This thread is locked
สนทนาประสาการเมือง ��าค VII
<<
<
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
>
>>
Reply
Vote
# Thu 14 Dec 2017 : 1:11PM
ไม่รู้สิ
ยิ่งอยู่ไปเรื่อยๆ ความคิดว่านี่คือประเทศไทยของเรามันยิ่งน้อยลง
ทุกวันนี้ที่เห็นคือ ประเทศนี้มันของบางกลุ่ม บางตระกูล เป็นของที่แบ่งให้กัน ยกให้กันได้
คนส่วนใหญ่ของประเทศไม่มีสิทธิ์ ไม่สามารถเรียกร้องความรับผิดชอบอะไรจากคนกลุ่มบนๆ
ถ้ามีคนบอกว่า งั้นก็ออกไปจากประเทศนี้สิิ
เอ่อ ก็อยากออกนะ ถ้ามีเงิน มีทางไป รับรองได้ว่าไปแน่
ยิ่งอยู่ไปเรื่อยๆ ความคิดว่านี่คือประเทศไทยของเรามันยิ่งน้อยลง
ทุกวันนี้ที่เห็นคือ ประเทศนี้มันของบางกลุ่ม บางตระกูล เป็นของที่แบ่งให้กัน ยกให้กันได้
คนส่วนใหญ่ของประเทศไม่มีสิทธิ์ ไม่สามารถเรียกร้องความรับผิดชอบอะไรจากคนกลุ่มบนๆ
ถ้ามีคนบอกว่า งั้นก็ออกไปจากประเทศนี้สิิ
เอ่อ ก็อยากออกนะ ถ้ามีเงิน มีทางไป รับรองได้ว่าไปแน่
[Edited 1 times Amail - Last Edit 2017-12-14 13:12:15]
# Thu 14 Dec 2017 : 1:56PM
มันโง่เหมือนควายกันน่ะ ข้างหลังมันเป็นหล่มโคลน แต่ทุกครั้งมันก็จะกลับหลังหันวิ่งลงไปติดหล่มที่เดิมซ้ำๆ ทำแบบเดิมผลลัพธ์มันก็ออกมาแบบเดิม แต่มันก็ยังจะโง่กลับไปอยู่ในวังวนเดิมๆ พ่นแต่ ประชาธิปไตย, เผด็จการ, คนดี, กะลาแลนด์ แต่ไม่มีข้อเสนออะไรใหม่ ไม่ก้าวไปข้างหน้า ท่องแต่วาทะกรรมเดิมๆที่เขากรอกหู คนเลี้ยงจะไล่ต้อนยังไงมันก็ไม่ยอมไปข้างหน้ากันง่ายๆ
พอดีบัณรสพูดถึง "หนูหริ่งลายจุด" (ชมว่ามันพูดดูดี)
1 - เวลานี้ผมสะเด็ดน้ำแล้วนะว่าผมไม่รู้สึกอยากจะชนะใคร ผมคิดว่าการต่อสู้เพื่อเอาชนะเป็นเรื่องผิด เพราะถ้าเอาแต่เพื่อชนะ คุณจะไม่มีภาพเป้าหมาย ไม่มีภาพปลายทาง มีแต่ภาพศัตรู เพราะฉะนั้นคุณไม่ได้สร้างประชาธิปไตย
ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่ตื่นตัวทางการเมือง ยังอยู่ในอารมณ์อยากเอาชนะ ยังมีแบบนี้เยอะ พอเราต่อสู้เราจะไม่ยึดหลักการ และไม่สนใจวิธีการ
2 - จุดอ่อนของขบวนการฝ่ายประชาธิปไตย ตอนนี้คือด่าแต่เผด็จการ อำมาตย์ แต่ไม่สร้างประชาธิปไตย พูดประหนึ่งว่าถ้าโค่นล้มเผด็จการหรืออำมาตย์ได้แล้ว จะเกิดประชาธิปไตย แต่ไม่จริง มันมีผลบ้าง แต่มันไม่เกิด คุณต้องสร้างประชาธิปไตย
คลิกอ่าน เข้าไปในสมอง 'สมบัติ บุญงามอนงค์' [Link]
แล้วบัณรสก็ถามซ้ำว่า
สังคมประชาธิปไตย หรือสังคมที่การเมืองดี มันไม่ใช่แค่โค่นฝ่ายนี้ลง ให้อีกฝ่ายเข้ามา
โค่นยิ่งลักษณ์ลงแล้วไง !!?
โค่น คสช.ลง แล้วไง?
พอดีบัณรสพูดถึง "หนูหริ่งลายจุด" (ชมว่ามันพูดดูดี)
1 - เวลานี้ผมสะเด็ดน้ำแล้วนะว่าผมไม่รู้สึกอยากจะชนะใคร ผมคิดว่าการต่อสู้เพื่อเอาชนะเป็นเรื่องผิด เพราะถ้าเอาแต่เพื่อชนะ คุณจะไม่มีภาพเป้าหมาย ไม่มีภาพปลายทาง มีแต่ภาพศัตรู เพราะฉะนั้นคุณไม่ได้สร้างประชาธิปไตย
ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่ตื่นตัวทางการเมือง ยังอยู่ในอารมณ์อยากเอาชนะ ยังมีแบบนี้เยอะ พอเราต่อสู้เราจะไม่ยึดหลักการ และไม่สนใจวิธีการ
2 - จุดอ่อนของขบวนการฝ่ายประชาธิปไตย ตอนนี้คือด่าแต่เผด็จการ อำมาตย์ แต่ไม่สร้างประชาธิปไตย พูดประหนึ่งว่าถ้าโค่นล้มเผด็จการหรืออำมาตย์ได้แล้ว จะเกิดประชาธิปไตย แต่ไม่จริง มันมีผลบ้าง แต่มันไม่เกิด คุณต้องสร้างประชาธิปไตย
คลิกอ่าน เข้าไปในสมอง 'สมบัติ บุญงามอนงค์' [Link]
แล้วบัณรสก็ถามซ้ำว่า
สังคมประชาธิปไตย หรือสังคมที่การเมืองดี มันไม่ใช่แค่โค่นฝ่ายนี้ลง ให้อีกฝ่ายเข้ามา
โค่นยิ่งลักษณ์ลงแล้วไง !!?
โค่น คสช.ลง แล้วไง?
Like : nat.mekmusic
# Thu 14 Dec 2017 : 2:03PM
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์
ติดกล่องหยอดเหรียญ 1,665 ล้านบาท
ซื้อรถเมล์เอ็นจีวีใหม่ได้ถึง 456 คัน
เป็นข่าวเกรียวกราวอยู่ในขณะนี้กรณีองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ยกเลิกการติดตั้งกล่องหยอดเหรียญ (Cash Box) บนรถเมล์หลังจากติดตั้งไปแล้ว 800 คัน จากจำนวนทั้งหมด 2,600 คัน โครงการนี้ ขสมก. ให้เอกชนติดตั้งกล่องหยอดเหรียญ และเครื่องอ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket) โดย ขสมก.จะต้องจ่ายค่าเช่าระยะเวลา 5 ปี เป็นเงิน 1,665 ล้านบาท นั่นคือ ขสมก. ต้องจ่ายค่าเช่าคันละประมาณ 640,000 บาท
วัตถุประสงค์ของการติดตั้งกล่องหยอดเหรียญก็คือ ขสมก.ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานเก็บค่าโดยสาร ซึ่งจากข้อมูลของ ขสมก.พบว่า ค่าจ้างพนักงานเก็บค่าโดยสารคิดเป็นประมาณ 60% ของรายได้ นั่นหมายความว่า ถ้าเก็บค่าโดยสารได้ 1 บาท จะต้องจ่ายเป็นค่าจ้างพนักงานเก็บค่าโดยสารประมาณ 60 สตางค์ ส่วนการติดตั้งเครื่องอ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์นั้น ขสมก. ต้องการใช้ในการอ่านบัตรคนมีรายได้น้อยหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามที่รัฐบาลได้มอบให้
ปรากฏว่าหลังจากทดลองใช้กล่องหยอดเหรียญและเครื่องอ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ได้ประมาณ 40 วัน โดยเริ่มทดลองใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ขสมก.ได้สั่งยกเลิกการติดตั้งกล่องหยอดเหรียญบนรถเมล์จำนวนที่เหลืออีก 1,800 คัน หลังจากติดตั้งไปแล้ว 800 คัน โดยอ้างว่าการใช้กล่องหยอดเหรียญมีปัญหาทางเทคนิค กล่าวคือบางครั้งกล่องไม่คืนเหรียญหรือคืนเหรียญไม่ถูกต้อง ที่สำคัญ ในช่วงเวลาเร่งด่วนซึ่งมีผู้โดยสารแน่นมาก ทำให้ต้องเสียเวลาในการหยอดเหรียญและรับเงินทอน
อันที่จริง ก่อนติดตั้งกล่องหยอดเหรียญ ขสมก.จะต้องศึกษาความเป็นไปได้ในการนำมาใช้ในกรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้โดยสารรถเมล์จำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน อีกทั้ง ในปัจจุบันหลายเมืองในหลายประเทศได้ยกเลิกการใช้กล่องหยอดเหรียญไปแล้ว โดยได้เปลี่ยนไปใช้เครื่องอ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์แทน
ในขณะที่ ขสมก.กำลังจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีใหม่โดยจะต้องติดตั้งเครื่องอ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ด้วย ซึ่งจะนำไปสู่การลดจำนวนพนักงานเก็บค่าโดยสาร และสามารถอ่านบัตรคนมีรายได้น้อยได้ด้วย จึงไม่มีความจำเป็นที่ ขสมก.จะต้องเร่งติดตั้งกล่องหยอดเหรียญในเวลานี้ เพราะกล่องหยอดเหรียญจะถูกทดแทนโดยเครื่องอ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ในเร็วๆ นี้ ส่วนการติดตั้งเครื่องอ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์นั้นเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลในการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่ง ขสมก.ไม่ยกเลิก โดยจะติดตั้งบนรถเมล์ 2,600 คัน
หาก ขสมก.วางแผนการจัดซื้อรถเมล์ใหม่ให้รอบคอบก็จะทำให้ไม่ต้องเสียค่าเช่าติดตั้งกล่องหยอดเหรียญและเครื่องอ่านบัตรโดยสารอีเล็กทรอนิกส์ให้เอกชนถึง 1,665 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถซื้อรถเมล์เอ็นจีวีที่ ขสมก.กำหนดราคากลางไว้คันละ 3.65 ล้านบาท ได้ถึง 456 คัน
ถึงเวลานี้ พูดได้แต่เพียงว่า เสียดายจริงๆ
View all 1 comments >
Fri 15 Dec 2017 : 8:20AM
เรื่องเครื่องรับเหรียญ
ลองนึกถึงโฆษณา สมาร์ทเพิร์ท ที่เป็นคนทำงานเข้ามาซื้อทิชชู่ดูครับ สุดท้ายไม่เอาขอเปลี่ยนเป็นกางเกงในอ่ะ
ตอบคนใหญ่คนโตที่เสียหมาในเรื่องนี้นะ "สมาร์ทเพิร์ช ดีกว่า"
สงสัยคนใหญ่คนโตไม่ชอบดูโฆษณา
แล้วคุณมึงจะดันเรื่องกระเป๋าเงิน อิเลคโทรนิคทำเตี๋ยไร จ่ายค่าขี้แตกไป 1665 ล้านดีจุง
ลองนึกถึงโฆษณา สมาร์ทเพิร์ท ที่เป็นคนทำงานเข้ามาซื้อทิชชู่ดูครับ สุดท้ายไม่เอาขอเปลี่ยนเป็นกางเกงในอ่ะ
ตอบคนใหญ่คนโตที่เสียหมาในเรื่องนี้นะ "สมาร์ทเพิร์ช ดีกว่า"
สงสัยคนใหญ่คนโตไม่ชอบดูโฆษณา
แล้วคุณมึงจะดันเรื่องกระเป๋าเงิน อิเลคโทรนิคทำเตี๋ยไร จ่ายค่าขี้แตกไป 1665 ล้านดีจุง
[Edited 1 times Godzeus - Last Edit 2017-12-15 08:21:14]
# Thu 14 Dec 2017 : 2:13PM
แค่เกมยื้อเวลา!! ผลสอบกองทัพสรุปปัญหาสุขภาพ คร่า“นตท.เมย”เหลือเชื่อไม่นำผลชันสูตรทางวิทยาศาสตร์มาประกอบ แต่กลับให้น้ำหนักเฉพาะ“คำบอกเล่า”ของคนใน รร.เตรียมทหาร สะท้อน “บิ๊กทหาร”ยังจมปลักอยู่กับการปกป้องคนผิด ป้ายต่อไปคงต้องพึ่งกระบวนการยุติธรรม
[Link]
ปกป้องกันเองสุดๆ
# Thu 14 Dec 2017 : 9:51PM
พูดแบบไม่มีความรู้เลยนะครับ
แต่บอกว่าสกัด DNA ไม่ได้ (ทำไปถึง 3 รอบ)
เพราะอวัยวะทิ้งมานานเกินไป??
