"Inception: Marvel Edition ?"

ใครจะเชื่อว่านักแสดงสุดฮ็อตตารางแน่นเอี๊ยดอย่าง เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ จะมารับบทเป็นซุปเปอร์ฮีโร่คนล่าสุดของ Marvel อย่าง Doctor Strange ได้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วท่ามกลางการผงาดของ Marvel และการคืบคลานมาอย่างเชื่องช้าของ DC ในตลาดภาพยนตร์ตอนนี้



การเปิดตัวคุณหมอแปลกแหวกมิติในเวลานี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดก็ว่าได้ ด้วยความที่ยิ่งใกล้สงครามใหญ่อย่าง Infinity Wars aka. ธานอสแอนด์เดอะถุงมือเกรียน เข้าไปทุกที ดูเหมือนว่าจินตนาการหรือความบ้าคลั่งของ Marvel ก็ยิ่งทวีคูณในการเตรียมพร้อมให้ผู้ชมอย่างเรารับกับคลื่นมหึมาที่จะซัดมาถึงในไม่ช้า

แม้ Doctor Strange จะยังคงรูปแบบและเนื้อหาเดิมๆตามสไตล์ Marvel แต่นั้นก็หาใช่สิ่งที่แย่ไม่ คงเป็นเพราะสาเหตุที่สิ่งที่ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้ พวกเขายังคงทำมันได้ดีเพียงพอที่จะทำให้เราสามารถสนุกไปกับมันได้ไม่ยาก



แต่ถ้าหากจะมีสิ่งหนึ่งซึ่งดึงผลงานเรื่องนี้ให้โดดเด่นเหนือผลงานเรื่องอื่นๆของ Marvel ก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากด้านภาพหรือวิชวลอันแสนน่าทึ่งไม่ว่าจะจากการร่ายเวทย์มนตร์สุดเท่ห์ หรือฉากตึกต่างๆเคลื่อนไหวซ้อนกันไปมาอย่างกับ Inception 2.0 เรียกได้ว่าถ้าหากนับเฉพาะความอลังการจากเพียงภาพที่ถูกสรรสร้างมาวางต่อหน้าเรา Doctor Strange อาจเป็นภาพยนตร์ที่ล้ำเลิศที่สุดของ Marvel ก็ว่าได้

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางองค์ประกอบที่ดีเยี่ยมหลากหลายของ Doctor Strange ส่วนสำคัญของเรื่องราวอย่างตัวละครกลับปราศจากการถูกขัดเกลาอย่างพิถีพิถันโดยเฉพาะเหล่าร้ายซึ่งยังคงแสนจืดชืดตามสไตล์ Marvel เหมือนเดิม ในขณะที่ตัวละครหลักอย่างคุณหมอแปลกและตัวละครสำคัญอย่างดิแอนเชี่ยนวัน ต่างรอดตัวไปได้ด้วยการแสดงอันเหนือชั้นของ เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ และทิลดา สวินตัน



สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เหล่าตัวละครขาดความน่าสนใจนอกจากด้านบทภาพยนตร์แล้วก็คงจะหนีไม่พ้นการกำกับของ สก็อตต์ เดอริคสัน ซึ่งพยายามทำเรื่องราวให้กระชับที่สุด แต่กลับไปบีบส่วนของตัวละครโดยเฉพาะตัวละครหลักมากเกินไป ทำให้คุณหมอแปลกแหวกมิติเป็นได้แค่เพียงคุณหมอจอมเวทย์ยโสโอหังที่ปราศจากมิติตัวละครที่ลึกซึ้งหรือความน่าเห็นใจ

