Review : Jurassic World : Fallen Kingdom

กำกับ : J. A. Bayona (A Monster Calls, The Impossibles, The Orphanage)



- ผมชอบภาคก่อนหน้านี้มาก แต่อาจเป็นเพราะว้าว Easter egg จากภาคแรกๆที่มีเยอะมากๆด้วย ในขณะที่นักวิจารณ์บางส่วนไม่ชอบความเรียบง่าย popcorn จ๋าของมัน

- ส่วนภาคนี้ ก็สนุกดี above average เลยล่ะ แต่ความว้าวยังไม่เท่าภาคก่อนหน้า

- โดยในคราวนี้ หนังก็ได้แอบใส่ประเด็นการเมืองและ Ethics เข้ามาให้ขบคิดกันเล่นๆ ทั้งตัวละครที่ดูมีตัวแทนทั้งฝั่งขวาและซ้าย และประเด็นเรื่อง Playing God ที่มีมาตั้งแต่ภาคแรกก็ได้ถูกนำมาขยายความ แต่ประเด็นการเมืองก็ไม่ได้จ๋าจนดูแล้วหงุดหงิด และเมสเสจของมันก็ไม่ได้ลึกล้ำถึงกับต้องมาวิเคราะห์กันจนปวดหัว ยังคงความเป็นหนัง popcorn อยู่ครับ

- ส่วนในเรื่องของความสนุก ก็ทำได้ดีทีเดียวครับ หนังมีเกริ่นๆต้นเรื่องนิดหนึ่งและหลังจากนั้นก็เข้าสู่ฉากแอคชั่นแบบแทบจะมาราธอนเลยทีเดียว ฉากแอคชั่นผจญภัยเยอะมากๆและแทบจะไม่มีช่วงพักเลย ซึ่งก็ดีครับสนุกตื่นเต้นกันไปยาวๆ ส่วนมุกตลกก็โอเคครับไม่ค่อยมีแป้ก ถึงจะไม่ได้ขำก๊ากแต่ก็พยุงหนังไม่ให้ตึงเครียดเกินไปได้โอเคเลยทีเดียว

- ถ้าจะหาข้อติของหนัง คงเป็นเรื่อง Dinosaur Magic ที่เริ่มเสื่อมลงแล้ว ในยุคที่พล็อตหนังเริ่มหลุดโลกขึ้นทุกทีๆไดโนเสาร์ไม่ใช่อะไรที่จะมาว้าวกันสุดขีดอีกต่อไป ยิ่งกับซีรี่ส์นี้ที่ปาไป 5 ภาคเข้าแล้วยิ่งแล้วใหญ่ มุกการผสมไดโนเสาร์พันธ์ุใหม่ขึ้นมาก็ไม่ค่อยตื่นตาตื่นใจแล้ว (จริงๆก็ไม่ได้ชอบส่วนนี้ของภาคที่แล้วเท่าไหร่) แต่ก็แอบว้าวในความฉลาดของมันบ้าง แต่โดยรวมพอเวทมนตร์มันเสื่อมเลยกลายเป็นว่าหนังก็กลายเป็นหนังที่สนุก แต่แอบมีความธรรมดาอยู่ครับ (ไอเดียนึงที่ผมคิดว่าน่าลองทำดูคือการให้ไดโนเสาร์ฝั่งกินพืชเป็นตัวเด่นดูบ้าง แทนที่เอะอะจะแรพเตอร์ t-rex กันอย่างเดียว)

- Easter egg ต่างๆที่ nod ถึงภาคแรกก็พอมีครับ แต่ไม่ว้าวและเยอะเท่าภาคที่แล้ว ส่วน Ian Malcolm (Jeff Goldblum) ก็ออกนิดเดียว

- งานภาพ ตัว cg ไดโนเสาร์ทำได้ดีเลยครับ หาไม่เนียนได้น้อยมาก แต่การออกแบบศิลป์ด้านอื่นยังรู้สึกธรรมดา เพลงประกอบ ใช้ธีมเดิมน้อยมาก โผล่มาแค่ตอนเครดิตซึ่งน่าเสียดายเพราะผมชอบมาก และธีมใหม่ๆสู้ไม่ได้เลย 555

