ตอนนี้มีแววของบล่วงหน้า สามล้าน ๆ ละ

ทำงามหน้าตอนนี้เยอะๆ ตอนเลือกตั้งโอกาสคัมแบคก็ยิ่งน้อยนะเออ

55555555

พี่เค้าหิวมาจากไหน

แชร์ ประสบการณ์หน่อยครับ

ผมเป็นคนนำเข้า และผลิต เม็ดพลาสติก และผลิตสินค้าปลายทางขายให้ผู้บริโภคโดยตรง

่ลูกค้าจะ เกี่ยวข้องกับพวก รองเท้าแตะ ผ้าใบ สายไฟ (พวกนี้ย้ายฐานกันไปเยอะละ) คิ้วกระจก ประตูหน้าต่าง ส่วนประกอบรถยนต์ ท่อพีวีซี ไม้กวาดพลาสติก ฯลฯ

ส่วนรองเท้าที่ผลิตเอง จะผลิตส่งสำเพ็ง ร้านยี่ปั๊วทั่วประเทศ เป็นตลาดล่างๆ นะครับ ทำมาเกือบ 10 ปีได้ ลูกค้าเริ่มบ่นมา สัก 2 ปี ละ ส่วนบริษัทส่วนตัวนีี่เพิ่งเริ่มมีปัญหา สัก เกือบ 12 เดือนที่ผ่านมาได้

สาเหตุที่คาดการณ์เพราะ

1. สินค้าจีนเข้ามาตีตลาด ทำให้โรงงานให้ประเทศ ลดราคามาสู้กันจนไม่ค่อยเหลือกำไร

2. ช่วงเศรษฐกิจดี กำลังการซื้อของผู้บริโภคสูง โรงงานจะเร่งการผลิต ซื้อเครื่องจักรใหม่ ลงทุนเทคโนโลยี เพิ่มคนงาน พัฒนาประสิทธิภาพการผลิต ทำให้การผลิตสูงมาก และ มีโรงงานใหม่เกิดขึ้นเยอะ เพราะ เจ้าเดิมๆ ผลิตไม่ค่อยทัน พอตอนนี้ กำลังซื้อ ลดลง Demand กับ Supply ไม่สอดกันอย่างมาก

3. นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล มันทำให้คนซื้อของกันน้อยลง เช่่น นโยบายด้านแรงงาน จัดระเบียบต่างๆ

4. น่าจะเป็นข้อมูลต่างๆ ที่เพื่อนๆ ในบอร์ดคุยกันนั่นแหละครับ


ต้องปรับตัวแน่นอน ไม่งั้นเตรียมเจ๊งได้เลย คนงานผม 30 คน บางคนอยู่ด้วยกันมาหลายปี ไม่อยากปลด ไม่อยากลด แต่ตอนนี้ อาศัยลดกำลังการผลิตลง แต่ยังให้โอที อยู่

จริงๆ ผมเกือบซวย เพราะ ปีก่อนๆ ขายดีมากๆ ยอดขาย 3 บริษัท (เล็กๆ ) รวมกันเกือบ ร้อยล้านต่อปี

เตรียมจะกู้แบงค์ ซื้อที่ทำโรงงานใหม่ กะปลูกบ้านใหม่ ซื้อรถยุโรป ขับ ดีนะยุ่งๆ เลยไม่ม่ีเวลาคุยกะแบงค์ รอดตัวกันไป

ตอนนี้มีสาขาไหนไม่โกงมั้งครับ รู้สึกว่าทุกระดับชั้นจริงๆ

รีบๆเอางบมาถลุง+แบ่งกันแดกก่อน รบ.เหลือเวลาอีก 9-10 เดือน ก็จะเลือกตั้ง ดูสัญญาณแล้วไม่เลื่อนแล้วล่ะ
1 ศาลรธน.วินิจฉัยว่าคำสั่งคสช.ไม่ขัดรธน. ทั้งเรื่องยืนยันตัวสมาชิก และเรื่องยุบสาขาพรรค ให้ตั้งใหม่
2 นายกก็ส่งสัญญาณ +ย้ำว่าก.พ.เหมือนเดิม

