้อีกครับ
Mon 23 Dec 2019 : 12:28AM
ฉากนั้นซึ้งมาก แต่พังเพราะตัวประกอบดันอธิบายทุกอย่างล่วงหน้าเลยไม่เซอร์ไพรซ์
Like : "MnemoniC"
# Sat 21 Dec 2019 : 1:34AM
รายได้เปิดตัววันพฤหัสบดีทั่วโลก 40 ล้านดอลลาร์แพ้ภาคเดอะ ลาสต์ เจไดที่เปิดตัววันเดียวกันไป 5 ล้าน รายได้ตอนนี้คือ 59 ล้านตัวเลขแบบชัดเจน
เดอะ ฟอร์ซ อเวคเคนส์
วันพฤหัสบดี 57 ล้านดอลลาร์
วันศุกร์ 119.1 ล้านดอลลาร์
สัปดาห์แรก 247.9 ล้านดอลลาร์
เดอะ ลาสต์ เจได
วันพฤหัสบดี 45 ล้านดอลลาร์
วันศุกร์ 104.68 ล้านดอลลาร์
สัปดาห์แรก 220 ล้านดอลลาร์
เทียบกับรายได้สองภาคก่อนหาก 200+ล้านดอลลาร์สัปดาห์แรกได้ หนังก็ยังทำเงินเพียงแค่จะลุ้นพันล้านยากหน่อย แต่มาตรฐานปีนี้ของดิสนี่ย์สูงลิบลิ่วที่มีหนังพันล้านถึงเจ็ดเรื่อง โดยเฉพาะเอ็นด์ เกมที่เเตะๆ 2,800 ล้านดอลลาร์ ถ้าไม่ถึงพันล้านในแง่ธุรกิจถือว่าล้มเหลวมากในเรื่องกำไรเพราะฝ่ายมาร์เก็ตติ้งวิ่งจนเท้าเปื่อย แต่ขาดทุนมั้ยรวมๆค่าประชาสัมพันธ์ให้ด้วยมีแต่กำไรจะมากหรือน้อยแค่นั้นเอง
*เพิ่มเติม*
เอาภาคสุดท้ายของทั้งสองไตรภาคเก่า(ไม่รวมภาค 7 8 9)มีภาค 3 ที่รายได้มากกว่าภาค 2 เพราะรายได้ของภาค 4 5 6 ลดลงมาเรื่อยๆ ต่างจากที่ภาค 2 ลดลงจากภาค 1 แต่ภาค 3 ยังเพิ่มยอดรายได้ขึ้น แล้วการที่สตาร์ วอร์สยุคใหม่ปัจจุบันที่อยู่ในการดูแลของดิสนี่ย์ ไม่ได้แย่ลงเลยกับการบริหารแฟรนไชส์นี้มีแต่ขยายตลาดซ่ะด้วยซ้ำ
เอาอัตราเงินเฟ้อมาเปรียบเทียบกันทุกภาคยังอยู่ในเกณฑ์หนังทำเงิน ที่ห่างจริงๆคือภาค 4 กับภาค 7 เอาเงินเฟ้อมาเทียบกันห่างกันหกร้อยล้านที่ภาค 4 ทำได้ดีกว่า แต่ถ้าเอาเฉพาะสองภาคล่าสุดภาค 7 ห่างกับภาค 8 สามร้อยกว่าล้าน และดิสนี่ย์ขายแบรนด์ของลูคัสได้เยอะกว่าสมัยลูคัสให้ฟ็อกซ์ขาย ถ้าตัดเรื่องเงินเฟ้อออกดิสนี่ย์ประสบความสำเร็จกว่ามาก
เรื่องที่บอกว่าสตาร์ วอร์สย่ำแย่เพราะดิสนี่ย์บริหารไม่เป็นความจริงเพราะตัวเลขมันฟ้องว่าพัฒนาขึ้น แค่ทำหนังไม่ถูกใจคนรุ่นเก่าแต่ได้ตลาดคนรุ่นใหม่ผมว่าดิสนี่ย์ก็จะเอาอย่างหลังนี่ล่ะ แล้วการที่หนังใส่คาแรคเตอร์เก่าๆมาจนเอียนแล้วยังไม่ชอบอีก คงเก๋าเข้าขั้นแล้วกูรูแต่ละคน
แล้วที่บอกเป็นภาคปิดตำนานสกายวอล์คเกอร์ที่สร้างมายาวนานกว่า 40 ปี อันนี้ยิ่งไม่เชื่อใหญ่ ถ้าหนังมันทำเงิน ของเล่นมันขายได้ หรือ ชื่อตัวละครยังเป็นที่สนใจ อย่างงัยก็ต้องมีการต่อยอดขายของกันแบบเรื่อยๆ 10 11 12 ก็น่าจะเป็นยุคสกายวอล์คเกอร์ต่อไปที่จะขาย คงไม่อยากรีแบรนด์ทำแหวกแนวแบบโซโลแล้วเจ๊งกันอีก(สตาร์ วอร์สไม่มีฟอร์ซอย่าเรียกสตาร์ วอร์สเลย)
ข้อมูลจาก: บ็อกซ์ออฟฟิศ โมโจ [Link]
เดอะ ฟอร์ซ อเวคเคนส์
วันพฤหัสบดี 57 ล้านดอลลาร์
วันศุกร์ 119.1 ล้านดอลลาร์
สัปดาห์แรก 247.9 ล้านดอลลาร์
เดอะ ลาสต์ เจได
วันพฤหัสบดี 45 ล้านดอลลาร์
วันศุกร์ 104.68 ล้านดอลลาร์
สัปดาห์แรก 220 ล้านดอลลาร์
เทียบกับรายได้สองภาคก่อนหาก 200+ล้านดอลลาร์สัปดาห์แรกได้ หนังก็ยังทำเงินเพียงแค่จะลุ้นพันล้านยากหน่อย แต่มาตรฐานปีนี้ของดิสนี่ย์สูงลิบลิ่วที่มีหนังพันล้านถึงเจ็ดเรื่อง โดยเฉพาะเอ็นด์ เกมที่เเตะๆ 2,800 ล้านดอลลาร์ ถ้าไม่ถึงพันล้านในแง่ธุรกิจถือว่าล้มเหลวมากในเรื่องกำไรเพราะฝ่ายมาร์เก็ตติ้งวิ่งจนเท้าเปื่อย แต่ขาดทุนมั้ยรวมๆค่าประชาสัมพันธ์ให้ด้วยมีแต่กำไรจะมากหรือน้อยแค่นั้นเอง
*เพิ่มเติม*
เอาภาคสุดท้ายของทั้งสองไตรภาคเก่า(ไม่รวมภาค 7 8 9)มีภาค 3 ที่รายได้มากกว่าภาค 2 เพราะรายได้ของภาค 4 5 6 ลดลงมาเรื่อยๆ ต่างจากที่ภาค 2 ลดลงจากภาค 1 แต่ภาค 3 ยังเพิ่มยอดรายได้ขึ้น แล้วการที่สตาร์ วอร์สยุคใหม่ปัจจุบันที่อยู่ในการดูแลของดิสนี่ย์ ไม่ได้แย่ลงเลยกับการบริหารแฟรนไชส์นี้มีแต่ขยายตลาดซ่ะด้วยซ้ำ
เอาอัตราเงินเฟ้อมาเปรียบเทียบกันทุกภาคยังอยู่ในเกณฑ์หนังทำเงิน ที่ห่างจริงๆคือภาค 4 กับภาค 7 เอาเงินเฟ้อมาเทียบกันห่างกันหกร้อยล้านที่ภาค 4 ทำได้ดีกว่า แต่ถ้าเอาเฉพาะสองภาคล่าสุดภาค 7 ห่างกับภาค 8 สามร้อยกว่าล้าน และดิสนี่ย์ขายแบรนด์ของลูคัสได้เยอะกว่าสมัยลูคัสให้ฟ็อกซ์ขาย ถ้าตัดเรื่องเงินเฟ้อออกดิสนี่ย์ประสบความสำเร็จกว่ามาก
เรื่องที่บอกว่าสตาร์ วอร์สย่ำแย่เพราะดิสนี่ย์บริหารไม่เป็นความจริงเพราะตัวเลขมันฟ้องว่าพัฒนาขึ้น แค่ทำหนังไม่ถูกใจคนรุ่นเก่าแต่ได้ตลาดคนรุ่นใหม่ผมว่าดิสนี่ย์ก็จะเอาอย่างหลังนี่ล่ะ แล้วการที่หนังใส่คาแรคเตอร์เก่าๆมาจนเอียนแล้วยังไม่ชอบอีก คงเก๋าเข้าขั้นแล้วกูรูแต่ละคน
แล้วที่บอกเป็นภาคปิดตำนานสกายวอล์คเกอร์ที่สร้างมายาวนานกว่า 40 ปี อันนี้ยิ่งไม่เชื่อใหญ่ ถ้าหนังมันทำเงิน ของเล่นมันขายได้ หรือ ชื่อตัวละครยังเป็นที่สนใจ อย่างงัยก็ต้องมีการต่อยอดขายของกันแบบเรื่อยๆ 10 11 12 ก็น่าจะเป็นยุคสกายวอล์คเกอร์ต่อไปที่จะขาย คงไม่อยากรีแบรนด์ทำแหวกแนวแบบโซโลแล้วเจ๊งกันอีก(สตาร์ วอร์สไม่มีฟอร์ซอย่าเรียกสตาร์ วอร์สเลย)
ข้อมูลจาก: บ็อกซ์ออฟฟิศ โมโจ [Link]
[Edited 3 times "MnemoniC" - Last Edit 2019-12-21 03:44:36]
# Sat 21 Dec 2019 : 9:35AM
เพิ่งดูเมื่อวาน ส่วนตัวคิดว่าถ้าทั้งสามภาคมี ผกก คนเดียวกันภาพรวมมันน่าจะดีกว่านี้ พอใช้ ผกก คนละกัน (7 กับ8) ซึ่งคนละแนวกันเลย ภาคสรุปเลยต้องรวบรัด บางจุดมีอธิบายน้อย ดำเนินเรื่องเร็วไป หลายจุดเหมือนภาค 6 เลยไม่รู้ดีหรือไม่ดี แต่รวมๆ ก็ชอบนะ คิดว่าดูสนุกกว่าภาค 7-8
Like : "MnemoniC"
View all 1 comments >
Sat 21 Dec 2019 : 11:40AM
ผมชอบภาค 9 นี้ก็เพราะผู้กำกับเอาใจแฟนๆรุ่นใหม่ตัดของเก่าออกไปเยอะ อย่างภาค 7 เน้นเล่าเรื่องฮานกับภาค 8 ที่เน้นเล่าเรื่องลุคถ้าเทียบกันผมชอบ 8 มากกว่า 7 เพราะภาค 8 ยังเน้นการทำดีเทลแบบหนังสมัยใหม่อยู่ถึงจะอิงออริจินแบบภาค 7 แต่หลายคนชอบภาค 7 มากกว่าด้วยอารมณ์การผจญภัยเหมือนต้นฉบับ