ต้องรอทางรามาฯ ทำอีก 2 เดือน...
แล้วทำไม DNA บนหวยถึงตรวจกันได้ง่ายๆ
นี่มันอวัยวะของคนทั้งคนตั้งหลายชิ้นส่วนเลยนะ
แต่บอกว่าสกัด DNA ไม่ได้ (ทำไปถึง 3 รอบ)
เพราะอวัยวะทิ้งมานานเกินไป??
ต้องรอทางรามาฯ ทำอีก 2 เดือน...
แล้วทำไม DNA บนหวยถึงตรวจกันได้ง่ายๆ
นี่มันอวัยวะของคนทั้งคนตั้งหลายชิ้นส่วนเลยนะ
View all 2 comments >
# Fri 15 Dec 2017 : 12:34PM
[Link]
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำพิพากษา "คดีจำนำข้าว " ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฉบับเต็ม 68 หน้า
######################################
- หมวดเจี๊ยบโดนพ.ร.บ.คอมพ์
- ทนายอานนท์โดนหมิ่นศาล กับพ.ร.บ.คอมพ์
- จตุพรโดนคดีหมิ่นอภิสิทธิ์ หาว่าเป็นฆาตกรสั่งฆ่าประชาชน อันนี้น่าจะโดนตามมาอีกหลายคนทั้งรายใหญ่รายย่อย
- เจ๋ง ดอกจิก กับ กี้ร์ อริสมันต์ ถูกเบิกขึ้นศาลคดีก่อการร้าย
ก็ตามที่จตุพรเคยพูดบ่อยๆนั่นแหละ เกิดเป็นเสื้อแดง ไม่ตายก็ติดคุก ก็ได้ตามที่หวังสมพรปากแล้ว
เสรีภาพมีไว้พุ่งชน (ขวิด)
##################################
เรื่องน้องเมย
.
คือกองทัพดันไปทำเป็นเรื่องสถาบัน เปรียบเทียบให้เห็นภาพ เหมือนรุ่นพี่รับน้องโหด แล้วรุ่นน้องเสียชีวิต แทนที่สถานศึกษาจะไปเอารุ่นพี่มาลงโทษ ดันไปมองว่าผู้ปกครองกำลังมีเรื่องกับตัวสถานศึกษา ซึ่งมันไปคนละเรื่องกันเลย แล้วที่บิ๊กป้อมให้สัมภาษณ์ "ผมก็เคยโดนซ่อมมา ไม่เห็นเป็นไรเลย" มันมีผลมั๊ย ? มีนะ เหมือนรมว.ศึกษาไปให้สัมภาษณ์ให้ท้าย ตัวผอ. ตัวอาจารย์มันก็ไม่อยากมีเรื่องให้กระทบกับตัวเองอยู่แล้ว มันก็เลยยิ่งปกป้องตัวเอง ที่คนบอกรุ่นพี่เป็นลูกหลาน VIP อันนั้นเราไม่รู้ (อย่าไปคาดเดา) คือมันเป็นใครก็ยังไม่รู้ แต่พอตัวสถานศึกษาทำแบบนี้ ตัวรุ่นพี่มันก็เลยโดนปกป้องไปด้วย
สุดท้ายก็ต้องไปพิสูจน์ความจริงกันด้วยกระบวนการทางศาล ใครผิดใครถูกก็ว่ากันตามหลักฐาน
########################################
นาฬิกาหรูของบิ๊กป้อม ถ้าแจงที่มาไม่สมเหตุสมผลก็รอดยาก แต่จะโดนสอยเมื่อไหร่ว่ากันอีกที อาจจะโดนสอยตามหลังหลังออกจากตำแหน่งไปแล้ว ?
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำพิพากษา "คดีจำนำข้าว " ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฉบับเต็ม 68 หน้า
######################################
- หมวดเจี๊ยบโดนพ.ร.บ.คอมพ์
- ทนายอานนท์โดนหมิ่นศาล กับพ.ร.บ.คอมพ์
- จตุพรโดนคดีหมิ่นอภิสิทธิ์ หาว่าเป็นฆาตกรสั่งฆ่าประชาชน อันนี้น่าจะโดนตามมาอีกหลายคนทั้งรายใหญ่รายย่อย
- เจ๋ง ดอกจิก กับ กี้ร์ อริสมันต์ ถูกเบิกขึ้นศาลคดีก่อการร้าย
ก็ตามที่จตุพรเคยพูดบ่อยๆนั่นแหละ เกิดเป็นเสื้อแดง ไม่ตายก็ติดคุก ก็ได้ตามที่หวังสมพรปากแล้ว
เสรีภาพมีไว้พุ่งชน (ขวิด)
##################################
เรื่องน้องเมย
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม (สนว.ยธ.) ชี้แจงถึงการส่งอวัยวะภายในของ "น้องเมย " กลับไปตรวจที่ รพ.รามาธิบดีว่า ผลการชันสูตรแบ่งเป็น 2 ส่วน ผลการชันสูตรสภาพภายนอก และบาดแผลตามร่างกาย ซึ่งสถาบันฯ ได้ส่งผลชันสูตรศพกลับไปให้พนักงานสอบสวนและญาติแล้ว ส่วนการตรวจอวัยวะภายใน ได้ทำการตรวจ DNA แล้วถึง 3 ครั้ง แต่ไม่สามารถสกัด DNA ในอวัยวะที่แช่ในน้ำยาดองศพ " Formalin " มาเป็นเวลานานได้
เพื่อความมั่นใจ ได้ส่ง ไปที่ รพ.รามาธิบดี เพื่อให้ตรวจยืนยันอีกครั้งว่า เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์รูปแบบ สารพันธุกรรมจึงกระทำได้ยาก จำเป็นต้องใช้น้ำยาสกัดสารพันธุกรรมแบบพิเศษ Formalin – Fixed Paraffin – embeded (FFPE) และต้องดำเนินการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ ซึ่งผลการตรวจจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
ครอบครัวน้องเมย ตั้งข้อสงสัยประเด็น เลือดคั่งในตับ-ม้าม ไม่มีการเปิดเผย “ไม่มีการพูดถึง” ในผลชันสูตรจากสถาบันพยาธิวิทยา รพ.พระมงกุฎฯ ที่นำอวัยวะภายในไปผ่านพิสูจน์ครั้งแรก ซึ่งทางครอบครัวต้องการคำตอบว่า ภาวะเลือดคั่งเกิดขึ้นที่อวัยวะภายใน ที่ห่างจากจุดที่ CPR นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร
เพื่อความมั่นใจ ได้ส่ง ไปที่ รพ.รามาธิบดี เพื่อให้ตรวจยืนยันอีกครั้งว่า เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์รูปแบบ สารพันธุกรรมจึงกระทำได้ยาก จำเป็นต้องใช้น้ำยาสกัดสารพันธุกรรมแบบพิเศษ Formalin – Fixed Paraffin – embeded (FFPE) และต้องดำเนินการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ ซึ่งผลการตรวจจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
ครอบครัวน้องเมย ตั้งข้อสงสัยประเด็น เลือดคั่งในตับ-ม้าม ไม่มีการเปิดเผย “ไม่มีการพูดถึง” ในผลชันสูตรจากสถาบันพยาธิวิทยา รพ.พระมงกุฎฯ ที่นำอวัยวะภายในไปผ่านพิสูจน์ครั้งแรก ซึ่งทางครอบครัวต้องการคำตอบว่า ภาวะเลือดคั่งเกิดขึ้นที่อวัยวะภายใน ที่ห่างจากจุดที่ CPR นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร
.
คือกองทัพดันไปทำเป็นเรื่องสถาบัน เปรียบเทียบให้เห็นภาพ เหมือนรุ่นพี่รับน้องโหด แล้วรุ่นน้องเสียชีวิต แทนที่สถานศึกษาจะไปเอารุ่นพี่มาลงโทษ ดันไปมองว่าผู้ปกครองกำลังมีเรื่องกับตัวสถานศึกษา ซึ่งมันไปคนละเรื่องกันเลย แล้วที่บิ๊กป้อมให้สัมภาษณ์ "ผมก็เคยโดนซ่อมมา ไม่เห็นเป็นไรเลย" มันมีผลมั๊ย ? มีนะ เหมือนรมว.ศึกษาไปให้สัมภาษณ์ให้ท้าย ตัวผอ. ตัวอาจารย์มันก็ไม่อยากมีเรื่องให้กระทบกับตัวเองอยู่แล้ว มันก็เลยยิ่งปกป้องตัวเอง ที่คนบอกรุ่นพี่เป็นลูกหลาน VIP อันนั้นเราไม่รู้ (อย่าไปคาดเดา) คือมันเป็นใครก็ยังไม่รู้ แต่พอตัวสถานศึกษาทำแบบนี้ ตัวรุ่นพี่มันก็เลยโดนปกป้องไปด้วย
สุดท้ายก็ต้องไปพิสูจน์ความจริงกันด้วยกระบวนการทางศาล ใครผิดใครถูกก็ว่ากันตามหลักฐาน
########################################
นาฬิกาหรูของบิ๊กป้อม ถ้าแจงที่มาไม่สมเหตุสมผลก็รอดยาก แต่จะโดนสอยเมื่อไหร่ว่ากันอีกที อาจจะโดนสอยตามหลังหลังออกจากตำแหน่งไปแล้ว ?
นาฬิกาหรู Richard Mille ทำให้ นาย Setya Novanto อดีตประธานรัฐสภาอินโดนีเซีย ถูกตั้งข้อหารับสินบน เพื่อผ่านงบประมาณของรัฐในโครงการบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่าราว 233.6 ล้านบาท เมื่อปี 2552 ซึ่งอาจโดนคุกตลอดชีวิต
# Fri 15 Dec 2017 : 1:15PM
เห็นผลงาน รบ ชุดนี้แล้วผมรักประเทศชาติมากๆ อยากเป็นทหารรับใช้ชาติ
Like : kirari
# Fri 15 Dec 2017 : 1:44PM
[Link]
เวทีเสวนาแสดงความคับข้องใจ อัยการจังหวัดแม่ฮ่องสอนสั่งไม่ฟ้อง “ตำรวจ-ข้าราชการ” ซื้อกามเด็ก “แก๊งนกฮูก”
ชี้หลักฐานชัดเข้าข่ายรุมโทรม แต่เห็นแบบนี้สิ้นหวัง ด้านอัยการสูงสุดแจงสำนวนคดีมาถึงแล้ว กำลังดูเอกสารอย่างละเอียด
เป็นคนมีสีบ้านเรานี่ดีจริงๆ
เวทีเสวนาแสดงความคับข้องใจ อัยการจังหวัดแม่ฮ่องสอนสั่งไม่ฟ้อง “ตำรวจ-ข้าราชการ” ซื้อกามเด็ก “แก๊งนกฮูก”
ชี้หลักฐานชัดเข้าข่ายรุมโทรม แต่เห็นแบบนี้สิ้นหวัง ด้านอัยการสูงสุดแจงสำนวนคดีมาถึงแล้ว กำลังดูเอกสารอย่างละเอียด
เป็นคนมีสีบ้านเรานี่ดีจริงๆ
[Edited 1 times Amail - Last Edit 2017-12-15 13:44:54]
# Sat 16 Dec 2017 : 3:45PM
ถามแบบโง่ ๆ หน่อย เท่าที่อ่านข่าวเกี่ยวกับรัฐบาลแต่ละอย่างช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมานี้
comment ใน facebook youtube เป็นไปในแนวติดลบตลอด
ขนาดมีข่าวนายกให้เจ้าหน้าที่ดูแลน้ำท่วมก็ยัง dislike บาน
แล้วถ้าบิ๊กตู่ไปตั้งพรรคการเมืองจริงแล้วแบบนี้จะไปชนะการเลือกตั้งได้ไง ?
comment ใน facebook youtube เป็นไปในแนวติดลบตลอด
ขนาดมีข่าวนายกให้เจ้าหน้าที่ดูแลน้ำท่วมก็ยัง dislike บาน
แล้วถ้าบิ๊กตู่ไปตั้งพรรคการเมืองจริงแล้วแบบนี้จะไปชนะการเลือกตั้งได้ไง ?