สักพักมันก็คงปลดล็อคให้ชุมนุมเกิน 5 คนได้ และตามด้วยให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ ก็จะเริ่มไพรมารี่โหวตกันได้ (แกล้งปลดล็อคช้าให้พรรคอื่นเตรียมตัวไม่ทัน และมันไม่ให้โดนนักการเมืองเอาเรื่องงบมาหาเสียงโจมตีรบ.หรอก)

ก็คะแนนทหารมันตก มันอยากหาเสียง ประยุทธ์ถึงคุยโม้ 2 ชม. บอกกระจายทั่วถึงแน่นอน ก็คงแจกแหลกประชานิยมแน่นวล

เอาไปแบ่งพวกที่ดูดมา อย่างไปบุรีรัมย์หาเนวิน รบ.ก็สัญญาจะให้งบบุรีรัมย์ ให้ทุกเขตที่ไปดูดส.สมา

กลุ่มชาวนาสกรีนเสื้อมาเชียร์แล้ว วาระสุดท้ายของผู้นำที่เสื่อศรัทธาจริง ๆ มักมีกองหนุนมาเลียโดยไม่ได้นัดหมายไว้ก่อน

เมื่อคืนไปนั่งดื่มแถวๆบริเวณการแข่งขันในการชิงพื้นที่ของ ส.ส.ท้องถิ่นมา โอเคเลย 98.43%ทางนี้ไปตามเกมไฟสัญญาณ คสช.อย่างเดียว ส่วนทหารจะหนุนหรือดูดใครคงเป็นเรื่องของ คสช.แล้วว่าจะให้อะไรตอบแทนนักการเมือง
คหสต.ชาวบ้านทั่วไปแทบจะไม่สนใจแล้วว่าจะได้เลือกตั้งเมื่อไหร่ ขอแค่มีพื้นที่ทำมาหากินไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องสีเสื้อก็พอ(ซึ่งจริงๆก็บิ้ลด์ไม่ขึ้นจากความเอือมของคนในพื้นที่) ส่วนรัฐบาลจะยักเล็กยักน้อยยักยังไงถ้าแบ่งกระจายถึงคนในพื้นที่บ้างแค่นั้นล่ะเค้าก็พอใจอยู่กันได้
และคนส่วนมากรวมถึงพ่อค้าแม่ค้าก็ทราบดีถึงสถานการณ์ทางการเมือง ว่าควรวางตัวอย่างไรกับผู้แทนที่ตัวเองชื่นชอบ ในเวลาที่ทหารติดตามนักการเมืองทุกที่ทุกเวลา แม้กระทั่งผู้แทนกินข้าวทหารยังนับได้ว่าทานกี่เม็ด

คำสั่ง คสช.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าได้เลือกตั้งปีหน้าชัวร์(ชัวร์ว่าอย่างต่ำคือปีหน้า) หมายความว่าพรรคการเมืองจะปลดล็อคได้ทำกิจกรรมในเร็วๆนี้ มันจะเห็นซักทีว่าพรรคไหนสนับสนุนทหารและพรรคไหนไม่เอานายกฯคนนอก
อีกอย่างก็จะได้เห็นนอมินีของพล.อ. ประยุทธ์แบบเต็มตัวว่าจะไปโค-ออปกับกลุ่มใด โดยที่หลังจากนี้เรื่องผลประโยชน์เก้าอี้ตำแหน่งต่างๆจะเริ่มมีการต่อรองกันมากขึ้น
ส่วนสัดส่วนการสรรหาอีก 250 ที่นั่ง สนช.และรัฐบาลชุดปัจจุบัน คงมีพื้นที่ในส่วนนี้ไปผสมกับบุคลากรที่เหมาะสมกับการทำหน้าที่
พรรคทางเลือกใหม่ตอนนี้คือมีโอกาสที่ดีกว่าขั้วอำนาจเดิมๆเยอะ ทั้งการเปิดตัวชี้จุดยืนแนวทางของพรรค ทั้งได้ออกแคมเปญมาเสนอประชาชนก่อน ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่พรรคทางเลือกใหม่จะศึกษาผลตอบแทนที่ลงทุน ถึงจะเป็นเสียงแค่ 10-15 ใน 750 ของ ครม.หน้า แต่ถ้านโยบายที่คิดแล้วมันแปลกใหม่กว่าไม่เดินซ้ำของเก่า มันอาจได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนครั้งหนึ่งทักษิณก็เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว แค่มันไปได้ไม่สุดแค่นั้นจากปัญหาเรื่องทุจริตต่างๆนาๆที่ควบคุมกันไม่อยู่

