This thread is locked
<<
<
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
>
>>
Reply
Vote
# Sun 23 Apr 2017 : 10:54PM
ก่อนจะแขวะคนอื่น ไอ้มิตรสหายท่านหนึ่ง ก็น่าจะกลับไปคิดบ้างนะครับ ว่าจากประวัติศาสตร์ของคอมมิวนิสต์ที่มันและทั่นปรีดีและสหายร่านนิยม ที่ไหนมันไปได้สวยและที่ไหนมันฉิบหายวายป่วงบ้าง 555
โชคดีแค่ไหนที่ในหลวงรัชกาลที่แล้วสามารถป้องกันประเทศไม่ให้ฉิบหายไปกับลัทธินี้ ทั้งๆ ที่ขณะนั้นแทบไม่มีอำนาจและบารมี
โชคดีแค่ไหนที่ในหลวงรัชกาลที่แล้วสามารถป้องกันประเทศไม่ให้ฉิบหายไปกับลัทธินี้ ทั้งๆ ที่ขณะนั้นแทบไม่มีอำนาจและบารมี
NickOne wrote:
ตกลงคณะราษฏร์คือพวกเลวร้ายสุดๆไปแล้วหรือ
ประวัติศาสตร์ต้องศึกษาครบช่วงเวลานั้นๆ และอ่านจากหลายสื่อหลายแหล่งแล้วค่อยมาพิจารณา ไม่ใช่ยกเอาแค่บางช่วงบางตอนที่พวกตนเองได้ประโยชน์มาเล่น
สุดท้ายคนเรานั้นไม่ได้ดี 100% เลว 100% มันก็ดีผสมเลวหลอมอยู่ในบุคคลนั้นๆแหละ
ขอยกสเตตัสของมิตรสหายท่านหนึ่งในเฟสมาให้อ่านกัน ยาวหน่อย
ประวัติศาสตร์ต้องศึกษาครบช่วงเวลานั้นๆ และอ่านจากหลายสื่อหลายแหล่งแล้วค่อยมาพิจารณา ไม่ใช่ยกเอาแค่บางช่วงบางตอนที่พวกตนเองได้ประโยชน์มาเล่น
สุดท้ายคนเรานั้นไม่ได้ดี 100% เลว 100% มันก็ดีผสมเลวหลอมอยู่ในบุคคลนั้นๆแหละ
ขอยกสเตตัสของมิตรสหายท่านหนึ่งในเฟสมาให้อ่านกัน ยาวหน่อย
ปัญหาใหญ่ของการนำเสนอบทความแนวอิงประวัติศาสตร์ในเฟซบุ๊ค คือการเลือกบางจุดของประวัติศาสตร์มาเหมารวมด่าทั้งหมดหรืออวยทั้งหมดด้วยการย่อลงในภาพเดียวเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ไม่ดูกระแสและความเป็นไปในภาพรวม
บุคคลคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ผ่านระยะเวลาทั้งชีวิต เปลี่ยนแปลงแนวคิดและการกระทำได้ตามประสบการณ์ที่เปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลอื่นในประวัติศาสตร์ มีทั้งรักทั้งชัง บาดหมางคืนดี บ้างเห็นด้วยบ้างขัดแย้ง
การประเมินการกระทำในประวัติศาสตร์ของบุคคลหรือคณะใด ย่อมต้องชั่งตวงน้ำหนักดีชั่ว แยกแยะให้สมควร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมเกิดแล้ว การสมมติว่าหากบุคคลหรือกลุ่มคณะนั้นไม่ทำเช่นนั้นทำเช่นนี้ เป็นการสมมติสันนิษฐานเอาสนุกประสานิยายเพื่อตั้งจำลองเหตุ แต่จะเอาจริงเอาจังย่อมเป็นไปได้ยาก เพราะปัจจัยของกระแสประวัติศาสตร์นั้นมีมากเกินกว่าคนในยุคหลังจะย้อนคิดไปได้
เติ้งเสี่ยวผิง ประเมินความดีชั่วในพฤติการณ์ของเหมาเจ๋อตงว่ามีดีเจ็ดส่วน เสียสามส่วน การปฏิวัติประเทศจีนให้ชนชั้นชาวนากรรมาชีพเป็นใหญ่ พัฒนาจีนให้เป็นประเทศยุคใหม่ รบขับไล่จักรวรรดิญี่ปุ่นและนายทุนฉ้อฉลก๊กมินตั๋งเป็นส่วนดี เอาแต่ใจเผด็จอำนาจก้าวกระโดดครั้งใหญ่ หนุนปฏิวัติวัฒนธรรมผู้คนล้มตายมหาศาลเป็นส่วนเสีย
จอมพล ป. กับปรีดี เมื่อแรกรู้จักวัยหนุ่มเป็นมิตรสนิทเรียกกันเป็นท่านอาจารย์ เมื่อขัดแย้งก็รบกันขับไล่กัน เมื่อภัยมาถึงประเทศชาติในสงครามโลกก็แยกกันปฏิบัติการเพื่อชาติ รบกันอีกหลังสงครามจบ เมื่อถึงวาระสุดท้ายก็กลับมาคุยกัน
บุคคลในตำราประวัติศาสตร์แต่ละคน ล้วนมีชีวิตวัยเด็กวัยหนุ่มจนถึงแก่ ไม่ได้เป็นบล็อกดีชั่วเป็นตัวละครในละครน้ำเน่าหลังข่าว ไม่ว่าจะเป็นจอมพล เชื้อพระวงศ์ นักปฏิวัติ สามัญชน ชั้นแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายายเรา ก็มีเรื่องที่ทำถูกใจไม่ถูกใจ ดีไม่ดี รักเกลียดเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น
หากประเมินประวัติศาสตร์ด้วยสายตาเป็นธรรมได้ จึงจะมีค่าเป็นกระจกส่องชะตาอนาคต แต่ถ้าหากมองด้วยสายตาบิดเบือนแล้ว กระจกหลอกตาก็ย่อมส่องอนาคตที่บิดเบี้ยวตามไป
บุคคลคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ผ่านระยะเวลาทั้งชีวิต เปลี่ยนแปลงแนวคิดและการกระทำได้ตามประสบการณ์ที่เปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลอื่นในประวัติศาสตร์ มีทั้งรักทั้งชัง บาดหมางคืนดี บ้างเห็นด้วยบ้างขัดแย้ง
การประเมินการกระทำในประวัติศาสตร์ของบุคคลหรือคณะใด ย่อมต้องชั่งตวงน้ำหนักดีชั่ว แยกแยะให้สมควร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมเกิดแล้ว การสมมติว่าหากบุคคลหรือกลุ่มคณะนั้นไม่ทำเช่นนั้นทำเช่นนี้ เป็นการสมมติสันนิษฐานเอาสนุกประสานิยายเพื่อตั้งจำลองเหตุ แต่จะเอาจริงเอาจังย่อมเป็นไปได้ยาก เพราะปัจจัยของกระแสประวัติศาสตร์นั้นมีมากเกินกว่าคนในยุคหลังจะย้อนคิดไปได้
เติ้งเสี่ยวผิง ประเมินความดีชั่วในพฤติการณ์ของเหมาเจ๋อตงว่ามีดีเจ็ดส่วน เสียสามส่วน การปฏิวัติประเทศจีนให้ชนชั้นชาวนากรรมาชีพเป็นใหญ่ พัฒนาจีนให้เป็นประเทศยุคใหม่ รบขับไล่จักรวรรดิญี่ปุ่นและนายทุนฉ้อฉลก๊กมินตั๋งเป็นส่วนดี เอาแต่ใจเผด็จอำนาจก้าวกระโดดครั้งใหญ่ หนุนปฏิวัติวัฒนธรรมผู้คนล้มตายมหาศาลเป็นส่วนเสีย
จอมพล ป. กับปรีดี เมื่อแรกรู้จักวัยหนุ่มเป็นมิตรสนิทเรียกกันเป็นท่านอาจารย์ เมื่อขัดแย้งก็รบกันขับไล่กัน เมื่อภัยมาถึงประเทศชาติในสงครามโลกก็แยกกันปฏิบัติการเพื่อชาติ รบกันอีกหลังสงครามจบ เมื่อถึงวาระสุดท้ายก็กลับมาคุยกัน
บุคคลในตำราประวัติศาสตร์แต่ละคน ล้วนมีชีวิตวัยเด็กวัยหนุ่มจนถึงแก่ ไม่ได้เป็นบล็อกดีชั่วเป็นตัวละครในละครน้ำเน่าหลังข่าว ไม่ว่าจะเป็นจอมพล เชื้อพระวงศ์ นักปฏิวัติ สามัญชน ชั้นแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายายเรา ก็มีเรื่องที่ทำถูกใจไม่ถูกใจ ดีไม่ดี รักเกลียดเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น
หากประเมินประวัติศาสตร์ด้วยสายตาเป็นธรรมได้ จึงจะมีค่าเป็นกระจกส่องชะตาอนาคต แต่ถ้าหากมองด้วยสายตาบิดเบือนแล้ว กระจกหลอกตาก็ย่อมส่องอนาคตที่บิดเบี้ยวตามไป
Like : Pompoko, Exodist, Gg™, marcust, ThunderBird
View all 2 comments >
Sun 23 Apr 2017 : 11:56PM
ดูจุดจบของแต่ละคนก็น่าจะรู้นะ ว่ามันดีไม่ดี
หนึ่งในวิธีที่ให้ได้มาของคำว่า ปชต
หนึ่งในวิธีที่ให้ได้มาของคำว่า ปชต
Like : "MnemoniC"
[Edited 1 times Pompoko - Last Edit 2017-04-23 23:58:36]
Mon 24 Apr 2017 : 8:01AM
ถ้าด่าคนที่ชอบ แต่ทำเรื่องผิด
- โฮ่ พวกมึงหัดมองหลาย ๆ ด้านบ้าง โลกนี้ไม่ได้มีแต่ขาวกับดำ
ถ้าชมที่ไม่ชอบ แต่ทำเรื่องผิด
- ไอ้เชี่ยมึงไปเชียร์คนแบบนี้ได้ยังไง
- โฮ่ พวกมึงหัดมองหลาย ๆ ด้านบ้าง โลกนี้ไม่ได้มีแต่ขาวกับดำ
ถ้าชมที่ไม่ชอบ แต่ทำเรื่องผิด
- ไอ้เชี่ยมึงไปเชียร์คนแบบนี้ได้ยังไง
# Sun 23 Apr 2017 : 11:39PM
สื่อทีวีโทรทัศน์ที่สร้างบารมีขึ้นมาจากเอาคนอื่นมาหากิน แล้วก็มีคนยอมจ่ายตังค์ให้พวกคนแสดงทัศนะเท่ห์ๆเอียงแต่ของตัวเอง ทั้งคนจ่ายตังค์กับพวกบ้าลัทธิแห่งความอยากมีชื่อเสียง(เอาหน้าบ้างก็แล้วแต่เรียก) ไม่เคยสำเนียกตนเองเลยหรือไงว่าบ้านเมืองมันบอบช้ำแค่ไหน ถ้าพูดแล้วไม่ได้สาระสร้างแต่วิบัติทางวิชาการ มันก็สมควรแล้วที่จะต้องยุติบทบาทพิจารณาตนเอง
หมุดไม่ได้เป็นกระแสสังคมเสียงแตก แต่สื่อยุแยงให้สังคมวุ่นวายจากการขายวิชาตัวเอง แล้วก็ต้องคอยมากลับหน้ากลับหลังเปลี่ยนคำพูดเรื่อยๆ เวลาหน้าแหกตอนคนดูจับได้ว่าสื่อแหกตาตอแหล...
ป.ล.R.I.P.ให้สงครามโลกกับกระแสเรื่องหมุด
หมุดไม่ได้เป็นกระแสสังคมเสียงแตก แต่สื่อยุแยงให้สังคมวุ่นวายจากการขายวิชาตัวเอง แล้วก็ต้องคอยมากลับหน้ากลับหลังเปลี่ยนคำพูดเรื่อยๆ เวลาหน้าแหกตอนคนดูจับได้ว่าสื่อแหกตาตอแหล...