Like : "MnemoniC"
View all 5 comments >
Sat 16 Dec 2017 : 9:50PM
คะแนน สว ลากตั้งไงครับ มีฟรีๆ 200 เสียง แถมอำนาจบานอีก
ยังไงๆ นายก เลือกตั้งสมัยหน้า ถ้ามีนะ ก็ลุงตู่ แน่นอนครับ
ยกเว้น พรรคแมงสบ ไปจับมือกะพรรค เผาไทย
ยังไงๆ นายก เลือกตั้งสมัยหน้า ถ้ามีนะ ก็ลุงตู่ แน่นอนครับ
ยกเว้น พรรคแมงสบ ไปจับมือกะพรรค เผาไทย
Like : kirari
Sun 17 Dec 2017 : 9:49AM
ตามที่ข้างบนบอก
เขาวางหมากไว้หมดแล้วครับ
ประวัติศาสตร์ก็มีอยู่
เขาวางหมากไว้หมดแล้วครับ
ประวัติศาสตร์ก็มีอยู่
Mon 18 Dec 2017 : 12:11PM
กลไกมันถูกออกแบบมาให้นักการเมืองเป็นเบี้ยทหาร ถึงสาระแก่นสารของรัฐธรรมนูญจะให้สิทธิ์ประชาชนมากขึ้น ประเด็นมันอยู่ที่ตรงประชาชนมีอำนาจมากขึ้น บทบาทการต่อรองของภาคนักการเมืองกับรัฐบาลเก่า(คสช.) เกิดช่องว่างเพิ่มมากขึ้นจากอำนาจของประชาชน เพราะตอนนี้ประชาชนโดน คสช.ครอบกะลาไว้ใบหนึ่ง อีกใบหนึ่งเปิดทางเลือกให้ฝ่ายที่ตัวเองไม่ชอบ ฉะนั้นจึงมีทางเลือกไม่มาก
สรุป เลือกตั้งยังไงกี่อีกสิบปีทหารก็ต้องมีบทบาทเหมือนเดิม แค่ตอนนี้ทางเลือกประชาชนนอกจากบิ๊กตู่แล้ว ก็ไม่มีใครแล้วครับ
สรุป เลือกตั้งยังไงกี่อีกสิบปีทหารก็ต้องมีบทบาทเหมือนเดิม แค่ตอนนี้ทางเลือกประชาชนนอกจากบิ๊กตู่แล้ว ก็ไม่มีใครแล้วครับ
[Edited 1 times "MnemoniC" - Last Edit 2017-12-18 13:05:10]
Tue 19 Dec 2017 : 8:13PM
ผมว่าลุงไม่ได้อยากต่อนะ...
แค่กำลังแผ้วถาง จัดที่จัดทาง
หาทางลงแบบปลอดภัย
แค่กำลังแผ้วถาง จัดที่จัดทาง
หาทางลงแบบปลอดภัย
Like : "MnemoniC"
# Mon 18 Dec 2017 : 6:31AM
รุ้ว่า ลุงป้อมแกพูดอะไรเชื่อยาก
แต่ล่ะเพจ เล่นมุกล้อบิ๊กป้อม ด้วยเรื่องคนตาย ผมว่ามันไม่น่าจะถูกนะ
เฮฮา กันใหญ่ คือถ้าเพื่อนตายจริงๆมันไม่น่าเอามาล้อนะ
แต่ล่ะเพจ เล่นมุกล้อบิ๊กป้อม ด้วยเรื่องคนตาย ผมว่ามันไม่น่าจะถูกนะ
เฮฮา กันใหญ่ คือถ้าเพื่อนตายจริงๆมันไม่น่าเอามาล้อนะ
Like : Gg™
View all 18 comments >
Mon 18 Dec 2017 : 2:31PM
ก็เหมือนไม่ได้ล้อตัวคนตายมั้ง เพราะคนไหนยังไม่รู้เลย(หรือรู้วะ 555) แต่ล้อพฤติกรรมที่อ้างคนตายกันมากกว่า
Mon 18 Dec 2017 : 3:21PM
เศรษฐีรวยระดับให้ยืมนาฬิกาเรือนละล้านใส่เล่นได้เสียชีวิตแต่ไม่มีข่าวออก
Mon 18 Dec 2017 : 4:23PM
GrooVe wrote:
เศรษฐีรวยระดับให้ยืมนาฬิกาเรือนละล้านใส่เล่นได้เสียชีวิตแต่ไม่มีข่าวออก
เศรษฐีเยอะแยะทีไม่เคยออกข่าว มันอยู่ที่ว่าเขาต้องการออกสื่อรึป่าว ถ้าเราไม่ไปนั่งกูเกิ้ลหาบริษัทใครเจ้าของ
คนเสียถ้าญาติพี่น้องเขาไม่ต้องการจะเป็นข่าว ปกติมาก นะ
ถ้าจะจับผิด ลุงป้อม ด้วยประเด็นนี้ผมว่ามันอ่อนไปนะเพื่อนรวยตายไม่เห็นมีข่าว
เอาจริงผมว่า ประเด็น เพื่อนยืมนาฬิกาเป็นล้านผมก็ว่าประเด็นมันอ่อนไปเหมือนกัน มันจะคิดให้เข้าข้างตัวเองว่าเป็นตูนะไม่ให้ยืมหรอก มันคือเราคิดเอาเองไม่ใช่เขาคิด
อาจจะเรื่องจริง รึ ลุงแกตอแหลก็ได้ ที่แน่ๆตอนนี้ลุงแกมันชั่วตั้งแต่แดกคาเวียและต้องตอแหลแน่ๆ คิดแบบนี้กันไง 55555
Mon 18 Dec 2017 : 5:26PM
เพื่อนตายก็ควรจะคืนให้ครอบครัวเขาหรือเปล่า ไม่ใช่เอามาใส่เล่น
หรือเพื่อนตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัวอีก
หรือเพื่อนตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัวอีก
[Edited 1 times rum - Last Edit 2017-12-18 17:27:16]
Mon 18 Dec 2017 : 5:37PM
Ramza wrote:
GrooVe wrote:
เศรษฐีรวยระดับให้ยืมนาฬิกาเรือนละล้านใส่เล่นได้เสียชีวิตแต่ไม่มีข่าวออก
เศรษฐีเยอะแยะทีไม่เคยออกข่าว มันอยู่ที่ว่าเขาต้องการออกสื่อรึป่าว ถ้าเราไม่ไปนั่งกูเกิ้ลหาบริษัทใครเจ้าของ
คนเสียถ้าญาติพี่น้องเขาไม่ต้องการจะเป็นข่าว ปกติมาก นะ
ถ้าจะจับผิด ลุงป้อม ด้วยประเด็นนี้ผมว่ามันอ่อนไปนะเพื่อนรวยตายไม่เห็นมีข่าว
เอาจริงผมว่า ประเด็น เพื่อนยืมนาฬิกาเป็นล้านผมก็ว่าประเด็นมันอ่อนไปเหมือนกัน มันจะคิดให้เข้าข้างตัวเองว่าเป็นตูนะไม่ให้ยืมหรอก มันคือเราคิดเอาเองไม่ใช่เขาคิด
อาจจะเรื่องจริง รึ ลุงแกตอแหลก็ได้ ที่แน่ๆตอนนี้ลุงแกมันชั่วตั้งแต่แดกคาเวียและต้องตอแหลแน่ๆ คิดแบบนี้กันไง 55555
ลองคิดดูว่ามีคนคอยแซะลุงแกทั้งโซเชียลขนาดนี้ แล้วจู่ๆมาบอกเพื่อนตายละจบนะ น่าจะยิ่งโดนตามหาชื่อว่าเป็นใครเข้าไปใหญ่
ถ้าทุกอย่างมันจะไม่บังเอิ๊ญบังเอิญขนาดนี้ก็คงไม่มีใครไปจับผิดแกหรอก
[Edited 1 times GrooVe - Last Edit 2017-12-18 17:38:14]
Mon 18 Dec 2017 : 6:54PM
rum wrote:
เพื่อนตายก็ควรจะคืนให้ครอบครัวเขาหรือเปล่า ไม่ใช่เอามาใส่เล่น
หรือเพื่อนตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัวอีก
หรือเพื่อนตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัวอีก
อันนั้นมันเหตุผลเราคิดเองหนิ เราไม่ได้ไปอยู่กับแกตลอดเวลาหนิ
ถ้าที่แกบอกเป็นเรื่องจริง มันก็มีเหตุผลของเขาได้อยู่แล้ว
ก็เข้าใจอยู่นะว่าเกลียดมาก ผมเผื่อใจความเป็นไปได้อื่นๆด้วย และยิ่งเอาเรื่องแบบนี้มาล้อถ้าเป็นเรืาองจริงขึ้นมานี่ แย่เลยนะ 5555
Mon 18 Dec 2017 : 7:12PM
GrooVe wrote:
Ramza wrote:
GrooVe wrote:
เศรษฐีรวยระดับให้ยืมนาฬิกาเรือนละล้านใส่เล่นได้เสียชีวิตแต่ไม่มีข่าวออก
เศรษฐีเยอะแยะทีไม่เคยออกข่าว มันอยู่ที่ว่าเขาต้องการออกสื่อรึป่าว ถ้าเราไม่ไปนั่งกูเกิ้ลหาบริษัทใครเจ้าของ
คนเสียถ้าญาติพี่น้องเขาไม่ต้องการจะเป็นข่าว ปกติมาก นะ
ถ้าจะจับผิด ลุงป้อม ด้วยประเด็นนี้ผมว่ามันอ่อนไปนะเพื่อนรวยตายไม่เห็นมีข่าว
เอาจริงผมว่า ประเด็น เพื่อนยืมนาฬิกาเป็นล้านผมก็ว่าประเด็นมันอ่อนไปเหมือนกัน มันจะคิดให้เข้าข้างตัวเองว่าเป็นตูนะไม่ให้ยืมหรอก มันคือเราคิดเอาเองไม่ใช่เขาคิด
อาจจะเรื่องจริง รึ ลุงแกตอแหลก็ได้ ที่แน่ๆตอนนี้ลุงแกมันชั่วตั้งแต่แดกคาเวียและต้องตอแหลแน่ๆ คิดแบบนี้กันไง 55555
ลองคิดดูว่ามีคนคอยแซะลุงแกทั้งโซเชียลขนาดนี้ แล้วจู่ๆมาบอกเพื่อนตายละจบนะ น่าจะยิ่งโดนตามหาชื่อว่าเป็นใครเข้าไปใหญ่
ถ้าทุกอย่างมันจะไม่บังเอิ๊ญบังเอิญขนาดนี้ก็คงไม่มีใครไปจับผิดแกหรอก
แกโดนจับผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว มันถึงได้มีประเด็นว่าใส่นาฬิกาอะไร แหวนอะไร เริ่มมาจากข่าวที่แชร์ว่าคนนั้นคนนี้มีทรัพย์สินอะไรบ้าง รถฟอร์ดแสนกว่านั่นน่ะ
คือประเด็นมันเอาผิดยากอยู่แล้วลักษณะนี้มันต้องจับได้คาหนังคาเขาถึงจะอยู่ คือ ถ้าลุงแกบอกแต่แรกว่าของเพื่อนแต่เพื่อนตายไปแล้วเมื่อไม่นานนี้ในทีเดียว ผลก็ไม่ต่างอะไรกับตอนนี้อยู่ดี ก็แค่รวบรัดตัดตอนให้คนด่าประเด็นนี้เร็วขึ้นเฉยๆ
ภาพต่อไปที่ผมเดาไว้ได้เลยคือ ปปช ซวยแน่ๆ คือมีคำตอบให้คนที่ด่าได้คำตอบเดียวคือ พบว่าลุงป้อมโกงมา ถ้าลุงป้อมไม่ผิด ปปช โดนด่าล้าน%
Like : Bergkamp, Exodist
Mon 18 Dec 2017 : 8:16PM
Ramza wrote:
rum wrote:
เพื่อนตายก็ควรจะคืนให้ครอบครัวเขาหรือเปล่า ไม่ใช่เอามาใส่เล่น
หรือเพื่อนตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัวอีก
หรือเพื่อนตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัวอีก
อันนั้นมันเหตุผลเราคิดเองหนิ เราไม่ได้ไปอยู่กับแกตลอดเวลาหนิ
ถ้าที่แกบอกเป็นเรื่องจริง มันก็มีเหตุผลของเขาได้อยู่แล้ว
ก็เข้าใจอยู่นะว่าเกลียดมาก ผมเผื่อใจความเป็นไปได้อื่นๆด้วย และยิ่งเอาเรื่องแบบนี้มาล้อถ้าเป็นเรืาองจริงขึ้นมานี่ แย่เลยนะ 5555
ไม่ได้คิดเองครับ เป็นเหตุผลที่คนปกติเขาทำกันถ้ามันเป็นเรื่องจริง
แล้วก็ไม่ได้เกลียดมากมายอะไร แค่สมเพชมากกว่า แล้วก็ไม่คิดว่าจะมีคนชอบแกและเชื่อเรื่องนี้จนมาแก้ตัวแทนได้ขนาดนี้
Mon 18 Dec 2017 : 8:54PM
ว่าแล้วต้องมามุขนี้ นี่ไงคิดเอง 555555
เผื่อใจกันเงิบออกตัวเบาๆกันไว้หน่อยก็ได้บทเรียนไม่ใช่ไม่เคยมีกัน
มาช่วยเบรกไม่อยากให้รีบออกตัวแรงกัน อคติสุดโต่งในเรื่องอะไรที่มันก็มีโอกาสจะพลิกคนล่ะเรื่องได้
ว่าแต่ผมเม้นเรื่องเอาคนตาย มาประเด็นล้อเลียน ทำไมดันโดนว่าเลียไปได้ล่ะเนี่ย 5555555
เผื่อใจกันเงิบออกตัวเบาๆกันไว้หน่อยก็ได้บทเรียนไม่ใช่ไม่เคยมีกัน
มาช่วยเบรกไม่อยากให้รีบออกตัวแรงกัน อคติสุดโต่งในเรื่องอะไรที่มันก็มีโอกาสจะพลิกคนล่ะเรื่องได้
ว่าแต่ผมเม้นเรื่องเอาคนตาย มาประเด็นล้อเลียน ทำไมดันโดนว่าเลียไปได้ล่ะเนี่ย 5555555
[Edited 1 times Ramza - Last Edit 2017-12-18 20:55:15]
Mon 18 Dec 2017 : 8:54PM
Ramza wrote:
GrooVe wrote:
Ramza wrote:
GrooVe wrote:
เศรษฐีรวยระดับให้ยืมนาฬิกาเรือนละล้านใส่เล่นได้เสียชีวิตแต่ไม่มีข่าวออก
เศรษฐีเยอะแยะทีไม่เคยออกข่าว มันอยู่ที่ว่าเขาต้องการออกสื่อรึป่าว ถ้าเราไม่ไปนั่งกูเกิ้ลหาบริษัทใครเจ้าของ
คนเสียถ้าญาติพี่น้องเขาไม่ต้องการจะเป็นข่าว ปกติมาก นะ
ถ้าจะจับผิด ลุงป้อม ด้วยประเด็นนี้ผมว่ามันอ่อนไปนะเพื่อนรวยตายไม่เห็นมีข่าว
