Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Review : Blade Runner 2049 (Dreaming of Electric Sheep)

<<
<
1
2
>
>>
Reply
Vote
# Mon 9 Oct 2017 : 6:47PM

Slashmeplease
member
หลังเขา รุ่นที่ 3
Since 25/7/2010
(2337 post)
Review : Blade Runner 2049 (Dreaming of Electric Sheep)

กำกับ : Denis Villeneuve (Prisoner, Sicario, Arrival)

ภาคต่อของหนังไซไฟระดับขึ้นหิ้ง Blade Runner ที่ทิ้งช่วงห่างกันนานถึง 35 ปี ซึ่งครั้งนี้ Ridley Scott ผกก.ได้ไว้ใจให้ Denis Villeneuve ผกก.รุ่นใหม่มากฝีมือมาสานต่อตำนานไซไฟนี้ ซึ่งเมื่อหนังออกฉายกระแสรีวิวชุดแรกก็ออกมายอดเยี่ยมทีเดียว หนังฟอร์มระดับนี้มีหรือผมจะพลาด แล้วยิ่งคน hype งานภาพกับงานเสียงไว้เยอะผมเลยจัดโรง Imax ที่ไม่ได้ดูมานานเสียเลย (ถึงมันจะเป็น 3D ที่ผมไม่ค่อยชอบก็ตาม) ซึ่งผลที่ออกมาก็ถือว่าคุ้มค่าทีเดียวครับ มาดูกันว่าผมคิดเห็นอย่างไรกับ Blade Runner 2049



Blade Runner 2049 แน่นอนว่าเรื่องราวเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2049 หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก 30 ปี เมื่อเหล่ามนุษย์เทียม Replicant ก่อกบฏขึ้นหลายครั้ง บริษัท Tyrell ผู้บุกเบิกการผลิต Replicant จึงล้มละลาย แต่ต่อมาบริษัท Wallace ได้เข้าควบรวมบริษัท Tyrell และเริ่มผลิต Replicant รุ่นใหม่ที่จะเชื่อฟังคำสั่งเจ้าของทุกอย่าง ยังคงเหลือ Replicant รุ่นเก่าไม่กี่ตนที่ยังคงหลุดรอดและถูกตามล่าเพื่อป้องกันการกบฏในอนาคต แต่เมื่อพบร่องรอยว่ามี Replicant ที่สามารถคลอดบุตรได้เอง “K” (Ryan Gosling) เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วย Blade Runner ที่เป็น Replicant เสียเองจึงถูกสั่งให้ตามหาเด็กที่คลอดจาก Replicant นี้ เพราะเด็กนี้อาจสะเทือนอย่างรุนแรงต่อเส้นแบ่งบางๆระหว่างมนุษย์กับ Replicant ด้วย โดยเขาต้องทำงานแข่งกับบริษัท Wallace ด้วยเนื่องจาก Wallace (Jared Leto) ต้องการเด็กนี้มาศึกษาเรื่องการตั้งครรภ์ใน Replicant เพื่อเร่งอัตราการผลิต Replicant ให้เร็วขึ้น สุดท้าย K จะทำสำเร็จหรือไม่ เด็กคนนี้จริงๆเป็นใครกันแน่ ติดตามได้ใน Blade Runner 2049 ครับ