ป.ล.R.I.P.ให้สงครามโลกกับกระแสเรื่องหมุด
[Edited 1 times "MnemoniC" - Last Edit 2017-04-23 23:41:24]
# Mon 24 Apr 2017 : 10:26AM
ยิ่งขุดยิ่งเห็นความชั่วของคณะร่าน
ขอเอาเรื่องนี้มารีรัน
หลักการข้อ 6 ของคณะร่านบอกว่า "จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร"
สมัยก่อนปฏิวัติ 2475 ระบบการศึกษาไทยถือว่ามีความทันสมัยไม่น้อยหน้าประเทศอื่นๆ การศึกษาชั้นประถมทำให้อ่านออกเขียนได้ วิชาพื้นฐานไม่มีปัญหา ถ้าไม่ต่อมัธยมฯก็ให้ไปต่อด้านสายอาชีพเพื่อให้มีวิชาในการทำมาหากินโดยเฉพาะการเพาะปลูก เพราะในสมัยนั้นใครไม่มีงานทำหรือข้าวยากหมากแพงแค่ไหนแต่ถ้าปลูกเองทำเองก็ประทังชีวิตได้ไม่มีทางอดตาย
โรงเรียนเกือบทั้งหมดเป็นสองภาษาหรือแบบอินเตอร์ เวลาอยู่ในโรงเรียนต้องพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ บางโรงเรียนใครเผลอพูดไทยจะถูกปรับเงิน คนที่จบชั้นมัธยมพูดอังกฤษกันคล่อง จบปุ๊บบริษัทฝรั่งรับเข้าทำงานเลย ถึงขนาดว่ารัฐบาลของในหลวง ร.7 ต้องยอมจ่ายเงินจ้างบางส่วนให้เรียนมหาฯลัย (คนสมัยนั้นยังไม่เห็นความจำเป็นของชั้นอุดมศึกษาเท่าที่ควร และค่านิยมแบบนี้ยังมีมาจนถึงเมื่อ 30-40 ปีก่อน)
แต่พอปฏิวัติ 2475 คณะร่านสั่งปิดชั้น ม.8 และยุบระบบโรงเรียนสองภาษาทันที ใครอยากเรียนต่อการศึกษาระดับสูงต้องถ่อเข้าพระนครมาเรียนโรงเรียนเตรียมที่ใช้หลักสูตรที่กำหนโดยคณะร่าน จากนั้นจึงจะได้ต่อมหาฯลัยที่อยู่ในความควบคุมของคณะร่าน (ตอนนั้นจุฬาที่ตั้งโดยกษัตริย์เสมือนโดนปิดทำการ) ทำให้ประชาชนเข้าถึงการศึกษาระดับสูงได้ยากขึ้น กว่าจะเปิดโรงเรียนม.ปลายกลับมาใหม่ก็ 10 ปีให้หลัง แล้วเสียเวลาฟื้นฟูระบบและบุคลากรอีกรวมแล้วใช้เวลาเกือบ 20 ปี
การเรียนการสองในโรงเรียนถูกลดเหลือแต่ภาษาไทย ครูต่างชาติถูกส่งตัวกลับประเทศจนหมด ครูเก่งๆมีความสามารถก็ถูกปลดหรือตกงานเพราะโรงเรียนบางส่วนปิดไป
แผนที่จะสร้างมหาฯลัยส่วนภูมิภาคซึ่งริเริ่มมาตั้งแต่ 2484 (9 ปีหลังยึดอำนาจ) ก็ยิ่งล่าช้าเพราะโครงสร้างการศึกษาไม่พร้อม กว่าจะได้ตั้ง ม.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นมหาฯลัยส่วนภูมิภาคแห่งแรกก็ยุคจอมพลถนอม ให้หลังจากปฏิวัติไป 32 ปีในช่วงที่คณะร่านหมดอำนาจไปแล
จากเพจตบดิ้น
ขอเอาเรื่องนี้มารีรัน
หลักการข้อ 6 ของคณะร่านบอกว่า "จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร"
สมัยก่อนปฏิวัติ 2475 ระบบการศึกษาไทยถือว่ามีความทันสมัยไม่น้อยหน้าประเทศอื่นๆ การศึกษาชั้นประถมทำให้อ่านออกเขียนได้ วิชาพื้นฐานไม่มีปัญหา ถ้าไม่ต่อมัธยมฯก็ให้ไปต่อด้านสายอาชีพเพื่อให้มีวิชาในการทำมาหากินโดยเฉพาะการเพาะปลูก เพราะในสมัยนั้นใครไม่มีงานทำหรือข้าวยากหมากแพงแค่ไหนแต่ถ้าปลูกเองทำเองก็ประทังชีวิตได้ไม่มีทางอดตาย
โรงเรียนเกือบทั้งหมดเป็นสองภาษาหรือแบบอินเตอร์ เวลาอยู่ในโรงเรียนต้องพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ บางโรงเรียนใครเผลอพูดไทยจะถูกปรับเงิน คนที่จบชั้นมัธยมพูดอังกฤษกันคล่อง จบปุ๊บบริษัทฝรั่งรับเข้าทำงานเลย ถึงขนาดว่ารัฐบาลของในหลวง ร.7 ต้องยอมจ่ายเงินจ้างบางส่วนให้เรียนมหาฯลัย (คนสมัยนั้นยังไม่เห็นความจำเป็นของชั้นอุดมศึกษาเท่าที่ควร และค่านิยมแบบนี้ยังมีมาจนถึงเมื่อ 30-40 ปีก่อน)
แต่พอปฏิวัติ 2475 คณะร่านสั่งปิดชั้น ม.8 และยุบระบบโรงเรียนสองภาษาทันที ใครอยากเรียนต่อการศึกษาระดับสูงต้องถ่อเข้าพระนครมาเรียนโรงเรียนเตรียมที่ใช้หลักสูตรที่กำหนโดยคณะร่าน จากนั้นจึงจะได้ต่อมหาฯลัยที่อยู่ในความควบคุมของคณะร่าน (ตอนนั้นจุฬาที่ตั้งโดยกษัตริย์เสมือนโดนปิดทำการ) ทำให้ประชาชนเข้าถึงการศึกษาระดับสูงได้ยากขึ้น กว่าจะเปิดโรงเรียนม.ปลายกลับมาใหม่ก็ 10 ปีให้หลัง แล้วเสียเวลาฟื้นฟูระบบและบุคลากรอีกรวมแล้วใช้เวลาเกือบ 20 ปี
การเรียนการสองในโรงเรียนถูกลดเหลือแต่ภาษาไทย ครูต่างชาติถูกส่งตัวกลับประเทศจนหมด ครูเก่งๆมีความสามารถก็ถูกปลดหรือตกงานเพราะโรงเรียนบางส่วนปิดไป
แผนที่จะสร้างมหาฯลัยส่วนภูมิภาคซึ่งริเริ่มมาตั้งแต่ 2484 (9 ปีหลังยึดอำนาจ) ก็ยิ่งล่าช้าเพราะโครงสร้างการศึกษาไม่พร้อม กว่าจะได้ตั้ง ม.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นมหาฯลัยส่วนภูมิภาคแห่งแรกก็ยุคจอมพลถนอม ให้หลังจากปฏิวัติไป 32 ปีในช่วงที่คณะร่านหมดอำนาจไปแล
จากเพจตบดิ้น
View all 3 comments >
Mon 24 Apr 2017 : 10:36AM
หึ่ยยย
จริงเหรอเนี่ย ผมไม่ได้ศึกษามาก่อนเลยเรื่อง การศึกษาบ้านเราในยุคนั้น
ใครมีความรู้จุดนี้หรือแหละข้อมูลขอหน่อยสิครับ แอบสนใจว่าเกินอะไรขึ้นบ้าง เสียเวลากับการเจริญทางความรู้ถึง 30 ปีเชียว
จริงเหรอเนี่ย ผมไม่ได้ศึกษามาก่อนเลยเรื่อง การศึกษาบ้านเราในยุคนั้น
ใครมีความรู้จุดนี้หรือแหละข้อมูลขอหน่อยสิครับ แอบสนใจว่าเกินอะไรขึ้นบ้าง เสียเวลากับการเจริญทางความรู้ถึง 30 ปีเชียว
Mon 24 Apr 2017 : 11:11AM
เฮ้ยยย จริงดิ
ถ้าจริง ตามนี้ การศึกษาสมัยนั้นนี้มันล้ำกว่าสมัยนี้อีกหรอเนี่ย คุย eng กันคล่องเลย ไม่งั้นถ้าจริง เราเผลอๆอาจจะเด่นนำกว่า singapore ด้วยซ้ำ
ถ้าจริง ตามนี้ การศึกษาสมัยนั้นนี้มันล้ำกว่าสมัยนี้อีกหรอเนี่ย คุย eng กันคล่องเลย ไม่งั้นถ้าจริง เราเผลอๆอาจจะเด่นนำกว่า singapore ด้วยซ้ำ
Mon 24 Apr 2017 : 11:53AM
อ่านนิยายสมัยนั้นไม่เห็นจะมีคนพูดฝาหรั่งได้เลย
ที่ใกล้เคียงที่สุดเรื่องอินเตอร์ ๆ ก็มีงานแปลของรัชกาลที่หก กับพลนิกรกิมหงวนอะ
ที่ใกล้เคียงที่สุดเรื่องอินเตอร์ ๆ ก็มีงานแปลของรัชกาลที่หก กับพลนิกรกิมหงวนอะ
[Edited 1 times Kanann - Last Edit 2017-04-24 12:03:26]
# Mon 24 Apr 2017 : 12:05PM
- - ถ้าเรื่องการศึกษานี่ ข้อมูลผมไม่ชัวร์เลย จะชัวร์ก็แค่ ครูจากต่างประเทศเดินทางออกนอกประเทศเป็นจำนวนมากจริงในช่วงนั้น แต่ที่มาที่ไปมีหลายสาเหตุด้วย เพราะไม่ใช่แค่ครู ธุรกิจหลายตัวที่ดำเนินการโดยชาวต่างชาติก็ออกไปจริง แต่ก็ด้วยหลายสาเหตุ จะบอกเพราะคณะราษฎรอย่างเดียวนั้นก็ไม่ใช่แน่นอน
ส่วนเรื่องจุฬา นั้นไม่แน่ใจ แต่เท่าที่รู้คือมีเรื่องส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับที่ดิน แต่ไม่เขียนดีกว่าเพราะไม่ได้มีเอกสาร หรือข้อมูลที่อ้างอิงชัดเจนได้
คณะราษฎรบางคนก็ดีบางคนก็ไม่ดี หลายคนเมื่อมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาก็เปลี่ยนไป เป็นเรื่องปรกติ ถ้าถามว่าถ้าไม่มีไอ้คณะราษฎรนี้ประเทศไทยจะดีขึ้นหรือแย่ลง ก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ แต่ที่แน่ใจก็คือถ้าหลังสงครามมหาเอเชียบูรพา (หมายถึงหลังมรว.สิทธิ์ ทูลเชิญกลับมา) ร.8 ยังอยู่ แนวทางการพัฒนาประเทศ สู่ระดับโลก เราจะเหนือกว่าอีกหลาย ๆ ประเทศเลยครับ ถ้าตอนนั้นความเห็นของ คณะราษฎร ร.8 จอมพล ป เดินไปในแนวทางเดียวกันอะนะ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่
ย้อนไปจุดเริ่มต้นนิส คือ ไอ้แนวคิดของคณะนี้ มันไม่รุนแรงแบบปฏิวัติฝรั่งเศษหรอก แต่ที่มาที่ไปก็มาจากเรื่องนั้น แต่อย่างน้อย ไอ้กลุ่มแรกของคณะนี้ก็ถือว่าระดับสูงกว่า เด็กเห่อหมอย ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปัจจุบันมาก ถ้าเนติวิทย์ไปอยู่ในสมัยนั้น คงไม่มีชื่อเสียง น่าจะเป็แค่เด็กซื้อกาแฟ หรือขัดรองเท้าให้ประยูรแทน