ภาค 9 นี้ไม่แปลกถ้าอารมณ์จะดูง่ายคล้ายๆดูต้นฉบับ 4 5 6 ที่เน้นความบันเทิงกว่าเหตุผล ก็คิดดูเหตุผลของเรย์ในการเป็นเจไดให้เรอามาฝึกก็ได้(ไอ้ตอนท้ายจาก 7 ถึง 8 ที่เรย์ไปเจอลุคได้ฝึก ภาค 9 เอาทิ้งหมดให้เจอกันเพื่อเอาเอ็กซ์-วิงแทนTT) การขยี้ปมของหลายตัวละคร เจ เจ ก็ว้าวน่ะทั้งอาชีพเก่าโพลหรือบทสรุปนายพลฮักซ์ครับ
ภาค 9 นี้ไม่แปลกถ้าอารมณ์จะดูง่ายคล้ายๆดูต้นฉบับ 4 5 6 ที่เน้นความบันเทิงกว่าเหตุผล ก็คิดดูเหตุผลของเรย์ในการเป็นเจไดให้เรอามาฝึกก็ได้(ไอ้ตอนท้ายจาก 7 ถึง 8 ที่เรย์ไปเจอลุคได้ฝึก ภาค 9 เอาทิ้งหมดให้เจอกันเพื่อเอาเอ็กซ์-วิงแทนTT) การขยี้ปมของหลายตัวละคร เจ เจ ก็ว้าวน่ะทั้งอาชีพเก่าโพลหรือบทสรุปนายพลฮักซ์ครับ
# Sat 21 Dec 2019 : 11:59AM
ถ้าเอาเรื่องรายได้ยอดขายมาคุยข่ม แล้วบอกว่านี้แหละ Yes นี้แหละใช่ ออกจากโรงมาด้วยอารมณ์ WTF แต่ช่างมันหนังทำเงินก็พอ
ไม่ชอบ อะไรแบบนั้น
ไม่ได้บอกว่า 1 2 3 และ 4 5 6 ถือเพอเฟกไร้ที่ติ จำสมัยดูโรง1 2 3 ได้ ว่าหลับ และมีจุดติอยู่ แต่ไม่มีอารมณ์แบบออกมาถกเถียงว่า ไรของแม่งวะ แต่งเรื่องเสริมออกทะเลเพื่อดึงให้ยาวเป็น3ตอนให้เสียเวลาไร้สาระ รีบๆจบในตอนเดียวว่าไอ้อนาคินดีแตก เดวหนังจะสั้นไปทำเงินไม่คุ้ม
มันไม่มีอะไรแบบนั้น มันมีแต่ล้อ สำนวนแบบพี่อยู่อนาคตอันไกลโพ้นหรือ อดีต กันแน่คำพูดคำจา การจีบกัน +เสียง ชาคริต
ในมุมคนดูหนังผ่านๆไม่อินไม่ตามมากก็ได้ การต่อสู้ด้วยดาบที่ภาค 1 2 3 เน้นนำเสนอแน่ๆ ใครบันเทิงอะไรแบบนี้อยู่แล้วก็บันเทิงกันไป เพราะฉากต่อสู้ด้วยดาบ ไม่ได้แกว่งดาบฟาดกันมั่วๆไม่มีหลักวิชา
ผมก็ไม่ได้อนุรักษ์นิยมอะไร เห็นหนังภาคต่อที่ส่งไม้ต่อให้รุ่นใหม่ก็เยอะหรือเลือกจะไม่ส่งไม้ต่อแล้วแก่ตายไปกับมันก็มี ซึ่งสตาร์วอร์ 7 8 9 เลือกที่จะส่งไม้ ก็ไม่ได้ว่าอะไร เข้าโรงไปดูภาค7ด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม สิ่งใหม่ การผญจภัยใหม่ๆ ตัวละครใหม่ และก็ อืมๆ ออกมา ต่อ8 ก็แบบไรของแม่งวะ 9 จบ เคร
อารมณ์คนดูหนัง9ภาคที่เป็นหนังภาคต่อมัน "เสียดาย" คืออย่างนึงที่ไม่ชอบในการส่งไม้ของเรื่องนี้คือ ต้องแบบพวกเก่าๆแก่ๆ กระจอก เกะกะ เสียเวลาวัยรุ่น หลีกเดะ เดวหนูลุยเองจบ ก็เก่งไง จะอะไรมากมาย ให้มันดีกว่านี้หน่อยก็ได้
จะว่าหนังดี สนุก ชอบให้ดู10รอบยังได้ ก็ไม่ว่ากัน แต่ไม่ชอบอะไรที่แบบ ก็มันทำเงินกว่าอ่ะ มันต้องแบบนี้แหละ อันนี้ไม่โอเค
ไม่ชอบ อะไรแบบนั้น
ไม่ได้บอกว่า 1 2 3 และ 4 5 6 ถือเพอเฟกไร้ที่ติ จำสมัยดูโรง1 2 3 ได้ ว่าหลับ และมีจุดติอยู่ แต่ไม่มีอารมณ์แบบออกมาถกเถียงว่า ไรของแม่งวะ แต่งเรื่องเสริมออกทะเลเพื่อดึงให้ยาวเป็น3ตอนให้เสียเวลาไร้สาระ รีบๆจบในตอนเดียวว่าไอ้อนาคินดีแตก เดวหนังจะสั้นไปทำเงินไม่คุ้ม
มันไม่มีอะไรแบบนั้น มันมีแต่ล้อ สำนวนแบบพี่อยู่อนาคตอันไกลโพ้นหรือ อดีต กันแน่คำพูดคำจา การจีบกัน +เสียง ชาคริต
ในมุมคนดูหนังผ่านๆไม่อินไม่ตามมากก็ได้ การต่อสู้ด้วยดาบที่ภาค 1 2 3 เน้นนำเสนอแน่ๆ ใครบันเทิงอะไรแบบนี้อยู่แล้วก็บันเทิงกันไป เพราะฉากต่อสู้ด้วยดาบ ไม่ได้แกว่งดาบฟาดกันมั่วๆไม่มีหลักวิชา
ผมก็ไม่ได้อนุรักษ์นิยมอะไร เห็นหนังภาคต่อที่ส่งไม้ต่อให้รุ่นใหม่ก็เยอะหรือเลือกจะไม่ส่งไม้ต่อแล้วแก่ตายไปกับมันก็มี ซึ่งสตาร์วอร์ 7 8 9 เลือกที่จะส่งไม้ ก็ไม่ได้ว่าอะไร เข้าโรงไปดูภาค7ด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม สิ่งใหม่ การผญจภัยใหม่ๆ ตัวละครใหม่ และก็ อืมๆ ออกมา ต่อ8 ก็แบบไรของแม่งวะ 9 จบ เคร
อารมณ์คนดูหนัง9ภาคที่เป็นหนังภาคต่อมัน "เสียดาย" คืออย่างนึงที่ไม่ชอบในการส่งไม้ของเรื่องนี้คือ ต้องแบบพวกเก่าๆแก่ๆ กระจอก เกะกะ เสียเวลาวัยรุ่น หลีกเดะ เดวหนูลุยเองจบ ก็เก่งไง จะอะไรมากมาย ให้มันดีกว่านี้หน่อยก็ได้
จะว่าหนังดี สนุก ชอบให้ดู10รอบยังได้ ก็ไม่ว่ากัน แต่ไม่ชอบอะไรที่แบบ ก็มันทำเงินกว่าอ่ะ มันต้องแบบนี้แหละ อันนี้ไม่โอเค
Like : "MnemoniC"
View all 1 comments >
Sat 21 Dec 2019 : 12:58PM
ความเป็นหนังทำเงินยังงัยแฟรนไชส์นี้มันขึ้นหิ้งมากว่า 40 ปีแล้ว ถ้าบอกเป็นหนังทำมาเพื่อแฟนๆที่รักสตาร์ วอร์สไม่เน้นกำไรอันนี้ซิแปลก แต่ความรู้สึกให้จดจำความเป็นตำนานของซาก้าของไตรภาคนี้มันน้อยไปนิด จะไม่น้อยได้ไงก็เล่นเอาแต่ของเดิมๆในตำนานเก่ากลับมารีมาสเตอร์ใหม่ทั้งนั้น
จริงน่ะเรื่องประชาสัมพันธ์ดิสนี่ย์ทำได้ดีกว่าของเก่าเยอะเลย และทีมลูคัสก็ยังเป็นแกนหลักในการควบคุมจักรวาลสตาร์ วอร์สอยู่ ผมนี่สงสารอับรามส์เลยที่ต้องมาจบไตรภาคแบบยำทุกอย่างในสองชั่วโมงกว่า แต่พอเห็นช่องโหว่อยู่หรอกถ้าใช้แต่ของเก่าๆมากไปแฟรนไชส์มันจะไม่พัฒนาไปไหน
ช่วงลูคัสทำเองใน 1 2 3 ผมชอบมากกว่า 4 5 6 ทั้งเรื่องเนื้อหา เทคโนโลยีการถ่ายทำ และความเมคเซ้นส์ต่างๆ เรื่องศิลปะดาบพลังแสงคงมีคนทำให้ดีกว่าผู้ให้กำเนิดยากอย่างช่วง 1 2 3 และที่สำคัญไตรภาคปัจจุบันพยายามแล้วพยายามอีกที่จะให้เป็นแบบ 4 5 6 ผมเลยทำใจไว้แล้วพวกพลังฟอร์ซ ศิลปะเจได/ซิธ สภาการเมือง จะถูกลดลงเพื่อให้เป็นหนังในจินตนาการผู้กำกับครับ
จริงน่ะเรื่องประชาสัมพันธ์ดิสนี่ย์ทำได้ดีกว่าของเก่าเยอะเลย และทีมลูคัสก็ยังเป็นแกนหลักในการควบคุมจักรวาลสตาร์ วอร์สอยู่ ผมนี่สงสารอับรามส์เลยที่ต้องมาจบไตรภาคแบบยำทุกอย่างในสองชั่วโมงกว่า แต่พอเห็นช่องโหว่อยู่หรอกถ้าใช้แต่ของเก่าๆมากไปแฟรนไชส์มันจะไม่พัฒนาไปไหน
ช่วงลูคัสทำเองใน 1 2 3 ผมชอบมากกว่า 4 5 6 ทั้งเรื่องเนื้อหา เทคโนโลยีการถ่ายทำ และความเมคเซ้นส์ต่างๆ เรื่องศิลปะดาบพลังแสงคงมีคนทำให้ดีกว่าผู้ให้กำเนิดยากอย่างช่วง 1 2 3 และที่สำคัญไตรภาคปัจจุบันพยายามแล้วพยายามอีกที่จะให้เป็นแบบ 4 5 6 ผมเลยทำใจไว้แล้วพวกพลังฟอร์ซ ศิลปะเจได/ซิธ สภาการเมือง จะถูกลดลงเพื่อให้เป็นหนังในจินตนาการผู้กำกับครับ
