Review - Fantastic Beasts : The Crimes of Grindelwald

กำกับ : David Yates (Harry Potter 5-7, The Legend of Tarzan, Fantastic Beasts and Where to Find Them)



- หลังจากที่ Fantastic Beast ภาคแรกเปิดตัวไปได้อย่างสวยงาม ทำรายได้ถล่มทลายและมีคำวิจารณ์ที่ดีอีกด้วย (ผมให้ A+ เลยนะ) ทางวอร์เนอร์เลยไม่รอช้าประกาศสร้างซีรี่ส์ FB ต่ออีก 4 ภาคทันที และในที่สุด FB ภาคสอง The Crimes of Grindelwald ก็ออกฉาย กำกับโดย David Yates คนดีคนเดิม

- แต่กระแสวิจารณ์เริ่มแรกนั้นน่าตกใจมาก เพราะคำวิจารณ์กลายเป็นปานกลางไปถึงค่อนข้างแย่ ได้มะเขือเน่าด้วย (ตอนนี้คะแนน 40%) แต่หนังซีรี่ส์นี้มันอารมณ์บังคับดูอะนะมาดูกันครับว่าผมคิดอย่างไรกับ FB 2

- ซึ่งความเห็นของผมก็คงตรงกับรีวิวเจ้าอื่นๆครับ ผมรู้สึกว่า Crimes of Grindelwald เป็นหนังที่ดรอปลงไปจาก FB ภาคแรกค่อนข้างมาก แต่เอาเป็นว่าเรามาดูส่วนดีของหนังกันก่อน ใครที่เป็นแฟนของ Wizarding World จักรวาลแฮรี่ ก็น่าจะยังคงเอนจอยกับหนังได้ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยต่างๆของโลกเวทมนต์ที่ J.K. ใส่มาในหนัง ทั้งแอบและไม่แอบ เช่น การย้อนไปดูอดีตของตัวละครที่เรารัก สิ่งเหล่านี้เป็นหนึ่งในส่วนที่ดีในหนัง และมันก็ดูสนุกทีเดียว เหล่าสัตว์วิเศษที่ปรากฏในภาคนี้นั้นก็ออกแบบมาได้อย่างดีเยี่ยม มีทั้งความน่ารักและความตลกขบขันสร้างความสนุกสนานสไตล์ป็อปคอร์นได้ดีครับ แต่การปรากฏตัวของสัตว์วิเศษก็ไม่ได้มีความสำคัญมากไปกว่าการสร้างความสนุกฉาบฉวย เหมือนใส่ๆมาให้ตลกให้น่ารักแค่นั้นมากกว่า ไม่เหมือนกับภาคแรกที่ความเป็นสัตว์วิเศษมีความสำคัญสมชื่อ Fantastic Beast (อ้อ แลวฉากเปิดเรื่องก็ทำได้โอเคอยู่)

- แต่ส่วนดีของบทหนังก็มีเท่าที่กล่าวมานั่นละครับ พอมาดูพล็อตหลักของหนังนี่ขอบอกว่ามันพังมากๆ ทั้งการดำเนินเรื่องที่แสนจะช้า แล้วก็ตัดไปตัดมาค่อนข้างบ่อย เด๋วก็แวะไปย้อนอดีต/โชว์สัตว์น่ารักกันแล้ว (แฟนผมหลับไปแปปนึงด้วย 55) ตัวละครต่างๆไม่มีความหมาย มีหน้าที่แค่เดินทางไปตรงนั้นตรงนี้แล้วเปิดเผยพล็อตเรื่องออกมาเท่านั้น บางตัวต้องการให้เราซึ้งกับมันก็ไม่เวิร์คเพราะขาดการปูตัวละครที่ดีพอ มีแค่ตัวละครควีนนี่เท่านั้นที่ผมรู้สึกว่ามีพัฒนาการจริงๆ (ถึงแม้ว่าจะไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้างก็ตาม) ซึ่งการที่บทหนังพังขนาดนี้ผมคิดว่าเป็นเพราะหนังภาคนี้เน้นการปูไปยังภาคต่อๆไปของซีรี่ส์มากเกินไป ตามใบสั่งของวอร์เนอร์ที่ต้องการให้ขายกันยาวๆ 5 ภาค ทำให้หนังขาดความเป็นเอกเทศของตัวมันเอง (ซึ่งซีรี่ส์ Harry Potter ไม่มีปัญหานี้นะ) เหมือนเป็นหนังที่มาแสดงความเก่งและการสั่งสมกำลังของตัวร้ายมากกว่า หากสังเกตจะพบว่าฝ่ายพระเอกนั้นทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันน้อยมากๆในภาคนี้ ส่วนของพล็อตหลักจะมีว้าวนิดนึงก็ช่วงท้ายที่เฉลยปมสุดท้ายนี่ละครับ ได้อารมณ์ว่าเอางี้เลยเหรอวะดีเหมือนกัน คือหนังแอบห่วยมาทั้งเรื่องแต่ทิ้งท้ายแบบนี้ก็ต้องดูภาคต่อไปอยู่ดี 555