เอาจริงผมว่า ประเด็น เพื่อนยืมนาฬิกาเป็นล้านผมก็ว่าประเด็นมันอ่อนไปเหมือนกัน มันจะคิดให้เข้าข้างตัวเองว่าเป็นตูนะไม่ให้ยืมหรอก มันคือเราคิดเอาเองไม่ใช่เขาคิด
อาจจะเรื่องจริง รึ ลุงแกตอแหลก็ได้ ที่แน่ๆตอนนี้ลุงแกมันชั่วตั้งแต่แดกคาเวียและต้องตอแหลแน่ๆ คิดแบบนี้กันไง 55555
ลองคิดดูว่ามีคนคอยแซะลุงแกทั้งโซเชียลขนาดนี้ แล้วจู่ๆมาบอกเพื่อนตายละจบนะ น่าจะยิ่งโดนตามหาชื่อว่าเป็นใครเข้าไปใหญ่
ถ้าทุกอย่างมันจะไม่บังเอิ๊ญบังเอิญขนาดนี้ก็คงไม่มีใครไปจับผิดแกหรอก
แกโดนจับผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว มันถึงได้มีประเด็นว่าใส่นาฬิกาอะไร แหวนอะไร เริ่มมาจากข่าวที่แชร์ว่าคนนั้นคนนี้มีทรัพย์สินอะไรบ้าง รถฟอร์ดแสนกว่านั่นน่ะ
คือประเด็นมันเอาผิดยากอยู่แล้วลักษณะนี้มันต้องจับได้คาหนังคาเขาถึงจะอยู่ คือ ถ้าลุงแกบอกแต่แรกว่าของเพื่อนแต่เพื่อนตายไปแล้วเมื่อไม่นานนี้ในทีเดียว ผลก็ไม่ต่างอะไรกับตอนนี้อยู่ดี ก็แค่รวบรัดตัดตอนให้คนด่าประเด็นนี้เร็วขึ้นเฉยๆ
ภาพต่อไปที่ผมเดาไว้ได้เลยคือ ปปช ซวยแน่ๆ คือมีคำตอบให้คนที่ด่าได้คำตอบเดียวคือ พบว่าลุงป้อมโกงมา ถ้าลุงป้อมไม่ผิด ปปช โดนด่าล้าน%
ยิ่งพิสูจน์ยากยิ่งหาคำตอบไม่ได้แล้วมาบังคับจบ มันจะยิ่งสร้างความเคลือบแคลงในใจประชาชนมากกว่าเดิมนะ
Mon 18 Dec 2017 : 9:09PM
สำหรับบิ๊กป้อมมันจบยากอยู่แล้วครับ คนจดจ่ออยู่กับประเด็นนี้
เพราะเรื่องนี้ นาฬิกา รึแม้แต่ แหวน มันเป็นของที่คนมองว่า บิ๊กมันต้องไม่มีทางมีแน่นอน(คนโยงกับเรื่องทรัพสินที่ข่าวมาก่อนหน้า) ต่อให้มันมีความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะมีได้ในหลายๆประการ ไม่ว่าความน่าจะเป็นมากรึน้อยก็ตาม
ผมถึงบอกว่าโอกาสเอาผิดเหรอยากซะเหลือเกิน มันไม่เหมือนการถ่ายโอนเงินเป็นตัวเลข รึขนย้ายเงินรึทอง
สมมุติต่อให้มีชื่อเจ้าของตัวจริง คนก็มองว่ามันเตี๊ยมกันได้อยู่ดี และผมก็มองอยู่แล้วว่าเรื่องนี้เตี๊ยมกันได้แต่แรกอยู่แล้ว แถมเพราะแกพูดอะไรไม่ค่อยชอบคิดเตอบให้พ้นๆตัวส่งๆบ่อยๆ ขนาดเรื่องไม่ใช่เรื่องแกยังปากพาจนบ่อยๆ อย่างนี่ก็ปากเสียเรื่องน้องเมย โง๊โง่ชนาดเรื่องที่ตัวเองไม่เกี่ยวไม่รู้ยังพูดแบบนั้นไปได้
เพราะเรื่องนี้ นาฬิกา รึแม้แต่ แหวน มันเป็นของที่คนมองว่า บิ๊กมันต้องไม่มีทางมีแน่นอน(คนโยงกับเรื่องทรัพสินที่ข่าวมาก่อนหน้า) ต่อให้มันมีความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะมีได้ในหลายๆประการ ไม่ว่าความน่าจะเป็นมากรึน้อยก็ตาม
ผมถึงบอกว่าโอกาสเอาผิดเหรอยากซะเหลือเกิน มันไม่เหมือนการถ่ายโอนเงินเป็นตัวเลข รึขนย้ายเงินรึทอง
สมมุติต่อให้มีชื่อเจ้าของตัวจริง คนก็มองว่ามันเตี๊ยมกันได้อยู่ดี และผมก็มองอยู่แล้วว่าเรื่องนี้เตี๊ยมกันได้แต่แรกอยู่แล้ว แถมเพราะแกพูดอะไรไม่ค่อยชอบคิดเตอบให้พ้นๆตัวส่งๆบ่อยๆ ขนาดเรื่องไม่ใช่เรื่องแกยังปากพาจนบ่อยๆ อย่างนี่ก็ปากเสียเรื่องน้องเมย โง๊โง่ชนาดเรื่องที่ตัวเองไม่เกี่ยวไม่รู้ยังพูดแบบนั้นไปได้
Mon 18 Dec 2017 : 11:28PM
[LMD wrote:
Mozart;2331809]ก็เหมือนไม่ได้ล้อตัวคนตายมั้ง เพราะคนไหนยังไม่รู้เลย(หรือรู้วะ 555) แต่ล้อพฤติกรรมที่อ้างคนตายกันมากกว่า
ตามนั้น มันจะล้อคนตายได้ไงครับ มันล้อบิ๊กป้อมตรงๆเลยครับ มันไม่ได้ล้อนายa, b, c ที่เป็นคนตาย
Mon 18 Dec 2017 : 11:35PM
เห็นด้วยเรื่อง ปปช.
ตอนนี้ธงของสังคมมันปักไว้ที่โกงมาสถานเดียว ออกหน้าอื่นโดนด่าเละ ต่อให้ข้อเท็จจริงจะเป็นยังไงก็เถอะ
แต่ส่วนตัวผมก็ว่าแกตอแหลนั่นแหละ เพียงแต่ปกติอยู่ในค่ายมีแต่คนคอย ครับผม ครับท่าน พูดอะไรก็ถูกไปหมด
สมองเลยไม่ชินกับการคิดเหตุผลที่มันใช้ต้องเซลล์สมองกลั่นกรอง พอออกมาโลกแห่งความเป็นจริงมันเลยน่าสมเพสอย่างที่เห็น
ตอนนี้ธงของสังคมมันปักไว้ที่โกงมาสถานเดียว ออกหน้าอื่นโดนด่าเละ ต่อให้ข้อเท็จจริงจะเป็นยังไงก็เถอะ
แต่ส่วนตัวผมก็ว่าแกตอแหลนั่นแหละ เพียงแต่ปกติอยู่ในค่ายมีแต่คนคอย ครับผม ครับท่าน พูดอะไรก็ถูกไปหมด
สมองเลยไม่ชินกับการคิดเหตุผลที่มันใช้ต้องเซลล์สมองกลั่นกรอง พอออกมาโลกแห่งความเป็นจริงมันเลยน่าสมเพสอย่างที่เห็น
Like : Ramza
Tue 19 Dec 2017 : 6:38PM
ตอนนี้เห็นรูปบิ๊กป้อมกับนาฬิกา 2-3 เรือนเข้าไปแล้วแพงๆทั้งนั้น
แล้วจับผิดประเด็นนี้ไม่ได้อ่อนไปหรอก น่าสนใจด้วยซ้ำไป
เพราะกรณีนี้จะเป็นบรรทัดฐานต่อไปของนักการเมืองและข้าราชการได้เลย
ปีที่แล้วยังเห็น ปปช. ออกมาบอกว่าเจ้าหน้าที่รัฐรับของขวัญเกิน 3000 บาทไม่ได้
แต่ถ้ามุขยืมเพื่อนมันเวิร์คผ่าน ปปช. ไปได้ ไม่ผิดไม่มีขยายผลอะไรต่อ
คราวนี้สนุกเลยต่อไปคงได้ยืมเพื่อนกันรัวๆ
แล้วจับผิดประเด็นนี้ไม่ได้อ่อนไปหรอก น่าสนใจด้วยซ้ำไป
เพราะกรณีนี้จะเป็นบรรทัดฐานต่อไปของนักการเมืองและข้าราชการได้เลย
ปีที่แล้วยังเห็น ปปช. ออกมาบอกว่าเจ้าหน้าที่รัฐรับของขวัญเกิน 3000 บาทไม่ได้
แต่ถ้ามุขยืมเพื่อนมันเวิร์คผ่าน ปปช. ไปได้ ไม่ผิดไม่มีขยายผลอะไรต่อ
คราวนี้สนุกเลยต่อไปคงได้ยืมเพื่อนกันรัวๆ
Tue 19 Dec 2017 : 7:11PM
ประเด็นมันอ่อนเพราะมันยากที่จะเรื่องด้วยนาฬิกาไงครับ
ปัญหามันอยู่ว่า ก่อนนี้เขาตีกรอบว่าได้แค่ไหน ห้ามส่วมใส่เครื่องประดับของคนอื่นเลยไหม รึถึงขนาดผู้ดำรงตำแหน่งห้ามไปไหนมาไหนกะบุคคลนอกสภาเลยต้องขนาดนั้นเลยไหม
มันมีช่องว่าง ให้เขาเอาตัวรอดได้อยู่ไงที่ผมจะบอก และที่สำคัญประเด็นมันยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงแล้วว่าแหลไม่แหลแต่คนเขามีธงไว้แล้วนี่แหละอีกปัญหาของสังคมบ้านเราเลยล่ะ
ถ้าหลังจากนี้ รึว่ามีกรอบอยู่แล้ว คงไม่มีทางมายืมกันรัวๆได้หรอกครับ อะไรๆมันต้องชัดเจนแต่แรกถ้าระเบียบมันชัดแต่แรก บิ๊กป้อมโดนไปตั้งแค่มีรูปแล้ว
คนที่หนักใจที่สุดคือ ปปช. ต้องออกแอคชั่นให้ถูกใจคนด่ามากกว่าเรื่องอื่นแม้แต่ข้อเท็จจริง ถึงจะรอดตัว
ปัญหามันอยู่ว่า ก่อนนี้เขาตีกรอบว่าได้แค่ไหน ห้ามส่วมใส่เครื่องประดับของคนอื่นเลยไหม รึถึงขนาดผู้ดำรงตำแหน่งห้ามไปไหนมาไหนกะบุคคลนอกสภาเลยต้องขนาดนั้นเลยไหม
มันมีช่องว่าง ให้เขาเอาตัวรอดได้อยู่ไงที่ผมจะบอก และที่สำคัญประเด็นมันยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงแล้วว่าแหลไม่แหลแต่คนเขามีธงไว้แล้วนี่แหละอีกปัญหาของสังคมบ้านเราเลยล่ะ
ถ้าหลังจากนี้ รึว่ามีกรอบอยู่แล้ว คงไม่มีทางมายืมกันรัวๆได้หรอกครับ อะไรๆมันต้องชัดเจนแต่แรกถ้าระเบียบมันชัดแต่แรก บิ๊กป้อมโดนไปตั้งแค่มีรูปแล้ว
คนที่หนักใจที่สุดคือ ปปช. ต้องออกแอคชั่นให้ถูกใจคนด่ามากกว่าเรื่องอื่นแม้แต่ข้อเท็จจริง ถึงจะรอดตัว
Tue 19 Dec 2017 : 7:46PM
เรื่องนี้มีมาตรา 103 มีกรอบกำหนดไว้อยู่แล้ว
ว่า "ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล"
กฏบังคับใช้กับเจ้าหน้าที่รัฐทุกตำแหน่ง
คือถ้าจะรับจากคนอื่นถ้าไม่ใช้จากญาติ (เช่น พ่อแม่) ต้องไม่เกิน 3000
(แล้วจริงๆ ถึงจะรับจากญาติ ก็ต้องอยู่ในมูลค่าที่เหมาะสมด้วย)
อีกกรณีคือรับของกำนัล เช่น ไปซื้อตู้เย็นแล้วมีการแถมหม้อหุงข้าว (ซึ่งเป็นการแถมให้กับทุกบุคคลทั่วไปที่ซื้อ)
แบบนี้ก็อนุโลมได้
ในมาตรา 103 ใช้คำว่า "รับทรัพย์สิน" และ "ประโยชน์อื่นใด"
กรณีของบิ๊กป้อมที่อ้างว่า "ยืมเพื่อน" ตรงนี้แหละที่น่าสนใจ
เพราะถ้าไม่เข้าข่าย "รับทรัพย์สิน" แต่อาจจะเข้าข่าย "ประโยชน์อื่นใด"
อย่างที่บอกถ้ากรณี "ยืมเพื่อน" ไม่ผิด จะเป็นช่องทางให้กับคนอื่นๆใช้แนวนี้ได้เลย
ยืมไอโฟน ยืมรถ ยืมฯลฯ มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว
ว่า "ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล"
กฏบังคับใช้กับเจ้าหน้าที่รัฐทุกตำแหน่ง
คือถ้าจะรับจากคนอื่นถ้าไม่ใช้จากญาติ (เช่น พ่อแม่) ต้องไม่เกิน 3000
(แล้วจริงๆ ถึงจะรับจากญาติ ก็ต้องอยู่ในมูลค่าที่เหมาะสมด้วย)
อีกกรณีคือรับของกำนัล เช่น ไปซื้อตู้เย็นแล้วมีการแถมหม้อหุงข้าว (ซึ่งเป็นการแถมให้กับทุกบุคคลทั่วไปที่ซื้อ)
แบบนี้ก็อนุโลมได้
ในมาตรา 103 ใช้คำว่า "รับทรัพย์สิน" และ "ประโยชน์อื่นใด"
กรณีของบิ๊กป้อมที่อ้างว่า "ยืมเพื่อน" ตรงนี้แหละที่น่าสนใจ
เพราะถ้าไม่เข้าข่าย "รับทรัพย์สิน" แต่อาจจะเข้าข่าย "ประโยชน์อื่นใด"
อย่างที่บอกถ้ากรณี "ยืมเพื่อน" ไม่ผิด จะเป็นช่องทางให้กับคนอื่นๆใช้แนวนี้ได้เลย
ยืมไอโฟน ยืมรถ ยืมฯลฯ มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว
Tue 19 Dec 2017 : 8:09PM
ปัญหาสำหรับ 103 เขาเปิดช่องไว้ให้หน่อยๆแล้ว