Like : Yoyo-kunG
# Sat 21 Dec 2019 : 2:16PM
7-8-9 มันห่วยมั้ย ถ้าแง่ความบันเทิงมันก็ดูได้นั่นแหละ แต่ในแง่ของความสนุกมันน้อยกว่า 2 ไตรภาคก่อน คงเพราะทิศทางของ 7 และ 8 ที่ไปกันคนละทางด้วย ทำให้อารมณ์มันขัดๆ กัน พอมาถึง 9 มันเลยต้องสรุปแบบง่ายๆ อะไรก็เลยดูง่ายๆ เรื่อยๆ เอื่อยๆ บางอย่างก้ไม่ค่อยเมคเซนส์ แต่ดูมาตั้งแต่สมัยยังเด็กๆ ก็ต้องตามดูกันให้จบ หวังว่าไตรภาคใหม่ที่แว่วๆ ว่าจะเอา Old Republic มาใช้คงทำได้ดีกว่านี้ เพราะมีอะไรให้เล่นเยอะกว่า Skywalker saga
Like : "MnemoniC"
View all 3 comments >
Sat 21 Dec 2019 : 5:08PM
ผมก็เห็นแฟนๆหลายคนอยากเห็นเอาช่วงรุ่งโรจน์ของนิกายเจไดกับซิธมาอะเเดปทำไตรภาคใหม่ คือให้เอาเนื้อหาช่วงโอลด์ รีพับลิกกลับมาสานต่อสกายวอล์คเกอร์ซาก้า แต่ผมมองแบบนี้หากเปลี่ยนทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิงหมดเลยหนังจะทำยากน่ะ ที่เราได้ดูและซึมซับจักรวาลได้พ่นน้ำลายใส่กันเพราะตัวละครที่ตายไปแล้วอย่าง"เวเดอร์"
ไตรภาคอนาคินชัดเจนที่สุดคือปูพื้นฐานว่าดาร์ธ เวเดอร์เก่งและชั่วร้ายอย่างไร และไตรภาคล่าสุดก็ปูว่าเบน โซโลได้อิทธิพลเวเดอร์มาอย่างไร ถ้าปรับเปลี่ยนความเป็นสกายวอล์คเกอร์ไปหมดทุกอย่าง ผมเองก็ไม่รู้ว่าเสน่ห์ภาพยนตร์สตาร์ วอร์สอยู่ตรงไหน
เราดูหนังอ่ะไม่ได้ไล่ติดตามลีเจ้นด์หรือนัน-แคนอนก็เลยไม่ค่อยสนใจเรื่องเหตุผลเท่าไหร่ แค่หนังสร้างมาในมุมมองที่คนสนใจและสนุกดูรู้เรื่องผมว่าคนส่วนใหญ่คิดแบบนี้มากกว่า ทั้งแฟนแฟรนไชส์นี้และนักวิจารณ์ครับ
ไตรภาคอนาคินชัดเจนที่สุดคือปูพื้นฐานว่าดาร์ธ เวเดอร์เก่งและชั่วร้ายอย่างไร และไตรภาคล่าสุดก็ปูว่าเบน โซโลได้อิทธิพลเวเดอร์มาอย่างไร ถ้าปรับเปลี่ยนความเป็นสกายวอล์คเกอร์ไปหมดทุกอย่าง ผมเองก็ไม่รู้ว่าเสน่ห์ภาพยนตร์สตาร์ วอร์สอยู่ตรงไหน
เราดูหนังอ่ะไม่ได้ไล่ติดตามลีเจ้นด์หรือนัน-แคนอนก็เลยไม่ค่อยสนใจเรื่องเหตุผลเท่าไหร่ แค่หนังสร้างมาในมุมมองที่คนสนใจและสนุกดูรู้เรื่องผมว่าคนส่วนใหญ่คิดแบบนี้มากกว่า ทั้งแฟนแฟรนไชส์นี้และนักวิจารณ์ครับ
Sat 21 Dec 2019 : 9:27PM
"MnemoniC";2558795 wrote:
ผมก็เห็นแฟนๆหลายคนอยากเห็นเอาช่วงรุ่งโรจน์ของนิกายเจไดกับซิธมาอะเเดปทำไตรภาคใหม่ คือให้เอาเนื้อหาช่วงโอลด์ รีพับลิกกลับมาสานต่อสกายวอล์คเกอร์ซาก้า แต่ผมมองแบบนี้หากเปลี่ยนทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิงหมดเลยหนังจะทำยากน่ะ ที่เราได้ดูและซึมซับจักรวาลได้พ่นน้ำลายใส่กันเพราะตัวละครที่ตายไปแล้วอย่าง"เวเดอร์"
ไตรภาคอนาคินชัดเจนที่สุดคือปูพื้นฐานว่าดาร์ธ เวเดอร์เก่งและชั่วร้ายอย่างไร และไตรภาคล่าสุดก็ปูว่าเบน โซโลได้อิทธิพลเวเดอร์มาอย่างไร ถ้าปรับเปลี่ยนความเป็นสกายวอล์คเกอร์ไปหมดทุกอย่าง ผมเองก็ไม่รู้ว่าเสน่ห์ภาพยนตร์สตาร์ วอร์สอยู่ตรงไหน
เราดูหนังอ่ะไม่ได้ไล่ติดตามลีเจ้นด์หรือนัน-แคนอนก็เลยไม่ค่อยสนใจเรื่องเหตุผลเท่าไหร่ แค่หนังสร้างมาในมุมมองที่คนสนใจและสนุกดูรู้เรื่องผมว่าคนส่วนใหญ่คิดแบบนี้มากกว่า ทั้งแฟนแฟรนไชส์นี้และนักวิจารณ์ครับ
ไตรภาคอนาคินชัดเจนที่สุดคือปูพื้นฐานว่าดาร์ธ เวเดอร์เก่งและชั่วร้ายอย่างไร และไตรภาคล่าสุดก็ปูว่าเบน โซโลได้อิทธิพลเวเดอร์มาอย่างไร ถ้าปรับเปลี่ยนความเป็นสกายวอล์คเกอร์ไปหมดทุกอย่าง ผมเองก็ไม่รู้ว่าเสน่ห์ภาพยนตร์สตาร์ วอร์สอยู่ตรงไหน
เราดูหนังอ่ะไม่ได้ไล่ติดตามลีเจ้นด์หรือนัน-แคนอนก็เลยไม่ค่อยสนใจเรื่องเหตุผลเท่าไหร่ แค่หนังสร้างมาในมุมมองที่คนสนใจและสนุกดูรู้เรื่องผมว่าคนส่วนใหญ่คิดแบบนี้มากกว่า ทั้งแฟนแฟรนไชส์นี้และนักวิจารณ์ครับ
ผมมองว่าความเป็น Star Wars มันอยู่ที่เนื้อหามากกว่าจะผูกติดกับตัวละครหรือตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ถ้าเคยเล่น Knight of The Old Rebublic หรือ The Old republic มา ผมว่ามันมีความเป็น Star Wars และความสนุกไม่แพ้ Skywalker saga แถมเรื่องของ Revan และ Bastalia จนมาถึงยุค Dark Council นั้นดีมาก ถึง Eternal Empire จะเว่อร์วังไปนิด แต่ก็ยังสนุก ถ้าคิดว่าจะเปิดแนวทางใหม่ๆ ผมว่า Old Republic เป็นทางเลือกที่ดีกว่าจะเอาเรื่องของ Skywalker มาอ้างถึงต่อไป
Like : "MnemoniC"
Sat 21 Dec 2019 : 10:13PM
Zirondus wrote:
"MnemoniC";2558795 wrote:
ผมก็เห็นแฟนๆหลายคนอยากเห็นเอาช่วงรุ่งโรจน์ของนิกายเจไดกับซิธมาอะเเดปทำไตรภาคใหม่ คือให้เอาเนื้อหาช่วงโอลด์ รีพับลิกกลับมาสานต่อสกายวอล์คเกอร์ซาก้า แต่ผมมองแบบนี้หากเปลี่ยนทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิงหมดเลยหนังจะทำยากน่ะ ที่เราได้ดูและซึมซับจักรวาลได้พ่นน้ำลายใส่กันเพราะตัวละครที่ตายไปแล้วอย่าง"เวเดอร์"
ไตรภาคอนาคินชัดเจนที่สุดคือปูพื้นฐานว่าดาร์ธ เวเดอร์เก่งและชั่วร้ายอย่างไร และไตรภาคล่าสุดก็ปูว่าเบน โซโลได้อิทธิพลเวเดอร์มาอย่างไร ถ้าปรับเปลี่ยนความเป็นสกายวอล์คเกอร์ไปหมดทุกอย่าง ผมเองก็ไม่รู้ว่าเสน่ห์ภาพยนตร์สตาร์ วอร์สอยู่ตรงไหน
เราดูหนังอ่ะไม่ได้ไล่ติดตามลีเจ้นด์หรือนัน-แคนอนก็เลยไม่ค่อยสนใจเรื่องเหตุผลเท่าไหร่ แค่หนังสร้างมาในมุมมองที่คนสนใจและสนุกดูรู้เรื่องผมว่าคนส่วนใหญ่คิดแบบนี้มากกว่า ทั้งแฟนแฟรนไชส์นี้และนักวิจารณ์ครับ
ไตรภาคอนาคินชัดเจนที่สุดคือปูพื้นฐานว่าดาร์ธ เวเดอร์เก่งและชั่วร้ายอย่างไร และไตรภาคล่าสุดก็ปูว่าเบน โซโลได้อิทธิพลเวเดอร์มาอย่างไร ถ้าปรับเปลี่ยนความเป็นสกายวอล์คเกอร์ไปหมดทุกอย่าง ผมเองก็ไม่รู้ว่าเสน่ห์ภาพยนตร์สตาร์ วอร์สอยู่ตรงไหน
เราดูหนังอ่ะไม่ได้ไล่ติดตามลีเจ้นด์หรือนัน-แคนอนก็เลยไม่ค่อยสนใจเรื่องเหตุผลเท่าไหร่ แค่หนังสร้างมาในมุมมองที่คนสนใจและสนุกดูรู้เรื่องผมว่าคนส่วนใหญ่คิดแบบนี้มากกว่า ทั้งแฟนแฟรนไชส์นี้และนักวิจารณ์ครับ
