บทความจากเว็บไซต์วิกิฮาว

วิธีการ สร้างวีดีโอเกมเป็นของตัวเอง



การออกแบบวีดีโอเกมนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่ถ้าคุณคิดอยากจะทำ ก็ไม่มีตอนไหนเหมาะกับการเริ่มสร้างเกมที่ดีไปกว่าตอนนี้แล้วล่ะ ด้วยการพัฒนาที่เจริญเติบโตและกว้างไกล ทำให้การสร้างเกมนั้นทั้งถูกและง่ายกว่าที่เคย ทำตามคำแนะนำนี้เพื่อออกแบบและสร้างเกมในฝันของคุณ จากนั้นก็เผยแพร่ให้โลกได้เห็นซะเลย

ขั้นตอน1ของ7
การวางแบบฐาน

1.เลือกประเภทของเกม



ขณะที่เกมที่ประสบความสำเร็จนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์ฉีกแนวในแบบของมัน แต่เกือบทุกเกมนั่นก็ยังอยู่ในประเภทที่เจาะจงอยู่ดี ให้ตัดสินใจว่าคุณอยากจะสร้างเกมประเภทไหน และไปดูเกมอื่นที่อยู่ในประเภทเดียวกันว่ามันมีอะไรบ้าง ประเภททั่วไปของเกมก็มีดังต่อไปนี้:
- เกมอาร์เคด (แนวเกมตู้ ใช้เวลาจบเกมไม่นาน)
- เกมยิง
-เกมลับสมอง
-เกมแพลตฟอร์ม (แนวแอคชั่นพื้นฐาน ที่ตัวละครจะวิ่ง กระโดดไปรอบๆ)
-เกมแข่งขัน
-เกมผจญภัย
-เกมวิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด
-เกมอาร์พีจี (แนวที่ผู้เล่นต้องรับบทบาทสมมติเป็นตัวละครในเกม)
-เกมยิงแนวมุมมองบุคคลที่หนึ่ง
-เกมเจอาร์พีจีตามเนื้อเรื่อง (แนวที่เล่นตามเส้นเรื่อง เหมือนอ่านการ์ตูนหรือดูหนังอยู่)
-เกมป้องกันฐาน
-เกมสยองขวัญ
-เกมต่อสู้
-เกมตลก
-เกมเอาชีวิตรอด


2.เลือกอุปกรณ์ในการเล่น



อุปกรณ์ที่คุณเลือกจะพัฒนาเกมให้เล่นกับอุปกรณ์นั้นๆ จะส่งผลต่อวิธีการพัฒนาเกมอย่างสำคัญเลย อุปกรณ์จะเป็นตัวกำหนดวิธีการควบคุมเกม อย่างเกมในสมาร์ทโฟนก็จะมีการแตะและเอียงจอเป็นการควบคุมพื้นฐาน เกมที่เล่นในคอมพิวเตอร์ PC ก็มักจะใช้คีย์บอร์ดกับเมาส์ในการควบคุม และเกมในเครื่องเล่นวีดีโอเกมก็ต้องใช้เครื่องควบคุมของแต่ละเครื่องเล่นในการควบคุม
-มันมีข้อยกเว้นสำหรับกฏการควบคุมเหล่านี้อยู่ แต่คุณจะรู้สึกว่ามันง่ายกว่าที่จะออกแบบเกมให้เจาะจงกับวิธีการควบคุมไปซะเลย
-ถ้าคุณอยากสร้างเกมที่เล่นในโทรศัพท์มือถือ iPhone คุณต้องสมัคร Apple store จากเครื่องคอมพิวเตอร์ Mac เสียก่อน

3.เขียนแบบเบื้องต้นออกมา



ควรจะมีอย่างน้อยหนึ่งหน้า แต่จะเป็นหัวใจสำคัญของเกมที่คุณสร้าง ประกอบไปด้วยแนวคิดพื้นฐานของเกมคุณ และเขียนขึ้นเป็นภาพให้เห็นว่าเป็นวีดีโอเกมที่สามารถใช้เล่นได้จริง