สำหรับผู้ที่เคยชื่นชอบ Blade Runner ภาคแรก ผมคิดว่าคงจะสามารถชอบ Blade Runner 2049 ได้ไม่ยาก เพราะสูตรสำเร็จของภาคแรกยังคงมีอยู่ครบในภาคนี้ ทั้งอารมณ์ของหนัง Noir ที่เป็นการสืบคดีของตำรวจคนหนึ่งที่มีฉากหลังเป็นยุคอนาคต และเรื่องของปรัชญาความเป็นมนุษย์ คำจำกัดความของคำว่า “มนุษย์” ก็ยังคงมีอยู่ในหนังเรื่องนี้ เพียงแต่ไอเดียมันอาจจะไม่ได้สดใหม่และลึกซึ้งเหมือนกับภาคเก่าเมื่อ 35 ปีที่แล้ว (ซึ่งก็อาจโทษหนังไม่ได้ เพราะภาคเก่าก็เป็นต้นแบบให้หนังไซไฟหลายเรื่องมากๆ จนผ่านมา 35 ปี ไอเดียที่มันแปลกใหม่ก็อาจจะหาได้ยากมากๆแล้ว) ในเรื่องของการสร้างตัวละครให้เรารู้สึกผูกพัน ให้เรารู้สึกเห็นอกเห็นใจตัวละครในภาคนี้ก็ทำได้ดีมาก ทั้งการ built ที่ทำมาทั้งเรื่องก่อนที่จะมาขยี้ในฉากสุดท้ายที่ถึงจะไม่เสียน้ำตาให้แต่ถ้าคุณอินกับหนังก็อาจจะมีอึนๆกันไปบ้าง อีกทั้งหนังยัง Pay Homage ให้กับหนังภาคแรกไว้เยอะมากๆ ทั้งในระดับ Easter Egg จากภาคแรกที่มีอยู่เต็มไปหมด และ plot เรื่องหลักของภาคนี้ก็มีส่วนเชื่อมโยงกับภาคแรกเช่นกัน รับรองว่าแฟนหนังภาคแรกนั้นน่าจะชอบหนังได้ไม่ยากครับ



แต่ความที่หนังดำเนินตามสูตรของภาคแรกนั้นก็อาจเป็นดาบสองคมได้ เพราะหนังห่างจากภาคแรกถึง 35 ปีผมคิดว่าคงมีผู้ชมจำนวนไม่น้อยที่ตีตั๋วเข้าโรงโดยหวังจะให้มันเป้นหนังไซไฟแอคชั่นมันส์ๆโดยไม่เคยรู้จักภาคแรกมาก่อน ซึ่งจริงๆหนังก็มีฉากแอคชั่นนะ และทำได้ดุดันดีมากด้วย (ดีกว่าหนังโนแลนล่ะ 555) แต่เมื่อเทียบสัดส่วนกับหนังทั้งเรื่องที่ยาวถึง 2 ชม. 45 นาทีแล้วก็ถือว่าค่อนข้างน้อยมาก อีกทั้งหนังยังสืบทอดความเนือยจากภาคที่แล้วอย่างเต็มเปี่ยม เอาเข้าจริงเมื่อมันมาอยู่ในมือ Villeneuve ผกก.จอมเนือยแห่งยุคมันก็ยิ่งเนือยยยยยยยยซะยิ่งกว่าภาคเก่าเสียอีก (แถมยังเนือยกว่า Arrival ผลงานก่อนหน้าของ Villeneuve อีกด้วย) ซึ่งถ้าใครมีภูมิต้านทานด้านนี้ต่ำ ไม่เคยดูภาคเก่าแต่หวังว่าจะได้ดูหนังแอคชั่นตูมตาม (หน้าหนังก็ดันโปรโมทไปในทางนั้นด้วยนะ) มีโอกาสสูงมากครับที่จะ “หลับ” ไปฝันถึง Electric Sheep กันกลางโรงเลยทีเดียว ซึ่งจากกระแสของหนังที่ผมตามมาถึงแม้ว่านักวิจารณ์จะชอบกัน แต่ฝั่งคนดูบางส่วนก็ก่นด่าหนังกันเยอะมากเหมือนกันครับ (และปากคำจากเพื่อนผมที่ทำงานในโรงหนัง เรื่องนี้ยังสร้างปรากฏการณ์ “คนหลับกลางโรง” มากที่สุดในช่วงเร็วๆนี้อีกด้วย ถึงกับมีดราม่าเพราะเสียงกรนรบกวนผู้ชมท่านอื่นกันเลยทีเดียว ฮา) แต่ถ้าถามผมว่าโอมั้ยกับความเนือยระดับนี้ สำหรับผมผมว่ามันโออยู่ อาจจะเตรียมตัวไว้ระดับหนึ่งด้วยเพราะรู้กิตติศัพท์ของ Villeneuve และหนังภาคแรก อีกอย่างคือถึงหนังมันจะเนือยแต่ผมว่ามัน Atmospheric มากเลยนะ เราเสพย์บรรยากาศโลกยุคอนาคตที่หนังค่อยๆ present มันออกมา ผมว่าก็ออกจะเพลิน แต่คนที่ไม่ชอบก็เข้าใจแหละครับว่ามันคงจะหว่องเกินไปจริงๆ 5555