ผมมองว่าความเป็น Star Wars มันอยู่ที่เนื้อหามากกว่าจะผูกติดกับตัวละครหรือตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ถ้าเคยเล่น Knight of The Old Rebublic หรือ The Old republic มา ผมว่ามันมีความเป็น Star Wars และความสนุกไม่แพ้ Skywalker saga แถมเรื่องของ Revan และ Bastalia จนมาถึงยุค Dark Council นั้นดีมาก ถึง Eternal Empire จะเว่อร์วังไปนิด แต่ก็ยังสนุก ถ้าคิดว่าจะเปิดแนวทางใหม่ๆ ผมว่า Old Republic เป็นทางเลือกที่ดีกว่าจะเอาเรื่องของ Skywalker มาอ้างถึงต่อไป
ส่วนตัวละครอย่างเรแวนหรือซิธ ลอร์ด เรแวน มีความใกล้เคียงมากๆกับไคโล เรน ที่เป็นเจไดไปสู่ด้านมืดก่อนกลับมาสู้กับดาร์ธมาลัครวมสาธารณรัฐอีกครั้ง คือเป็นสูตรสำเร็จของสตาร์ วอร์สมากเกินไปหรือเหมือนกันเลยช่วงโอลด์ รีพับลิก มันจะไม่สดใหม่น่ะซิหากเอาเนื้อหาช่วงนี้กลับมาทำก็เหมือนวนลูปอีกรอบครับ
# Sat 21 Dec 2019 : 7:18PM
ดีสนีย์ทำหนังดูง่ายครับ จับจุดว่าทำแบบไหนจะขายได้ คือดูสนุกไม่น่าเบื่อ เหมือนซื้อตั๋วเข้าดีสนีย์แลนด์ เล่นเครื่องเล่นรถไฟเหาะบ้าง ชิงช้าสวรรค์บ้าง
แต่ก็คือดูจบแล้วก็ได้อารมณ์เดิม ๆ เหมือนภาพงานศิลป์สวย ๆ แต่ทุก ๆ ภาพสวยแนวเดียว ๆ กันหมดอย่างนั้น
ส่วนตัวเลยชอบ wb มากกว่า จะดีจะห่วยแต่ก็มีหลากหลายอารมณ์ แต่สมมติถ้าจะลงทุนเลือกซื้อหุ้นบริษัทไหนก็คงเลือกดีสนีย์มากกว่าแน่นอน :P
แต่ก็คือดูจบแล้วก็ได้อารมณ์เดิม ๆ เหมือนภาพงานศิลป์สวย ๆ แต่ทุก ๆ ภาพสวยแนวเดียว ๆ กันหมดอย่างนั้น
ส่วนตัวเลยชอบ wb มากกว่า จะดีจะห่วยแต่ก็มีหลากหลายอารมณ์ แต่สมมติถ้าจะลงทุนเลือกซื้อหุ้นบริษัทไหนก็คงเลือกดีสนีย์มากกว่าแน่นอน :P
Like : "MnemoniC"
View all 1 comments >
Sat 21 Dec 2019 : 7:55PM
มาตรฐานเครื่องหมายการค้าของดิสนี่ย์คือไม่เป็นภัยคุกคามต่อเยาวชน ถ้าเราจะไม่เห็นหนังของดิสนี่ย์เสียดสีสังคมหรือมีความรุนแรงเยอะก็เป็นปกติ เพราะโครงสร้างการทำหนังตั้งแต่ใช้คำว่าบัวนา วิสต้าโปรโมทจะแยกเฉพาะกลุ่มกับดิสนี่ย์อย่างชัดเจน ตอนนี้ที่แบรนด์สินค้าทุกอย่างใช้คำว่าดิสนี่ย์เราต้องเข้าใจกันก่อนว่าเราจะโตตามอายุไม่ได้
แล้วการที่สตาร์ วอร์สเข้าสู่โลกสวนสนุกหนูน่ารักตัวนี้ก็ไม่ใช่ว่าหนังจะโลกสวยซ่ะทุกอย่าง เพราะความเป็นผู้ใหญ่ในการนำเสนอก็ยังโดดเด่นอยู่โดยเฉพาะเดอะ ลาสต์ เจได แค่บางทีหนังในค่ายต้องปรับจูนตรงนู้นตรงนี้เพื่อตามใจเสียงเรียกร้องต่างๆนาๆ แต่เรื่องภาพยนตร์ของค่ายกับแบรนด์บริษัทบางทีเราเองก็ต้องแยกแยะดีๆครับ
ป.ล.บริษัทเป็นมิตรต่อโลกอย่างดิสนี่ย์ครั้งหนึ่งเจ้าของบริษัทคือคุณวอลท์ ดิสนี่ย์ เคยเป็นสายลับให้ เอฟ.บี.ไอ.หรือหน่วยสืบสวนกลางของสหรัฐฯ หลังจากเบื้องหลังฉากหลังของโลกมายาฮอลลีวูดมีอบายมุขมากมาย คุณวอลท์จึงเป็นบุคคลสำคัญต่อ เอฟ.บี.ไอ.ในการให้ข้อมูลดาราศิลปินที่มีความสุ่มเสี่ยงทำผิดกฎหมาย กับหน่วยสืบสวนกลางสหรัฐฯ
แล้วการที่สตาร์ วอร์สเข้าสู่โลกสวนสนุกหนูน่ารักตัวนี้ก็ไม่ใช่ว่าหนังจะโลกสวยซ่ะทุกอย่าง เพราะความเป็นผู้ใหญ่ในการนำเสนอก็ยังโดดเด่นอยู่โดยเฉพาะเดอะ ลาสต์ เจได แค่บางทีหนังในค่ายต้องปรับจูนตรงนู้นตรงนี้เพื่อตามใจเสียงเรียกร้องต่างๆนาๆ แต่เรื่องภาพยนตร์ของค่ายกับแบรนด์บริษัทบางทีเราเองก็ต้องแยกแยะดีๆครับ
ป.ล.บริษัทเป็นมิตรต่อโลกอย่างดิสนี่ย์ครั้งหนึ่งเจ้าของบริษัทคือคุณวอลท์ ดิสนี่ย์ เคยเป็นสายลับให้ เอฟ.บี.ไอ.หรือหน่วยสืบสวนกลางของสหรัฐฯ หลังจากเบื้องหลังฉากหลังของโลกมายาฮอลลีวูดมีอบายมุขมากมาย คุณวอลท์จึงเป็นบุคคลสำคัญต่อ เอฟ.บี.ไอ.ในการให้ข้อมูลดาราศิลปินที่มีความสุ่มเสี่ยงทำผิดกฎหมาย กับหน่วยสืบสวนกลางสหรัฐฯ
# Sat 21 Dec 2019 : 7:25PM
.
Like : "MnemoniC"
[Edited 1 times EASTRISE - Last Edit 2022-05-27 00:31:56]
View all 1 comments >
# Sat 21 Dec 2019 : 9:58PM
เป็นกำลังใจให้สำหรับการรีวิวครับ
Like : "MnemoniC"
View all 1 comments >
# Sat 21 Dec 2019 : 10:39PM
ผมว่าถ้าภาค 8 ไม่ขยี้ขนบธรรมเนียม Star Wars ทิ้งภาคนี้น่าจะทำได้ดีกว่านี้มากครับ เพราะแทนที่จะได้เดินเรื่องตามเดิมที่วางแผนไว้เต็มๆ กลายเป็นว่าต้องมาตบบทที่ถูกขยี้ในภาค 8 ให้กลับเข้าทางซะเยอะ แต่ดูแล้วจบได้ดีอย่างน้อยน่าจะได้คะแนนจากแฟนเดิมคืนมาเยอะมาก และน่าจะได้แฟนกลุ่มใหม่ด้วย
สิ่งที่ภาคนี้แก้ไขปมของภาคที่ 8
- ทำไมเลอาใช้ฟอร์สได้
- ทำไมสโน๊กอ่อน ตายง่าย
- ทำไมลุคถึงทำตัวแหลวแหลก (อันนี้ถึงจะดูแถๆหน่อยแต่ก็นะมันแก้ยาก)
- ชาติกำเนิดของเรย์ที่บอกในภาค 8 (ผมว่าบทเดิมมันน่าจะเป็นอีกแบบ)
ส่วนถ้าคุณเป็นแฟนบอย Star Wars คุณจะได้เห็นอะไรดีๆมากมายในภาคนี้ โดยเฉพาะฉากสุดท้าย
Edit :
ให้ตามความจริง 8.5/10
ให้ตามสถานะแฟนบอย 10/10
สิ่งที่ภาคนี้แก้ไขปมของภาคที่ 8
- ทำไมเลอาใช้ฟอร์สได้
เพราะได้ฝึกการเป็นเจไดจากลุค
- ทำไมสโน๊กอ่อน ตายง่าย
เพราะเป็นแค่หุ่นเชิดกากๆของพัลพาทีน
- ทำไมลุคถึงทำตัวแหลวแหลก (อันนี้ถึงจะดูแถๆหน่อยแต่ก็นะมันแก้ยาก)
เหมือนที่เรย์ได้รู้ความจริงในภาคนี้เลยจะหนีๆมันไปซะทุกอย่าง
- ชาติกำเนิดของเรย์ที่บอกในภาค 8 (ผมว่าบทเดิมมันน่าจะเป็นอีกแบบ)
อันนี้ผมคิดว่าบทเดิม เรย์ กับ เบน น่าจะเป็นเชื่อสาย Skywalker ทั้งคู่ แต่ภาค 8 ขยี้ทิ้ง ภาคนี้เลยจับเป็นหลานพัลพาทีนซะเลย
ส่วนถ้าคุณเป็นแฟนบอย Star Wars คุณจะได้เห็นอะไรดีๆมากมายในภาคนี้ โดยเฉพาะฉากสุดท้าย
เรย์สร้างไลท์เซเบอร์ของตัวเองด้วยไคเบอร์คริสตัลสีส้ม เป็นสีที่อยู่ในยุคของ Old Republic และเคยถูกตัดออกจาก Canon
Edit :
ให้ตามความจริง 8.5/10
ให้ตามสถานะแฟนบอย 10/10
Like : "MnemoniC"
[Edited 1 times Otaru_Ray - Last Edit 2019-12-21 22:41:28]
View all 5 comments >
Sat 21 Dec 2019 : 11:52PM
คหสต.ผมเองล้วนๆ