คณะราษฎร สำหรับผมนะ ผมคิดว่ากลุ่มนี้เหมาะที่จะเรียกว่าหัวก้าวหน้ามากกว่า พวกเด็กเหลือขอในปัจจุบันมาก เพียงแต่พวกเขาเป็นกลุ่มที่ร้อนวิชาเกินไป ขาดความเข้าใจในการที่จะเอามาใช้ในสังคมไทยมากกว่า ไป ๆ มา ๆ ก็กลายเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว จบที่ถูกปฏิวัติซ้ำ
ส่วนเรื่องจุฬา นั้นไม่แน่ใจ แต่เท่าที่รู้คือมีเรื่องส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับที่ดิน แต่ไม่เขียนดีกว่าเพราะไม่ได้มีเอกสาร หรือข้อมูลที่อ้างอิงชัดเจนได้
คณะราษฎรบางคนก็ดีบางคนก็ไม่ดี หลายคนเมื่อมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาก็เปลี่ยนไป เป็นเรื่องปรกติ ถ้าถามว่าถ้าไม่มีไอ้คณะราษฎรนี้ประเทศไทยจะดีขึ้นหรือแย่ลง ก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ แต่ที่แน่ใจก็คือถ้าหลังสงครามมหาเอเชียบูรพา (หมายถึงหลังมรว.สิทธิ์ ทูลเชิญกลับมา) ร.8 ยังอยู่ แนวทางการพัฒนาประเทศ สู่ระดับโลก เราจะเหนือกว่าอีกหลาย ๆ ประเทศเลยครับ ถ้าตอนนั้นความเห็นของ คณะราษฎร ร.8 จอมพล ป เดินไปในแนวทางเดียวกันอะนะ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่
ย้อนไปจุดเริ่มต้นนิส คือ ไอ้แนวคิดของคณะนี้ มันไม่รุนแรงแบบปฏิวัติฝรั่งเศษหรอก แต่ที่มาที่ไปก็มาจากเรื่องนั้น แต่อย่างน้อย ไอ้กลุ่มแรกของคณะนี้ก็ถือว่าระดับสูงกว่า เด็กเห่อหมอย ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปัจจุบันมาก ถ้าเนติวิทย์ไปอยู่ในสมัยนั้น คงไม่มีชื่อเสียง น่าจะเป็แค่เด็กซื้อกาแฟ หรือขัดรองเท้าให้ประยูรแทน
คณะราษฎร สำหรับผมนะ ผมคิดว่ากลุ่มนี้เหมาะที่จะเรียกว่าหัวก้าวหน้ามากกว่า พวกเด็กเหลือขอในปัจจุบันมาก เพียงแต่พวกเขาเป็นกลุ่มที่ร้อนวิชาเกินไป ขาดความเข้าใจในการที่จะเอามาใช้ในสังคมไทยมากกว่า ไป ๆ มา ๆ ก็กลายเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว จบที่ถูกปฏิวัติซ้ำ
# Mon 24 Apr 2017 : 12:47PM
ทำไมคนถึงขุดประวัติด้านลบของคณะราดมาแฉกัน ? มันเป็นอะไรที่พวกร่าน ควายล้มเจ้า นักวิชาการซ้ายตกขอบ ไม่สำเหนียกกัน
ต้นเหตุมันก็มาจาก การที่พวกร่านเสือกไปเอาคณะราดมาโหน ชูให้คณะราดเป็นไอดอลของการเปลี่ยนแปลงการปกครองโค่นล้มระบอบกษัตริย์ ใช้เป็นสัญลักษณ์กระทบกระเทียบ แซะสถาบัน
คนก็เลยพาลเกลียดคณะราด (ตายห่านอยู่ในโลงดีๆ เสือกโดนควายเอามาโหน เวงกำ)
ถ้าจะบอกว่าร่านเชิดชูคณะราดจริงๆ แบบเทใจให้เป็นแฟนพันธุ์แท้ คำถามคือ งั้นทำไม ร่าน ควายแดง ไม่กาเลือกพรรคปชป.กันล่ะ อ้าว !! "นายควง" เป็นคนก่อตั้งพรรคนะ แถมนายควงยังเป็นคณะราดสายประชาชนอีก (บักพระยาพหล ณ๊องปอ ยังเป็นสายอำมาตย์ไฮโซนะเออ โอ นี่มรึงกราบ"ฝาท่อ"ของทหารอำมาตย์กันเหรอนี่ 55555) คำตอบ คือ ก็เพราะร่านมันสนแค่เรื่องโค่นล้มระบอบกษัตริย์เท่านั้นเอง
ต้นเหตุมันก็มาจาก การที่พวกร่านเสือกไปเอาคณะราดมาโหน ชูให้คณะราดเป็นไอดอลของการเปลี่ยนแปลงการปกครองโค่นล้มระบอบกษัตริย์ ใช้เป็นสัญลักษณ์กระทบกระเทียบ แซะสถาบัน
คนก็เลยพาลเกลียดคณะราด (ตายห่านอยู่ในโลงดีๆ เสือกโดนควายเอามาโหน เวงกำ)
ถ้าจะบอกว่าร่านเชิดชูคณะราดจริงๆ แบบเทใจให้เป็นแฟนพันธุ์แท้ คำถามคือ งั้นทำไม ร่าน ควายแดง ไม่กาเลือกพรรคปชป.กันล่ะ อ้าว !! "นายควง" เป็นคนก่อตั้งพรรคนะ แถมนายควงยังเป็นคณะราดสายประชาชนอีก (บักพระยาพหล ณ๊องปอ ยังเป็นสายอำมาตย์ไฮโซนะเออ โอ นี่มรึงกราบ"ฝาท่อ"ของทหารอำมาตย์กันเหรอนี่ 55555) คำตอบ คือ ก็เพราะร่านมันสนแค่เรื่องโค่นล้มระบอบกษัตริย์เท่านั้นเอง
# Mon 24 Apr 2017 : 12:48PM
คณะราษฏร์ยังดีกว่าเด็กเห่อหมอยสมัยนี้ตรงที่ยังกล้าลุกมาปฏิวัติ ถ้าทำไม่สำเร็จก็ประหาร แต่เด็กสมัยนี้เก่งแต่ปาก
View all 2 comments >
Mon 24 Apr 2017 : 2:43PM
= =" ก็เดี๋ยวนี้มันเหลือแต่สายทฤษฏีล้วน ๆ แล้วครับ นักปฏิบัติไม่เหลือแล้ว เต็มที่ก็แค่ยุให้คนโง่ทำแทน แต่โดยพื้นฐานคนโง่ไทยส่วนมาก เงินไม่มางานไม่เดินครับ ดังนั้น พวกนี้เลยทำอะไรไม่ได้เลยไง
Tue 25 Apr 2017 : 9:59AM
PNA888 wrote:
= =" ก็เดี๋ยวนี้มันเหลือแต่สายทฤษฏีล้วน ๆ แล้วครับ นักปฏิบัติไม่เหลือแล้ว เต็มที่ก็แค่ยุให้คนโง่ทำแทน แต่โดยพื้นฐานคนโง่ไทยส่วนมาก เงินไม่มางานไม่เดินครับ ดังนั้น พวกนี้เลยทำอะไรไม่ได้เลยไง
สมัยก่อนยังมีคนมีความรู้ แต่สมัยนี้เรียนไม่จบริอ่านจะเป็นแกนนำ ที่อยากเป็นเพราะต้องหางานทำแต่เรียนไม่จบ ไม่ทีใครรับเลยต้องมาทำแกนนำ
# Mon 24 Apr 2017 : 1:32PM
อ่านดูแล้วเหมือนยังอยากได้ระบอบขุนนางหรืออยากให้ปฏิวัติแบบนองเลือดเหมือนฝรั่งเศสกัน?
ปฏิวัติแบบหยวนกันไปนี่ล่ะซอฟท์แล้ว ที่มันเละคือประชาชนเรา ผู้บริหารเรายังไร้ประสิทธิภาพ อดีตยังไง ปัจจุบันอย่างนั้น
ปฏิวัติแบบหยวนกันไปนี่ล่ะซอฟท์แล้ว ที่มันเละคือประชาชนเรา ผู้บริหารเรายังไร้ประสิทธิภาพ อดีตยังไง ปัจจุบันอย่างนั้น
View all 10 comments >
Mon 24 Apr 2017 : 1:42PM
กำลังอยู่ในช่วงพระราชพิธี คนก็กำลังไว้อาลัยให้พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศกัน แต่พวกร่านพูดกันอยู่นั่นแหละ เปลี่ยนแปลงการปกครอง โค่นล้มระบอบกษัตริย์ คือวันๆฝันอยากแต่จะย้อนอดีตไปเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบสมัย 2475
Mon 24 Apr 2017 : 1:54PM
ริเบอร่อลไม่ได้มีแต่สายล้มนิ ผลักฝ่ายที่เห็นต่างไปอยู่ใน catalog สวะมนุษย์หมดนี่คือผิดแล้ว ประเทศยังไงก็ต้องเดินหน้า ไม่ว่าฝ่ายไหนจะอยู่ในอำนาจ หรือบ้านเมืองกำลังร้อนหรือกำลังหนาว
อย่างผมเนี่ย ลิเบอซ้ายแบบไม่เอียงขวาเลย แต่ผมสนับสนุนอิสระในการใช้ชีวิตของพลเมืองกับการยอมรับความเปลี่ยนแปลง มากกว่าจะมาเสียเวลาล้มเจ้า ยกยอพ่อค้ามาเฟียแบบพวกที่ชอบอ้างว่าซ้ายทำกัน
อย่างผมเนี่ย ลิเบอซ้ายแบบไม่เอียงขวาเลย แต่ผมสนับสนุนอิสระในการใช้ชีวิตของพลเมืองกับการยอมรับความเปลี่ยนแปลง มากกว่าจะมาเสียเวลาล้มเจ้า ยกยอพ่อค้ามาเฟียแบบพวกที่ชอบอ้างว่าซ้ายทำกัน
Mon 24 Apr 2017 : 2:04PM
ผมเบื่ออย่างเดียวคือ
ถ้าไม่มีคณะราษฎร ทุกวันนี้คงไม่มีประชาธิปไตย ทุกคนคงเป็นไพร่ให้เขาเกณฑ์
ถ้าพิจรณาจาก100กว่าปีจนถึงทุกวันนี้กระแสสังคมโลกแม่งแทบเป็นไปไม่ได้เลย
บริหารบ้านเมืองล้มเหลวกันเอง ดั้นไปโยนความผิดไปให้ ร.7 อีกดู้ดูคนเรา
ถ้าไม่มีคณะราษฎร ทุกวันนี้คงไม่มีประชาธิปไตย ทุกคนคงเป็นไพร่ให้เขาเกณฑ์
ถ้าพิจรณาจาก100กว่าปีจนถึงทุกวันนี้กระแสสังคมโลกแม่งแทบเป็นไปไม่ได้เลย
บริหารบ้านเมืองล้มเหลวกันเอง ดั้นไปโยนความผิดไปให้ ร.7 อีกดู้ดูคนเรา
Mon 24 Apr 2017 : 2:14PM
เอ้า !! แล้วผมไปเหมารวมตั้งแต่เมื่อไหร่ ซ้าย ขวา นี่พูดกันหลายกระทู้แล้ว มีกระทู้พิเศษนอกกระทู้การเมืองด้วย ไปไล่ดูได้ว่าผมพูดว่ายังไง
และผมว่าพวกร่านไม่ใช่ลิเบอรัลนะ พูดมาหลายครั้งแล้ว และเสื้อแดง ร่าน มีปัญหาเรื่องความเข้าใจใน "เสรีนิยม" มาก สมหงอกก็ยังบ่นหลายครั้งว่าไม่มีทางที่เสื้อแดงจะไปถึงจุดนั้นได้เลย เพราะหลายคนยังสับสนไม่เข้าใจ
แน่นอนเสื้อแดงมันก็เป็นร่านกันเอามันส์ เพราะแม้ว เพราะเลือกจะดราม่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกปปส. และพรรคพท.เป็นConservatism นะ ชัดเจนเลย ประเทศนี้ไม่มีพรรคฝ่ายซ้าย ไม่ค่อยมีใครเข้าถึงปรัชญาซ้ายแบบจริงๆกัน ส่วนมากมโนว่าตัวเองเป็นเอาเท่ไปงั้น
และคำนี้มันถูกเอามาใช้แบ่งแยกโดยแกนนำนปช.นะ เริ่มมาจากวาทะกรรม "อำมาตย์-ไพร่"