4.เริ่มด้วยคุณลักษณะหลักๆ



คำๆ นี้จะทำหน้าที่เป็นแรงขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังของเกม เป็นคำง่ายๆ ที่ทำให้เข้าถึงใจความสำคัญว่าเกมนี้คืออะไร กลับมาดูคำนี้บ่อยๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเกมของคุณยังทำไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในตอนแรกอยู่ ตัวอย่างคุณลักษณะหลักมีดังต่อไปนี้:
-เกมนี้เป็นเกมจำลองเศรษฐกิจบนสถานีอวกาศ
-เกมนี้เป็นเกมที่จะให้ต้องขับรถ
-เกมนี้เป็นเกมทดสอบปฏิกิริยาโต้กลับของผู้เล่น

5.เขียนลักษณะรูปแบบ



ลักษณะรูปแบบคือสิ่งที่จะทำให้เกมของคุณต่างออกจากเกมอื่นที่อยู่ในประเภทเดียวกัน เริ่มด้วยการเขียนรายการความคิดสร้างสรรค์และแนวคิดออกมาก่อน เปลี่ยนแนวคิดเหล่านั้นให้เป็นการตัดสินเพื่อดำเนินการต่อ เล็งออกมาประมาณ 5-15 แนวคิด ตัวอย่างเช่น:
-แนวคิด: สถานีอวกาศและการก่อสร้าง
รูปแบบ: สร้างและจัดการสถานีอวกาศส่วนตัวของคุณเอง
-แนวคิด: ความเสียหายจากดาวเคราะห์
รูปแบบ: ต่อสู้เพื่อให้อยู่รอดท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่โหดร้าย ทั้งดาวเคราะห์ เปลวสุริยะ และดาวหาง
-การเขียนรูปแบบไว้ก่อน จะทำให้สามารถลงรายละเอียดในรูปแบบแต่ละอันภายหลังในเอกสารการออกแบบได้ การที่มีรายการรูปแบบตั้งแต่แรกจะทำให้คุณยังเดินตามเป้าหมายที่วางไว้แต่แรก และป้องกันการเกิด“รูปแบบเพิ่มเติม” ที่จะทำให้คุณใส่อะไรก็ไม่รู้มามั่วๆ ตามที่อยากเพิ่มทีหลังระหว่างที่ทำเกมอยู่ได้
-ปรับปรุงรูปแบบเหล่านั้นจนกว่าคุณจะพอใจ จนกว่าจะได้ตัวอย่างเกมอย่างที่อยากทำขึ้นมา

6.ไปพักซะ



เก็บส่วนที่ออกแบบไว้ในลิ้นชักแล้วไม่ต้องไปนึกถึงมันสักสัปดาห์สองสัปดาห์ คุณต้องกลับไปมองมันด้วยมุมมองใหม่ๆ เสียบ้าง วิธีนี้จะทำให้คุณตัดสินใจได้ว่าควรเดินหน้าแผนงานนี้ต่อ หรือต้องกลับไปปรับปรุงอะไรๆ ใหม่เสียก่อน

ขั้นตอน 2 ของ 7:
การเขียนเอกสารการออกแบบ

1.ลงรายละเอียดที่สำคัญที่สุด



เอกสารการออกแบบนั้นถือเป็นกระดูกสันหลังของวีดีโอเกมคุณเลยก็ว่าได้ มันประกอบไปด้วยคำอธิบายรายละเอียดของกลยุทธ์ในเกม โครงของเกม ฉาก การออกแบบด้านความสวยงาม และอื่นๆ อีกมากมาย รูปแบบของเอกสารนั้นย่อมไม่สำคัญเท่าเนื้อหาข้างใน
-เอกสารการออกแบบจะยิ่งสำคัญขึ้นไปอีก ถ้าคุณจัดทีมที่มีโปรแกรมเมอร์และศิลปิน ให้มั่นใจว่าเอกสารนี้ได้ออกแบบเพื่อกลุ่มทีมงาน ไม่ใช่เพื่อลูกค้า โดยหลีกเลี่ยงความครุมเครือและให้เจาะลึกในรายละเอียดว่ากลยุทธ์ของเกมนั้นควรจะเป็นไปในทิศทางใด
-ใช่ว่าทุกเกมจะต้องมีเอกสารการออกแบบ และไม่มีเอกสารใดที่จะมีลักษณะเหมือนกันเสมอไป ใช้ขั้นตอนเหล่านี้เป็นตัวอย่าง แต่ให้นำไปปรับให้เข้ากับความต้องการของเกมคุณ