- พล็อตเรื่อง อับรามส์ตั้งใจจะเอาพัลพาทีนกลับมาให้เรย์เป็นนัมเบอร์วันอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือด้านมืดอย่างไคโล เรนปั้นยังงัยก็ไม่ขึ้น ช่วงภาค 8 จอห์นสันเลยวางแผนไว้เต็มที่ให้เบนไปด้านมืดสุดๆไปเลยในภาค 9 เพราะจอห์นสันตอนกำกับคงรู้แต่พล็อตเรื่อง ที่เขาเข้ามากำกับก็เพื่อเพิ่มความซับซ้อนตามสไตล์การกำกับที่ตัวเองถนัด เพื่อไปเฉลยในภาค 9 มันเลยมีปมจากทั้งภาค 7 ที่ภาค 8 ก็ยังสรุปไม่ได้ภาคนี้ก็เพิ่มไปอีก จนปิดตำนานก็ไปได้แค่นั้นในที่สุด แต่พออับรามส์กลับมาทำเองเลยกลับมาแก้นิดๆหน่อยๆให้บทเบนมันดีบ้าง แล้วสุดท้ายก็จบอย่างอับรามส์อยากให้เป็นที่ก็ดีและไม่ดีกับตัวละครอย่างเบน
- เรื่องตัวละครเก่าๆไม่ได้มีคนไหนเลยที่เข้ามาแล้วทำให้สมดุลของหนังสนุกขึ้น ทั้ง 7 และ 8 คาแรคเตอร์เก่าๆเหมือนมาถ่วงผู้กำกับและจินตนาการซ่ะมากกว่า
- เรื่องสโน๊คตายง่ายในภาค 8 ก็ที่ผมบอกข้างบนที่จอห์นสันจะให้เบนมันเลวสุดๆไปเลย เพื่อไปเป็นมินิบอสในภาค 9 ก่อนเจอพัลพาทีน แล้วไปเป็นตัวพลิกเกมให้เรย์ตอนเจอพัลพาทีน สังเกตดีๆช่วงต้นๆเรื่องจะได้ยินคำเรียกไคโล เรนว่าผู้นำสูงสุด แต่อับรามส์ตั้งใจให้เบนเป็นตำนานแบบเวเดอร์อยู่แล้ว เราก็เลยอดเห็นเบนเลวแบบผู้นำสูงสุดไคโล เรนที่จอห์นสันตั้งใจเอาไว้
- เรื่องออริจินของเรย์ผมว่าไม่แถน่ะคือเป็นหลานของพัลพาทีนนั่นแหละ แต่เรื่องพ่อแม่เรย์ที่โดนนักฆ่าของพัลพาทีนกำจัดมันดูง่ายไปหน่อย อับรามส์ขยี้ปมนี้ไม่ค่อยชัดเจนว่าพ่อแม่เรย์สำคัญต่อจักรพรรดิอย่างไร
- เรื่องสีไลท์เซเบอร์จริงๆของเรย์ควรเป็นสีม่วงมากกว่าสีเหลืองทองยุครุ่งเรืองของเจได เพราะสีม่วงมีความเชื่อมโยงทั้งด้านดีและไม่ดี รวมถึงความแข็งแกร่งและที่สำคัญเป็นสีผู้หญิงด้วยครับ
- เรื่องตัวละครเก่าๆไม่ได้มีคนไหนเลยที่เข้ามาแล้วทำให้สมดุลของหนังสนุกขึ้น ทั้ง 7 และ 8 คาแรคเตอร์เก่าๆเหมือนมาถ่วงผู้กำกับและจินตนาการซ่ะมากกว่า
- เรื่องสโน๊คตายง่ายในภาค 8 ก็ที่ผมบอกข้างบนที่จอห์นสันจะให้เบนมันเลวสุดๆไปเลย เพื่อไปเป็นมินิบอสในภาค 9 ก่อนเจอพัลพาทีน แล้วไปเป็นตัวพลิกเกมให้เรย์ตอนเจอพัลพาทีน สังเกตดีๆช่วงต้นๆเรื่องจะได้ยินคำเรียกไคโล เรนว่าผู้นำสูงสุด แต่อับรามส์ตั้งใจให้เบนเป็นตำนานแบบเวเดอร์อยู่แล้ว เราก็เลยอดเห็นเบนเลวแบบผู้นำสูงสุดไคโล เรนที่จอห์นสันตั้งใจเอาไว้
- เรื่องออริจินของเรย์ผมว่าไม่แถน่ะคือเป็นหลานของพัลพาทีนนั่นแหละ แต่เรื่องพ่อแม่เรย์ที่โดนนักฆ่าของพัลพาทีนกำจัดมันดูง่ายไปหน่อย อับรามส์ขยี้ปมนี้ไม่ค่อยชัดเจนว่าพ่อแม่เรย์สำคัญต่อจักรพรรดิอย่างไร
- เรื่องสีไลท์เซเบอร์จริงๆของเรย์ควรเป็นสีม่วงมากกว่าสีเหลืองทองยุครุ่งเรืองของเจได เพราะสีม่วงมีความเชื่อมโยงทั้งด้านดีและไม่ดี รวมถึงความแข็งแกร่งและที่สำคัญเป็นสีผู้หญิงด้วยครับ
Like : Otaru_Ray
Sun 22 Dec 2019 : 12:30AM
"MnemoniC";2558864 wrote:
คหสต.ผมเองล้วนๆ
- พล็อตเรื่อง อับรามส์ตั้งใจจะเอาพัลพาทีนกลับมาให้เรย์เป็นนัมเบอร์วันอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือด้านมืดอย่างไคโล เรนปั้นยังงัยก็ไม่ขึ้น ช่วงภาค 8 จอห์นสันเลยวางแผนไว้เต็มที่ให้เบนไปด้านมืดสุดๆไปเลยในภาค 9 เพราะจอห์นสันตอนกำกับคงรู้แต่พล็อตเรื่อง ที่เขาเข้ามากำกับก็เพื่อเพิ่มความซับซ้อนตามสไตล์การกำกับที่ตัวเองถนัด เพื่อไปเฉลยในภาค 9 มันเลยมีปมจากทั้งภาค 7 ที่ภาค 8 ก็ยังสรุปไม่ได้ภาคนี้ก็เพิ่มไปอีก จนปิดตำนานก็ไปได้แค่นั้นในที่สุด แต่พออับรามส์กลับมาทำเองเลยกลับมาแก้นิดๆหน่อยๆให้บทเบนมันดีบ้าง แล้วสุดท้ายก็จบอย่างอับรามส์อยากให้เป็นที่ก็ดีและไม่ดีกับตัวละครอย่างเบน
- เรื่องตัวละครเก่าๆไม่ได้มีคนไหนเลยที่เข้ามาแล้วทำให้สมดุลของหนังสนุกขึ้น ทั้ง 7 และ 8 คาแรคเตอร์เก่าๆเหมือนมาถ่วงผู้กำกับและจินตนาการซ่ะมากกว่า
- เรื่องสโน๊คตายง่ายในภาค 8 ก็ที่ผมบอกข้างบนที่จอห์นสันจะให้เบนมันเลวสุดๆไปเลย เพื่อไปเป็นมินิบอสในภาค 9 ก่อนเจอพัลพาทีน แล้วไปเป็นตัวพลิกเกมให้เรย์ตอนเจอพัลพาทีน สังเกตดีๆช่วงต้นๆเรื่องจะได้ยินคำเรียกไคโล เรนว่าผู้นำสูงสุด แต่อับรามส์ตั้งใจให้เบนเป็นตำนานแบบเวเดอร์อยู่แล้ว เราก็เลยอดเห็นเบนเลวแบบผู้นำสูงสุดไคโล เรนที่จอห์นสันตั้งใจเอาไว้
- เรื่องออริจินของเรย์ผมว่าไม่แถน่ะคือเป็นหลานของพัลพาทีนนั่นแหละ แต่เรื่องพ่อแม่เรย์ที่โดนนักฆ่าของพัลพาทีนกำจัดมันดูง่ายไปหน่อย อับรามส์ขยี้ปมนี้ไม่ค่อยชัดเจนว่าพ่อแม่เรย์สำคัญต่อจักรพรรดิอย่างไร
- เรื่องสีไลท์เซเบอร์จริงๆของเรย์ควรเป็นสีม่วงมากกว่าสีเหลืองทองยุครุ่งเรืองของเจได เพราะสีม่วงมีความเชื่อมโยงทั้งด้านดีและไม่ดี รวมถึงความแข็งแกร่งและที่สำคัญเป็นสีผู้หญิงด้วยครับ
- เรื่องตัวละครเก่าๆไม่ได้มีคนไหนเลยที่เข้ามาแล้วทำให้สมดุลของหนังสนุกขึ้น ทั้ง 7 และ 8 คาแรคเตอร์เก่าๆเหมือนมาถ่วงผู้กำกับและจินตนาการซ่ะมากกว่า
- เรื่องสโน๊คตายง่ายในภาค 8 ก็ที่ผมบอกข้างบนที่จอห์นสันจะให้เบนมันเลวสุดๆไปเลย เพื่อไปเป็นมินิบอสในภาค 9 ก่อนเจอพัลพาทีน แล้วไปเป็นตัวพลิกเกมให้เรย์ตอนเจอพัลพาทีน สังเกตดีๆช่วงต้นๆเรื่องจะได้ยินคำเรียกไคโล เรนว่าผู้นำสูงสุด แต่อับรามส์ตั้งใจให้เบนเป็นตำนานแบบเวเดอร์อยู่แล้ว เราก็เลยอดเห็นเบนเลวแบบผู้นำสูงสุดไคโล เรนที่จอห์นสันตั้งใจเอาไว้
- เรื่องออริจินของเรย์ผมว่าไม่แถน่ะคือเป็นหลานของพัลพาทีนนั่นแหละ แต่เรื่องพ่อแม่เรย์ที่โดนนักฆ่าของพัลพาทีนกำจัดมันดูง่ายไปหน่อย อับรามส์ขยี้ปมนี้ไม่ค่อยชัดเจนว่าพ่อแม่เรย์สำคัญต่อจักรพรรดิอย่างไร
- เรื่องสีไลท์เซเบอร์จริงๆของเรย์ควรเป็นสีม่วงมากกว่าสีเหลืองทองยุครุ่งเรืองของเจได เพราะสีม่วงมีความเชื่อมโยงทั้งด้านดีและไม่ดี รวมถึงความแข็งแกร่งและที่สำคัญเป็นสีผู้หญิงด้วยครับ
เรื่องดาบ