"การให้ทรัพย์สินแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องดูว่าการรับทรัพย์สินนั้น ให้โดยธรรมจรรยาหรือไม่ ถ้าไม่ได้ให้โดยธรรมจรรยา เป็นการรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเป็นการส่วนตัว หรือมีราคา หรือมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท เจ้าหน้าที่ของรัฐมีเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องรับเพื่อรักษาไมตรี มิตรภาพหรือความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล ให้รายงานรายละเอียดข้อเท็จจริงให้ผู้บังคับบัญชาทราบโดยเร็ว หากผู้บังคับบัญชาเห็นว่าไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้ยึดถือไว้เป็นประโยชน์ส่วนบุคคล ให้ส่งมอบทรัพย์สินให้หน่วยงานที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นสังกัดอยู่โดยทันที แต่ถ้าเป็นผู้บังคับบัญชา หรือผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ หน่วยงาน หรือสถาบัน หรือองค์กรที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นสังกัด มีคำสั่งว่า ไม่สมควรรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ดังกล่าว ก็ให้คืนทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้นแก่ผู้ให้โดยทันที แต่ถ้าคืนไม่ได้ ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น ส่งมอบทรัพย์สิน หรือประโยชน์ให้เป็นสิทธิ์ของหน่วยงานที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นสังกัดโดยเร็ว"
แต่ผมเห็นด้วยนะ ว่าให้กรณีนี่เป็นบรรทัดฐานก็ดี
"การให้ทรัพย์สินแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องดูว่าการรับทรัพย์สินนั้น ให้โดยธรรมจรรยาหรือไม่ ถ้าไม่ได้ให้โดยธรรมจรรยา เป็นการรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเป็นการส่วนตัว หรือมีราคา หรือมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท เจ้าหน้าที่ของรัฐมีเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องรับเพื่อรักษาไมตรี มิตรภาพหรือความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล ให้รายงานรายละเอียดข้อเท็จจริงให้ผู้บังคับบัญชาทราบโดยเร็ว หากผู้บังคับบัญชาเห็นว่าไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้ยึดถือไว้เป็นประโยชน์ส่วนบุคคล ให้ส่งมอบทรัพย์สินให้หน่วยงานที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นสังกัดอยู่โดยทันที แต่ถ้าเป็นผู้บังคับบัญชา หรือผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ หน่วยงาน หรือสถาบัน หรือองค์กรที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นสังกัด มีคำสั่งว่า ไม่สมควรรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ดังกล่าว ก็ให้คืนทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้นแก่ผู้ให้โดยทันที แต่ถ้าคืนไม่ได้ ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น ส่งมอบทรัพย์สิน หรือประโยชน์ให้เป็นสิทธิ์ของหน่วยงานที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นสังกัดโดยเร็ว"
แต่ผมเห็นด้วยนะ ว่าให้กรณีนี่เป็นบรรทัดฐานก็ดี
Wed 20 Dec 2017 : 11:55AM
ที่ยกมาจะว่าเป็นช่องก็ได้ ก็น่าสนใจ
แต่ก็ยังมีกรอบกำหนดอยู่ ถ้าเอาตามตัวอักษรเลยคือ
ถ้ามีรับทรัพย์สินโดยบอกว่า
"เพื่อรักษาไมตรี มิตรภาพหรือความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล"
ตรงนี้ตามข้อกำหนด คือ
"ให้รายงานรายละเอียดข้อเท็จจริงให้ผู้บังคับบัญชาทราบโดยเร็ว"
คนที่รับทรัพย์สินมา ต้องรายงานเรื่องนี้ และต้องมีคำสั่งตัดสินด้วยว่า
"สมควร" หรือ "ไม่สมควร" รับทรัพย์สิน
สงสัยว่าอย่างกรณีบิ๊กป้อมเนี่ยต้องรายงานใครหว่า จะยืมเพื่อนมาใส่เฉยๆโดยไม่รายงานได้ไหม
แล้วต้องรายงานทุกครั้งไหมเพราะเห็นบิ๊กป้อมนี่ใส่หลายเรือนเลย
กรณีนี้จึงน่าสนใจ เพราะ ปปช. มีการตัดสินอะไรออกมา ก็จะใช้เป็นบรรทัดฐานต่อไปได้เลย
แต่ก็ยังมีกรอบกำหนดอยู่ ถ้าเอาตามตัวอักษรเลยคือ
ถ้ามีรับทรัพย์สินโดยบอกว่า
"เพื่อรักษาไมตรี มิตรภาพหรือความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล"
ตรงนี้ตามข้อกำหนด คือ
"ให้รายงานรายละเอียดข้อเท็จจริงให้ผู้บังคับบัญชาทราบโดยเร็ว"
คนที่รับทรัพย์สินมา ต้องรายงานเรื่องนี้ และต้องมีคำสั่งตัดสินด้วยว่า
"สมควร" หรือ "ไม่สมควร" รับทรัพย์สิน
สงสัยว่าอย่างกรณีบิ๊กป้อมเนี่ยต้องรายงานใครหว่า จะยืมเพื่อนมาใส่เฉยๆโดยไม่รายงานได้ไหม
แล้วต้องรายงานทุกครั้งไหมเพราะเห็นบิ๊กป้อมนี่ใส่หลายเรือนเลย
กรณีนี้จึงน่าสนใจ เพราะ ปปช. มีการตัดสินอะไรออกมา ก็จะใช้เป็นบรรทัดฐานต่อไปได้เลย
# Tue 19 Dec 2017 : 12:05AM
กม.ปปช.ใหม่ เมียนอกสมรสต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินด้วย อันนี้ว่าตามจริงกิ๊กก็ควรต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินด้วย เพราะคนใหญ่คนโตหลายคนก็ชอบให้งานกิ๊ก ให้กิ๊กได้ไปทำโครงการมูลค่าหลายล้าน แต่อย่างว่ามันนิยามคำว่าเมียนอกสมรสยาก
อีกเรื่องคือเซ็ตซีโร่ปปช. เห็นแว๊บๆว่าไม่เซ็ตซีโร่นะ รอดูอีกที แต่ถ้าให้ปปช.ชุดนี้อยู่ต่อจนครบวาระ รบ.งานงอกนะ ผลกระทบจากเรื่องบิ๊กป้อมนั่นแหละ เรียกว่าบิ๊กป้อมส่งผลกระเทือนไปหลายเรื่องเลย
อีกเรื่องคือเซ็ตซีโร่ปปช. เห็นแว๊บๆว่าไม่เซ็ตซีโร่นะ รอดูอีกที แต่ถ้าให้ปปช.ชุดนี้อยู่ต่อจนครบวาระ รบ.งานงอกนะ ผลกระทบจากเรื่องบิ๊กป้อมนั่นแหละ เรียกว่าบิ๊กป้อมส่งผลกระเทือนไปหลายเรื่องเลย
View all 2 comments >
Tue 19 Dec 2017 : 9:34PM
Gunnm wrote:
วอนให้เมียหลวงตีหัวมากๆ
บางคนไม่มีเมีย ไม่ได้จดทะเบียนไงครับ บางคนโฉด เอ๊ย โสด
บางคนกิ๊กเยอะ แล้วบางคนกิ๊กก็มีระดับ เปิดกิจการ เปิดบริษัท พวกบิ๊กๆก็ชอบเอางานให้บริษัทกิ๊กรับไปทำ ไอ้พวกสร้อย แหวน น้ำหอม เสื้อผ้าหรูๆ บางทีก็มาจากกิ๊กซื้อให้นี่แหละครับ (อีกิ๊กก็โง่พอกัน กะเอาใจป๋า เสรือกพาป๋าซวยซะงั้น)
# Tue 19 Dec 2017 : 9:59PM
วิกฤติระบบสาธารณสุขไทย กางตัวเลข รพ.รัฐ เงินบำรุงติดลบ 558 แห่ง 12,700 ล้าน
19 ธันวาคม 2017
ปรากฏการณ์ “ตูนฟีเวอร์” โครงการก้าวคนละก้าวจากเบตง – แม่สาย เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน – 25 ธันวาคม 2560 ระยะทาง 2,191 กิโลเมตร เพื่อระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาล 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ได้แก่ 1. โรงพยาบาลยะลา 2. โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี 3. โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี 4. โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จ.สุพรรณบุรี, 5. โรงพยาบาลศูนย์สระบุรี, 6. โรงพยาบาลขอนแก่น, 7. โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี, 8. โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่, 9. โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์, 10. โรงพยาบาลน่าน (ไม่ใช่โรงพยาบาลศูนย์ แต่อยู่ในพื้นที่พิเศษห่างไกลจากตัวเมือง) และ 11. โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
มาพร้อมๆ กับปรากฏการณ์การขาดทุนต่อเนื่องจนเงินบำรุงโรงพยาบาลของรัฐติดลบ 558 แห่ง เป็นเงินกว่า 12,700 ล้านบาท จากโรงพยาบาลรัฐ 896 แห่ง โดยเป็นตัวเลข ณ วันที่ 31 ตุลาคมคม 2560 หรือสิ้นปีงบประมาณ 2560 ที่ผ่านมา
ฤาระบบสาธารณสุขของไทยจะล่มสลายเสียแล้ว
ถ้าเปรียบเทียบให้ ตูน “อาทิวราห์ คงมาลัย” และทีมงานก้าวคนละก้าววิ่งเพื่อช่วยกอบกู้วิกฤติทางการเงินของ 558 แห่ง ที่ขาดทุน 12,701 ล้านบาท ถ้าวิ่ง 1 รอบ เวลา 55 วัน ระยะทางเบตง-แม่สาย 2,191 กิโลเมตร เพื่อระดมทุน 700 ล้านบาทต่อรอบ ตูนจะต้องวิ่ง 18 รอบ 39,753.5 กิโล เท่ากับวิ่งรอบโลก 1 รอบ 40,000 กิโลเมตร ระยะเวลารอบละ 55 วัน 18 รอบ รวม 997.92 วัน หรือ 2.7 ปี หรือ 2 ปี 8 เดือน (ณ 18 ธันวาคม 2560 ยอดบริจาค 868 ล้านบาท)
วันนี้ปัญหาการขาดทุนของโรงพยาบาลรัฐจำนวนมากในทุกขนาดโรงพยาบาลไม่ใช่ดราม่าอีกต่อไป กระทรวงสาธารณสุขจะต้องออกมาให้ข้อเท็จจริงและความความจริงแก่ประชาชนคนไทย
เพราะจะให้ตูนและทีมงานวิ่งคงไม่รอดแน่ๆ
หลังจากตูนวิ่งระดมทุนให้กับโรงพยาบาลบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เงิน 85 ล้านบาท ระยะทางวิ่ง 400 กิโลเมตร ในเวลา 10 วัน ก็มีกระแสว่าการวิ่งของตูนเพื่อจะเปิดความจริงเรื่องการขาดทุนของโรงพยาบาลให้ปรากฏชัด ยิ่งตอกย้ำมากขึ้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่ “ตูน” จะเริ่มโครงการก้าวคนละก้าว ได้เคยขอเข้าพบ นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้น (เพิ่งพ้นตำแหน่งเมื่อสิ้นเดือนกันยายน 2560) เพื่อหารือระดมทุนช่วยโรงพยาบาลเพื่อซ์้ออุปกรณ์การแพทย์ แต่กว่าได้เข้าพบก็เกือบจะหมดวาระการเป็นปลัดกระทรวง สุดท้ายตูนก็ไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้ เพราะลึกๆแล้วหลายฝ่ายกลัวความจริงจะถูกเปิดเผย ความจริงที่ว่าคือโรงพยาบาลรัฐขาดทุนมหาศาล