และร่านล้มเจ้า ควายล้มเจ้า นักวิชาการซ้าย ที่ผมพูดถึง พวกนี้อยู่ก๊วนเดียวกันอยู่แล้ว (ไม่ต้องผลัก) คือจะบอกว่าผมผลักจ่านิว อีอั้ม ไปเป็นพวกล้มเจ้า ? หรือจะมีคนในกระทู้บอกว่าKanann ล้มเจ้ามั๊ย ไม่มีนะ คิดมากไปป่าว ? 55555
ปล. จบดราม่าได้ก็ดีนะ จะมาตะมุตะมิกันทามม๊าย !! (คนอื่นเขาก็เรียกร่าน เรียกล้มเจ้ากันทั้งกระทู้นะเตง อย่าไปซีเรี๊ยดดิ)
และผมว่าพวกร่านไม่ใช่ลิเบอรัลนะ พูดมาหลายครั้งแล้ว และเสื้อแดง ร่าน มีปัญหาเรื่องความเข้าใจใน "เสรีนิยม" มาก สมหงอกก็ยังบ่นหลายครั้งว่าไม่มีทางที่เสื้อแดงจะไปถึงจุดนั้นได้เลย เพราะหลายคนยังสับสนไม่เข้าใจ
แน่นอนเสื้อแดงมันก็เป็นร่านกันเอามันส์ เพราะแม้ว เพราะเลือกจะดราม่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกปปส. และพรรคพท.เป็นConservatism นะ ชัดเจนเลย ประเทศนี้ไม่มีพรรคฝ่ายซ้าย ไม่ค่อยมีใครเข้าถึงปรัชญาซ้ายแบบจริงๆกัน ส่วนมากมโนว่าตัวเองเป็นเอาเท่ไปงั้น
และคำนี้มันถูกเอามาใช้แบ่งแยกโดยแกนนำนปช.นะ เริ่มมาจากวาทะกรรม "อำมาตย์-ไพร่"
และร่านล้มเจ้า ควายล้มเจ้า นักวิชาการซ้าย ที่ผมพูดถึง พวกนี้อยู่ก๊วนเดียวกันอยู่แล้ว (ไม่ต้องผลัก) คือจะบอกว่าผมผลักจ่านิว อีอั้ม ไปเป็นพวกล้มเจ้า ? หรือจะมีคนในกระทู้บอกว่าKanann ล้มเจ้ามั๊ย ไม่มีนะ คิดมากไปป่าว ? 55555
ปล. จบดราม่าได้ก็ดีนะ จะมาตะมุตะมิกันทามม๊าย !! (คนอื่นเขาก็เรียกร่าน เรียกล้มเจ้ากันทั้งกระทู้นะเตง อย่าไปซีเรี๊ยดดิ)
Mon 24 Apr 2017 : 2:21PM
Ramza wrote:
ผมเบื่ออย่างเดียวคือ
ถ้าไม่มีคณะราษฎร ทุกวันนี้คงไม่มีประชาธิปไตย ทุกคนคงเป็นไพร่ให้เขาเกณฑ์
ถ้าพิจรณาจาก100กว่าปีจนถึงทุกวันนี้กระแสสังคมโลกแม่งแทบเป็นไปไม่ได้เลย
บริหารบ้านเมืองล้มเหลวกันเอง ดั้นไปโยนความผิดไปให้ ร.7 อีกดู้ดูคนเรา
ถ้าไม่มีคณะราษฎร ทุกวันนี้คงไม่มีประชาธิปไตย ทุกคนคงเป็นไพร่ให้เขาเกณฑ์
ถ้าพิจรณาจาก100กว่าปีจนถึงทุกวันนี้กระแสสังคมโลกแม่งแทบเป็นไปไม่ได้เลย
บริหารบ้านเมืองล้มเหลวกันเอง ดั้นไปโยนความผิดไปให้ ร.7 อีกดู้ดูคนเรา
ประวัติศาสตร์เป็นบทเรียนให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ครับ อะไรดี อะไรผิดพลาด
ตั้งแต่ไอ้เรื่องฝาท่อนี่ ผมไม่เคยขุดประวัติของคณะร่านมาด่าเลยนะ ผมเฉยๆ ผมมองว่ามันเป็นอดีต ดีร้ายมันก็ผ่านไป เรื่องมันจบไปหลายสิบปีแล้ว (รบ., วัง, นักการเมือง, กองทัพ ก็คิดกันแบบนี้)
ถ้าไม่มีการปฏิวัติของคณะร่าน เราไม่รู้หรอกว่าวันนี้เราจะเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆถ้าสฤษดิ์ไม่ปฏิวัติ ไทยเรากลายเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ 100%ครับ แต่จะดี จะร้าย ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้น มันก็ทำให้เรามีวันนี้ ทำให้เราได้มีพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่๙ ที่ดีที่สุดในโลก ยังจะต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรอีก สำหรับผมไม่ต้องการเปลี่ยนเลยครับ
Mon 24 Apr 2017 : 2:40PM
ไม่มีทางที่ไทยเราจะปฏิวัติแบบฝรั่งเศษเลยครับ ดูยังไงก็ไม่มีทางเพราะ ถ้าเทียบแล้วราชวงศ์เราคนละเรื่องกับราชวงศ์ฝรั่งเศษในสมัยนั้น
แต่ถ้าเรื่องการพัฒนา ปัญหาของคนไทย คือ คนไทยด้วยกันเองนี่แหละครับ ไม่ต้องบอกว่าปัญหาที่หัวหรืออะไรหรอก ปัญหาของเราคือ ประชาชนส่วนมาก ไม่ยอมลำบากเพื่อพัฒนาดีกว่า
คนไทยเรา ส่วนมากจะมีข้ออ้างครับ อะไรที่จะทำให้ดีขึ้น แต่ถ้ามีความลำบากเข้ามาเกี่ยว คนไทยไม่เอา ไม่สน ไม่ทำ ต่อให้ผิดกฏแต่ถ้าลำบากข้ออ้างจะมีเต็มไปหมด
สรุปว่ายากต่อการพัฒนามากกกกกกกกกกก
แต่ถ้าเรื่องการพัฒนา ปัญหาของคนไทย คือ คนไทยด้วยกันเองนี่แหละครับ ไม่ต้องบอกว่าปัญหาที่หัวหรืออะไรหรอก ปัญหาของเราคือ ประชาชนส่วนมาก ไม่ยอมลำบากเพื่อพัฒนาดีกว่า
คนไทยเรา ส่วนมากจะมีข้ออ้างครับ อะไรที่จะทำให้ดีขึ้น แต่ถ้ามีความลำบากเข้ามาเกี่ยว คนไทยไม่เอา ไม่สน ไม่ทำ ต่อให้ผิดกฏแต่ถ้าลำบากข้ออ้างจะมีเต็มไปหมด
สรุปว่ายากต่อการพัฒนามากกกกกกกกกกก
Mon 24 Apr 2017 : 3:07PM
เสรีนิยมเอามัน-ลิเบอรัลจอมปลอม
แต่พอมีแกนนำหัวใสเอาคำว่าเสรีนิยม-อนุรักษ์นิยมมาผูกกับการเมืองแบ่งขั้วแบบไทยๆ ก็กลับเป็นว่าเสรีนิยมนั้นต้องแดง ต้องก้าวหน้าเป็นประชาธิปไตย ส่วนอนุรักษ์นิยมคือฝ่ายที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย เอากะมันสิ !
ลองย้อนไปฟังที่รัฐมนตรีอำมาตย์เต้นพูดในมติชนทีวีดูหรือไปย้อนฟังคลิปอภิปรายของปัญญาชนแดงอย่างคำ ผกาก็ได้ มีการจัดแบ่งเขาแบ่งเราไว้ชัดเจน
โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อการโมเมจัดแบ่งสังคมหยาบๆ เป็นฝ่ายไพร่-อำมาตย์ หรือเป็นฝ่ายเสรีนิยมกับอนุรักษ์นิยมที่ฝ่ายหนึ่งจะยกทหารมาปฏิวัติท่าเดียวแบบที่มีการยกขึ้นมาหลอกลวงชาวบ้าน สร้างกระแสหลอกพวกหนุ่มสาวเพิ่งจบจากรั้วมหาลัยให้หลงไปกับการต่อสู้เชิงอุดมการณ์ระหว่างเทพมารหรือจักรวรรดิชั่วร้ายเหมือนในหนังสตาร์วอร์ แน่นอนอยู่แล้วครับใครที่ไหนอยากจะอยู่ฝ่ายล้าหลังเขาย่อมเลือกจะอยู่ข้างที่มีคนกล่อมว่าข้างนี้ที่เป็นฝ่ายก้าวหน้าปัญญาชนดูดีกว่าอยู่แล้ว
มันก็เลยเกิดแฟชั่นแห่กันเรียกตัวเองเป็นฝ่ายเสรีนิยมกันยกใหญ่ มีการทึกทักกันเองว่าฝ่ายหนุนรัฐบาลคือพวกเสรีนิยมทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเสรีนิยมจำนวนไม่น้อยที่ไม่รับทักษิณ ไม่เอายิ่งลักษณ์ ไม่ชอบเสื้อแดง และพวกที่สวมเสื้อแดงที่เป็นอนุรักษ์นิยมจ๋านั้นน่ะก็มีมากมายไปเชื่อไปถามเจ้ามูลเมืองดูก็ได้
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีดีที่พูดเก่งขนาดกล่อมลิงหลับทำให้ผู้ฟังที่ไม่ฉุกคิดเกิดคล้อยตามได้ง่าย เขาเคยประกาศตัวเป็นไพร่แต่เวลาผ่านไปก็ชัดเจนว่าการทำมาหากินของเขานี่มันไม่ใช่ไพร่ไร้เส้นสายเดินดินกินข้าวแกงแต่อย่างใด มารอบนี้ก็เหมือนเดิมปลุกคำว่าเสรีนิยมขึ้นมาแบ่งขั้วการเมืองโดยที่ตนเองเข้าใจคำๆนี้หรือไม่ก็ไม่รู้
ในสองสามปีหลังมานี้มีกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าพวกก้าวหน้าปัญญาชนประกาศตัวเป็นเสรีนิยม แล้วก็เคลื่อนไหวสนับสนุนคนเสื้อแดงพรรคเพื่อไทยอย่างจริงจัง ส่วนหนึ่งก็มาจากเซเล็ปแดงอย่างคำ ผกา ตลอดถึงพิธีกรรายการทีวีที่เป็นอาจารย์จุฬาบ้าง คอลัมนิสต์บ้าง ฯลฯ ช่วยกันกระพืออากัปกริยาลิเบอรัลออกมา เนียนบ้างกากบ้างตามเรื่องตามราวของแต่ละบุคคล
โดยส่วนตัวผมนั้นไม่มีปัญหาหรอกหากใครเป็นเสรีนิยมหรือเป็นอะไรจริง เพราะเป็นหรือไม่เป็นมันก็แค่ปรัชญาและแนวทางความชอบความเชื่ออย่างหนึ่ง กระจายอยู่ทุกขั้วทุกฝ่าย คนมากมายที่เขามีฐานปรัชญาและอุดมการณ์ชีวิตเป็นเสรีนิยมชัดเจนที่ไม่เอาทักษิณไม่ชอบเสื้อแดงก็เยอะแยะไป
แต่ที่ขัดหูขัดตาอยู่บ้างก็คงมีแต่พวกเสรีนิยมปลอม พวกแอ๊บลิเบอรัลโดยไม่รู้ว่ามันคืออะไรจริง เอาแค่แห่ตามแกนนำเขาว่าไงว่าว่าอย่างนั้น ตลกดีนะครับแกนนำแดงบางคนที่ประกาศเป็นเสรีนิยมจ๋า ไม่เอามาตรา112 เพราะเป็นกฎหมายปิดปากคนวันดีคืนดีก็ร่วมขบวนด่าผู้จัดละครเหนือเมฆ2 อ้างโน่นนี่ได้ข่าว(จากไหนไม่รู้)ว่าละครหมิ่นเหม่อาจขัดมาตรา 112 (ฮา)
[Link]
ยาว แต่เอามาแค่นี้ (สมัยละครเหนือเมฆ 2 โน่นแล้ว)
แต่พอมีแกนนำหัวใสเอาคำว่าเสรีนิยม-อนุรักษ์นิยมมาผูกกับการเมืองแบ่งขั้วแบบไทยๆ ก็กลับเป็นว่าเสรีนิยมนั้นต้องแดง ต้องก้าวหน้าเป็นประชาธิปไตย ส่วนอนุรักษ์นิยมคือฝ่ายที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย เอากะมันสิ !