มันเป็น Easter ให้แฟนบอยนะครับ ถึงไม่ใส่มายังไงแฟนรุ่นใหม่ หรือ แฟนซีรีย์หลัก ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้ว แต่ถ้าแฟนรุ่นใหม่สนใจแล้วไปค้นหาต่อก็จะว้าวได้ แต่สำหรับแฟนเดนตาย มันทำให้ฟินครับ
1. สร้างดาบของตัวเอง เป็นบททดสอบของการขยับจาก Padawan เป็น Jedi Knight ครับ
2. สีของไคเบอร์คริสตัล/ดาบ แต่ละสีจะมีสีความหมายของมัน ถ้าเป็นสีม่วงหมายถึงเจไดที่เข้าใกล้ด้านมืดมากที่สุดแต่สามารถคงไว้ไม่เข้าด้านมืดได้ แต่สีส้มของเรย์มันคือสีของ Sith ที่กลายเป็น Jedi ครับ
3. เป็นหลักฐานยืนยันว่ายังคงมีไคเบอร์คริสตัลอยู่ที่อื่นนอกเหนือจาก Jedi Temple ซึ่งถูก First Order ยึดไปทำ Star Killer Base
1. สร้างดาบของตัวเอง เป็นบททดสอบของการขยับจาก Padawan เป็น Jedi Knight ครับ
2. สีของไคเบอร์คริสตัล/ดาบ แต่ละสีจะมีสีความหมายของมัน ถ้าเป็นสีม่วงหมายถึงเจไดที่เข้าใกล้ด้านมืดมากที่สุดแต่สามารถคงไว้ไม่เข้าด้านมืดได้ แต่สีส้มของเรย์มันคือสีของ Sith ที่กลายเป็น Jedi ครับ
3. เป็นหลักฐานยืนยันว่ายังคงมีไคเบอร์คริสตัลอยู่ที่อื่นนอกเหนือจาก Jedi Temple ซึ่งถูก First Order ยึดไปทำ Star Killer Base
ส่วนเรื่องอื่น
ตัวละครเก่า ผมว่า ลุค เลอา ฮาน จริงๆน่าจะมีความสำคัญพอตัว แต่อาจจะด้วยผู้กำกับเองทำให้บทบาทมันขัดแย้งกันเองในภาค 7-8-9 เลยขาดน้ำหนักไปเยอะ จริงๆแลนโด้ก็น่าจะสำคัญเพราะการจะรวมกำลังได้ขนาดท้ายเรื่องถ้าไม่ได้ชื่อเสียงของแลนโด้ไม่น่าจะรวมกองยานได้ขนาดนั้น แต่เวลาเล่ามันไม่น่าจะพอเลยกลายเป็นไร้ค่าไป
ส่วนพัลพาทีน อาจจะตั้งใจเก็บเป็นเซอร์ไพรซ์สุดท้าย แต่ภาค 8 ดันเชือดสโนคทิ้งไปก่อน ภาคนี้เลยรีบเปิดตัวและเฉลยปมเรย์แต่ต้นเรื่อง
ส่วนพัลพาทีน อาจจะตั้งใจเก็บเป็นเซอร์ไพรซ์สุดท้าย แต่ภาค 8 ดันเชือดสโนคทิ้งไปก่อน ภาคนี้เลยรีบเปิดตัวและเฉลยปมเรย์แต่ต้นเรื่อง
แต่สรุปคือ จบสวยครับ ในฐานะที่ติดตามมาโดยตลอดทุกภาค (1-9 และ canon series + เกม) ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีมาก แถมกลบเกลื่อนสิ่งที่ผิดพลาดได้ค่อนข้างดี
Like : "MnemoniC", khum
Sun 22 Dec 2019 : 12:51AM
Otaru_Ray wrote:
"MnemoniC";2558864 wrote:
คหสต.ผมเองล้วนๆ
- พล็อตเรื่อง อับรามส์ตั้งใจจะเอาพัลพาทีนกลับมาให้เรย์เป็นนัมเบอร์วันอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือด้านมืดอย่างไคโล เรนปั้นยังงัยก็ไม่ขึ้น ช่วงภาค 8 จอห์นสันเลยวางแผนไว้เต็มที่ให้เบนไปด้านมืดสุดๆไปเลยในภาค 9 เพราะจอห์นสันตอนกำกับคงรู้แต่พล็อตเรื่อง ที่เขาเข้ามากำกับก็เพื่อเพิ่มความซับซ้อนตามสไตล์การกำกับที่ตัวเองถนัด เพื่อไปเฉลยในภาค 9 มันเลยมีปมจากทั้งภาค 7 ที่ภาค 8 ก็ยังสรุปไม่ได้ภาคนี้ก็เพิ่มไปอีก จนปิดตำนานก็ไปได้แค่นั้นในที่สุด แต่พออับรามส์กลับมาทำเองเลยกลับมาแก้นิดๆหน่อยๆให้บทเบนมันดีบ้าง แล้วสุดท้ายก็จบอย่างอับรามส์อยากให้เป็นที่ก็ดีและไม่ดีกับตัวละครอย่างเบน
- เรื่องตัวละครเก่าๆไม่ได้มีคนไหนเลยที่เข้ามาแล้วทำให้สมดุลของหนังสนุกขึ้น ทั้ง 7 และ 8 คาแรคเตอร์เก่าๆเหมือนมาถ่วงผู้กำกับและจินตนาการซ่ะมากกว่า
- เรื่องสโน๊คตายง่ายในภาค 8 ก็ที่ผมบอกข้างบนที่จอห์นสันจะให้เบนมันเลวสุดๆไปเลย เพื่อไปเป็นมินิบอสในภาค 9 ก่อนเจอพัลพาทีน แล้วไปเป็นตัวพลิกเกมให้เรย์ตอนเจอพัลพาทีน สังเกตดีๆช่วงต้นๆเรื่องจะได้ยินคำเรียกไคโล เรนว่าผู้นำสูงสุด แต่อับรามส์ตั้งใจให้เบนเป็นตำนานแบบเวเดอร์อยู่แล้ว เราก็เลยอดเห็นเบนเลวแบบผู้นำสูงสุดไคโล เรนที่จอห์นสันตั้งใจเอาไว้
- เรื่องออริจินของเรย์ผมว่าไม่แถน่ะคือเป็นหลานของพัลพาทีนนั่นแหละ แต่เรื่องพ่อแม่เรย์ที่โดนนักฆ่าของพัลพาทีนกำจัดมันดูง่ายไปหน่อย อับรามส์ขยี้ปมนี้ไม่ค่อยชัดเจนว่าพ่อแม่เรย์สำคัญต่อจักรพรรดิอย่างไร
- เรื่องสีไลท์เซเบอร์จริงๆของเรย์ควรเป็นสีม่วงมากกว่าสีเหลืองทองยุครุ่งเรืองของเจได เพราะสีม่วงมีความเชื่อมโยงทั้งด้านดีและไม่ดี รวมถึงความแข็งแกร่งและที่สำคัญเป็นสีผู้หญิงด้วยครับ
- เรื่องตัวละครเก่าๆไม่ได้มีคนไหนเลยที่เข้ามาแล้วทำให้สมดุลของหนังสนุกขึ้น ทั้ง 7 และ 8 คาแรคเตอร์เก่าๆเหมือนมาถ่วงผู้กำกับและจินตนาการซ่ะมากกว่า
- เรื่องสโน๊คตายง่ายในภาค 8 ก็ที่ผมบอกข้างบนที่จอห์นสันจะให้เบนมันเลวสุดๆไปเลย เพื่อไปเป็นมินิบอสในภาค 9 ก่อนเจอพัลพาทีน แล้วไปเป็นตัวพลิกเกมให้เรย์ตอนเจอพัลพาทีน สังเกตดีๆช่วงต้นๆเรื่องจะได้ยินคำเรียกไคโล เรนว่าผู้นำสูงสุด แต่อับรามส์ตั้งใจให้เบนเป็นตำนานแบบเวเดอร์อยู่แล้ว เราก็เลยอดเห็นเบนเลวแบบผู้นำสูงสุดไคโล เรนที่จอห์นสันตั้งใจเอาไว้
- เรื่องออริจินของเรย์ผมว่าไม่แถน่ะคือเป็นหลานของพัลพาทีนนั่นแหละ แต่เรื่องพ่อแม่เรย์ที่โดนนักฆ่าของพัลพาทีนกำจัดมันดูง่ายไปหน่อย อับรามส์ขยี้ปมนี้ไม่ค่อยชัดเจนว่าพ่อแม่เรย์สำคัญต่อจักรพรรดิอย่างไร
- เรื่องสีไลท์เซเบอร์จริงๆของเรย์ควรเป็นสีม่วงมากกว่าสีเหลืองทองยุครุ่งเรืองของเจได เพราะสีม่วงมีความเชื่อมโยงทั้งด้านดีและไม่ดี รวมถึงความแข็งแกร่งและที่สำคัญเป็นสีผู้หญิงด้วยครับ
เรื่องดาบ
มันเป็น Easter ให้แฟนบอยนะครับ ถึงไม่ใส่มายังไงแฟนรุ่นใหม่ หรือ แฟนซีรีย์หลัก ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้ว แต่ถ้าแฟนรุ่นใหม่สนใจแล้วไปค้นหาต่อก็จะว้าวได้ แต่สำหรับแฟนเดนตาย มันทำให้ฟินครับ
1. สร้างดาบของตัวเอง เป็นบททดสอบของการขยับจาก Padawan เป็น Jedi Knight ครับ
2. สีของไคเบอร์คริสตัล/ดาบ แต่ละสีจะมีสีความหมายของมัน ถ้าเป็นสีม่วงหมายถึงเจไดที่เข้าใกล้ด้านมืดมากที่สุดแต่สามารถคงไว้ไม่เข้าด้านมืดได้ แต่สีส้มของเรย์มันคือสีของ Sith ที่กลายเป็น Jedi ครับ
3. เป็นหลักฐานยืนยันว่ายังคงมีไคเบอร์คริสตัลอยู่ที่อื่นนอกเหนือจาก Jedi Temple ซึ่งถูก First Order ยึดไปทำ Star Killer Base