เรื่องงานภาพ นี่เป็นหนึ่งในหนังภาพสวยที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมา (ซึ่งมันมีหลายอย่างที่ต้องพิสูจน์ตนเองนะเพราะภาคแรกก็เป็นหนังที่มีงานภาพเทพและงานเทคนิคล้ำยุคมากๆ) การจัดองค์ประกอบภาพ การเล่นแสงและสี มันไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียว แต่ (คิดว่า) มันยังสื่อสัญลักษณ์อะไรๆหลายๆอย่างด้วยซึ่งก็ต้องไปตามอ่านที่พวกแฟนพันธ์แท้เขาวิเคราะห์กันอีกที ชอบการเน้นสีในแต่ละฉาก แต่ละโลเคชั่น ตรงนี้แดงก็แดงงงงงงงไปเลย ออฟฟิศนี้เน้นสีเหลืองให้บรรยากาศอึมครึมมันก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีทีเดียว ถือว่าทำการบ้านด้านการดีไซน์ซีนมาอย่างหนักและมันก็ Payoff จริงๆครับกับงานภาพนี้ที่หลายคนเก็งไว้แล้วว่าชิงออสการ์ Cinematography แน่นอน ส่วนเรื่องเสียง โหหหหห เห็นตรงกับหลายคนครับว่าเรื่องนี้ควรดู Imax ไม่ใช่เฉพาะเรื่องภาพอย่างเดียว แต่ดนตรีประกอบมันก็ทำได้กระหึ่มมากกกกก มันช่วยขับเน้นอารมณ์ในบางฉากได้ดีเหลือเกิน ถึงแม้ว่าดนตรีมันจะออกเป็นธีมเดิมนำมาปรับแต่งนิดหน่อยโดย Hans Zimmer แต่ความกระหึ่มเน้นอารมณ์นี่จัดหนักจัดเต็มจริงๆ และที่หนังทำได้ดีอีกอย่างหนึ่งคือการใช้ “ความเงียบ” ให้เป็นประโยชน์ บางทีดนตรีก็อาจจะเร่งเร้าอารมณ์ได้ไม่เท่าความเงียบที่มาอย่างถูกที่ถูกเวลา และหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในหนังที่ใช้ความเงียบได้ Effective ที่สุดเลยทีเดียว เรื่อง Sound Design นี้ก็ถือว่า Top Notch อีกเรื่องนึงเลยครับ



สุดท้ายคือเรื่องการแสดง Ryan Gosling ในบท K หลายคนอาจจะชอบ แต่ผมยังถือว่าทำได้ตามมาตรฐานละกันครับ อาจจะยังไม่ประทับใจอะไรมากมาย (Ryan ได้บทประมาณนี้บ่อยด้วย) แต่ถ้ามองในบางมุมก็อาจจะถือว่าดีก็ได้นะครับ แต่คนที่ผมชอบการแสดงกลายเป็นฝ่ายตัวร้ายเสียมากกว่า ทั้ง Sylvia Hoeks ในบท Luv Replicant ผู้รับใช้ Wallace ที่บทจะเย็นชาก็ทำได้ดี บทจะมีซีนอารมณ์ก็ถ่ายทอดได้เป๊ะดีทีเดียว และอีกบทบาทที่ผมชอบก็คือ Jared Leto ในบท Wallace นั่นเอง ถึงจะออกมาน้อยแต่นี่เป็นหนึ่งในการแสดงที่ทรงพลังที่สุดที่เขาเคยทำมาเลยครับ (ลืมโจ๊กเก้อร์ไปซะนะ 5555)