ลองย้อนไปฟังที่รัฐมนตรีอำมาตย์เต้นพูดในมติชนทีวีดูหรือไปย้อนฟังคลิปอภิปรายของปัญญาชนแดงอย่างคำ ผกาก็ได้ มีการจัดแบ่งเขาแบ่งเราไว้ชัดเจน
โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อการโมเมจัดแบ่งสังคมหยาบๆ เป็นฝ่ายไพร่-อำมาตย์ หรือเป็นฝ่ายเสรีนิยมกับอนุรักษ์นิยมที่ฝ่ายหนึ่งจะยกทหารมาปฏิวัติท่าเดียวแบบที่มีการยกขึ้นมาหลอกลวงชาวบ้าน สร้างกระแสหลอกพวกหนุ่มสาวเพิ่งจบจากรั้วมหาลัยให้หลงไปกับการต่อสู้เชิงอุดมการณ์ระหว่างเทพมารหรือจักรวรรดิชั่วร้ายเหมือนในหนังสตาร์วอร์ แน่นอนอยู่แล้วครับใครที่ไหนอยากจะอยู่ฝ่ายล้าหลังเขาย่อมเลือกจะอยู่ข้างที่มีคนกล่อมว่าข้างนี้ที่เป็นฝ่ายก้าวหน้าปัญญาชนดูดีกว่าอยู่แล้ว
มันก็เลยเกิดแฟชั่นแห่กันเรียกตัวเองเป็นฝ่ายเสรีนิยมกันยกใหญ่ มีการทึกทักกันเองว่าฝ่ายหนุนรัฐบาลคือพวกเสรีนิยมทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเสรีนิยมจำนวนไม่น้อยที่ไม่รับทักษิณ ไม่เอายิ่งลักษณ์ ไม่ชอบเสื้อแดง และพวกที่สวมเสื้อแดงที่เป็นอนุรักษ์นิยมจ๋านั้นน่ะก็มีมากมายไปเชื่อไปถามเจ้ามูลเมืองดูก็ได้
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีดีที่พูดเก่งขนาดกล่อมลิงหลับทำให้ผู้ฟังที่ไม่ฉุกคิดเกิดคล้อยตามได้ง่าย เขาเคยประกาศตัวเป็นไพร่แต่เวลาผ่านไปก็ชัดเจนว่าการทำมาหากินของเขานี่มันไม่ใช่ไพร่ไร้เส้นสายเดินดินกินข้าวแกงแต่อย่างใด มารอบนี้ก็เหมือนเดิมปลุกคำว่าเสรีนิยมขึ้นมาแบ่งขั้วการเมืองโดยที่ตนเองเข้าใจคำๆนี้หรือไม่ก็ไม่รู้
ในสองสามปีหลังมานี้มีกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าพวกก้าวหน้าปัญญาชนประกาศตัวเป็นเสรีนิยม แล้วก็เคลื่อนไหวสนับสนุนคนเสื้อแดงพรรคเพื่อไทยอย่างจริงจัง ส่วนหนึ่งก็มาจากเซเล็ปแดงอย่างคำ ผกา ตลอดถึงพิธีกรรายการทีวีที่เป็นอาจารย์จุฬาบ้าง คอลัมนิสต์บ้าง ฯลฯ ช่วยกันกระพืออากัปกริยาลิเบอรัลออกมา เนียนบ้างกากบ้างตามเรื่องตามราวของแต่ละบุคคล
โดยส่วนตัวผมนั้นไม่มีปัญหาหรอกหากใครเป็นเสรีนิยมหรือเป็นอะไรจริง เพราะเป็นหรือไม่เป็นมันก็แค่ปรัชญาและแนวทางความชอบความเชื่ออย่างหนึ่ง กระจายอยู่ทุกขั้วทุกฝ่าย คนมากมายที่เขามีฐานปรัชญาและอุดมการณ์ชีวิตเป็นเสรีนิยมชัดเจนที่ไม่เอาทักษิณไม่ชอบเสื้อแดงก็เยอะแยะไป
แต่ที่ขัดหูขัดตาอยู่บ้างก็คงมีแต่พวกเสรีนิยมปลอม พวกแอ๊บลิเบอรัลโดยไม่รู้ว่ามันคืออะไรจริง เอาแค่แห่ตามแกนนำเขาว่าไงว่าว่าอย่างนั้น ตลกดีนะครับแกนนำแดงบางคนที่ประกาศเป็นเสรีนิยมจ๋า ไม่เอามาตรา112 เพราะเป็นกฎหมายปิดปากคนวันดีคืนดีก็ร่วมขบวนด่าผู้จัดละครเหนือเมฆ2 อ้างโน่นนี่ได้ข่าว(จากไหนไม่รู้)ว่าละครหมิ่นเหม่อาจขัดมาตรา 112 (ฮา)
[Link]
ยาว แต่เอามาแค่นี้ (สมัยละครเหนือเมฆ 2 โน่นแล้ว)
Mon 24 Apr 2017 : 4:19PM
KanannXI wrote:
ไม่สนครับผมลูกเจ๊ก
100% ไม่มีผสมเลยเหรอครับ
Tue 25 Apr 2017 : 8:51AM
คนไทยเป็นยังไงก็รู้ๆ เอาดีเอาสบายเข้าว่า
กฏระเบียบออกมาก็แหกตลอด อ้างนั่นอ้างนี่
ระดับล่างหน่อยก็จะบอก กูจน ต้องนั่งท้ายกระบะ
ระดับบนๆก็จะบอก ตัวกู กูไม่คาดเข็มขัด กูตายเอง มายุ่งทำไม , กลับรถข้างหน้ามันไกลย้อนศรนิดเดียวเอง
กฏระเบียบออกมาก็แหกตลอด อ้างนั่นอ้างนี่
ระดับล่างหน่อยก็จะบอก กูจน ต้องนั่งท้ายกระบะ
ระดับบนๆก็จะบอก ตัวกู กูไม่คาดเข็มขัด กูตายเอง มายุ่งทำไม , กลับรถข้างหน้ามันไกลย้อนศรนิดเดียวเอง
# Mon 24 Apr 2017 : 1:42PM
อีกนิด ก่อนจะไปพูดเรื่อง EEC ขอสรุปเรื่อง ไอ้ฝาท่อ มโนควายแดงนี่ให้มันจบๆไป
เห็นร่านหลายคนไปเชื่อที่สมหงอกมโน โยงไปโทษสถาบัน
1./ มันเป็นเรื่องที่ไอ้หงอกมโน ตัวมันก็ยอมรับว่ามโน แต่ร่านเสือกไปเอามาเชื่อแบบหัวปักหัวปำ 5555
2./ ตรรกะของไอ้หงอกมันผิด ผิดตั้งแต่เริ่ม "ติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อๆไปมันก็ผิดหมด" เพราะไอ้หงอกไปชูให้ฝาท่อเป็นของสูง ล้ำค่า เป็นสมบัติของทางราชการ แต่จริงๆมันไม่ใช่
3./ หมุดเป็นสัญลักษณ์ของความแตกแยกมานาน ฉะนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรที่จะไม่ได้เห็นการแอ๊คชั่นจากอำนาจรัฐ
- ประยุทธ์ - ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นประเด็น เราเป็นปชต.มา80 ปีแล้ว ดังนั้นอยู่ที่ใจของพวกเราทุกคนว่าจะเดินหน้าประเทศกันอย่างไรมากกว่า
- ประวิตร - ไม่ทราบเรื่อง แต่อย่าไปทำอะไรให้เกิดความวุ่นวาย รัฐบาลจัดการอะไรได้หรือไม่? ไม่รู้ คิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ ไม่เกี่ยวกับเรื่องอดอยากปากแห้ง ไม่มีน้ำ
- อภิสิทธิ์ - จะมาบอกว่าสรุปคือคณะราดตั้งพรรคประชาธิปัตย์คงไม่ได้ แต่อดีตหัวหน้าพรรคเป็นหนึ่งในคณะราด ก็ถูกต้อง แต่ประเด็นสำคัญจะอยู่ตรงนี้ คือเรื่องนี้ถ้าไปบอกว่าเป็นหมุดของคณะราด หรือของทายาทของคณะราด หรือของคนที่เคยเกี่ยวข้องกับคณะราด ผมว่าจะสับสน ถ้าอย่างนั้นก็จะเกิดปัญหา
- ศรีวราห์ - กรณีนี้จะถือเป็นคดีลักทรัพย์ ก็ต่อเมื่อมีผู้เสียหายเป็นเจ้าของทรัพย์ มีหลักฐานว่าได้รับทรัพย์สินนั้นเป็นมรดก หากไม่มีหลักฐานก็อ้างเป็นมรดกหรือเป็นเจ้าของทรัพย์ไม่ได้!!
ศรีวราห์พูดถูกแล้ว คดีอันยอมความได้กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้เสียหายที่จะต้องรีบร้องทุกข์กล่าวโทษภายในกำหนด 3 เดือน เช่น
- ม.358 ทำให้เสียทรัพย์ตามธรรมดา
- ม.359 ทำให้เสียทรัพย์ชนิดพิเศษ
- ม.363 บุกรุกโดยย้ายเครื่องหมายอสังหาริมทรัพย์ เคลื่อนย้ายสัญลักษณ์ ถอนหลักหมุด ขุดย้ายหลักเขต ฯลฯ
- ม.334 ลักทรัพย์ธรรมดา
- ม.360 ทำให้เสียทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์เสียหาย
ฯลฯ
4./ คนที่อยากถอนหมุดมีเยอะแยะหลายกลุ่ม คือไม่ใช่ระดับเกรียนรอยัลลิสต์อะไร สายคอมมิวนิสต์ สายแดงที่อยากเอาออกก็มี และพวกนี้เป็นกลุ่มการเมือง มีทุน มีสมาชิก เคลื่อนไหวกันมานาน แค่เอาหมุดใหม่หน้าใสไปเปลี่ยนน่ะจิ๊บ ๆ
- เทพมนตรี นี่ประกาศวันเวลาล่วงหน้าชัดเลย บอกตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
- ขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ นำโดย สมาน ศรีงาม อันนี้สายคอมมิวนิสต์นะ
- ชมรมธรรมาธิปไตยแห่งชาติ นำโดย บุญสิน หยกทิพย์ กลุ่มนี้เคยถอนหมุดมาแล้ว 3 ครั้ง และยังเคยประท้วงด้วยการปีนขึ้นไปเผาพานรัฐธรรมนูญ เอาสีทาทับชื่อ “อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย”
ฯลฯ
5./ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งให้ทำ หรือไม่ทำอะไรหรอก ไร้สาระชริ๊บหาย แก่หัวหงอกแต่คิดแบบเด็กอนุบาล คือเค้าไม่ยุ่งก็หาว่ามีใบสั่ง (เพื่อ ?) แล้วถ้ารบ.มันรำคาญมากๆ ถอนหมุดหน้าใสทิ้ง ไอ้หงอกก็หาว่ารับคำสั่งได้อยู่ดี (แต่ถ้าขุดทิ้งก็จะกลายเป็นประเด็น ก็โดนโวยวายว่ารบ.แกล้งอีก) ที่รบ.พยายามห้ามไม่ใครมายุ่งเรื่องหมุดนี่ถูกต้องแล้ว
คือไม่เข้าพวกร่าน พวกเห็บชิมิสุนัขบอร์ดฟ้าเดียวกัน ที่เอาหมุดไปโยงสถาบัน คือเรื่องมันจบไปหลายสิบปีแล้ว ไม่มีความจำเป็นหรือประโยชน์อะไรที่ต้องมาลบปวศ.คณะร่าน หรือจัดการกับหมุดกันตอนนี้ (ไอ้ที่หงอกอ้างเรื่องทำพิธี ดวงชะตา อะไรนี่ยิ่งไม่มีเหตุผลรองรับเลย คืออ้างมั่วๆลอยๆ ไม่มีน้ำหนัก)
ส่งท้ายแล้วล่ะ พูดไปก็เดิมๆ ซ้ำๆ ถ้ายังจะมโนตามไอ้หงอกก็ตามใจ อยากอยู่ใน La-la Land กับไอ้หงอกก็ตามใจ
เห็นร่านหลายคนไปเชื่อที่สมหงอกมโน โยงไปโทษสถาบัน
1./ มันเป็นเรื่องที่ไอ้หงอกมโน ตัวมันก็ยอมรับว่ามโน แต่ร่านเสือกไปเอามาเชื่อแบบหัวปักหัวปำ 5555
2./ ตรรกะของไอ้หงอกมันผิด ผิดตั้งแต่เริ่ม "ติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อๆไปมันก็ผิดหมด" เพราะไอ้หงอกไปชูให้ฝาท่อเป็นของสูง ล้ำค่า เป็นสมบัติของทางราชการ แต่จริงๆมันไม่ใช่
เมื่อได้ศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทย สิ่งหนึ่งที่มองเห็นกันอย่างชัดเจนและปฏิเสธกันไม่ได้ก็คือ “หมุดคณะราษฎร” ก็คือ สัญลักษณ์ความแตกแยกของสังคมไทย ในยุคเปลี่ยนผ่านการปกครองหลังปี 2475
3./ หมุดเป็นสัญลักษณ์ของความแตกแยกมานาน ฉะนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรที่จะไม่ได้เห็นการแอ๊คชั่นจากอำนาจรัฐ
- ประยุทธ์ - ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นประเด็น เราเป็นปชต.มา80 ปีแล้ว ดังนั้นอยู่ที่ใจของพวกเราทุกคนว่าจะเดินหน้าประเทศกันอย่างไรมากกว่า
- ประวิตร - ไม่ทราบเรื่อง แต่อย่าไปทำอะไรให้เกิดความวุ่นวาย รัฐบาลจัดการอะไรได้หรือไม่? ไม่รู้ คิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ ไม่เกี่ยวกับเรื่องอดอยากปากแห้ง ไม่มีน้ำ
- อภิสิทธิ์ - จะมาบอกว่าสรุปคือคณะราดตั้งพรรคประชาธิปัตย์คงไม่ได้ แต่อดีตหัวหน้าพรรคเป็นหนึ่งในคณะราด ก็ถูกต้อง แต่ประเด็นสำคัญจะอยู่ตรงนี้ คือเรื่องนี้ถ้าไปบอกว่าเป็นหมุดของคณะราด หรือของทายาทของคณะราด หรือของคนที่เคยเกี่ยวข้องกับคณะราด ผมว่าจะสับสน ถ้าอย่างนั้นก็จะเกิดปัญหา
- ศรีวราห์ - กรณีนี้จะถือเป็นคดีลักทรัพย์ ก็ต่อเมื่อมีผู้เสียหายเป็นเจ้าของทรัพย์ มีหลักฐานว่าได้รับทรัพย์สินนั้นเป็นมรดก หากไม่มีหลักฐานก็อ้างเป็นมรดกหรือเป็นเจ้าของทรัพย์ไม่ได้!!