1. สร้างดาบของตัวเอง เป็นบททดสอบของการขยับจาก Padawan เป็น Jedi Knight ครับ
2. สีของไคเบอร์คริสตัล/ดาบ แต่ละสีจะมีสีความหมายของมัน ถ้าเป็นสีม่วงหมายถึงเจไดที่เข้าใกล้ด้านมืดมากที่สุดแต่สามารถคงไว้ไม่เข้าด้านมืดได้ แต่สีส้มของเรย์มันคือสีของ Sith ที่กลายเป็น Jedi ครับ
3. เป็นหลักฐานยืนยันว่ายังคงมีไคเบอร์คริสตัลอยู่ที่อื่นนอกเหนือจาก Jedi Temple ซึ่งถูก First Order ยึดไปทำ Star Killer Base
ส่วนเรื่องอื่น
ตัวละครเก่า ผมว่า ลุค เลอา ฮาน จริงๆน่าจะมีความสำคัญพอตัว แต่อาจจะด้วยผู้กำกับเองทำให้บทบาทมันขัดแย้งกันเองในภาค 7-8-9 เลยขาดน้ำหนักไปเยอะ จริงๆแลนโด้ก็น่าจะสำคัญเพราะการจะรวมกำลังได้ขนาดท้ายเรื่องถ้าไม่ได้ชื่อเสียงของแลนโด้ไม่น่าจะรวมกองยานได้ขนาดนั้น แต่เวลาเล่ามันไม่น่าจะพอเลยกลายเป็นไร้ค่าไป
ส่วนพัลพาทีน อาจจะตั้งใจเก็บเป็นเซอร์ไพรซ์สุดท้าย แต่ภาค 8 ดันเชือดสโนคทิ้งไปก่อน ภาคนี้เลยรีบเปิดตัวและเฉลยปมเรย์แต่ต้นเรื่อง
ส่วนพัลพาทีน อาจจะตั้งใจเก็บเป็นเซอร์ไพรซ์สุดท้าย แต่ภาค 8 ดันเชือดสโนคทิ้งไปก่อน ภาคนี้เลยรีบเปิดตัวและเฉลยปมเรย์แต่ต้นเรื่อง
แต่สรุปคือ จบสวยครับ ในฐานะที่ติดตามมาโดยตลอดทุกภาค (1-9 และ canon series + เกม) ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีมาก แถมกลบเกลื่อนสิ่งที่ผิดพลาดได้ค่อนข้างดี
Sun 22 Dec 2019 : 9:25PM
ผมว่า ไตรภาคนี้ ไม่น่าจะมีการวางเเผลนพล๊อตก่อนไรอันหรอกครับ เริ่มเเรกตั้งใจทำ3ผู้กำกับ JJ เเค่เป็นตัวเปิด ไรอันทำตามเเนวคิดเขา ถ้ามันมีเเผนเเต่เเรก ไรอันไม่มีทางทำไรเองได้ขนาดนี้หรอกครับ จนผู้กำกับภาค9ออกไป JJ เลยต้องกลับมาเเก้เเง่ลบที่ ไรอัน ทำไว้เเค่นั้น เเละเสียเวลาเเก้นู้นเเก้นี่ทั้งเรื่อง จนเรื่องตัวเองมีปัญหา มีส่วนน่าสนใจมากมาย เเต่ทำออกมาได้ไม่ดีพอ บทหลายส่วนดูจับยัดเเละไม่มีความคมคายของเนื้อหาเลย
ปัญหามันอยู่ที่คนคุมโทนเเต่เเรก(ซึ่งมีป่าวไม่รู้) ถ้ามันไม่มีคนคุมทิศทางทั้งหมด มันเลยออกมา เเยกส่วนกันไปเเต่ละผู้กำกับ ใครจะใส่จะเเต่งไงต่อก็ได้ พอกระเเสไม่ดี (เบื้องบน)ก็พยายามให้ผู้กำกับยัดเเก้ทุกอย่างลง9ซึ่งทำให้มันเละเทะไปหมด มันไม่เหมือนลูคัสทำ ที่ถึงเเม้คนละผู้กำกับเเต่ก็อยู่ในสายตาเเกหมด อันนี้มันเหมือนขาดคนคุมที่ดี
ปัญหามันอยู่ที่คนคุมโทนเเต่เเรก(ซึ่งมีป่าวไม่รู้) ถ้ามันไม่มีคนคุมทิศทางทั้งหมด มันเลยออกมา เเยกส่วนกันไปเเต่ละผู้กำกับ ใครจะใส่จะเเต่งไงต่อก็ได้ พอกระเเสไม่ดี (เบื้องบน)ก็พยายามให้ผู้กำกับยัดเเก้ทุกอย่างลง9ซึ่งทำให้มันเละเทะไปหมด มันไม่เหมือนลูคัสทำ ที่ถึงเเม้คนละผู้กำกับเเต่ก็อยู่ในสายตาเเกหมด อันนี้มันเหมือนขาดคนคุมที่ดี
Like : "MnemoniC"
Mon 23 Dec 2019 : 1:43AM
Dante Vergil Bankaito;2558982 wrote:
ผมว่า ไตรภาคนี้ ไม่น่าจะมีการวางเเผลนพล๊อตก่อนไรอันหรอกครับ เริ่มเเรกตั้งใจทำ3ผู้กำกับ JJ เเค่เป็นตัวเปิด ไรอันทำตามเเนวคิดเขา ถ้ามันมีเเผนเเต่เเรก ไรอันไม่มีทางทำไรเองได้ขนาดนี้หรอกครับ จนผู้กำกับภาค9ออกไป JJ เลยต้องกลับมาเเก้เเง่ลบที่ ไรอัน ทำไว้เเค่นั้น เเละเสียเวลาเเก้นู้นเเก้นี่ทั้งเรื่อง จนเรื่องตัวเองมีปัญหา มีส่วนน่าสนใจมากมาย เเต่ทำออกมาได้ไม่ดีพอ บทหลายส่วนดูจับยัดเเละไม่มีความคมคายของเนื้อหาเลย
ปัญหามันอยู่ที่คนคุมโทนเเต่เเรก(ซึ่งมีป่าวไม่รู้) ถ้ามันไม่มีคนคุมทิศทางทั้งหมด มันเลยออกมา เเยกส่วนกันไปเเต่ละผู้กำกับ ใครจะใส่จะเเต่งไงต่อก็ได้ พอกระเเสไม่ดี (เบื้องบน)ก็พยายามให้ผู้กำกับยัดเเก้ทุกอย่างลง9ซึ่งทำให้มันเละเทะไปหมด มันไม่เหมือนลูคัสทำ ที่ถึงเเม้คนละผู้กำกับเเต่ก็อยู่ในสายตาเเกหมด อันนี้มันเหมือนขาดคนคุมที่ดี
ปัญหามันอยู่ที่คนคุมโทนเเต่เเรก(ซึ่งมีป่าวไม่รู้) ถ้ามันไม่มีคนคุมทิศทางทั้งหมด มันเลยออกมา เเยกส่วนกันไปเเต่ละผู้กำกับ ใครจะใส่จะเเต่งไงต่อก็ได้ พอกระเเสไม่ดี (เบื้องบน)ก็พยายามให้ผู้กำกับยัดเเก้ทุกอย่างลง9ซึ่งทำให้มันเละเทะไปหมด มันไม่เหมือนลูคัสทำ ที่ถึงเเม้คนละผู้กำกับเเต่ก็อยู่ในสายตาเเกหมด อันนี้มันเหมือนขาดคนคุมที่ดี
ทั้งจอห์นสันและเทรเวอร์โรว์รู้น่ะว่าต้องตอบโจทย์ลูคัส ฟิล์มกับอับรามส์อย่างไร แต่ที่นี้ผลตอบรับของลาสต์ เจไดเป็นอย่างที่เห็นและพวกลูคัส ฟิล์มกับเเคธลีนก็หูเบากับแฟนๆ เลยไปเอาอับรามส์กลับมาทำต่อซึ่งผมว่าพวกลูคัสเป็นคนไล่เทรเวอร์โรว์ไม่ใช่โคลินขอออกโปรเจ็กท์นี้เอง และผมคิดเองน่ะว่าหากเดอะ ไรส์ ออฟ สกายวอล์คเกอร์ไม่ใช่อับรามส์กำกับ สุดท้ายคำวิจารณ์อาจสวยแต่หนังสตาร์ วอร์สอาจหายหมดเกลี้ยงกว่าที่เป็นอยู่
คนคุมจักรวาลก็แคธลีน เคนเนดี้นั่นแหล่ะที่เป็นคนดูแลโปรเจ็กท์สตาร์ วอร์สทั้งหมดให้ลูคัส ฟิล์มในปัจจุบัน มีการคัดเลือกแล้วจากจอร์จ ลูคัสเองด้วยแล้วเเคธลีนไปเอาอับรามส์มาเปิดจักรวาลเองอีกทีครับ
[Edited 1 times "MnemoniC" - Last Edit 2019-12-23 03:03:51]
# Sun 22 Dec 2019 : 1:07AM
มาแล้วตัวเลขเข้าฉายวันแรกในอเมริกาตัวเลขอย่างเป็นทางการคือ 90 ล้านดอลลาร์ เป็นภาคที่เปิดตัวรายได้น้อยที่สุดของไตรภาคชุดนี้ เทียบกับภาค 7 รายได้เปิดตัวหายไป 32%เทียบกับภาค 8 รายได้เปิดตัวหายไป 15% พร้อมกับคำวิจารณ์ที่อยู่ในระดับบีบวก(B+)ซึ่งทั้งภาค 7 และ 8 ผลสำรวจอยู่ในระดับเอ(A)
คาดการณ์กันว่าจบวีคเอ็นด์ 3 วันแรกเดอะ ไรส์ ออฟ สกายวอล์คเกอร์จะปิดสัปดาห์แรกที่ 190-195 ล้านดอลลาร์ ก็ไม่คลาดเคลื่อนจากที่ผมบอกไว้ถ้าเลยวันอาทิตย์ไปแล้วถ้าถึง 200 ล้านดอลลาร์ จบไตรภาคนี้ก็ยังถือว่าเป็นซาก้าที่ประสบความสำเร็จที่สุดของแฟรนไชส์อยู่
[Edited 1 times "MnemoniC" - Last Edit 2019-12-22 02:23:54]
# Sun 22 Dec 2019 : 3:08PM
ไปดูมาแล้ว
ก่อนไปดู ก็ดู7-8 ไปก่อนด้วย