งบประมาณต่างๆก็ไม่น่าแปลกใจหากจะมีตัวเลขที่สูงขึ้นโดยเฉพาะกลาโหม หลักเลยสาธารณสุขและศึกษาธิการควรต้องมียอดตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ตามกลไกการพัฒนาประเทศที่สากลทั่วไปก็เป็นกันทั้งโลก ฝั่งมหาดไทยเห็นนิ่งๆก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากมาย เพราะมีดีมีแย่ปนกันมั่วซั่วไปหมด งบก็เลยตามเลยเงินเดือนคอยขึ้นตามค่าแรงขั้นต่ำของประชาชน *_*
หากกองทัพรีบเข็นงบประมาณจัดซื้อออกมากระหน่ำช้อปปิ้งช่วงนี้ มันคือวาระที่ดีของ คสช.ที่จะให้รางวัลแก่ตัวเองกันบ้างมันไม่แปลก และจะโยงไปถึงเรื่องเลือกตั้งว่า คสช.จะยุติบทบาทลง และถ้าจะกล่าวหากองทัพว่าโกงกินบ้านเมือง ควรจะพิจารณาพวกฮุบค่าอาหารกลางวันเด็กในโรงเรียนมากกว่า ต่อจากนี้คือการเปิดโอกาสให้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้สานงานใน ครม.หน้า งบประมาณปีต่อๆไปจะเป็นยุคของรัฐบาลที่จะถึงเกือบร้อยเปอร์เซนต์ เพราะ คสช.ได้วางยุทธศาสตร์เงื่อนไขทั้งหมดไว้ในงบประมาณแค่เท่านี้

ก้าวต่อไปที่ คสช.ได้จัดยุทธศาสตร์ไว้แน่ๆ คือ

1.การควบคุมพรรคการเมือง หลังจากปลดล็อคการทำกิจกรรมไป คสช.คงต้องดูแลเป็นพิเศษ ป้องกันการบลัฟ คสช.ในภายหลัง

2.คสช.จะรวบอำนาจของ กกต.ปปช.หรือองค์กรอิสระอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ครม.หน้า เพื่อไม่ให้รัฐบาลชุดหน้าเข้ามาล้ำเส้นหรือเอาผิดผลงานที่ผ่านมาของ คสช.ชุดนี้

3.กลไกระบบรวมถึงยุทธศาสตร์การเมืองจะเป็นแบบนี้ไปอีกไม่ต่ำกว่าสิบปีเป็นอย่างต่ำ แม้จะมีหรือไม่มีทหารเข้าร่วมรัฐบาลก็ตาม เพราะตามโครงสร้างต่างๆคะแนนเสียงจากประชาชนอย่างเดียวจะไม่ใช่ระบบที่สมบูรณ์ ตามการปฏิรูปที่ทำการแก้ไขระบบกันอยู่

ตอนนี้ฐานเสียงของ คสช.และรัฐบาลชุดนี้มองตามเนื้อผ้าก่อนการเลือกตั้ง มีแต่จะลดความนิยมลงหลังจากปัญหาหลายๆอย่าง ค่อนข้างมั่นใจมากว่าจะไปแก้ปัญหาเอาใหม่กับรัฐบาลหน้า เพราะดูตามรูปเกมส์การเมืองท่านประยุทธ์จะทำงานแบบรัดกุมไม่เสี่ยงกับผลกระทบ ปัญหาอีกหลายส่วนนายกฯจึงเก็บเอาไว้ให้คนอื่น เพื่อเปิดโอกาสให้แนวคิดใหม่เข้าไปอุดรอยรั่วเหล่านั้น และบิ๊กตู่ก็ยังมีสถานะที่ปลอดภัยกับโอกาสที่จะคัมแบ็คกลับอีกครั้งครับ