เพราะหากปล่อยให้ตูนวิ่ง การวิ่งของตูนยิ่งตอกย้ำว่าโรงพยาบาลรัฐมีปัญหาสภาพคล่อง
ทางออกจึงเป็นการร่วมมือกับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในนามมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในการระดมทุน
ถ้าจำกันได้เมื่อตูนวิ่งถึงกรุงเทพฯ กระทรวงสาธารณสุขได้มอบเงิน 1 ล้านบาทให้กับตูน กลายเป็นดราม่าในโลกโซเชียล ซึ่งข้อมูลวงในระบุว่าส่วนหนึ่งของเงินที่นำมาบริจาคเป็นการเรี่ยไรมาจากโรงพยาบาลรัฐ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการขาดสภาพคล่องของโรงพยาบาลจากการสอบถามข้อมูล โรงพยาบาลรัฐบางแห่งไม่มีเงินที่จะซื้อแม้แต่สำลี ต้องซื้อเงินเชื่อ บางแห่งไม่มีเงินจ่ายเงินค่าซื้อยา หลายแห่งเครดิตที่มีกับบริษัทยาก็สูญสิ้น
นอกจากนี้หลายแห่งพยายามปกปิดตัวเลขขาดทุนที่ค้างชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่เปิดเผยภาระหนี้ที่แท้จริง เพราะหากฐานะการเงินอยู่ในความเสี่ยงระดับ 7 เกรงว่าการประเมินผลงานบริหารจัดการจะสอบตก หลายแห่งจึงพยายามซุกซ่อนตัวเลขที่แท้จริงไว้
ทั้งนี้หากต้องนับตัวเลขเงินบำรุงโรงพยาบาลที่ติดลบมหาศาล และนับรวมภาระหนี้ที่ต้องแบกไว้ (ปัจจุบันไม่มีการเปิดเผย) ซึ่งบางโรงพยาบาลนอกจากตัวเลขเงินบำรุงติดลบแล้ว ยังมีหนี้อีกเป็น 1,000 ล้านบาทก็มี จึงเป็นข้อมูลที่ซุกอยู่ใต้พรมอีกมากมายที่กระทรวงสาธารณสุขต้องสะสางข้อเท็จจริง
ดังนั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่กระทรวงสาธารณสุขตื่น กางตัวเลขเงินบำรุงโรงพยาบาลติดลบ กับภาระหนี้ที่แท้จริงของแต่ละโรงพยาบาลแล้ว ก็จะทราบว่าอนาคตสาธารณสุขไทยอยู่ในขั้นวิกฤติ แม้หลายฝ่ายมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องดราม่าที่จใช้เป็นเหตุผลยกเลิกระบบกองทุนสุขภาพถ้วนหน้า(หรือระบบเดิม 30 บาทรักษาทุกโรค) ซึ่งข้อเรียกร้องที่ผ่านมาไม่ได้ต้องการยกเลิก แต่ขอให้ภาครัญปรับปรุงการบริการจัดการของสำนักงานกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ว่าค่าใช้จ่ายรายหัวต่อคนต่อปีถึงมือโรงพยาบาลรัฐเต็มเม็ดเต็มหน่วย
กางข้อมูลวิกฤติทางเงินโรงพยาบาลรัฐ
จากข้อมูลฐานะทางการเงินของโรงพยาบาลรัฐทั้งหมด 896 แห่ง ซึ่งมีทั้งโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชน ถ้าดูตัวเลข ณ 31 ตุลาคม 2560 มีโรงพยาบาลที่ขาดทุนเฉพาะปี 2560 จำนวน 382 แห่ง เป็นเงิน 3,160 ล้านบาท
โรงพยาบาลรัฐที่เงินบำรุงติดลบ 558 โรงพยาบาล เป็นเงิน 12,700.80 ล้านบาท โรงพยาบาลรัฐที่เงินทุนหมุนเวียนติดลบ 217 แห่ง เป็นเงิน 1,861.89 ล้านบาท
แต่ถ้าโรงพยาบาลไหนที่ผลประกอบการขาดทุน และเงินบำรุงติดลบด้วยแล้ว นั่นแสดงถึงอาการวิกฤติทางการเงินอย่างรุนแรง จากข้อมูลพบว่าโรงพยาบาลที่เงินบำรุงติดลบอยู่ในระดับ 7 (ตามการจัดระดับความเสี่ยงฐานะการเงินโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข) ถือว่าวิกฤติสูงสุดหรือรุนแรงมากที่สุด มีจำนวน 87 แห่ง ขาดทุน 1,989.96 ล้านบาท
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าคำว่า “เงินบำรุงโรงพยาบาล” ในทางบัญชีคือเงินรายได้ของโรงพยาบาล ที่ได้จากการให้บริการรักษาผู้ป่วย นอกจากนี้ โรงพยาบาลรัฐยังมีรายรับจากงบประมาณของรัฐบาลโดยตรง แต่จะเป็นงบประมาณในการสร้างตึก ซื้อเครื่องมือที่มีราคาแพง เมื่อโรงพยาบาลรัฐเก็บค่ารักษาผู้ป่วยจากผู้ป่วยโดยตรง ลงบัญชีเป็น “เงินบำรุงโรงพยาบาล” สำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการทำงานของโรงพยาบาล เช่น จ้างลูกจ้าง (ที่ไม่มีตำแหน่งข้าราชการบรรจุ ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ด้านอื่นๆ คนงาน คนขับรถ ฯลฯ รวมทั้งจ่ายค่าทำงานนอกเวลาราชการของบุคลากรทุกประเภท) ถ้ามีผู้ป่วยมาใช้บริการมากโรงพยาบาลเก็บเงินได้มาก มีเงินบำรุงเหลือจากการใช้จ่ายเหล่านี้แล้ว ก็อาจจะเอาไปสร้างตึก ซื้อเตียง ซื้อเครื่องมือแพทย์ ฯลฯ เพื่อพัฒนาโรงพยาบาล
ต่อมาหลังจากมีระบบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งบริหารจัดการโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือ สปสช. โรงพยาบาลไม่มีเงินช่วยจากภาครัฐในการสร้างตึก ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เงินเดือนของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะรวมอยู่ในเงินรายหัวต่อคนต่อปีที่ สปสช.เป็นคนกำหนดเสนอให้รัฐบาลพิจารณาอนุมัติ ดังนั้นโรงพยาบาลได้รับเงินค่ารักษาผู้ป่วยจาก สปสช., มีรายได้ผู้ป่วยจากกองทุนประกันสังคม ในระบบประกันสังคม และจากกรมบัญชีกลาง (ระบบสวัสดิการข้าราชการ) ซึ่งงบประมาณจากประกันสังคมและกรมบัญชีกลางนั้นโรงพยาบาลพอมีกำไรบ้าง (รายรับสูงกว่ารายจ่าย) แต่ระบบกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านั้น โรงพยาบาลได้รับจาก สปสช. น้อยกว่ารายจ่ายในการรักษาผู้ป่วย ทำให้โรงพยาบาลต้องนำเงินบำรุงเก่า (ที่สะสมไว้ก่อนมีระบบ 30 บาท) ออกมาใช้จนหมด ปัจจุบันทำให้โรงพยาบาลที่เงินบำรุงติดลบไม่มีเงินจ่ายค่าทำงานล่วงเวลาเจ้าหน้าที่ และบางแห่งไม่มีเงินจ่ายค่ายา (ซื้อเชื่อจากบริษัทยา) ค่าน้ำ/ไฟ/สาธารณูปโภคอื่นๆ
ดังนั้น ถ้าบอกว่าเงินบำรุงติดลบก็คือ รายรับน้อยกว่ารายจ่าย แต่ความจริงโรงพยาบาลเป็นเจ้าหนี้ เรียกเก็บหนี้จาก สปสช. ไม่ได้ จนทำให้โรงพยาบาลเป็นลูกหนี้ (ไม่มีเงินจ่ายบริษัทยา ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ) จนส่อล้มละลาย ตามตัวเลขที่ปรากฏ ปัจจุบันระบบ กองทุนหลักประสุขสุขภาพถ้วนหน้านั้น เดิมทีประชาชนที่อยู่ในระบบนี้ประมาณกว่า 48 ล้านคน จ่ายแค่ 30 บาทเมื่อมาใช้บริการรักษา แต่ต่อมาจนถึงปัจจุบันรัฐบาลยกเลิกการเก็บเงิน 30 บาท เป็นการรักษาฟรีจึงเรียกเป็นระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยรัฐบาลจัดงบประมาณรายจ่ายต่อหัวในแต่ละปี ซึ่งปี 2560 อยู่ที่ 3,109.87 บาท/คน
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมามีหลากหลายความเห็นที่ออกมาระบุว่าการที่โรงพยาบาลขาดทุนไม่ได้เป็นผลมาจาก สปสช. อาจจะเป็นเพราะการบริหารจัดการที่ไม่ดี มีเจ้าหน้าที่มากเกินไป เป็นต้น เช่น นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
ส่วนข้อร้องเรียนที่ผ่านมาเกี่ยวสปสช.อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในข่าว
- เปิดรายงานดีเอสไอระบุ สปสช. ไม่มีหน้าที่ซื้อยา-เวชภัณฑ์ แถมเอาเงินส่วนลดจากองค์การเภสัชไปใช้เอง เที่ยวต่างประเทศ ซื้อรถตู้ ให้เงินทำวิจัย [Link]
- เจาะงบ สปสช. ใช้เงินเหมาจ่ายรายหัวประชาชนผิดประเภท [Link]
- “วินัย สวัสดิวร” เลขา สปสช. แจงปมขัดแย้ง ให้เงินหน่วยบริการอื่น 252 ล้านระบุไม่ใช่เหตุให้ รพ.ขาดทุน – พร้อมเปิดเผยข้อมูลการจัด “ซื้อยา-อุปกรณ์” [Link]
ย้อนมติ”ประยุทธ์” จัดงบช่วยสภาพคล่อง รพ. 5,000 ล้าน
อนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน 2560 รัฐบาล พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีมติ ครม. อนุมัติเงิน 5,000 ล้านบาทเพื่อช่วยเยียวยาโรงพยาบาลที่ขาดสภาพคล่อง โดยรายงานข่าวจากเว็บไซต์วอยซ์ทีวีระบุว่า ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เรื่องปัญหาโรงพยาบาลขาดสภาพคล่องไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในปีนี้ มีปัญหาตั้งแต่เริ่มมีโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ผ่านมา ได้ใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลมาช่วยตลอด ประคับประคองกันมาเรื่อยๆ พอมาถึงจุดนี้ต้องยอมรับว่า เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น จำนวนผู้ป่วยก็มีมากขึ้น แต่ขณะที่งบค่าใช้จ่ายรายหัวเพิ่มขึ้นไม่เป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ส่งผลให้เกิดสภาวการณ์เรื่องรายจ่ายคล่องตัวลดลง ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้รับทราบและเข้าใจ โดยได้มีการพูดคุยกับผู้แทนสำนักงบประมาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะมีการดำเนินการ ดังนี้
ในระยะสั้น รัฐบาลจะอนุมัติงบกลางปี 2560 จำนวน 5,000 ล้านบาท ช่วยเหลือเพื่อให้เกิดสภาพคล่อง ส่วนในระยะยาว จะมีการปฏิรูประบบสุขภาพของประเทศ มีโครงการชัดเจนหลายเรื่อง มีการตั้งคณะกรรมการไปแล้วหลายชุด เช่น ชุดหนึ่งอยู่ระหว่างปรับพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งสำคัญมากเป็นแม่บท ในส่วนของการเงินการคลัง และเรื่องอื่นๆ มีหลายภาคส่วนให้คำแนะนำ พร้อมที่จะรับฟังและจะนำสิ่งที่ดีที่สุดมาปฏิรูป ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ทุ่มเททรัพยากรทุกอย่าง ทั้งคน เงิน เครื่องมือทางการแพทย์เพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยตรง ไม่ได้มุ่งหวังให้เกิดกำไร และการที่ทุกฝ่ายช่วยกันเต็มที่จะทำให้ระบบสุขภาพยังยืนอยู่ได้ โดยในอนาคตต้องมีการปฏิรูปเพื่อให้เกิดความยั่งยืน