ก็ถือว่าขมวดได้ดี และเก็บประเด็นในภาคก่อนได้ถือว่าครบ
ซีนต่างๆก็ตามมาตราฐานสตาร์วอร์
ติดแค่ท่าทางฟันดาบของพระของนาง มันดูไม่เนี้ยบ งึกงักยังไงก็ไม่รู้ หรืออาจเป็นเพราะฟันไปโดนน้ำสาดไปด้วย
ดาร์ธมอล ไควกอน สู้อย่างพริ้ว
ดูกู โอบีวัน ยังงี้
สรุปสำหรับผม คือ "อิ่ม" ครับ
รอไตรภาคใหม่ ของไรอัน จอนสัน
ก่อนไปดู ก็ดู7-8 ไปก่อนด้วย
ก็ถือว่าขมวดได้ดี และเก็บประเด็นในภาคก่อนได้ถือว่าครบ
ซีนต่างๆก็ตามมาตราฐานสตาร์วอร์
ติดแค่ท่าทางฟันดาบของพระของนาง มันดูไม่เนี้ยบ งึกงักยังไงก็ไม่รู้ หรืออาจเป็นเพราะฟันไปโดนน้ำสาดไปด้วย
ดาร์ธมอล ไควกอน สู้อย่างพริ้ว
ดูกู โอบีวัน ยังงี้
สรุปสำหรับผม คือ "อิ่ม" ครับ
รอไตรภาคใหม่ ของไรอัน จอนสัน
Like : "MnemoniC"
View all 1 comments >
Sun 22 Dec 2019 : 10:44PM
หนังทำแบบเล่าเรื่องราวรวบรัดมากเลยในไรส์ ออฟ สกายวอล์คเกอร์ แต่ถ้าดูภาค 7 8 ก่อนมาดูภาคนี้แบบต่อเนื่องกันมาจะรู้สึกสนุกมาก เพราะเนื้อหาจะเชื่อมโยงและลงล็อคหลายๆปมความสงสัย แต่สำหรับแฟนๆที่รอภาคนี้มาสองปีก็คงเสียดายเวลาในภาค 8 ไปพอสมควร
เรื่องศิลปะการต่อสู้แบบเจไดที่เราเคยเห็นช่วงเอพพิโซด 1 2 3 เหมือนกลับว่าทีมสร้างต้องการการต่อสู้แบบช่วงไลท์เซเบอร์สมีอิทธิพลน้อยกว่าปืนบลาสเตอร์ คือ 7 8 9 เป็นช่วงที่เพลงกระบี่พลังแสงไม่ได้เป็นภัยร้ายแรงต่อปฐมภาคีและกลุ่มต่อต้าน เราเลยได้เห็นการถ่ายทอดของผู้กำกับ ที่ไม่เน้นสไตล์ฟาดฟันไลท์เซเบอร์สมากหนักแต่อาวุธอย่างอื่นเพิ่มมาอย่างเยอะ
ผมไปดูคลิปนักแสดงหลายคนช่วงซ้อมศิลปะการต่อสู้ในภาคเดอะ ลาสต์ เจได แต่ละคนซ้อมกันแบบหลายๆศิลปะเหมือนไม่ได้เจาะจงซ้อมการแสดงแค่ศิลปะพวกดาบหรือกระบี่อย่างเดียว
เรื่องศิลปะการต่อสู้แบบเจไดที่เราเคยเห็นช่วงเอพพิโซด 1 2 3 เหมือนกลับว่าทีมสร้างต้องการการต่อสู้แบบช่วงไลท์เซเบอร์สมีอิทธิพลน้อยกว่าปืนบลาสเตอร์ คือ 7 8 9 เป็นช่วงที่เพลงกระบี่พลังแสงไม่ได้เป็นภัยร้ายแรงต่อปฐมภาคีและกลุ่มต่อต้าน เราเลยได้เห็นการถ่ายทอดของผู้กำกับ ที่ไม่เน้นสไตล์ฟาดฟันไลท์เซเบอร์สมากหนักแต่อาวุธอย่างอื่นเพิ่มมาอย่างเยอะ
ผมไปดูคลิปนักแสดงหลายคนช่วงซ้อมศิลปะการต่อสู้ในภาคเดอะ ลาสต์ เจได แต่ละคนซ้อมกันแบบหลายๆศิลปะเหมือนไม่ได้เจาะจงซ้อมการแสดงแค่ศิลปะพวกดาบหรือกระบี่อย่างเดียว
อย่างอีลิท เพรโทเรี่ยนองครักษ์ชุดแดงของสโน๊คในเดอะ ลาสต์ เจได ที่เก่งระดับไคโล เรนแต่ไม่ได้เป็นซิธก็ใช้อาวุธหลากหลายโดยไม่มีไลท์เซเบอร์ส และในเดอะ ไรส์ ออฟ สกายวอล์คเกอร์รอยัล การ์ดของพัลพาทีนก็ถืออาวุธคล้ายปืนดวลกับเรย์ ส่วนไอ้ไนท์ ออฟ เรนพกอุปกรณ์ติดตัวมาอย่างเท่ห์ก่อนโดนไลท์เซเบอร์เบนเสียบ
จริงๆถ้าภาคนี้เพิ่มเวลาฉากศิลปะไลท์เซเบอร์ให้มากกว่านี้ก็จะดี แต่เข้าใจว่าในช่วงไทม์ไลน์นั้นคงไม่มีใครนิยมศิลปะนี้กันแล้วครับ
จริงๆถ้าภาคนี้เพิ่มเวลาฉากศิลปะไลท์เซเบอร์ให้มากกว่านี้ก็จะดี แต่เข้าใจว่าในช่วงไทม์ไลน์นั้นคงไม่มีใครนิยมศิลปะนี้กันแล้วครับ
[Edited 1 times "MnemoniC" - Last Edit 2019-12-22 23:33:16]
# Sun 22 Dec 2019 : 5:10PM
ไปดูในพันทิพบอกพลังเรย์เว่อร์กินไป นี่ถ้าเจอกาเลน มาเรก (Starkiller) เข้าไปนี่คงช็อคตายกันไปเลยมั้ง
Like : "MnemoniC"
View all 3 comments >
Sun 22 Dec 2019 : 10:34PM
เรื่องพลังฟอร์ซส่วนมากคนดูหนังจะคุ้นเคยแค่ผลักได้ บีบคอ สะกดจิต หรือปล่อยสายฟ้า แต่ในลีเจ้นด์และนัน-แคนอนหนิสุดติ่งกระดิ่งแมวทุกตัวละคร ทั้งพลังชุบชีวิต ปล่อยพลังแบบไซย่าหรือพลังระดับปัญญาอ่อนมีเต็มไปหมด ส่วนพลังสตาร์คิลเลอร์โหดแบบโค่นเวเดอร์ได้เลยจริงๆครับ
Sun 22 Dec 2019 : 10:47PM
"MnemoniC";2558985 wrote:
เรื่องพลังฟอร์ซส่วนมากคนดูหนังจะคุ้นเคยแค่ผลักได้ บีบคอ สะกดจิต หรือปล่อยสายฟ้า แต่ในลีเจ้นด์และนัน-แคนอนหนิสุดติ่งกระดิ่งแมวทุกตัวละคร ทั้งพลังชุบชีวิต ปล่อยพลังแบบไซย่าหรือพลังระดับปัญญาอ่อนมีเต็มไปหมด ส่วนพลังสตาร์คิลเลอร์โหดแบบโค่นเวเดอร์ได้เลยจริงๆครับ
ยังจำได้ดีตอนร่างโคลนสตาร์คิลเลอร์จัดการเวเดอร์ในภาค star wars force unleashed 2 ด้วยสายฟ้ามันเป็นอะไรที่ไม่รอด แต่ยังรอดมาได้
Like : "MnemoniC"
[Edited 1 times K90N64 - Last Edit 2019-12-22 22:55:58]
Sun 22 Dec 2019 : 11:28PM
K90N64 wrote:
"MnemoniC";2558985 wrote:
เรื่องพลังฟอร์ซส่วนมากคนดูหนังจะคุ้นเคยแค่ผลักได้ บีบคอ สะกดจิต หรือปล่อยสายฟ้า แต่ในลีเจ้นด์และนัน-แคนอนหนิสุดติ่งกระดิ่งแมวทุกตัวละคร ทั้งพลังชุบชีวิต ปล่อยพลังแบบไซย่าหรือพลังระดับปัญญาอ่อนมีเต็มไปหมด ส่วนพลังสตาร์คิลเลอร์โหดแบบโค่นเวเดอร์ได้เลยจริงๆครับ
ยังจำได้ดีตอนร่างโคลนสตาร์คิลเลอร์จัดการเวเดอร์ในภาค star wars force unleashed 2 ด้วยสายฟ้ามันเป็นอะไรที่ไม่รอด แต่ยังรอดมาได้
# Sun 22 Dec 2019 : 9:12PM
โอเค สนุก เอ็นจอย เเต่ no soul สำหรับผมอะ เหมือน JJ รีบเขียนบทมาก ทำให้หลายๆอย่างดูเยอะ ไม่ลึกซึ้ง ไม่น่าเชื่อถือ มีส่วนที่ชอบเเละก็มีส่วนน่าเสียดาย เเบบผิดหวังมากเหมือนกัน 7.8/10 ให้ได้เเค่นี้อะ
Like : "MnemoniC", K90N64
View all 1 comments >
Sun 22 Dec 2019 : 10:51PM
งานโปรดักชั่นหลายๆอย่างเหมือนอับรามส์หยิบของสตาร์ เทรคที่ตัวเองทำไว้มาใส่ อารมณ์ร่วมจังหวะของหนังกับการกำกับไตรภาคนี้ออกแนวสมัยใหม่ เราเลยเห็นว่ามักมีความแปลกใหม่ยัดอีสเตอร์ เอ้กเยอะแยะไปหมดแม้อาจไม่ดี ส่วนความเป็นหนังจิตวิญญาณแห่งพลังจริงๆเลยคิดว่าแฟนๆต้องทำใจตรงจุดนี้ครับ
# Sun 22 Dec 2019 : 10:47PM
เพิ่งดูมา สนุกดีครับ
พัลพาทีน เลือดใหม่ หัวใจว้าวุ่น
พัลพาทีน เลือดใหม่ หัวใจว้าวุ่น
Like : "MnemoniC"
View all 1 comments >
<<
<
1
2
3
>
>>
Reply
Vote
Popular Thread
1 online users
Logged In :
Logged In :
member
Since 2015-12-08 01:43:55
(5788 post)