แวะมาอ่านครับ

Forbes ได้เป็นไทซักที

เพจเมเจอร์หลังๆนี่ไม่ไหวนะ มันแซะเจ้ารัวๆเลย

ไอ้พวกนี้พอโดน 112 ก็ทำโอดครวญ แต่อยู่ดีไม่ว่าดีโพสแซะตลอด

เอาจริงๆ เพจเมเจอร์ พอมาสายแซะมันทุกข่าวที่เด่นๆ มันเลยแซะโดนเรื่องที่ไม่ควรแซะด้วย

คือเข้าใจล่ะว่ามันติดกระแสง่าย แต่พอสุ่มเสี่ยงจะโดน พรบ.คอม + 112 แม่งจะทำยังไง แชร์กันเป็นพัน ไลค์เม้นกันเป็นหมื่นอะ


คงรับความผิดชอบไม่ไหวหรอกมั้ง เหอๆๆๆ

เดี๋ยวนี้มันเหมือนเป็นวัฒนธรรมไปละ ไม่ว่าจะมีข่าวหรือบทความอะไร บันเทิง กีฬา ท้องเที่ยว ต้องแข่งกันโยงไปแซะการเมือง

แขวะเจ้า คนไทยผมว่าเรื่องแซะเรื่องเหน็บนี่อันดับ 1 ของโลกอ่ะ 555

ด่วน! กรมราชทัณฑ์ประหารชีวิต นักโทษคดีฆ่าชิงทรัพย์ 1 ราย [Link]



#######################################

พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า วันนี้ (18 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 – 18.00 นาฬิกา กรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการบังคับโทษตามคำพิพากษาของศาลด้วยการประหารชีวิตนักโทษเด็ดขาดชายธีรศักดิ์ หลงจิ อายุ 26 ปี ผู้ต้องขังในคดีฆ่าผู้อื่นอย่างทารุณโหดร้ายเพื่อชิงทรัพย์ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2555 เหตุเกิดที่จังหวัดตรัง โดยนักโทษเด็ดขาดดังกล่าวได้ทำร้ายและบังคับให้เอาทรัพย์สิน คือ โทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าสตางค์ รวมทั้งใช้มีดแทงผู้ตาย รวม 24 แผล เป็นเหตุให้เหยื่อถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิตศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาพิพากษายืนเป็นผลให้คดีถึงที่สุด

สำหรับการบังคับโทษประหารชีวิตดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ประกอบมาตรา 19 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประหารชีวิตนักโทษ พ.ศ.2546 ซึ่งกำหนดให้ดำเนินการด้วยวิธีการฉีดยาหรือสารพิษให้ตาย นับเป็นผู้ต้องขังรายที่ 7 นับแต่มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 16) พ.ศ.2546 ซึ่งเปลี่ยนวิธีการบังคับโทษประหารชีวิตจากการยิงเสียให้ตายเป็นการฉีดสารพิษ

นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 จนถึงปัจจุบัน มีการบังคับโทษประหารชีวิตมาแล้ว จำนวน 325 ราย โดยแบ่งเป็นการใช้อาวุธปืนยิง จำนวน 319 ราย รายสุดท้ายเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2546 โดยการฉีดยาสารพิษ จำนวน 6 ราย ครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2546 และครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2552 ดังนั้นนักโทษรายนี้จึงถือเป็นนักโทษเด็ดขาดรายแรกในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การประหารชีวิต ถือเป็นบทลงโทษทางอาญาที่หนักที่สุดตามกฎหมายไทย ซึ่งมีโทษ 5 อย่าง คือ ปรับ ริบทรัพย์สิน กักขัง จำคุก และประหารชีวิต แม้หลายประเทศได้ยกเลิกโทษประหาชีวิตไปแล้วก็ตาม แต่ก็มีอีหลายประเทศที่ยังคงมีโทษประหารชีวิตอยู่เช่นเดียวกับประเทศไทย อาทิเช่น สหรัฐอเมริกา และจีน ซึ่งเน้นการปกป้องสังคมและพลเมืองส่วนใหญ่ให้พ้นจากการตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมมากกว่าเน้นสิทธิเสรีภาพของปัจเจกบุคคลที่กระทำผิดกฎหมาย กรมราชทัณฑ์ หวังว่าการประหารชีวิตในครั้งนี้ จะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ที่คิดจะก่ออาชญากรรมร้ายแรงหรือกระทำผิดกฎหมายได้ยั้งคิดถึงบทลงโทษนี้