2.กำหนดตารางสารบัญขึ้นมา



ควรทำสารบัญที่บอกถึงทุกส่วนของเกม มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่ต้องใส่ลงไปก็ได้ ก็คือเนื้อเรื่องของเกม เว้นแต่ว่าเนื้อเรื่องจะมีความเกี่ยวข้องในระดับพื้นฐานกับกลยุทธ์ของเกม
-ทำตารางสารบัญให้คล้ายกับที่คุณทำคู่มือในการเล่นเกมนั่นแหละ เริ่มต้นด้วยส่วนกว้างๆ อย่างการสร้างตัวละคร การต่อสู้ และการประสานระหว่างผู้ใช้กับเกมหลักๆ จากนั้นก็ลงรายละเอียดในแต่ละหัวข้อให้มีหัวข้อย่อยแยกไปอีก
-คิดซะว่าตารางสารบัญเป็นแผนคร่าวๆ ของเกม คุณต้องเพิ่มรายละเอียดลงไปในแต่ละตารางให้มากขึ้นอีก

3.เติมในแต่ละส่วนของเอกสาร



หลังจากที่ได้ตารางออกมาแล้ว ให้ขยายเนื้อหาในเรื่องของกลยุทธ์ ใช้เวลาลงรายละเอียดให้มากๆ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนเมื่อเริ่มเข้าสู่การเขียนเกมในโปรแกรมแล้ว แต่ละกลยุทธ์ควรมีการอธิบายไว้อย่างชัดเจน เพื่อจะได้ไม่เกิดความงุนงงเมื่อต้องทำเกมกับเครื่องมือ

4.ส่งให้แต่ละคนในทีมทำเกมของคุณ



รูปแบบของเกมนั้นมีกระบวนการทำงานร่วมกันอย่างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับวิธีของคุณ ความเข้าใจของคนอื่นในทีมจะช่วยให้เกมของคุณดำเนินไปตามเป้าหมาย และสามารถแสดงให้เห็นส่วนที่ไม่ได้ดีอย่างที่คิดได้