หลังจากนั้นจากเอกสารข่าวกระทรวงสาธารณสุข [Link] โดยนายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ในขณะนั้น) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการจัดสรรงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข 5,000 ล้านบาท ว่ามี 3 ส่วน 1. ค่าใช้จ่ายผู้ป่วยใน 3,000 ล้านบาทและและสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยทารกวิกฤติ 300 ล้านบาท โดยกระจายให้โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไป 860 แห่ง รวม 3,300 ล้านบาท 2. ค่าตอบแทนบุคลากร รวมทั้งการจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน (P4P) 1,000 ล้านบาท ในโรงพยาบาลทุกระดับ โดยจัดสรรให้เขตบริการสุขภาพดำเนินการ และ 3. ชำระต้นทุนการบริการส่วนขาดจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 600 ล้านบาท
ดูตัวเลขเงินบำรุงโรงพยาบาลติดลบ 558 แห่ง
19 ธันวาคม 2017
ปรากฏการณ์ “ตูนฟีเวอร์” โครงการก้าวคนละก้าวจากเบตง – แม่สาย เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน – 25 ธันวาคม 2560 ระยะทาง 2,191 กิโลเมตร เพื่อระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาล 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ได้แก่ 1. โรงพยาบาลยะลา 2. โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี 3. โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี 4. โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จ.สุพรรณบุรี, 5. โรงพยาบาลศูนย์สระบุรี, 6. โรงพยาบาลขอนแก่น, 7. โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี, 8. โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่, 9. โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์, 10. โรงพยาบาลน่าน (ไม่ใช่โรงพยาบาลศูนย์ แต่อยู่ในพื้นที่พิเศษห่างไกลจากตัวเมือง) และ 11. โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
มาพร้อมๆ กับปรากฏการณ์การขาดทุนต่อเนื่องจนเงินบำรุงโรงพยาบาลของรัฐติดลบ 558 แห่ง เป็นเงินกว่า 12,700 ล้านบาท จากโรงพยาบาลรัฐ 896 แห่ง โดยเป็นตัวเลข ณ วันที่ 31 ตุลาคมคม 2560 หรือสิ้นปีงบประมาณ 2560 ที่ผ่านมา
ฤาระบบสาธารณสุขของไทยจะล่มสลายเสียแล้ว
ถ้าเปรียบเทียบให้ ตูน “อาทิวราห์ คงมาลัย” และทีมงานก้าวคนละก้าววิ่งเพื่อช่วยกอบกู้วิกฤติทางการเงินของ 558 แห่ง ที่ขาดทุน 12,701 ล้านบาท ถ้าวิ่ง 1 รอบ เวลา 55 วัน ระยะทางเบตง-แม่สาย 2,191 กิโลเมตร เพื่อระดมทุน 700 ล้านบาทต่อรอบ ตูนจะต้องวิ่ง 18 รอบ 39,753.5 กิโล เท่ากับวิ่งรอบโลก 1 รอบ 40,000 กิโลเมตร ระยะเวลารอบละ 55 วัน 18 รอบ รวม 997.92 วัน หรือ 2.7 ปี หรือ 2 ปี 8 เดือน (ณ 18 ธันวาคม 2560 ยอดบริจาค 868 ล้านบาท)
วันนี้ปัญหาการขาดทุนของโรงพยาบาลรัฐจำนวนมากในทุกขนาดโรงพยาบาลไม่ใช่ดราม่าอีกต่อไป กระทรวงสาธารณสุขจะต้องออกมาให้ข้อเท็จจริงและความความจริงแก่ประชาชนคนไทย
เพราะจะให้ตูนและทีมงานวิ่งคงไม่รอดแน่ๆ
หลังจากตูนวิ่งระดมทุนให้กับโรงพยาบาลบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เงิน 85 ล้านบาท ระยะทางวิ่ง 400 กิโลเมตร ในเวลา 10 วัน ก็มีกระแสว่าการวิ่งของตูนเพื่อจะเปิดความจริงเรื่องการขาดทุนของโรงพยาบาลให้ปรากฏชัด ยิ่งตอกย้ำมากขึ้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่ “ตูน” จะเริ่มโครงการก้าวคนละก้าว ได้เคยขอเข้าพบ นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้น (เพิ่งพ้นตำแหน่งเมื่อสิ้นเดือนกันยายน 2560) เพื่อหารือระดมทุนช่วยโรงพยาบาลเพื่อซ์้ออุปกรณ์การแพทย์ แต่กว่าได้เข้าพบก็เกือบจะหมดวาระการเป็นปลัดกระทรวง สุดท้ายตูนก็ไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้ เพราะลึกๆแล้วหลายฝ่ายกลัวความจริงจะถูกเปิดเผย ความจริงที่ว่าคือโรงพยาบาลรัฐขาดทุนมหาศาล
เพราะหากปล่อยให้ตูนวิ่ง การวิ่งของตูนยิ่งตอกย้ำว่าโรงพยาบาลรัฐมีปัญหาสภาพคล่อง
ทางออกจึงเป็นการร่วมมือกับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในนามมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในการระดมทุน
ถ้าจำกันได้เมื่อตูนวิ่งถึงกรุงเทพฯ กระทรวงสาธารณสุขได้มอบเงิน 1 ล้านบาทให้กับตูน กลายเป็นดราม่าในโลกโซเชียล ซึ่งข้อมูลวงในระบุว่าส่วนหนึ่งของเงินที่นำมาบริจาคเป็นการเรี่ยไรมาจากโรงพยาบาลรัฐ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการขาดสภาพคล่องของโรงพยาบาลจากการสอบถามข้อมูล โรงพยาบาลรัฐบางแห่งไม่มีเงินที่จะซื้อแม้แต่สำลี ต้องซื้อเงินเชื่อ บางแห่งไม่มีเงินจ่ายเงินค่าซื้อยา หลายแห่งเครดิตที่มีกับบริษัทยาก็สูญสิ้น
นอกจากนี้หลายแห่งพยายามปกปิดตัวเลขขาดทุนที่ค้างชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่เปิดเผยภาระหนี้ที่แท้จริง เพราะหากฐานะการเงินอยู่ในความเสี่ยงระดับ 7 เกรงว่าการประเมินผลงานบริหารจัดการจะสอบตก หลายแห่งจึงพยายามซุกซ่อนตัวเลขที่แท้จริงไว้
ทั้งนี้หากต้องนับตัวเลขเงินบำรุงโรงพยาบาลที่ติดลบมหาศาล และนับรวมภาระหนี้ที่ต้องแบกไว้ (ปัจจุบันไม่มีการเปิดเผย) ซึ่งบางโรงพยาบาลนอกจากตัวเลขเงินบำรุงติดลบแล้ว ยังมีหนี้อีกเป็น 1,000 ล้านบาทก็มี จึงเป็นข้อมูลที่ซุกอยู่ใต้พรมอีกมากมายที่กระทรวงสาธารณสุขต้องสะสางข้อเท็จจริง
ดังนั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่กระทรวงสาธารณสุขตื่น กางตัวเลขเงินบำรุงโรงพยาบาลติดลบ กับภาระหนี้ที่แท้จริงของแต่ละโรงพยาบาลแล้ว ก็จะทราบว่าอนาคตสาธารณสุขไทยอยู่ในขั้นวิกฤติ แม้หลายฝ่ายมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องดราม่าที่จใช้เป็นเหตุผลยกเลิกระบบกองทุนสุขภาพถ้วนหน้า(หรือระบบเดิม 30 บาทรักษาทุกโรค) ซึ่งข้อเรียกร้องที่ผ่านมาไม่ได้ต้องการยกเลิก แต่ขอให้ภาครัญปรับปรุงการบริการจัดการของสำนักงานกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ว่าค่าใช้จ่ายรายหัวต่อคนต่อปีถึงมือโรงพยาบาลรัฐเต็มเม็ดเต็มหน่วย
กางข้อมูลวิกฤติทางเงินโรงพยาบาลรัฐ
จากข้อมูลฐานะทางการเงินของโรงพยาบาลรัฐทั้งหมด 896 แห่ง ซึ่งมีทั้งโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชน ถ้าดูตัวเลข ณ 31 ตุลาคม 2560 มีโรงพยาบาลที่ขาดทุนเฉพาะปี 2560 จำนวน 382 แห่ง เป็นเงิน 3,160 ล้านบาท
โรงพยาบาลรัฐที่เงินบำรุงติดลบ 558 โรงพยาบาล เป็นเงิน 12,700.80 ล้านบาท โรงพยาบาลรัฐที่เงินทุนหมุนเวียนติดลบ 217 แห่ง เป็นเงิน 1,861.89 ล้านบาท
แต่ถ้าโรงพยาบาลไหนที่ผลประกอบการขาดทุน และเงินบำรุงติดลบด้วยแล้ว นั่นแสดงถึงอาการวิกฤติทางการเงินอย่างรุนแรง จากข้อมูลพบว่าโรงพยาบาลที่เงินบำรุงติดลบอยู่ในระดับ 7 (ตามการจัดระดับความเสี่ยงฐานะการเงินโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข) ถือว่าวิกฤติสูงสุดหรือรุนแรงมากที่สุด มีจำนวน 87 แห่ง ขาดทุน 1,989.96 ล้านบาท
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าคำว่า “เงินบำรุงโรงพยาบาล” ในทางบัญชีคือเงินรายได้ของโรงพยาบาล ที่ได้จากการให้บริการรักษาผู้ป่วย นอกจากนี้ โรงพยาบาลรัฐยังมีรายรับจากงบประมาณของรัฐบาลโดยตรง แต่จะเป็นงบประมาณในการสร้างตึก ซื้อเครื่องมือที่มีราคาแพง เมื่อโรงพยาบาลรัฐเก็บค่ารักษาผู้ป่วยจากผู้ป่วยโดยตรง ลงบัญชีเป็น “เงินบำรุงโรงพยาบาล” สำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการทำงานของโรงพยาบาล เช่น จ้างลูกจ้าง (ที่ไม่มีตำแหน่งข้าราชการบรรจุ ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ด้านอื่นๆ คนงาน คนขับรถ ฯลฯ รวมทั้งจ่ายค่าทำงานนอกเวลาราชการของบุคลากรทุกประเภท) ถ้ามีผู้ป่วยมาใช้บริการมากโรงพยาบาลเก็บเงินได้มาก มีเงินบำรุงเหลือจากการใช้จ่ายเหล่านี้แล้ว ก็อาจจะเอาไปสร้างตึก ซื้อเตียง ซื้อเครื่องมือแพทย์ ฯลฯ เพื่อพัฒนาโรงพยาบาล
ต่อมาหลังจากมีระบบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งบริหารจัดการโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือ สปสช. โรงพยาบาลไม่มีเงินช่วยจากภาครัฐในการสร้างตึก ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เงินเดือนของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะรวมอยู่ในเงินรายหัวต่อคนต่อปีที่ สปสช.เป็นคนกำหนดเสนอให้รัฐบาลพิจารณาอนุมัติ ดังนั้นโรงพยาบาลได้รับเงินค่ารักษาผู้ป่วยจาก สปสช., มีรายได้ผู้ป่วยจากกองทุนประกันสังคม ในระบบประกันสังคม และจากกรมบัญชีกลาง (ระบบสวัสดิการข้าราชการ) ซึ่งงบประมาณจากประกันสังคมและกรมบัญชีกลางนั้นโรงพยาบาลพอมีกำไรบ้าง (รายรับสูงกว่ารายจ่าย) แต่ระบบกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านั้น โรงพยาบาลได้รับจาก สปสช. น้อยกว่ารายจ่ายในการรักษาผู้ป่วย ทำให้โรงพยาบาลต้องนำเงินบำรุงเก่า (ที่สะสมไว้ก่อนมีระบบ 30 บาท) ออกมาใช้จนหมด ปัจจุบันทำให้โรงพยาบาลที่เงินบำรุงติดลบไม่มีเงินจ่ายค่าทำงานล่วงเวลาเจ้าหน้าที่ และบางแห่งไม่มีเงินจ่ายค่ายา (ซื้อเชื่อจากบริษัทยา) ค่าน้ำ/ไฟ/สาธารณูปโภคอื่นๆ
ดังนั้น ถ้าบอกว่าเงินบำรุงติดลบก็คือ รายรับน้อยกว่ารายจ่าย แต่ความจริงโรงพยาบาลเป็นเจ้าหนี้ เรียกเก็บหนี้จาก สปสช. ไม่ได้ จนทำให้โรงพยาบาลเป็นลูกหนี้ (ไม่มีเงินจ่ายบริษัทยา ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ) จนส่อล้มละลาย ตามตัวเลขที่ปรากฏ ปัจจุบันระบบ กองทุนหลักประสุขสุขภาพถ้วนหน้านั้น เดิมทีประชาชนที่อยู่ในระบบนี้ประมาณกว่า 48 ล้านคน จ่ายแค่ 30 บาทเมื่อมาใช้บริการรักษา แต่ต่อมาจนถึงปัจจุบันรัฐบาลยกเลิกการเก็บเงิน 30 บาท เป็นการรักษาฟรีจึงเรียกเป็นระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยรัฐบาลจัดงบประมาณรายจ่ายต่อหัวในแต่ละปี ซึ่งปี 2560 อยู่ที่ 3,109.87 บาท/คน
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมามีหลากหลายความเห็นที่ออกมาระบุว่าการที่โรงพยาบาลขาดทุนไม่ได้เป็นผลมาจาก สปสช. อาจจะเป็นเพราะการบริหารจัดการที่ไม่ดี มีเจ้าหน้าที่มากเกินไป เป็นต้น เช่น นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
ส่วนข้อร้องเรียนที่ผ่านมาเกี่ยวสปสช.อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในข่าว
- เปิดรายงานดีเอสไอระบุ สปสช. ไม่มีหน้าที่ซื้อยา-เวชภัณฑ์ แถมเอาเงินส่วนลดจากองค์การเภสัชไปใช้เอง เที่ยวต่างประเทศ ซื้อรถตู้ ให้เงินทำวิจัย [Link]
- เจาะงบ สปสช. ใช้เงินเหมาจ่ายรายหัวประชาชนผิดประเภท [Link]
- “วินัย สวัสดิวร” เลขา สปสช. แจงปมขัดแย้ง ให้เงินหน่วยบริการอื่น 252 ล้านระบุไม่ใช่เหตุให้ รพ.ขาดทุน – พร้อมเปิดเผยข้อมูลการจัด “ซื้อยา-อุปกรณ์” [Link]
ย้อนมติ”ประยุทธ์” จัดงบช่วยสภาพคล่อง รพ. 5,000 ล้าน
อนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน 2560 รัฐบาล พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีมติ ครม. อนุมัติเงิน 5,000 ล้านบาทเพื่อช่วยเยียวยาโรงพยาบาลที่ขาดสภาพคล่อง โดยรายงานข่าวจากเว็บไซต์วอยซ์ทีวีระบุว่า ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เรื่องปัญหาโรงพยาบาลขาดสภาพคล่องไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในปีนี้ มีปัญหาตั้งแต่เริ่มมีโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ผ่านมา ได้ใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลมาช่วยตลอด ประคับประคองกันมาเรื่อยๆ พอมาถึงจุดนี้ต้องยอมรับว่า เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น จำนวนผู้ป่วยก็มีมากขึ้น แต่ขณะที่งบค่าใช้จ่ายรายหัวเพิ่มขึ้นไม่เป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ส่งผลให้เกิดสภาวการณ์เรื่องรายจ่ายคล่องตัวลดลง ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้รับทราบและเข้าใจ โดยได้มีการพูดคุยกับผู้แทนสำนักงบประมาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะมีการดำเนินการ ดังนี้
ในระยะสั้น รัฐบาลจะอนุมัติงบกลางปี 2560 จำนวน 5,000 ล้านบาท ช่วยเหลือเพื่อให้เกิดสภาพคล่อง ส่วนในระยะยาว จะมีการปฏิรูประบบสุขภาพของประเทศ มีโครงการชัดเจนหลายเรื่อง มีการตั้งคณะกรรมการไปแล้วหลายชุด เช่น ชุดหนึ่งอยู่ระหว่างปรับพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งสำคัญมากเป็นแม่บท ในส่วนของการเงินการคลัง และเรื่องอื่นๆ มีหลายภาคส่วนให้คำแนะนำ พร้อมที่จะรับฟังและจะนำสิ่งที่ดีที่สุดมาปฏิรูป ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ทุ่มเททรัพยากรทุกอย่าง ทั้งคน เงิน เครื่องมือทางการแพทย์เพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยตรง ไม่ได้มุ่งหวังให้เกิดกำไร และการที่ทุกฝ่ายช่วยกันเต็มที่จะทำให้ระบบสุขภาพยังยืนอยู่ได้ โดยในอนาคตต้องมีการปฏิรูปเพื่อให้เกิดความยั่งยืน
หลังจากนั้นจากเอกสารข่าวกระทรวงสาธารณสุข [Link] โดยนายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ในขณะนั้น) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการจัดสรรงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข 5,000 ล้านบาท ว่ามี 3 ส่วน 1. ค่าใช้จ่ายผู้ป่วยใน 3,000 ล้านบาทและและสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยทารกวิกฤติ 300 ล้านบาท โดยกระจายให้โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไป 860 แห่ง รวม 3,300 ล้านบาท 2. ค่าตอบแทนบุคลากร รวมทั้งการจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน (P4P) 1,000 ล้านบาท ในโรงพยาบาลทุกระดับ โดยจัดสรรให้เขตบริการสุขภาพดำเนินการ และ 3. ชำระต้นทุนการบริการส่วนขาดจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 600 ล้านบาท
ดูตัวเลขเงินบำรุงโรงพยาบาลติดลบ 558 แห่ง
View all 1 comments >
Wed 20 Dec 2017 : 11:50AM
จะไม่ติดลบก็แปลกบุคลากรเต็ม ร.พ.เท่าๆกับประชาชนผู้เจ็บป่วย พอบุคลากรมากก็ต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นอันนี้เห็นชัดอยู่
แต่ ร.พ.ที่มีค่าใช้จ่ายเยอะๆแล้วระบบดูแลผู้ป่วยห่วยแตก แก้ปัญหาเรื่องเงินคงไม่ใช่การดำเนินการที่ถูกต้องซักเท่าไหร่
ทำไมโรงพยาบาลรัฐบางแห่งที่ไม่ใช่ทุกแห่งถึงไม่เกิดปัญหาเรื่องเงิน เพราะมาจากการจัดการด้านบุคลากรและเครื่องมือแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ว่าหมอพยาบาลจะไม่ดีหากมีมาก แต่การบริหารเงินภาษีของประชาชนจัดการทำอย่างไม่เหมาะสม ผมเห็นรายชื่อ ร.พ.ที่มีปัญหาเงินติดลบ ไม่มี ร.พ.ที่กำลังขาดแคลนหมอพยาบาลเลย แสดงว่าโรงพยาบาลไหนขาดหมอพยาบาลแสดงว่า ร.พ.นั้นไม่ขาดทุน
ร.พ.เกิดผมก็ไม่มีชื่อในลิตส์ในชื่อ ร.พ.งบขาดทุนและก็ยังขาดแคลนบุคลากรอยู่ ส่วนหนึ่งคงต้องดูด้านบุคลากรของรัฐก่อน ว่าภาษีที่ได้เงินเดือนไปมันคุ้มค่ากับงานบริการประชาชนหรือเปล่าครับ
แต่ ร.พ.ที่มีค่าใช้จ่ายเยอะๆแล้วระบบดูแลผู้ป่วยห่วยแตก แก้ปัญหาเรื่องเงินคงไม่ใช่การดำเนินการที่ถูกต้องซักเท่าไหร่
ทำไมโรงพยาบาลรัฐบางแห่งที่ไม่ใช่ทุกแห่งถึงไม่เกิดปัญหาเรื่องเงิน เพราะมาจากการจัดการด้านบุคลากรและเครื่องมือแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ว่าหมอพยาบาลจะไม่ดีหากมีมาก แต่การบริหารเงินภาษีของประชาชนจัดการทำอย่างไม่เหมาะสม ผมเห็นรายชื่อ ร.พ.ที่มีปัญหาเงินติดลบ ไม่มี ร.พ.ที่กำลังขาดแคลนหมอพยาบาลเลย แสดงว่าโรงพยาบาลไหนขาดหมอพยาบาลแสดงว่า ร.พ.นั้นไม่ขาดทุน
ร.พ.เกิดผมก็ไม่มีชื่อในลิตส์ในชื่อ ร.พ.งบขาดทุนและก็ยังขาดแคลนบุคลากรอยู่ ส่วนหนึ่งคงต้องดูด้านบุคลากรของรัฐก่อน ว่าภาษีที่ได้เงินเดือนไปมันคุ้มค่ากับงานบริการประชาชนหรือเปล่าครับ
# Wed 20 Dec 2017 : 9:27PM
หมั่นไส้ คสช เมื่อไหร่จะออกเสียที ฮ่าๆ
กริยาวาจา ใส่นาฬกาแพงหลายเรือน พี่ตูบหงุดหงิดข่มนักข่าวว่า ฉันจะใช้อำนาจให้เต็มที่ ตอนสัมภาษณ์แซะน้องป้อม
คือ ด้วยคะแนนจิตพิสัย ง่ายๆเลยนะ มันไม่สมควรทำแต่แรกแล้วไง
คนระดับนี้ มันต้องเป็นตัวอย่าง รู้ว่าอะไรควรไม่ควรก่อนจะทำหรือป่่าว
แล้วก็ทำมาหลายๆครั้ง ไหนจะข่าวฉาวๆ ออกมาแก้ตัวน้ำขุ่นๆอีก แค่นี้ก็บ่งบอกแล้วล่ะ
ว่าแค่คะแนนพื้นฐานความเป็นคนดีง่ายๆ ของมันก็ไม่ผ่านละ
แล้วจะเอาไว้ทำไม จะตรวจสอบก็นักเลงใส่ ฮ่าๆ
กริยาวาจา ใส่นาฬกาแพงหลายเรือน พี่ตูบหงุดหงิดข่มนักข่าวว่า ฉันจะใช้อำนาจให้เต็มที่ ตอนสัมภาษณ์แซะน้องป้อม
คือ ด้วยคะแนนจิตพิสัย ง่ายๆเลยนะ มันไม่สมควรทำแต่แรกแล้วไง
คนระดับนี้ มันต้องเป็นตัวอย่าง รู้ว่าอะไรควรไม่ควรก่อนจะทำหรือป่่าว
แล้วก็ทำมาหลายๆครั้ง ไหนจะข่าวฉาวๆ ออกมาแก้ตัวน้ำขุ่นๆอีก แค่นี้ก็บ่งบอกแล้วล่ะ
ว่าแค่คะแนนพื้นฐานความเป็นคนดีง่ายๆ ของมันก็ไม่ผ่านละ
แล้วจะเอาไว้ทำไม จะตรวจสอบก็นักเลงใส่ ฮ่าๆ
# Thu 21 Dec 2017 : 9:38AM
ไอ้กันโคตรธิปไตยมาก ประกาศจะคว่ำบาตรประเทศที่โหวตว่า เยรูซาเร็มไม่ใช่เมืองหลวงของอิสราเอล รอดูว่าพี่ไทยจะโหวตว่าไง
<<
<
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
>
>>
Reply
Vote
Popular Thread
1 online users
Logged In :
Logged In :
member
Since 17/9/2007
(18879 post)