สรุป : หนังอาจจะเหมาะกับคนที่ชอบภาคแรกหรือพอรู้ว่าหนังมีอะไรมาเสนอ ถ้าไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายก็อาจจะไปเฝ้าพระอินทร์ได้ แต่ด้วยงานสร้างที่ Top Notch มากๆหากคุณเป็นคนรักหนังก็คิดว่าน่าให้โอกาสมันดู สำหรับผม ค่อนข้างชอบมาก แต่รู้สึกว่ายังก้าวข้ามภาคแรกไม่ได้ในบางประเด็นครับ

คะแนน : 8.8/10 (A+) ชอบครับ


# Mon 9 Oct 2017 : 8:34PM

-nakamura-
member
ไม่ได้เล่น emu ครับ เล่น apk
Since 2013-10-27 16:26:15
(5430 post)
คนที่ชอบนี่ต้องคนที่ชองภาคเเรกจริงๆเท่านั้น เเละ ต้องดูภาคเเรกตอนออกใหม่ๆด้วยถึงชอบ เพราะ หนังเรื่องนี้ ตอนฉายเป็นอะไรที่เเปลกใหม่มากคนเข้าไม่ถึง เเต่พอออกเป็น วีดีโอ ยุคนั้น ยอดขายมหาศาล

ส่วนภาคนี้ ผมให้ 4/10 ดูไปหลับไป ถ้าใครอยากดูให้รู้เรื่องคงต้องหาภาคเเรกมาดูเท่านั้น ส่วนผมดูไม่รู้เรื่องเพราะไม่ได้ดูภาคเเรก

เเต่หนังเรื่องนี้ ถ้าใครมีทีวี 4k hdr10 hzz เยอะๆหน่อย น่าจัดเเผ่น 4k ultrahd มาก เพราะ หนังเรื่องนี้ เหมาะสำหรับไว้โชว์ภาพ HDR มากๆนั้นเอง
View all 1 comments >

# Mon 9 Oct 2017 : 10:39PM

G'o'LF
member

Since 9/2/2009
(7975 post)

# Tue 10 Oct 2017 : 6:38AM

Exfreedom
member
ผู้พิชิตทากะ
Since 22/1/2007
(2704 post)
HDR ไม่ได้ดีเสมอไปนะฮับ และหนังเรื่องนี้ทีมงานเขาไม่แนะนำ HDR นะเออ
Roger Deakins ผู้กำกับภาพของหนังเรื่องนี้บ่นเอง ตามลิ้งค์ [Link]

ส่วนตัวหนัง ภาคแรก ผมได้ดูครั้งแรกสมัยเรียนวิจารณ์ภาพยนตร์ในมหาลัยตอนปี 3 น่าจะปี 2012 โน่น ถามว่าชอบไหมตอนนั้นบอกเลยว่าเฉยๆ แต่ทุกครั้งที่หยิบกลับมาดูมันจะชอบขึ้นเรื่อยๆ ผมว่ามันเป็นหนังที่มีเสน่ห์มากจริงๆ เอามาดูตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกว่ามันเก่าเลย

ส่วนภาค 2049 ผมให้ 9/10 นะครับ เป็นหนังภาคต่อที่มาสานต่อเรื่องราวได้โคตรดีแบบ "เฮ้ย เออนี่สิทำหนังภาคต่อทั้งทีต้องแบบนี้สิฟะ" ถือว่าปู่เลือก ผู้กำกับได้ถูกงานมากๆ ทั้งงานภาพ เสียง การเล่าเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป มันดูเพลินมากๆ จัดเต็มสุดๆ เป็นประสบการณ์การดูหนังที่อิ่มเอิ่มที่สุดของปีนี้เลย

ขอบคุณ 3 บริษัทผู้ร่วมออกทุนมาให้ทำหนังเรื่องนี้ ถือว่าต้องใจกล้ามากๆ ที่เอาเงิน 180 ล้านดอลล่า มาลงกับหนังคัลล์สเกลใหญ่ขนาดนี้ รู้สึกได้ว่าหนังเรื่องนี้ทำออกเพื่อสนอง Passion ของทีมงานล้วนๆ