ขั้นตอน 3 ของ 7:
การเริ่มเข้าสู่โปรแกรม

1.ตัดสินใจเลือกระบบเอ็นจิ้น (Engine) สำหรับการสร้างเกม



เอ็นจิ้นนั้นถือเป็นพื้นฐานของเกมเลยล่ะ มันประกอบไปด้วยเครื่องมือสำหรับการพัฒนาเกมอันหลากหลายที่ช่วยให้สร้างเกมได้ง่ายขึ้น การใช้เอ็นจิ้นที่มีอยู่แล้วจะช่วยประหยัดเวลาได้มาก และยังลดความซับซ้อนในการสร้างเกมมากกว่าการสร้างเอ็นจิ้นขึ้นมาใหม่ ในโลกนี้มีเอ็นจิ้นมากมายที่ถูกออกแบบโดยนักพัฒนาที่แสนจะอินดี้
=เอ็นจิ้นต่างๆ มักจะทำให้การจัดการเรื่องของกราฟฟิค เสียง และ AI เป็นเรื่องง่ายไปเลย
=เอ็นจิ้นที่ต่างกันย่อมมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกันออกไป บางเอ็นจิ้นก็เหมาะกับกราฟฟิค 2มิติ บางอันก็เหมาะกับกราฟฟิค 3 มิติ บางเอ็นจิ้นก็ต้องใช้ทักษะความรู้ด้านโปรแกรมมากกว่าเอ็นจิ้นเจ้าอื่น และนี่คือเครื่องมือพัฒนาเกมที่คุณสามารถใช้ได้แม้ไม่ต้องเรียนเขียนโค้ดมาก่อน เหล่าเอ็นจิ้นพัฒนาเกมที่ปล่อยให้ใช้ฟรีและมีชื่อเสียง มีดังต่อไปนี้:
-GameMaker: Studio – หนึ่งในเอ็นจิ้นสร้างเกม 2 มิติที่มีชื่อเสียงที่สุด
-Unity – เอ็นจิ้น 3 มิติ ที่โด่งดัง ใช้งานง่ายและใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
-RPG Maker VX – เครื่องมือเขียนสคริปท์ที่ออกแบบมาสำหรับเกมอาร์พีจี 2 มิติ เป็นรูปแบบเจอาร์พีจีแบบดั้งเดิม
-Unreal Development Kit – เอ็นจิ้น 3 มิติที่สามารถปรับแต่งให้ใช้งานได้หลากหลาย
-Source – เอ็นจิ้น 3 มิติที่โด่งดัง ซึ่งมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
-Project Spark - เอ็นจิ้น 3 มิติที่ดีที่สุด เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป

2.เรียนรู้เกี่ยวกับเอ็นจิ้นที่เลือก หรือหาใครสักคนที่เชี่ยวชาญด้านนี้



คุณอาจต้องเจอกับการเขียนโปรแกรมจำนวนมาก แม้กระทั่งเอ็นจิ้นระดับพื้นฐานยังต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจถึงการจัดการมัน ถ้าการเขียนโปรแกรมมันเกินความสามารถของคุณไปหน่อย ก็คงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้หรือไม่ก็จ้างใครสักคน
-มันจะเป็นขั้นเริ่มต้นของการสร้างทีมของคุณ ถ้าคุณไม่สามารถเขียนโปรแกรมได้ คนแรกที่คุณต้องจ้างมาคือโปรแกรมเมอร์ ไว้ค่อยไปสนใจเรื่องภาพและเสียงทีหลัง คุณต้องจัดการเรื่องการทำต้นแบบก่อน โปรเจคท์เกมของคุณถึงจะดำเนินต่อได้
-มีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ของนักพัฒนาอิสระที่คุณสามารถติดต่อด้วยได้ พวกเขาจะเข้าร่วมโปรเจคท์ด้วยเหตุผลและค่าจ้างที่ต่างกันออกไป ที่นี่คือที่ที่เอกสารการออกแบบของคุณจะได้ใช้งานล่ะ เพราะมันจะแสดงให้เห็นว่าคุณมีความมุ่งมั่นในด้านความคิดของคุณ

3.สร้างต้นแบบ (Prototype) ขึ้นมา



หลังจากที่ทำความคุ้นเคยกับเอ็นจิ้นที่เลือกได้แล้ว ให้สร้างต้นแบบของเกมขึ้นมา ต้นแบบนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวทดสอบพื้นฐานการทำงานหลักๆ ของเกม คุณยังไม่จำเป็นต้องทำกราฟฟิคหรือใส่เสียงลงไปสำหรับตัวต้นแบบ แค่องค์ประกอบง่ายๆ (อย่างกล่องสักใบ หรือตัวการ์ตูนก้างปลาสักตัว) และพื้นที่ให้ได้ทดสอบเล็กๆ ก็พอ
-ทดสอบและปรับแต่งต้นแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อรับประกันความสนุกของเกม จดไว้ด้วยว่าแบบไหนที่รู้สึกว่ายังใช้ไม่ได้ ยังไม่ถูกใจ และกลับไปดูกลยุทธ์ของเกม ถ้าส่วนต้นแบบยังเล่นไม่สนุก เกมที่ออกมาก็คงไม่สนุกไปด้วยนั่นแหละ
-มันจะมีส่วนบางส่วนที่ดูเหมือนจะง่ายหรือเป็นไปได้ แต่กลับไม่ค่อยดีเท่าไรเมื่อถึงเวลาต้องมาทำเป็นเกมอยู่เสมอ ให้ลองกับต้นแบบเพื่อปรับเปลี่ยนจุดที่ใช้ได้และใช้ไม่ได้หลายๆ ครั้ง