- เรื่องของงานภาพงานเอฟเฟคก็ยังดีอยู่ตามมาตรฐาน แต่มันสวยแต่เปลือกไม่มีการปูพื้นให้อินตามก็เท่านั้น เวทมนต์คาถาบางอย่างไม่มีที่มามาถึงก็โชว์อลังการอย่างเดียวมันก็จะรู้สึกกลวงๆหน่อยครับ การแสดง น่าเสียดายเอซรา มิลเลอร์ที่ภาคนี้ถูกลดบทให้เดินไปเดินมาเท่านั้น ไม่ค่อยมีซีนให้โชว์ของเลย จะเหลือที่พอให้ชมได้คือ Eddie Redmayne ที่ยังคงรับบท Newt ที่แสนจะมีเอกลักษณ์ได้ดีครับ ดนตรีประกอบก็โอเคครับ ตามธีม มีใส่ธีมแฮรี่มาในฉากฮอกวอตส์ ก็พอหายคิดถึงดี

- สรุป : งานสร้างยังดีอยู่ แฟนแฮรี่น่าจะเอนจอยกับหนังได้ แต่คิดว่าหนังดรอปลงจากภาคแรกมาก พล็อตหลักสะเปะสะปะและเน้นกับการปูไปยังภาคต่อไปมากเกินไป และยังมีการนำเสนอตัวละครที่ไม่ดีพอ สำหรับผมถือว่าน่าผิดหวังครับ

- เกรด : B ถ้าเป็นแฟน Harry ให้ B+

ถ้าไม่ใช่โคตรแฟนแฮรี่ ที่อ่านหนังสือ + ดูหนัง จนจบ นี่มีมึนอะ เหอๆ

ตอนเฉลยนี่พูดเร็วเกิน ขนาดเราตั้งใจฟัง ยังงงๆ ต้องกลับมาอ่านสปอย

เรื่องปริศนา(ครอบครัว)ที่ซับซ้อนขนาดนี้ ควรค่อยๆ พูด เว้นวรรคหน่อยอะ


ตอนสุดท้ายเราเดาว่า

เป็นหนังที่มีปัญหาในการเล่าเรื่องและไม่เป็นมิตรกับคนดูทั่วไปเลยครับ ถึงผมไม่ใช่แฟนแฮรี่ตัวยงแต่ก็พอผ่านหนังสือกับหนังมาทุกภาคยังมึนเพราะจำตัวรายละเอียดไม่ได้ ผู้ชมทั่วไปหรือขาจรนี่ตายแน่นอน...คือ Fantastic Beast นี่มันแค่ชื่อบังหน้าเท่านั้นแหละ เฮ้อออ ผิดหวัง แต่ชอบนิวท์มากเลยครับเท่ดีเป็นสิ่งเดียวเลยที่ผมชอบ 555

เนื้อเรื่องทำมาแบบเล่าผ่านๆ ไปภาคต่อไปจริงๆ จบแบบ....นี่จบแล้วเหรอ แบบนี้ไปรอดูภาคห้าเลยดีกว่า

เรื่องนี้แฟนแฮรี่คงให้ไม่ต่ำกว่า B

ส่วนไม่ใช่แฟนแฮรี่ ราว ๆ C - C+

ไม่ใช่แฟนแฮรี่ ไม่เคยดูภาคแรก เอาเวลาไปทำอย่างอื่นก็ได้

หลับเหมือนกัน เป็นหนังเรื่องแรกในปีนี้ที่ดูแล้วหลับ
ไม่สนุกเหมือนภาคแรก เนือยจัด น่าเบื่อตอนกลางๆเรื่อง
ถ้าให้บอกกันตรงๆผมเสียดายเงิน
ภาคสามขอดูคะแนนวิจารณ์ก่อนแล้วกัน ไม่รีบดูวันแรกแน่นอน

เนื่องจากอ่านทั้งนิยายและดูหนังมาเลย ชอบมากกับเรื่องนี้ดรอปไปจากภาคแรกจริงแต่ได้ป๋าเดปมาช่วยไว้ ชอบมากกกก
วาทะลีลาการแสดงแก เป็นตัวร้ายที่ฉลาดเดินเกมได้ดีมาก พูดกล่อมจี้จุดอ่อนเก่ง ใช้ลูกน้องได้ดี ถ้าเทียบกับพี่เสื้อกระสอบเราที่สติหลุดแล้วป๋าดูดีกว่าเยอะ เสื้อผ้าหน้าผมนี้นึกว่าหลุดมาจากงานแฟชั่นโชว์555