ศรีวราห์พูดถูกแล้ว คดีอันยอมความได้กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้เสียหายที่จะต้องรีบร้องทุกข์กล่าวโทษภายในกำหนด 3 เดือน เช่น
- ม.358 ทำให้เสียทรัพย์ตามธรรมดา
- ม.359 ทำให้เสียทรัพย์ชนิดพิเศษ
- ม.363 บุกรุกโดยย้ายเครื่องหมายอสังหาริมทรัพย์ เคลื่อนย้ายสัญลักษณ์ ถอนหลักหมุด ขุดย้ายหลักเขต ฯลฯ
- ม.334 ลักทรัพย์ธรรมดา
- ม.360 ทำให้เสียทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์เสียหาย
ฯลฯ
4./ คนที่อยากถอนหมุดมีเยอะแยะหลายกลุ่ม คือไม่ใช่ระดับเกรียนรอยัลลิสต์อะไร สายคอมมิวนิสต์ สายแดงที่อยากเอาออกก็มี และพวกนี้เป็นกลุ่มการเมือง มีทุน มีสมาชิก เคลื่อนไหวกันมานาน แค่เอาหมุดใหม่หน้าใสไปเปลี่ยนน่ะจิ๊บ ๆ
- เทพมนตรี นี่ประกาศวันเวลาล่วงหน้าชัดเลย บอกตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
- ขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ นำโดย สมาน ศรีงาม อันนี้สายคอมมิวนิสต์นะ
- ชมรมธรรมาธิปไตยแห่งชาติ นำโดย บุญสิน หยกทิพย์ กลุ่มนี้เคยถอนหมุดมาแล้ว 3 ครั้ง และยังเคยประท้วงด้วยการปีนขึ้นไปเผาพานรัฐธรรมนูญ เอาสีทาทับชื่อ “อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย”
ฯลฯ
5./ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งให้ทำ หรือไม่ทำอะไรหรอก ไร้สาระชริ๊บหาย แก่หัวหงอกแต่คิดแบบเด็กอนุบาล คือเค้าไม่ยุ่งก็หาว่ามีใบสั่ง (เพื่อ ?) แล้วถ้ารบ.มันรำคาญมากๆ ถอนหมุดหน้าใสทิ้ง ไอ้หงอกก็หาว่ารับคำสั่งได้อยู่ดี (แต่ถ้าขุดทิ้งก็จะกลายเป็นประเด็น ก็โดนโวยวายว่ารบ.แกล้งอีก) ที่รบ.พยายามห้ามไม่ใครมายุ่งเรื่องหมุดนี่ถูกต้องแล้ว
คือไม่เข้าพวกร่าน พวกเห็บชิมิสุนัขบอร์ดฟ้าเดียวกัน ที่เอาหมุดไปโยงสถาบัน คือเรื่องมันจบไปหลายสิบปีแล้ว ไม่มีความจำเป็นหรือประโยชน์อะไรที่ต้องมาลบปวศ.คณะร่าน หรือจัดการกับหมุดกันตอนนี้ (ไอ้ที่หงอกอ้างเรื่องทำพิธี ดวงชะตา อะไรนี่ยิ่งไม่มีเหตุผลรองรับเลย คืออ้างมั่วๆลอยๆ ไม่มีน้ำหนัก)
ส่งท้ายแล้วล่ะ พูดไปก็เดิมๆ ซ้ำๆ ถ้ายังจะมโนตามไอ้หงอกก็ตามใจ อยากอยู่ใน La-la Land กับไอ้หงอกก็ตามใจ
# Mon 24 Apr 2017 : 3:21PM
เห็นห่วยตูน กิตติทัช (สลิ่ม) ออกมาป้องว่าเป็นของเดิมใช้มาตั้งกะปี 42 ส่วนเสื้อแดงก็รีบออกมาเคลมว่าเป็นผลงานของแม้ว ทำมาตั้งกะปี 42
1. กม.นี้ไม่ใช่แบบเดียวกับปี 42 ของแม้ว (เริ่มปชป.) คนละอันกัน ถ้ามันอันเดียวกัน มันคงไม่ต้องมาเขียนใหม่
2. ต่างชาติเช่า 99 ปีไม่ใช่ประเด็น เพราะของเดิม พรบ.การเช่าอสังหาฯเพื่อพาณิชย์และอุตสาหกรรม ปี 2542 มาตรา3,4,5 โดยการอนุมัติของอธิบดีกรมที่ดิน ก็เช่าได้สองรอบ 50 ปี +อีก 50 ปี หรือถ้าต่างชาติอยากซื้อขาดก็สามารถใช้ชองทาง มาตรา 44 ในพรบ.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 พ.ศ. 2550 ก็ทำได้อยู่แล้ว
3. แต่ประเด็นที่คนกังวลกันคือกรอบอำนาจของสำนักงานเขตพัฒนาพิเศษ ที่ครอบคลุมกว้างมาก รวมอำนาจไว้หมดเลย แล้วพื้นที่มันครอบคลุม 3 จังหวัด กินพื้นที่ 1.3 หมื่นกว่าตร.กม ผู้ว่า นายอำเภอ บทบาทจะลดลงแน่นอน ก็มีสำนักงานเขตพัฒนาพิเศษดูแลทุกอย่างแล้วนี่ แล้วมันจะครอบทับอำนาจปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย
- ร่างพรบ.EEC กำหนดให้แผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินและแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่จัดทำขึ้นตาม พรบ.นี้ เป็น "ผังเมือง" ตามกม.ว่าด้วยผังเมือง สำหรับจังหวัดต่างๆในเขตพัฒนาพิเศษ และให้มีผลบังคับโดยไม่มีกำหนดเวลาสิ้นอายุ
ง่ายๆ คือ พรบ. ผังเมืองจะไม่มีผลบังคับใช้ในจังหวัดต่างๆ ที่อยู่ในเขตนี้อีกต่อไป และให้ใช้ "แผนผัง" ที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษ จัดทำขึ้น
- การประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม พรบ.นี้ กำหนดให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการหรือกิจการนั้น "เป็นการเฉพาะ" ได้
ข้อดี การพิจารณาโครงการต่างๆ จะทำได้เร็ว เพราะมีคณะกรรมการเฉพาะ แถมยังอาจตั้งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหรือเฉพาะพื้นที่ เป็นกรรมการได้
แต่ข้อเสีย คณะกรรมการที่ตั้งขึ้น อาจตั้งเพื่อให้โครงการหรือกิจการผ่านได้โดยง่าย แทนที่จะผ่านคณะกรรมการผู้ชำนาญการปกติ ซึ่งจะผ่านยากกว่า
- การอนุญาตโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน ร่างพรบ.EEC ยกอำนาจให้ครม. สามารถกำหนดให้หน่วยงานของรัฐหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง (ซึ่งก็อาจจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก) ดำเนินการจัดทำโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งที่อยู่ในและ "นอกเขต" พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก "แต่เพียงหน่วยงานเดียว" ได้
คือ "รวบ" อำนาจการอนุญาตที่อยู่ในหน่วยงานต่างๆ ให้มาอยู่ที่หน่วยงานเดียว และสามารถทำได้ไปจน "นอกเขต" พัฒนาพิเศษอีกด้วย
ลองนึกภาพ หากอำนาจในการอนุญาตให้ใช้พื้นที่อนุรักษ์ (เช่น อุทยานแห่งชาติ) ถูก "รวบ" มาให้สำนักงานเขตพัฒนาพิเศษเป็นผู้ให้การอนุญาต (แทนที่จะเป็น กรมอุทยานฯ เช่นในปัจจุบัน) แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ในเมื่อหน่วยงานที่คิดโครงการกับหน่วยงานที่อนุมัติโครงการเป็นหน่วยเดียวกัน
อำนาจที่จะถูกรวบนี้จะรวบถึงอำนาจของ "องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น" ในการอนุญาตโครงการต่างๆ เช่น การให้อนุญาตโครงการที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามพรบ.การสาธารณสุข เป็นต้น ก็จะถูกรวบมาไว้ที่หน่วยงานเดียวได้ด้วยเช่นกัน
ง่ายๆ คือ พรบ. ผังเมืองจะไม่มีผลบังคับใช้ในจังหวัดต่างๆ ที่อยู่ในเขตนี้อีกต่อไป และให้ใช้ "แผนผัง" ที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษ จัดทำขึ้น
- การประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม พรบ.นี้ กำหนดให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการหรือกิจการนั้น "เป็นการเฉพาะ" ได้
ข้อดี การพิจารณาโครงการต่างๆ จะทำได้เร็ว เพราะมีคณะกรรมการเฉพาะ แถมยังอาจตั้งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหรือเฉพาะพื้นที่ เป็นกรรมการได้
แต่ข้อเสีย คณะกรรมการที่ตั้งขึ้น อาจตั้งเพื่อให้โครงการหรือกิจการผ่านได้โดยง่าย แทนที่จะผ่านคณะกรรมการผู้ชำนาญการปกติ ซึ่งจะผ่านยากกว่า
- การอนุญาตโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน ร่างพรบ.EEC ยกอำนาจให้ครม. สามารถกำหนดให้หน่วยงานของรัฐหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง (ซึ่งก็อาจจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก) ดำเนินการจัดทำโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งที่อยู่ในและ "นอกเขต" พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก "แต่เพียงหน่วยงานเดียว" ได้
คือ "รวบ" อำนาจการอนุญาตที่อยู่ในหน่วยงานต่างๆ ให้มาอยู่ที่หน่วยงานเดียว และสามารถทำได้ไปจน "นอกเขต" พัฒนาพิเศษอีกด้วย
ลองนึกภาพ หากอำนาจในการอนุญาตให้ใช้พื้นที่อนุรักษ์ (เช่น อุทยานแห่งชาติ) ถูก "รวบ" มาให้สำนักงานเขตพัฒนาพิเศษเป็นผู้ให้การอนุญาต (แทนที่จะเป็น กรมอุทยานฯ เช่นในปัจจุบัน) แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ในเมื่อหน่วยงานที่คิดโครงการกับหน่วยงานที่อนุมัติโครงการเป็นหน่วยเดียวกัน
อำนาจที่จะถูกรวบนี้จะรวบถึงอำนาจของ "องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น" ในการอนุญาตโครงการต่างๆ เช่น การให้อนุญาตโครงการที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามพรบ.การสาธารณสุข เป็นต้น ก็จะถูกรวบมาไว้ที่หน่วยงานเดียวได้ด้วยเช่นกัน
#####################################################################
เรื่อง EEC อาจจะยาว จริงๆเนื้อหาไม่มีอะไรมาก เค้าจะยกเลิกอำนาจของกรมที่ดิน และหน่วยงานอื่น คือให้สำนักเขตพัฒนาพิเศษ EEC นี้มีอำนาจอนุมัติได้รวดเร็ว สะดวก ฉับไว
มาดูตัว ร่าง พ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ว่ารัฐบาลจะให้ยกเว้นกฎหมายอะไรบ้าง
มาตรา ๔๓ ของร่าง พ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ฉบับก่อนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2560) ระบุว่า
“ผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการหรืออยู่อาศัยในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ อาจได้รับสิทธิประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างตามที่กำหนดในประกาศจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ดังต่อไปนี้
(๑) สิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นของคนต่างด้าว
ต่อมาใน มาตรา ๔๔ ของร่างดังกล่าวระบุว่า
“ผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการหรืออยู่อาศัยในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นคนต่างด้าวและได้รับสิทธิตามมาตรา ๔๓ (๑) มีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินภายในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตตามประมวลกฎหมายที่ดิน”
ขอเน้นคำว่า “โดยไม่ต้องรับอนุญาตตามประมวลกฎหมายที่ดิน” แปลว่า ถ้าได้รับอนุมัติจากสำนักงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกแล้ว สามารถเช่าที่ดินได้เลย
ต่อมาอีก ในมาตรา ๔๖ ของร่างพ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
“การเช่า หรือให้เช่าที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ มิให้นำมาตรา ๕๔๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๒ มาใช้บังคับ”
สรุปว่า ให้ยกเลิก “มาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๒” ทั้งที่ เป็นกฎหมายที่ฝ่ายรัฐบาลอ้างถึงนะครับ
สรุปว่า สิ่งที่จะถูกยกเลิกไปตามร่างกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ประกอบด้วย มาตรา ๕๔๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๒ และการไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตตามประมวลกฎหมายที่ดิน
คราวนี้ เรามาดูสิ่งที่จะต้องถูกยกเลิกไปตามร่าง พ.ร.บ. นี้มีเนื้อหาอะไรบ้าง?