ความเนือยของหนังผมว่ายังเฉยๆ นะ ในโลกนี้มีหนังเนือยกว่านี้อีกเยอะ อยากสัมผัสประสบการณ์เนือยแนะนำ 2001 Space Odyssey
View all 3 comments >

# Tue 10 Oct 2017 : 7:45AM

Fenrir
member

Since 26/4/2006
(2026 post)
พา แม่กับ ป้าแก่ๆไปดู ออกจากโรงมาเจอด่าเช้ดเลย 55

แต่จนวันนี้ 2 คนนั้นยังชวนคุย หาข้อมูลหนังเรื่องนี้มาเถียงกันไม่หยุด หนังมันมีเสน่ห์ฝังลึกจริง ๆ

# Tue 10 Oct 2017 : 9:15AM

Rising
member

Since 2013-06-26 00:40:30
(1168 post)
นางเอกเล่นเรื่องนี้ รู้สึกน่ารักมาก
เรื่องก่อนหน้าหลอกจอนวิคไปเชือดทำไม่ไม่รู้สึกว่าน่ารัก (หรือเพราะทรงผม)
View all 1 comments >

# Tue 10 Oct 2017 : 10:58AM

~Pupo~
member

Since 21/10/2005
(544 post)
ชอบมาก

มาครบทั้ง ภาพ บท ปรัชญา
หนังลึกมากถึงมากที่สุด แฝงข้อคิด เสียดสีสังคมเยอะแยะไปหมด

จากตอนแรกไม่รู้ว่ามีภาคแรก เห็นชื่อหนังนึกว่าหนังบู๊ทั่วไป แต่เห็นคะแนนเยอะ+ชอบไรอันอยู่แล้วเลยลองดู

ผมให้เป็นหนังแห่งปีสำหรับปี2017เลย (A)

# Tue 10 Oct 2017 : 11:18AM

tianyou
member

Since 7/5/2008
(604 post)
ภาคแรกที่เนื่อย อาจจะเป็นเพราะเราๆท่านๆ มาทันดูตอนเป็น dvd ไม่ได้ดูในโรงด้วยแหละ มันเลยดึงอารมณ์ได้ไม่เท่า ไปดูมาภาค 2049 ทำได้ดีเลย ไม่รู้สึกเนือยเหมือนภาคแรกเลย

# Tue 10 Oct 2017 : 5:04PM

Bergkamp
member

Since 26/5/2006
(12600 post)
ดูมาละวันก่อน แอบวูบช่วงแรกๆ แต่กลางเรื่องเป็นต้นไปไม่มีเบื่อเลย แต่มันจะอึนๆ เนือยๆ เงียบๆ แบบว่าต้องก้าวข้ามตรงนี้ไปให้ได้ก่อน แล้วจะสนุกกับมันทุกนาที ใครชมเรื่อง sound ผมกลับรำคาญเสียงวี๊ดๆ มันนะ รู้สึกมันใส่มาไม่ค่อยมีเหตุผลไม่ตรงจังหวะเท่าไหร่ ขับยานบินๆก็วี๊ดๆ อยู่ได้ปวดหู

คนชอบชมน้อง Joi แต่ผมชอบคนนี้ หน้าตาร้ายๆหน่อย หุ่นโคตรได้ ขาโคตรสวย แถมฉาก love scene ทำมาโคตรล้ำ กราบตีนในไอเดีย

View all 1 comments >

# Tue 10 Oct 2017 : 9:57PM

Chengy
member

Since 8/3/2010
(1770 post)
หนังภาคแรกมันเยี่ยมมาก ทุกอย่างลงตัว แต่ถ้าใครพึ่งหยิบมาดู น่าจะผิดหวังและหลับกันส่วนใหญ่

ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะหนังมันเก่าแล้ว องค์ประกอบหลายๆอย่างเลยดูเก่าและไม่ไฮเทคเหมือนที่ควรเป็น

อีกอย่างคือความลับของพระเอก สมัยก่อนกว่าตาผู้กำกับจะเฉลย คนดูต้องดูหลายรอบกว่าจะเห็นจุดบอกใบ้หลายๆอย่าง พอได้รู้ หนังมันเลยมีความหมายและเจ๋งขึ้นมา