4.ปรับการควบคุม



การทำงานหลักๆ ที่พื้นฐานที่สุดของเกมคือการประสานระหว่างผู้เล่นกับเกมผ่านส่วนของการควบคุม ใช้ต้นแบบเพื่อให้มั่นใจว่าการควบคุมนี้สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว
-เกมที่จัดการเรื่องการควบคุมได้ห่วย จะทำให้ผู้เล่นพากันหนีไปหมด เกมที่ใช้การควบคุมได้ดีจะคุ้มค่าต่อทักษะของผู้เล่น

ขั้นตอน 4 ของ 7:
การสร้างวัตถุในเกม (Asset)

1.พิจารณาความต้องการของโปรเจคท์เกมของคุณ



งานภาพของคุณนั้นย่อมมีปริมาณที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับขอบเขตของโปรเจคท์ บางเกมอาจสร้างขึ้นมาแค่รูปร่างและสีพื้นๆ ขณะที่ส่วนของเกมอื่นๆ มีทั้งโลกที่ซับซ้อนที่ถูกสร้างโดยทีมออกแบบศิลป์และทีมออกแบบเสียงจำนวนมาก อยู่กับความจริงในด้านเป้าหมายของเกมเพื่อสร้างวัตถุในเกม แล้วจ้างทีมมาให้เข้ากับสิ่งที่คุณต้องการ
-เกมที่อิสระ ไม่ขึ้นกับค่ายไหนส่วนใหญ่จะสร้างมาจากทีมเล็กๆ บางทีก็อาจทำคนเดียวเลยก็ได้ ถ้าคุณทำโปรเจคท์เกมทั้งหมดด้วยตัวเองคนเดียว คิดไว้เลยว่าต้องใช้เวลามากแน่ๆ โดยเฉพาะถ้าคุณมีแววว่าจะสร้างวัตถุทั้งหมดในเกมขึ้นมาเองด้วยแล้ว
-มีวัตถุในเกมแจกฟรีผ่านช่องทางออนไลน์จากกลุ่มนักพัฒนาอยู่ด้วยนะ ต้องดูให้แน่ใจเสมอว่าสิ่งที่คุณนำมาใช้นั้นไม่ได้ไปละเมิดลิขสิทธิ์ใครเขาเข้าล่ะ

2.วาดภาพออกมาคร่าวๆ



เพื่อที่จะได้เริ่มรู้สึกถึงภาพที่สวยงามของเกม คุณต้องเริ่มจัดการกับภาพในต้นแบบ จากนั้นก็ต่อยอดจากต้นแบบนั้นไปสู่วัตถุในเกม
-มีรูปแบบอยู่มากมายให้คุณได้เลือกใช้เลยล่ะ อย่างภาพแนวพิกเซล (แนวย้อนยุคโดยตั้งใจ) เป็นหนึ่งในรูปแบบทั่วไปที่นักพัฒนาอิสระมักจะใช้ นั่นก็เพราะภาพแนวพิกเซลมักจะแพงน้อยที่สุดและใช้เวลาเร็วสุดในการสร้าง และผลลัพธ์ก็ยังออกมาเป็นเกมที่“ดูดี”อีกด้วย
-ถ้าคุณมีเวลากับกำลังคนมากกว่า จะลองนึกไปถึงการใช้ภาพ 3 มิติ ก็ได้นะ การปั้นรูป 3 มิติแบบพื้นฐานสามารถทำได้โดยคนๆ เดียวด้วยซ้ำ แต่สำหรับรายละเอียดที่ซับซ้อนก็จะต้องใช้เวลามากขึ้นหน่อย รูปโมเดล 3 มิติย่อมต้องมีลวดลายข้างบนของรูปโมเดลด้วย