อย่างไรก็ตาม เคยมีการรณรงค์ยกเลิกโทษประหารในประเทศไทย และไทยเคยลงนามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนไว้ ซึ่งระบุว่า หากครบ 10 ปี ยังไม่มีการประหารชีวิตเกิดขึ้นภายในประเทศ ให้ถือว่าโทษประหารในประเทศไทยถูกยกเลิกไป ดังนั้นจึงเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง

สำหรับคดีฆาตกรรมโหดที่ทำให้คนร้ายถูกประหารชีวิตในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ก.ค.2555 เวลาเย็น ในสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 (เขาแปะช้อย) เขตเทศบาลนครตรัง โดยนายดนุเดช สุขมาก อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนมัธยมวัดควนวิเศษมูลนิธิ โรงเรียนเอกชนชื่อดังของจังหวัดตรัง ถูกชายวัยรุ่น 2 คนใช้มีดปลายแหลมไล่แทงมาจากหน้าโรงเรียนบูรณะรำลึก ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร จึงวิ่งหนีตายเข้าไปภายในสวนสาธารณะดังกล่าว ระหว่างนั้นแฟนสาวของนายดนุเดช พยายามเข้าช่วยเหลือ แต่ชายวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังอยู่ในอาการมึนเมาไม่ฟังเสียง และกระหน่ำแทงจนนายดนุเดชล้มลงจมกองเลือด หลังจากนั้นคนร้ายได้ล้วงเอากระเป๋าสตางค์ซึ่งมีเงินสดประมาณ 2,000 บาท และโทรศัพท์มือหลบหนีไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำพยานแวดล้อมจนทราบว่าคนร้ายที่ลงมือแทงนายดนุเดชคือ นายธีรศักดิ์ หรือ มิ๊ก หลงจิ อายุ 19 ปี(ขณะนั้น) อยู่บ้านเลขที่ 175 หมู่ 7 ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งมีประวัติอาชญากรรมโชกโชน จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดตรัง แล้วเข้าจับกุมนายธีรศักดิ์ ได้ที่หน้าวิทยาลัยเทคนิคตรัง พร้อมมีดปลายแหลมที่ใช้แทงนายดนุเดช

ทั้งนี้ จากประวัติอาชญากรรม นายธีรศักดิ์ถูกจับมาแล้วหลายครั้ง ทั้งข้อหาเสพยาเสพติด ครอบครองกัญชา และอาวุธปืน ก่อนก่อคดีแทงนายดนุเดชเสียชีวิต ยังได้ก่อเหตุร่วมกันฆ่าผู้อื่นด้วย แม้นายธีรศักดิ์ให้การปฏิเสธ แต่ก็มีพยานมัดตัวแน่นหนา โดยเฉพาะมีดปลายแหลมที่ใช้ก่อเหตุ

นอกจากนี้ ยังพบว่า แก๊งของนายธีรศักดิ์มีพฤติกรรมรีดไถเงินหรือทรัพย์สินของเด็กนักเรียน มีสมาชิก 10 คน อาทิ นายทิชานนท์ คงเมือง อายุ 20 ปี(ขณะนั้น) เป็นหัวหน้าแก๊งบ้านโพธิ์ ถูกจับกุมคดีใช้อาวุธปืนยิง นายฉันทภาพ ช่วยสุวรรณ อายุ 18 ปี จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2555 และเพื่อนของนายธีรศักดิ์ ก็เป็นหัวหน้าแก๊งบ้านโคกพลารีดไถเด็กนักเรียนอีกด้วย

[Link]

น่าจะมีอีกหลายคิว ที่รอโดน

1.คดีข่มขืนและฆ่า โยนลงจากรถไฟ
2.คดีแทงชิงทรัพย์ น.ศ.ศรีปทุม
3.คดีฆ่ายกครัว บังฟัต ชั้นต้น ประหาร!