ส่วนตัวผมว่าพวกแนวไซไฟหุ่นยนต์ ออกตามหาความหมายของชีวิตและจิตวิญญาณ Ghost in the shell ภาคแรก ตัวที่เป็นอนิเมชั่นนะ ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่พึ่งฉายไป ทำได้ถึงอารมณ์มากกว่า

# Tue 10 Oct 2017 : 10:11PM

warinn
member

Since 2016-09-10 08:33:34
(1054 post)
หนังเรื่องนี้ไม่สนุกหรอก มันไม่มันส์ ไม่ตื่นเต้น

แต่เนื้อหามันช่างงดงามและทรงคุณค่า ปีนี้ได้เจอหนังเนื้อเรื่องดี(จริงๆ)สักที

หนังเต็มปรัชญาชีวิตเช่นเดียวกับภาคแรก ส่วนเรื่องเนือยๆนี่ ผมว่าเฉยๆนะ
เรื่องที่แล้วของผกก.คนนี้ เดินเรื่องช้ากว่านี้อีก ซาวด์ประกอบแสบหูไปนิดแต่พอหยวนๆได้

เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่รอบที่ไปดู ไม่มีคนเลย แถมผมไปคนเดียวด้วยอีก ความเหงา เศร้า เปล่าเปลี่ยว ความรู้สึกของตัวละครเอกถาโถมหนักมาก ตอนจบผมถึงกับน้ำตาซึมทีเดียว ซาบซึ้งและอิ่มเอมใจครับ
[Edited 1 times warinn - Last Edit 2017-10-10 22:12:38]

# Tue 10 Oct 2017 : 10:58PM

baseball
member

Since 17/4/2006
(4473 post)
ดูไอแม็กมาคุ้มมากทั้งภาพและเสียง รู้สึกเลยว่าบางฉากต้องไอแม็ก เป็นภาคต่อที่เติมเต็มภาคแรกได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว

# Wed 11 Oct 2017 : 7:25AM

-nakamura-
member
ไม่ได้เล่น emu ครับ เล่น apk
Since 2013-10-27 16:26:15
(5430 post)
หนังกากสำหรับผมมากนะ เเต่ผมจะซื้อเเผ่น 4k bluray hdr ถูกๆตอนลดราคาหรือebayมือ2 เพราะไม่ใช่หนังดีหรอกเเต่ชอบการใช้เเสงสีสลัวๆตอนกลางคืนหรือที่มืด เวลาดูเเบบ hdr4k เเละภาพมันออกมาสวยชนิดคนละเรื่องกับในโรงหนังเลย
[Edited 1 times -nakamura- - Last Edit 2017-10-11 10:25:47]

# Wed 11 Oct 2017 : 1:37PM

CROWS
member

Since 14/3/2010
(2297 post)
ก่อนไปดูโรงยังมีความคิดว่ามันจะเนือยๆหลับๆเหมือนภาคแรกแน่ แล้วยิ่งผู้กำกับคนนี้อีก เคยไปดูEnemyกับArrivalแล้วหลับยาวมาด้วย เลยหวั่นๆกับเรื่องนี้พอสมควร แต่พอดูแล้วความเนือยมันไม่ได้มีผลอะไรเลย แค่งานภาพก็ดึงดูดให้ดูได้ทั้งเรื่องแล้ว เสียงก็ดี เนื้อเรื่องก็ต่อยอดจากภาคแรกมาได้ดีสุดๆ ฉากแอ็คชั่นถึงจะน้อยแต่มันดีมาก ดูแล้วอิ่มล้นปรี่สุดในบรรดาหนังฉายโรงในปีนี้เลย

# Wed 11 Oct 2017 : 4:24PM

เป็นคนดีของสังคม
member

Since 2012-07-05 20:49:51
(874 post)
ดูจบเเล้วไม่เเปลกใจทำไมได้คะเเนนท่วมท้นจากนักวิจารณ์

<<
<
1
2
>
>>
Reply
Vote




1 online users
Logged In :