3.ออกแบบโลก หรือสิ่งก่อสร้างในเกม



เมื่อมีภาพให้ใช้แล้ว ก็สามารถเริ่มสร้างสิ่งต่างๆ ในเกมได้แล้ว คุณอาจต้องสร้างระดับเลเวลหรือพื้นที่ในการเล่น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของเกมที่คุณทำอยู่ ถ้าคุณทำเกมลับสมอง ก็เริ่มออกแบบด่านลับสมองได้เลย

4.พัฒนาภาพที่ใช้เป็นวัตถุในเกมของคุณ



มีหลากหลายโปรแกรมที่สามารถใช้สร้างภาพที่ใช้เป็นวัตถุในเกมได้ นั่นก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบสไตล์งานภาพของคุณ ตัวอย่างโปรแกรมดังๆ เช่น:
-Blender – โปรแกรมที่แจกจ่ายให้ใช้ได้ฟรีนี้เป็นหนึ่งในโปรแกรมสร้างโมเดล 3 มิติที่มีชื่อเสียง และมีคู่มือคำแนะนำในช่องทางออนไลน์มากมาย ที่จะแสดงให้คุณเห็นว่าจะต้องทำงานอย่างไรและจะทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น
-Photoshop – โปรแกรมนี้ถือว่าจำเป็นในขั้นตอนการทำพื้นผิว เช่นเดียวกันการทำรูป 2 มิติส่วนใหญ่ มันเป็นโปรแกรมที่มีราคาสูง ฉะนั้นถ้าไม่ค่อยมีงบ ให้ลองใช้โปรแกรม GIMP ที่เป็นโปรแกรมเปิดให้ใช้ได้ฟรี ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ Photoshop GIMP มีรูปแบบการทำงานส่วนใหญ่คล้ายกันเลย
-Paint.net – เป็นโปรแกรมที่ให้ใช้งานได้ฟรีที่คล้ายกับโปรแกรม Paint Shop Pro และสามารถสร้างรูป 2 มิติง่ายๆ ไม่เสียเงินอีกด้วย โปรแกรมนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งกับการสร้างภาพกราฟฟิคแบบพิกเซล 2 มิติ

5.อัดเสียงใส่ลงไป



การออกแบบเสียงในเกมเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เพลิดเพลินไปขณะเล่นเกมได้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเพลง จะใช้เอฟเฟคท์เสียงเมื่อไรหรืออย่างไร และเหล่าเสียงในบทพูด ก็ต่างเป็นสิ่งที่ส่งผลถึงทางที่ผู้เล่นจะได้เชื่อมกับเกม
-คุณสามารถหาเสียงและเพลงที่มีพลังและไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ให้ใช้เสียงเหล่านี้ถ้าคุณต้องประหยัดงบประมาณหรือถ้าคุณทำงานแบบอิสระ
-ลองสร้างเสียงเอฟเฟคท์ขึ้นมาเองด้วยอุปกรณ์ในบ้านของคุณสิ

ขั้นตอน 5 ของ 7:
การจัดเตรียมความพร้อม

1.เล่นเกมของคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้



อย่างที่คุณสร้างเกมในแต่ละส่วนขึ้นมา ลองเล่นดูเพื่อให้แน่ใจว่ามันยังสนุกและน่าสนใจอยู่ ถ้ามีการจัดการฉากหรือแผนการที่รู้สึกว่ายังอ่อนอยู่ ก็ให้แก้ไขไม่ก็ตัดมันออกซะ หลังจากที่จัดระดับเลเวล หรือเกมลับสมอง หรือฉากของเกมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เล่นเกมให้ผ่านเพื่อให้มั่นใจว่ามันสนุกตั้งแต่ต้นจนจบ