ในท้ายที่สุดแล้วถึงแม้ Doctor Strange จะเต็มไปด้วยภาพอันอลังการงานสร้าง ทีมงานโปรดักชั่นระดับเทพ ทีมนักแสดงที่ยอดเยี่ยม หรือมุขตลกขบขันที่สอดแทรกเข้ามาให้ได้หัวเราะกันทั้งเรื่องมากเท่าใด แต่รูปแบบที่ซ้ำซากและเหล่าตัวละครที่ไม่น่าสนใจก็เป็นเหตุที่ทำให้ตัวภาพยนตร์ไม่มีความน่าจดจำเท่าที่ควร ทำให้เราได้แต่ภาวนาว่า หลังจากการใช้เวลาในการปูเส้นทางไปสู่ Avengers: Infinity War กันหลายต่อหลายเรื่อง ตัวละครแสนสำคัญอย่างคุณพี่ธานอสจะไม่ทำให้เราผิดหวัง



Final Score: [ 7 ]

ปล. หลังจบภาพยนตร์มีเครดิตสองรอบนะครับอย่าลืมนั่งดูกันเนอะ

ไม่รู้ว่าเวลามันน้อยหรือเนื้อหามันเยอะ ตัวละครมันเลยไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมาก ส่วน Boss ก็ Marvel Style ดีที่จ่าย 50%

สำหรับผมไปดูมาแล้วก็น่าผิดหวังนิดหน่อยครับ ตัวละครปูมาก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอินและเร่งรีบดำเนินเรื่องมาก เนื้อหาก็เนิบๆกับความไม่สมเหตุสมผลของเนื้อหาที่ดูแล้วรู้สึกตลกๆหลายฉาก ตัวร้ายก็มาร์เวลสไตล์แต่เรื่องนี้รู้สึกง่อยตั้งแต่ต้นยันจบ และนักแสดงแต่ละคนที่นำมาใช้นี่ผมยังรู้สึกว่ายังไม่ใช้ฝีมือการแสดงแต่ละคนอย่างคุ้มค่ากับดาราที่เลือกมาใช้เลยจริงๆ เด่นแค่งานภาพ สำหรับผมคงได้ที่ 6/10

ผมว่าช่วงกลางเรื่องมันรีบเล่าแบบงงๆนะ ไม่รู้ว่าเบลอไปเองหรือเปล่า



ตั้งแต่แคป2 มาหลายเรื่องเลยที่จุดไฮไลท์สนุกๆจริงๆของหนังมาเวลดันอยู่กลางเรื่อง หมอแปลกก็เป็นหนึ่งในนั้น ท้ายเรื่องดันเล่าแบบหมดแรงมากๆ เหมือนพลัง CG อันยิ่งใหญ่ใช้ไปจนหมดงบแล้ว ฉากสู้ก็โคตรจืดแบบรีบๆจบเถอะ จะไปเล่าอีกส่วนนึงต่อ



โดยรวมสนุกนะ ดูได้เพลินมากๆ ไม่ดี ไม่แย่ มาเวลสไตล์จริงๆ หวังว่าภาคต่อคงดีกว่านี้ ไม่ถอยหลังแบบธอร์

Marvel style อีกหนึ่งเสียงครับ แต่ท่าทางบทจะรีบไปหน่อย ถ้ายืดเวลาสักสองชั่วโมงครึ่งน่าจะประติดประต่อเรื่องราวได้เยอะกว่านี้

หมอแปลก น่าจะเป็นคนในตระกูลอุจิวะ เพราะมีเนตรวงแหวนกระจกเงาอกามอตโต้และใช้คาถาลวงตาอิซานามิได้

ไปดูมาวันนี้ครับ ไดด้ครึ่งเรื่องรู้สึกว่าเออ ก็สนุกดีนะ.. เหมือนจะไม่เห็นแย่แบบที่ใครบอกเลย แม้จะเริ่มได้กลิ่นละว่าบทมันต้องมีปัญหาแน่ๆ ตอนแรกกะว่าสงสัยจะได้สัก 9 สำหรับผม ดูจบปุ้บ ขอกลับลำให้ 7 พอ