- สุดท้ายการแสดง ก็พอผ่านครับ Chris Pratt ก็ยังคงเสน่ห์ของเขาอยู่ แต่จะติดที่ "เขาก็เล่นเป็น Chris Pratt น่ะแหละ" เชื่อไหมผมจำชื่อตัวละครของเขา (และคนอื่นๆบางคน) ไม่ได้ คือคาแรคเตอร์เขาไม่ค่อยฉีกจากเรื่องอื่นเท่าไหร่ครับ คิดว่าอาจจะถึงเวลาพัฒนานะ น้องเด็กเนิร์ด แรกๆจะออกน่ารำคาญหน่อยแต่เวลาผ่านไปก็พอรับได้ บทตลกก็พอไหวครับ และที่สำคัญที่สุดครับ "สัตวแพทย์น่ารัก" ._.

สรุป : สนุก ตื่นเต้น แอคชั่นเยอะมากกกก แต่รู้สึกเวทมนต์ของไดโนเสาร์มันเริ่มเสื่อม มันอาจจะเริ่มอิ่มตัวครับกับซีรี่ส์นี้

เกรด B+

ให้คะแนนแบบไม่ลังเลที่ 6/10 ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

ผมก็สนุกนะ แต่ไม่ว้าว ไม่มีอะไน่าจดจำ จบก็คือจบ

หนังฝรั่งที่ผมเข้าไปดูในโรงเป็นเรื่องแรก คือ Jurassic Park ผ่านมายี่สิบห้าปี กลิ่นอายของภาคนี้ยังเหมือนภาค เก่า ทั้งความอลังการของไดโนเสาร์ และ ความเข้มข้นของเนื้อเรื่อง ที่คงเส้นคงวา

แต่เพราะความคงเส้นคงวา ทำให้ดูเป็นจุดด้อยของ Jurassic Park ฉบับปี 2018 ไป เพราะเวลาที่ผ่านมาเกือบสามสิบปี เทคโนโลยี และ ความก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมภาพยนต์มันก้าวไปไกลเกินกว่าคำว่า "เคารพต้นฉบับ" "คงเส้นคงวา" แล้ว

7/10 ครับ ส่วนภาคแรกสุด ให้ 8.5/10

edit: หลังจากให้คะแนนแล้วแวะไปดูของ imdb ทั้งสองภาค คะแนนใกล้เคียงกับที่ผมให้ครับ

ให้ 5/10 ครับ ไม่คืดว่าจะจดจำหนังในเรื่องนี้ไว้ในสมองส่วนไหนใดๆเลย ไม่ชอบตั้งแต่ concept ของเรื่องละ

ถ้าคิดว่าดูหนังเอาสนุกเรื่อยๆ ก็ช่วงแรกของหนังที่หนีภูเขาไฟพอสนุก แต่ช่วงหลังของเรื่องเละเทะมาก

เป็นการเอาความคลาสสิคไปยำแล้วหากินเอง ถึงแม้จะพยายามเอาของเก่ามาเล่นใหม่ๆเถอะ

ชัดเจนว่าหนังเรื่องนี้เน้น commercial จ๋ามากๆ พยายามจะต่อยอดแฟรนไชส์ไดโนเสาร์แต่พอมันเริ่มจะไม่มีอะไรให้เล่น ก็ดัดแปลงไดโนเสาร์ด้วยเทคโนโลยีพันธุกรรมประหลาดๆ เพื่อทำภาคต่อขาย

หนังสนุกดีนะ แต่จงใจกินเงินคนดูชัดๆ

ผมว่า มันไม่มีความเป็น world ไม่มีความเป็น park

เหมือนนั่งดูเอเลี่ยนหรือ RE ที่เอาชีวิตรอดในสถานที่แคบๆแทนอ่ะ.....

จุดรำคาญอีกอย่างคือ ตัวร้ายกากมาก....

หนังมันแบ่งครึ่งแรก ครึ่งหลังแบบเปลี่ยนโทนเรื่องไปเลย
ครึ่งแรก ผมดูละสนุกมากนะ แต่ครึ่งร้ายเปลี่ยนเป็นหนังสยองขวัญเกรดบีซะงั้น ถามว่าน่ากลัวไหมก็ไม่กลัว ฉากทีเรกแดกคนในส้วมภาคแรกยังตราตรึงใจมากกว่าเยอะ

ภาค3 ถ้าจะทำต่อขอแบบแนว Apocalypse เลยได้ไหมแบบ ไดโนเสาร์ครองโลก มนุษย์ต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆ 555