เล่าเรื่องเยอะไปไหน เล่าแบบไม่แคร์คนดูเลยว่านี่มาดูหนังนะไม่ได้มาอ่านนิยาย หลายซีนมากๆที่โคตรเสียเวลาโดยใช่เหตุ

ทีพอจะเฉลยปมก็รัวมาเป็นชุดกลัวจะไม่ทันเวลารึยังไงก็ไม่รู้ แอบตลกหน่อยๆด้วยที่เล่นพูดกันเป็นชุดต่อกันขนาดนั้น ตอนจบก็แบบ เฮ้ย! จบแล้วเหรอ? อย่างกับเหมือนพึ่งผ่านเป็นแค่ครึ่งเรื่องแต่ตัดจบไปขายภาคหน้าซะงั้น


สำหรับผมคือแย่มากๆอ่ะ ตอนภาค 1 ไม่ได้รู้สึกแย่ขนาดนี้ออกจะชอบด้วยซ้ำ มาเจอภาค 2 เข้าไปอย่างกับย้อนไปดูแฮรีภาคไหนซักภาคที่เอื่อยๆแบบนี้แหละ แต่แฮรี่ดีกว่านี้เยอะ

ในแง่ความเป็นภาพยนตร์ ฟอร์มตกมาก

จังหวะตัดต่อแต่ละฉาก งงงวยมาก

สัตว์วิเศษเป็นเพียงพร็อพจริงๆ

บ่นๆนี่ ดู2 รอบแล้วนะ ยิ่งเห็นข้อเสียเยอะไปอีก

ผมนึกถึง empire strike back ยังไงไม่รู้
เห็นด้วยกับรีวิวที่ว่า
ปัญหาคือภาคต่อ 5 ภาค
ที่ต้องคอยวางปมต่างๆไว้
จนมันดูไม่คลีนแบบนี้

-ตัวร้ายน่ากลัวมาก
โดยเฉพาะสกิลเกลี้ยกล่อมของป๋า
ดูร้ายกว่าท่านลอร์ดบ้าๆบอๆ หลายปีแสง

หวังว่าภาคหน้าจะเก็บคำวิจารณ์ไปปรับปรุงนะ JK

ความดีงามของภาคนี้ที่ผมเห็น คือ Claudia Kim เลยครับ

ภาคแรกดูในโรงสองรอบ หลับทั้งสองรอบเลย อะไรของมันก็ไม่รู้

ภาคนี้ชั่งใจอยู่เลย

ต้องแฟนโลกของ Harry ถึงจะดูสนุก ในความคิดผมนะ
เปิดมุมหลายๆ อย่างในโลกเวทมนต์ ทำให้โคตรอยากดูภาคต่อ

สำหรับผม มันไม่ได้ว้าว แต่ชอบการปูเนื้อหาไปในภาคต่อไป
สนุกตรงๆ ลุ้นว่าพระเอกแมมจะโชว์เหนืออะไร โดยใช้สัตว์เวทมนต์

ถ้าใครตาม แฮรี ทุกภาคจะรู้ว่าบางภาคก็ไม่สนุก บางภาคก็สนุก
เหมือนคุณอ่านหนังสือในรูปแบบหนัง ความสนุกอยุ่ตรงที่เปิดความลับหลายๆอย่างที่แฟนแฮรรีอยากรุ้

9/10 สำหรับแฟนแฮรี

ปล.หักมุมได้โหดจริงๆ

เริ่มจับแนวพระเอกได้ละ เก่งเวทแต่ไม่ได้เทพ แต่ใช้สัตว์มาเสริมพลัง ได้ 555

กรินเดอวัลด์นี่อนาคตคือลอร์ดโวลเดอมอรต์รึเปล่าครับ?

ผมไม่เคยอ่านนิยาย แฮรี่ก็ไม่เคยอ่าน หนังแฮรี่ก็ดูไม่ครบทุกภาค (ดูถึงภาค 3 - 4 เองมั้ง) ดูเรื่องนี้ภาคแรกแล้วชอบมาก มาดูภาค 2 นี่ ก็ยังรู้สึกชอบเรื่องนี้เหมือนเดิมนะ จะติก็ตรงพวกสัตว์วิเศษในภาคนี้ มีบทบาทน้อยมาก ไม่สมกับชื่อเรื่องเล้ย