2.ยังคงต้องยึดเป้าหมายตามคุณลักษณะหลัก



ตลอดขั้นตอนการพัฒนาเกม คุณควรหมั่นตรวจสอบบ่อยๆ ว่าเกมของคุณยังดำเนินตามเป้าหมายคุณลักษณะหลักอยู่ ให้แน่ใจว่าคุณยังดำเนินตามรายการแบบแผนนั่น และไม่ได้พบกับความยุ่งยากน่าปวดหัวจากสิ่งที่เสริมเข้ามาเรื่อยๆ

3.ขัดเกลาให้สมบูรณ์



กลับมาเกลาภาพ เสียง และรูปแบบของเกมจากหยาบๆ ให้เรียบลื่นอยู่เป็นประจำ และดึงรูปแบบที่ชัดเจนของเกมออกมา ความสามารถในการขัดเกลาอย่างรวดเร็วของคุณนั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบของภาพที่ใช้อย่างมากเลยล่ะ

ขั้นตอน 6 ของ 7:
การทดสอบเกม

1.เริ่มล่าบัค



เมื่อเล่นเกมจากต้นจนจบแล้ว ก็ได้เวลาหาสิ่งที่ทำให้เกมมันพัง การหาบัคในเกมและทำลายมันถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าหลายๆ คนจะได้เล่นเกมนี้ได้

2.ลองทำสิ่งที่ปกติไม่ได้ทำดู



ต้องนำทุกวิถีทางที่ผู้เล่นสามารถเข้าถึงเกมได้มาคิดด้วย ให้แน่ใจว่ากฏของเกมคุณไม่สามารถข้ามผ่านไปหรือพังเอาได้เมื่อเกิดการโจมตีกฏเหล่านั้น โดยต้องตรวจสอบให้มั่นใจอย่างถึงที่สุด
-การทดสอบบัคอาจต้องใช้เวลานาน บางทีอาจนานเท่าเวลาสร้างเกมเลยก็ได้ ยิ่งถ้าได้คนมาช่วยทดสอบเยอะเท่าไร ก็จะยิ่งเจอปัญหาและแก้ไขได้มากเท่านั้น

3.จัดลำดับความสำคัญในการแก้บัค



ถ้าคุณเจอรายการบัคที่ต้องแก้ไขเป็นจำนวนมาก แต่กลับมีเวลาแก้จำกัด ก่อนอื่นต้องจัดการกับบัคที่ทำให้เกมพังก่อนเป็นอันดับแรก ตัวอย่างก็คือ ถ้ามันมีบัคที่ทำให้ผู้เล่นได้คะแนนสูงเฟ้อไม่จำกัดในเกม คุณก็ควรที่จะแก้ไขบัคตรงนั้นก่อนในทันที

4.ดูคนอื่นเล่นเกม



ให้ชวนเพื่อนมาลองเกมของคุณ ดูวิธีที่เขาผ่านด่านเหล่านั้น และการเชื่อมประสานระหว่างตัวของพวกเขากับเกมว่าเป็นอย่างไร บางทีพวกเขาอาจลองทำอะไรที่คุณไม่คิดว่าจะมีคนทำก็เป็นได้

ขั้นตอน 7 ของ 7:
การเผยแพร่เกมของคุณ

1.ตรวจสอบเอ็นจิ้นกับกฏเกณฑ์การเผยแพร่ในโปรแกรม



เอ็นจิ้นแต่ละตัวก็รองรับอุปกรณ์ที่ต่างกันออกไป และบางตัวก็ต้องการการอนุญาตที่ต่างกันเพื่อเผยแพร่บนอุปกรณ์ที่ต่างกันออกไปอีก ตัวอย่างเช่น สำหรับเอ็นจิ้น Game Studio คุณสามารถเผยแพร่เกมบนระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac OS X ด้วยเวอร์ชั่น Standard แต่ถ้าอยากเผยแพร่ในมือถือด้วยแล้วล่ะก็ ต้องอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่น Pro และจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม

2.โฆษณาเกมของคุณ



เมื่อใกล้ถึงเวลาเผยแพร่เกมแล้ว ให้เริ่มดึงความสนใจซะ ปล่อยภาพประกอบและคลิปวีดีโอจากในเกมลงบนเว็บบอร์ดเกี่ยวกับเกมชื่อดัง ติดต่อกับเว็บไซต์ที่ลงข่าวเกี่ยวกับเกม แล้วบอกว่าเกมของคุณกำลังจะเผยแพร่เร็วๆ นี้ (บอกรายละเอียดไปด้วยว่าจะโหลดเกมได้อย่างไร ราคาเท่าไร และบอกเนื้อเรื่องย่อๆ ของเกม)
-สร้างเว็บไซต์เกี่ยวกับเกมนั้นขณะที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิตเริ่มเพิ่มจำนวนผู้ติดตาม การสร้างเว็บบอร์ดเอาไว้สำหรับเกม เป็นวิธีที่ดีที่จะให้แฟนเกมได้คุยกัน และเพื่อที่การอัพเดทของคุณจะได้มีผู้ที่สนใจเพิ่มขึ้นด้วย

3.พิจารณาการบริการในการจัดจำหน่าย



นักพัฒนาอิสระบางคนขายเกมเองบนเว็บไซต์ แต่ก็ต้องใช้เงินเยอะในเรื่องค่าธรรมเนียมต่ออายุเว็บไซต์ และบางโฮสต์ก็ไม่ได้รองรับตัวเกมที่เสร็จแล้วได้ทั้งหมด ยังมีช่องทางมากมายในการเผยแพร่เกมเหล่านี้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ PC และ Mac OS X ดังนี้:
-Steam
-Desura
-Humble Store
-GOG
-เกมมือถือมักจะต้องเผยแพร่ผ่านร้านค้า (อย่าง Apple App Store, Google Play Store และอื่นๆ ) สำหรับเกมที่ต้องเล่นผ่านเครื่องเล่นก็เช่นกัน (Xbox Live, PlayStation Network เป็นต้น)
-การบริการที่ต่างกันก็ย่อมDifferent services will take different cuts on the sale of your game. ดูรายละเอียดของการบริการแต่ละที่ที่ถูกใจคุณ หน่วยบริการส่วนใหญ่จะมีตัวแทนขายที่คุณสามารถคุยได้โดยตรงในฐานะนักพัฒนา

4.สนับสนุนเกมของตัวเอง



เมื่อเกมได้เผยแพร่เป็นที่เรียบร้อย ให้สนับสนุนให้มากที่สุดเท่าที่ทรัพย์สินจะเอื้ออำนวยได้โดยการแก้ไขบัคและเนื้อหาเพิ่มเติม ยุคของการเผยแพร่ดิจิทัลหมายถึงเกมต้องอัพเดทอย่างเร็วกว่าที่ผ่านมา มันอาจมีบัคที่โผล่ขึ้นมาเมื่อมีผู้คนจำนวนมากเข้าเกมของคุณ ให้แก้ในสิ่งที่สามารถแก้ไขได้ให้เร็วที่สุด

ข้อมูลจาก wikihow.com
[Link]

น่าตั้งในหมวดคอนโซลนะ

กระทู้ดีอ่า ตั้งหมวดนี้คนมาอ่านน้อยเลย

ที่เขียนมาทั้งหมด นี่คือ จริง

ขอบคุณครับ

การสร้างเกม ก็เป็นความฝันของหลายๆคน และของผมเองเช่นกัน
ส่วนตัวแล้ว ทำได้หลายอย่างยกเว้นแต่งเพลง กับเขียนโปรแกรม 555
ตอนนี้ ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ก็วาดลงในกระดาษ แต่งเป็นนิยายรอไว้ก่อน

ขอบคุณมากครับ เป็นบทความที่คนเริ่มทำเกม ต้องศึกษาเลย

ว่างๆเดะไปลองศึกษาภาษา C ดีกว่า อยากลองทำเกมบ้างจัง

โพสผิด

อ่านๆแล้วอยากให้ไอ้พวกเล่นผี
ชอบของฟรีหรือเล่นเกมกากๆมาอ่านเน้อ