สเกลหนังไม่ค่อยจะโฟกัสได้กว้างเท่าไหร่เลยเหมือนจะเล่าเรื่องที่ตัวคุณหมออย่างเดียว ในขณะที่หนังเรื่องอื่นของมาร์เวลดูจะมีประเด็นอะไรหยิบมาให้คนดูลุ้นตามอยู่เสมอๆ สำหรับผมถือว่าผิดหวังพอตัวเรื่องบทและการเล่าเรื่อง

แต่ก็ยังดีที่ฉากบู้ กับ CG เวทย์ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าตื่นตา เลยไม่ไดด้ถือว่าแย่อะไรมากนัก

ไม่ชอบแค่การเล่าเรื่องจุดที่ผู้มีพลังเวทย์แตกต่างจากในการ์ตูน
ในการ์ตูนจะเป็นคนที่สามารถมองเห็นเหล่าสัตว์ร้ายจากต่างโลกได้ ถึงจะถือว่ามีพลังเวทย์ภายในแล้วนำมาฝึกต่อ และได้เห็นการฝึกของตัวเอกที่ต้องเริ่มตั้งแต่ 0 ใหม่ เข้าใจในสิ่งต่างๆใหม่ ทำให้เป็นคนที่สุขุม

แต่ในหนังคือใครก็เป็นจอมเวทย์ได้เพียงแค่ต้องฝึกตามที่อาจารย์สอนและตัวเอกแค่อ่านหนังสือเนื่องจากมีสมองเป็นเลิศทำให้เข้าใจการใช้เวทย์ได้ไวและดีกว่าคนอื่น

กลัว Thanos จะห่วยจริงๆ -*-

Boss ใหญ่เก่งๆที่สู้ได้นานๆ เดี๋ยวนี้หายากมาก

มู้นี้น่าจะสปอยล์ได้แล้วมั้ง เดี๋ยวส่วยสปอยล์ผมใส่แท็กไว้ละกัน

ผมให้ 7/10

ส่วนตัวผมว่าเรื่องนี้โคตรสวนทางกับ Ant-man ครับ

คือเนื้อเรื่องหมอผมเฉยๆมาก แต่ถ้านับการต่อยอด เปิดโลกมาร์เวล มันต่อได้เยอะมากๆ

ในขณะที่คุณมดเนื้อเรื่องดีมากๆ แต่ดูจนจบ ส่วนที่สามารถเอาไปต่อยอดเปิดโลกนี่ถือว่าน้อยไปหน่อย

ว่าแต่มีใครไปดู 3D กะ IMAX มาบ้างยังครับ ผมอยากรู้ว่าโอเคไหม ดูจอปกติแล้วรู้สึกว่าเอฟเฟคมันเจ๋งจนอยากดูจอที่มันดีกว่านี้เลย

สปอยล์ & ไข่อีสเตอร์

เล่าเรื่องเร่งไปหน่อยแต่ยังดูรู้เรื่อง แต่การเปลี่ยนแปลงแต่ละอย่างของตัวละครผมว่ามันกระโดดไป



โดยรวมก็ดูสนุกตามสไตล์มาเวล จริงๆแค่ไปดูมันร่ายเวทย์กันกับพวกเอฟเฟคเวลาบิดมิติก็เพลินละ

คือเราก็รู้อยู่แล้วอะนะว่าจ่ายตังไปดูหนังมาเวลแล้วเราจะได้อะไร หนังมันไม่ได้มีจุดที่แย่สุดๆให้ด่า แต่ก็ไม่ได้มีจุดดีสุดๆให้ชม คือเหมือนเราไปดูเพื่อให้ถือว่าตูดูหนังมาเวลครบแล้วนะแค่นั้น เดินออกจากโรงก็แบบไม่ได้มีอารมณ์อะไรติดกลับออกมา

7/10 เหมือนกัน มาเวลสไตล์มากกกกก บอสใหญ่นี่แบบ เห้อมเลย