เริ่มต้นกันจาก มาตรา ๕๔๐ ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งระบุว่า
“อันอสังหาริมทรัพย์ ท่านห้ามมิให้เช่ากันเป็นกำหนดเวลาเกินกว่า สามสิบปี ถ้าได้ทำสัญญากันไว้เป็นกำหนดเวลานานกว่านั้นท่านก็ให้ลดลงมาเป็นสามสิบปี อนึ่งกำหนดเวลาเช่าดังกล่าวมานี้ เมื่อสิ้นลงแล้วจะต่อสัญญาอีกก็ได้ แต่ต้องอย่าให้เกินสามสิบปีนับแต่วันต่อสัญญา”
แปลง่ายๆ ว่า ต่อไปในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การเช่าที่ดินจะสามารถทำสัญญาเช่าได้นานกว่า ๓๐+๓๐ ปี นะครับ
ต่อมา มาดู มาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ถูกยกเลิกไป
มาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๒ ระบุให้ ชาวต่างชาติสามารถเช่าที่ดินได้ ๕๐+๔๙ ปี จริงอยู่ แต่ไม่ใช่ใครก็เช่าได้ครับ
มาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๒ ในวรรคที่สองระบุว่า “การเช่าที่ดินที่มีเนื้อที่เกินกว่าหนึ่งร้อยไร่จะต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดี (กรมที่ดิน) ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง”
ส่วนในวรรคที่สามระบุว่า “การจดทะเบียนการเช่าตามพระราชบัญญัตินี้ การกำหนดประเภทของพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมที่ให้ทำการเช่า และการใช้หรือการเปลี่ยนแปลงประเภทการใช้อสังหาริมทรัพย์ตามที่เช่า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง”
ซึ่งในเว็บไซด์ของกรมที่ดิน ระบุเงื่อนไขในการขอเช่าที่ดินของต่างชาติไว้ชัดเจน แยกเป็น 2 กรณีคือ กรณีที่เช่าที่ดินไม่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่ และกรณีที่เช่าที่ดินเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
กรณีแรก คือ การเช่าที่ดินไม่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่ มีเงื่อนไขสำคัญ ๓ ข้อ
หนึ่ง เงื่อนไขด้านสถานที่ตั้ง อสังหาริมทรัพย์ที่จะจดทะเบียนเช่าจะต้องอยู่ในบริเวณหนึ่งบริเวณใด ดังนี้
(1) บริเวณที่กำหนดให้เป็นที่ดินประเภทพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
(2) เขตนิคมอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
สรุปง่ายๆ ว่า ต่างชาติเช่าได้เฉพาะในเขตนิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่พาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมตามกฎหมายผังเมืองเท่านั้น (แต่ต้องผ่านอีก 2 เงื่อนไขด้วย)
สอง เงื่อนไขด้านประเภทของการลงทุน ประเภทของพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมที่จดทะเบียนเช่าต้องมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้
(1) พาณิชยกรรมที่มีการลงทุนไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้านบาท
(2) อุตสาหกรรมที่สามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน
(3) พาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตาม ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
พูดง่ายๆ เช่าที่ดินได้เฉพาะอุตสาหกรรมบางประเภทเท่านั้น
สาม เงื่อนไขการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ประเภทของพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมที่ให้คนต่างด้าวจดทะเบียนการเช่าได้ต้อง เป็นประเภทที่คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจได้ตามกฎหมาย ว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
หรือไม่อนุญาตให้ต่างชาติเช่าที่ดินเพื่อมาทำกิจการที่ห้ามให้คนต่างชาติทำ
กรณีที่สอง คือ การเช่าที่ดินเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
สำหรับการเช่าที่ดินมีเนื้อที่เกินกว่าหนึ่งร้อยไร่นั้น นอกจากจะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ทั้งสามข้อข้างต้นแล้ว ยังจะต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ “อย่างหนึ่งอย่างใด” ดังต่อไปนี้ด้วย
1. เป็นการประกอบกิจการที่เพิ่มมูลค่าการส่งออกหรือสนับสนุนการจ้างแรงงานภายในประเทศ
2. เป็นการประกอบกิจการที่ยังไม่มีในราชอาณาจักรหรือมีแต่ไม่เพียงพอ
3. เป็นการประกอบกิจการที่มีกรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัยหรือเป็นการพัฒนาด้านเทคโนโลยี
4. เป็นการประกอบกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างสูง ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
5. ในกรณีที่คนต่างด้าวเป็นผู้เช่า ผู้เช่าช่วง หรือผู้รับโอนสิทธิการเช่า การประกอบพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมนั้นจะต้องมีการลงทุนไม่น้อยกว่าหนึ่ง ร้อยล้านบาท โดยไม่รวมถึงจำนวนเงินค่าเช่า และต้องนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรหรือถอนเงินจากบัญชีเงินฝาก เงินตราต่างประเทศหรือถอนเงินจากบัญชีเงินบาทของบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอก ประเทศ ตามจำนวนเงินลงทุนทั้งหมด
แถมในวรรคสุดท้ายของมาตรา ๕ ยังระบุด้วยว่า “ให้อธิบดีมีอำนาจเพิกถอนการจดทะเบียนการเช่าที่ฝ่าฝืนหรือมิได้ปฏิบัติตามความในวรรคสอง และวรรคสาม” (หรือไม่ทำตามเงื่อนไขที่ได้กล่าวไปข้างต้น)
กระบวนการและเงื่อนไขทั้งหมดตามมาตรา ๕ รวมถึงอำนาจของอธิบดี ที่ได้กล่าวไปแล้วต้นนั้น จะถูกยกเลิกไปตามร่าง พรบ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
แปลว่า การเช่าที่ดิน ของชาวต่างชาติ จะเป็นไปได้โดยสะดวก กรมที่ดินไม่มีอำนาจจะกำหนดกฎเกณฑ์ ไม่มีอำนาจจะพิจารณา รวมถึงไม่มีอำนาจจะเพิกถอนสัญญาเช่าดังกล่าวอีกด้วย
สิ่งที่อาจต้องกังวลเพิ่มเติมก็คือ ร่างพ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษ เขียนไว้ในลักษณะที่เมื่อได้รับอนุญาตจากสำนักงานเขตพัฒนาพิเศษให้ลงทุนแล้ว ผู้ประกอบการก็สามารถเช่าที่ดินในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาตเช่าที่ดินอีก
โดยผู้ประกอบการต่างชาติเหล่านั้นจะสามารถเช่าที่ดินแปลงอื่นๆ (ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ) ก็ได้ เพื่อทำกิจการอื่นๆ ก็ได้ โดยไม่จำกัดเฉพาะที่ได้รับอนุญาตในตอนแรก ต่างจากเดิมที่กรมที่ดินจะพิจารณาความจำเป็นในการให้อนุญาตเป็นรายแปลงไป
ทั้งหมดเหล่านี้ ฝ่ายรัฐบาลไม่ได้กล่าวถึงเลย เอาแต่อ้างกฎหมายที่ตนกำลังเสนอให้ “ยกเว้น” เท่านั้น
กล่าวโดยสรุป ในปีพ.ศ. ๒๕๔๒ (๒ ปีหลังจากต้มยำกุ้ง) ภายใต้แรงกดดันของสถาบันการเงินของโลก รัฐบาลไทยจำเป็นต้องออกพระราชบัญญัติที่ยอมให้คนต่างชาติเช่าที่ดินได้ ๕๐+๔๙ ปี แต่ก็ตั้งเงื่อนไขในการเช่าที่ดินไว้มากมายพร้อมกับสงวนเงื่อนไขในการให้อนุญาตและเพิกถอนไว้ด้วย จนการเช่าที่ดินของชาวต่างชาติเป็นไปอย่างจำกัด
แต่ปัจจุบัน รัฐบาล คสช. ซึ่งต้องการให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น กำลังเสนอให้ยกเลิกเงื่อนไขและอำนาจเหล่านั้น เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกให้เข้ามาลงทุนในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ก็สามารถเช่าที่ดินได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาตและไม่ต้องทำตามเงื่อนไขของกรมที่ดิน ตามที่เคยเป็นมา (และยังใช้บังคับอยู่ในอีก ๗๔ จังหวัดของประเทศ)
อำนาจทั้งหมดในการให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดินจึงถูกโอนมาเป็นอำนาจของสำนักงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ถ้าสำนักงานนี้อนุญาตให้ลงทุนแล้วก็ไม่ต้องทำตามกฎหมายที่ดินอีกต่อไป
ทั้งหมดคือ รายละเอียดที่ผมหามาและลองวิเคราะห์ให้ฟังครับ ส่วนเพื่อนๆ จะคิดเห็นอย่างไร? และจะมีอะไรแนะนำเพิ่มเติมก็ยินดีเลยครับ
และขออภัยที่ต้องใช้เวลาอธิบายอย่างยืดยาวครับ
“ผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการหรืออยู่อาศัยในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ อาจได้รับสิทธิประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างตามที่กำหนดในประกาศจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ดังต่อไปนี้
(๑) สิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นของคนต่างด้าว
ต่อมาใน มาตรา ๔๔ ของร่างดังกล่าวระบุว่า
“ผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการหรืออยู่อาศัยในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นคนต่างด้าวและได้รับสิทธิตามมาตรา ๔๓ (๑) มีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินภายในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตตามประมวลกฎหมายที่ดิน”
ขอเน้นคำว่า “โดยไม่ต้องรับอนุญาตตามประมวลกฎหมายที่ดิน” แปลว่า ถ้าได้รับอนุมัติจากสำนักงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกแล้ว สามารถเช่าที่ดินได้เลย
ต่อมาอีก ในมาตรา ๔๖ ของร่างพ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
“การเช่า หรือให้เช่าที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ มิให้นำมาตรา ๕๔๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๒ มาใช้บังคับ”
สรุปว่า ให้ยกเลิก “มาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๒” ทั้งที่ เป็นกฎหมายที่ฝ่ายรัฐบาลอ้างถึงนะครับ
สรุปว่า สิ่งที่จะถูกยกเลิกไปตามร่างกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ประกอบด้วย มาตรา ๕๔๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๒ และการไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตตามประมวลกฎหมายที่ดิน
คราวนี้ เรามาดูสิ่งที่จะต้องถูกยกเลิกไปตามร่าง พ.ร.บ. นี้มีเนื้อหาอะไรบ้าง?
เริ่มต้นกันจาก มาตรา ๕๔๐ ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งระบุว่า
“อันอสังหาริมทรัพย์ ท่านห้ามมิให้เช่ากันเป็นกำหนดเวลาเกินกว่า สามสิบปี ถ้าได้ทำสัญญากันไว้เป็นกำหนดเวลานานกว่านั้นท่านก็ให้ลดลงมาเป็นสามสิบปี อนึ่งกำหนดเวลาเช่าดังกล่าวมานี้ เมื่อสิ้นลงแล้วจะต่อสัญญาอีกก็ได้ แต่ต้องอย่าให้เกินสามสิบปีนับแต่วันต่อสัญญา”
แปลง่ายๆ ว่า ต่อไปในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การเช่าที่ดินจะสามารถทำสัญญาเช่าได้นานกว่า ๓๐+๓๐ ปี นะครับ
ต่อมา มาดู มาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ถูกยกเลิกไป
มาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๒ ระบุให้ ชาวต่างชาติสามารถเช่าที่ดินได้ ๕๐+๔๙ ปี จริงอยู่ แต่ไม่ใช่ใครก็เช่าได้ครับ
มาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๒ ในวรรคที่สองระบุว่า “การเช่าที่ดินที่มีเนื้อที่เกินกว่าหนึ่งร้อยไร่จะต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดี (กรมที่ดิน) ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง”
ส่วนในวรรคที่สามระบุว่า “การจดทะเบียนการเช่าตามพระราชบัญญัตินี้ การกำหนดประเภทของพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมที่ให้ทำการเช่า และการใช้หรือการเปลี่ยนแปลงประเภทการใช้อสังหาริมทรัพย์ตามที่เช่า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง”
ซึ่งในเว็บไซด์ของกรมที่ดิน ระบุเงื่อนไขในการขอเช่าที่ดินของต่างชาติไว้ชัดเจน แยกเป็น 2 กรณีคือ กรณีที่เช่าที่ดินไม่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่ และกรณีที่เช่าที่ดินเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
กรณีแรก คือ การเช่าที่ดินไม่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่ มีเงื่อนไขสำคัญ ๓ ข้อ
หนึ่ง เงื่อนไขด้านสถานที่ตั้ง อสังหาริมทรัพย์ที่จะจดทะเบียนเช่าจะต้องอยู่ในบริเวณหนึ่งบริเวณใด ดังนี้
(1) บริเวณที่กำหนดให้เป็นที่ดินประเภทพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
(2) เขตนิคมอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
สรุปง่ายๆ ว่า ต่างชาติเช่าได้เฉพาะในเขตนิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่พาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมตามกฎหมายผังเมืองเท่านั้น (แต่ต้องผ่านอีก 2 เงื่อนไขด้วย)
สอง เงื่อนไขด้านประเภทของการลงทุน ประเภทของพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมที่จดทะเบียนเช่าต้องมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้
(1) พาณิชยกรรมที่มีการลงทุนไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้านบาท
(2) อุตสาหกรรมที่สามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน
(3) พาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตาม ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
พูดง่ายๆ เช่าที่ดินได้เฉพาะอุตสาหกรรมบางประเภทเท่านั้น
สาม เงื่อนไขการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ประเภทของพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมที่ให้คนต่างด้าวจดทะเบียนการเช่าได้ต้อง เป็นประเภทที่คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจได้ตามกฎหมาย ว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
หรือไม่อนุญาตให้ต่างชาติเช่าที่ดินเพื่อมาทำกิจการที่ห้ามให้คนต่างชาติทำ
กรณีที่สอง คือ การเช่าที่ดินเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
สำหรับการเช่าที่ดินมีเนื้อที่เกินกว่าหนึ่งร้อยไร่นั้น นอกจากจะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ทั้งสามข้อข้างต้นแล้ว ยังจะต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ “อย่างหนึ่งอย่างใด” ดังต่อไปนี้ด้วย
1. เป็นการประกอบกิจการที่เพิ่มมูลค่าการส่งออกหรือสนับสนุนการจ้างแรงงานภายในประเทศ
2. เป็นการประกอบกิจการที่ยังไม่มีในราชอาณาจักรหรือมีแต่ไม่เพียงพอ
3. เป็นการประกอบกิจการที่มีกรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัยหรือเป็นการพัฒนาด้านเทคโนโลยี
4. เป็นการประกอบกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างสูง ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
5. ในกรณีที่คนต่างด้าวเป็นผู้เช่า ผู้เช่าช่วง หรือผู้รับโอนสิทธิการเช่า การประกอบพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมนั้นจะต้องมีการลงทุนไม่น้อยกว่าหนึ่ง ร้อยล้านบาท โดยไม่รวมถึงจำนวนเงินค่าเช่า และต้องนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรหรือถอนเงินจากบัญชีเงินฝาก เงินตราต่างประเทศหรือถอนเงินจากบัญชีเงินบาทของบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอก ประเทศ ตามจำนวนเงินลงทุนทั้งหมด
แถมในวรรคสุดท้ายของมาตรา ๕ ยังระบุด้วยว่า “ให้อธิบดีมีอำนาจเพิกถอนการจดทะเบียนการเช่าที่ฝ่าฝืนหรือมิได้ปฏิบัติตามความในวรรคสอง และวรรคสาม” (หรือไม่ทำตามเงื่อนไขที่ได้กล่าวไปข้างต้น)
กระบวนการและเงื่อนไขทั้งหมดตามมาตรา ๕ รวมถึงอำนาจของอธิบดี ที่ได้กล่าวไปแล้วต้นนั้น จะถูกยกเลิกไปตามร่าง พรบ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
แปลว่า การเช่าที่ดิน ของชาวต่างชาติ จะเป็นไปได้โดยสะดวก กรมที่ดินไม่มีอำนาจจะกำหนดกฎเกณฑ์ ไม่มีอำนาจจะพิจารณา รวมถึงไม่มีอำนาจจะเพิกถอนสัญญาเช่าดังกล่าวอีกด้วย
สิ่งที่อาจต้องกังวลเพิ่มเติมก็คือ ร่างพ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษ เขียนไว้ในลักษณะที่เมื่อได้รับอนุญาตจากสำนักงานเขตพัฒนาพิเศษให้ลงทุนแล้ว ผู้ประกอบการก็สามารถเช่าที่ดินในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาตเช่าที่ดินอีก
โดยผู้ประกอบการต่างชาติเหล่านั้นจะสามารถเช่าที่ดินแปลงอื่นๆ (ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ) ก็ได้ เพื่อทำกิจการอื่นๆ ก็ได้ โดยไม่จำกัดเฉพาะที่ได้รับอนุญาตในตอนแรก ต่างจากเดิมที่กรมที่ดินจะพิจารณาความจำเป็นในการให้อนุญาตเป็นรายแปลงไป
ทั้งหมดเหล่านี้ ฝ่ายรัฐบาลไม่ได้กล่าวถึงเลย เอาแต่อ้างกฎหมายที่ตนกำลังเสนอให้ “ยกเว้น” เท่านั้น
กล่าวโดยสรุป ในปีพ.ศ. ๒๕๔๒ (๒ ปีหลังจากต้มยำกุ้ง) ภายใต้แรงกดดันของสถาบันการเงินของโลก รัฐบาลไทยจำเป็นต้องออกพระราชบัญญัติที่ยอมให้คนต่างชาติเช่าที่ดินได้ ๕๐+๔๙ ปี แต่ก็ตั้งเงื่อนไขในการเช่าที่ดินไว้มากมายพร้อมกับสงวนเงื่อนไขในการให้อนุญาตและเพิกถอนไว้ด้วย จนการเช่าที่ดินของชาวต่างชาติเป็นไปอย่างจำกัด
แต่ปัจจุบัน รัฐบาล คสช. ซึ่งต้องการให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น กำลังเสนอให้ยกเลิกเงื่อนไขและอำนาจเหล่านั้น เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกให้เข้ามาลงทุนในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ก็สามารถเช่าที่ดินได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาตและไม่ต้องทำตามเงื่อนไขของกรมที่ดิน ตามที่เคยเป็นมา (และยังใช้บังคับอยู่ในอีก ๗๔ จังหวัดของประเทศ)
อำนาจทั้งหมดในการให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดินจึงถูกโอนมาเป็นอำนาจของสำนักงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ถ้าสำนักงานนี้อนุญาตให้ลงทุนแล้วก็ไม่ต้องทำตามกฎหมายที่ดินอีกต่อไป
ทั้งหมดคือ รายละเอียดที่ผมหามาและลองวิเคราะห์ให้ฟังครับ ส่วนเพื่อนๆ จะคิดเห็นอย่างไร? และจะมีอะไรแนะนำเพิ่มเติมก็ยินดีเลยครับ
และขออภัยที่ต้องใช้เวลาอธิบายอย่างยืดยาวครับ
############################################################################
แต่เท่าที่ดูทุกคนสนับสนุนโครงการนี้นะ ไม่มีใครค้านไม่ให้ทำ อย่างบัณรสยังบอกว่าไทยจำเป็นต้องทำโดยด่วน
Bunnaroth Buaklee
EEC #2
อีสเทิร์นซีบอร์ดเกิดตั้งแต่ยุคป๋าเปรมต่อเนื่องพล.อ.ชาติชาย 30 กว่าปีมาแล้ว ทำให้ภาคตะวันออกกลายเป็นฐานอุตสาหกรรมส่งออก เปโตรอุตสาหกรรม ท่าเรือและนิคมอุตฯ เรียงรายไปจนสุดแถบ
ก็ประเทศเราถูกตั้งเข็มให้เป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ตามแผนชาติ-แผนทุนมาแต่ครั้งโน้น ทำให้เราอาศัยรายได้หลักจากส่งออกเกือบ 70%
แล้วต้องยอมรับความจริงอันเจ็บปวดว่า ตอนนี้อีสเทิร์นซีบอร์ดหมดแรงส่งแล้ว พลังลดลงเรื่อยๆ
โลกกำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ เทคโนโลยีนำเศรษฐกิจใหม่เข้ามา อะไรที่เก่าๆ กำลังถูกกวาด เราก็พูดกันมาเยอะ
เรื่อง Disruptive Tech. ที่ทั้งยุโรป อเมริกาก็กำลังเผชิญถ้วนหน้า.... ไม่ใช่เราชาวโลกที่สามกลุ่มเดียว
ฐานส่งออกประกอบรถยนต์ภาคตะวันออก และโรงกลั่น/ปิโตรเคมี กำลังจะเปลี่ยนยุค เป็นรถไฟฟ้า / end of oil era.
โรงงานอุตฯ ยุคเดิมที่เน้นแรงงานกึ่งทักษะไปแน่นอน เพราะประเทศอื่นถูกกว่า คนของเขาก็ใช้ได้
อีสเทิร์นซีบอร์ดที่ทำให้ค่าเฉลี่ยรายได้/หัว/คน ระยอง เมืองชล แปดริ้วสูงสุดในประเทศไทยกำลังจะล่ม แบบเดียวกับ ห้างสรรพสินค้าที่ถูกลาซาด้าและขนส่งถึงประตูบ้านโจมตี
ถ้าไม่ทำอะไรเลย !
ต้องยกเครื่องเปลี่ยนสายพานใหม่ทันที รอไม่ได้ แล้วนี่ไม่ใช่เรื่องเฉพาะกลุ่ม เฉพาะฝ่าย ไม่ว่ารัฐบาลไหนเข้ามาก็ต้องทำทันที เกี่ยงกันประเทศล่ม
ผมคิดว่า คนในรัฐบาลนี้ก็เห็นอยู่ กลุ่มของรองฯสมคิด จะเป็นนายหน้าทุนและมีแนวคิดแบบทุนใหญ่+เสรี ไม่ค่อยมองเห็นคนเล็ก คนกลางๆ ก็เหอะ ... แต่จุดดีก็คือ อยู่ใกล้ทุนและสำเหนียกการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว จึงพยายามเสนอระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก EEC ขึ้นมา
มีหลายอย่างน่าสนใจ เช่น รีบดึงทุนยานยนต์ให้ยังคงอยู่ฐานเดิม เสนอแรงจูงใจมากกว่า BOI++ ด้วยกฏหมายตัวใหม่ที่ออกมาทันพอดี นั่นก็คือ พรบ.เพิ่มขีดความสามารถฯ ถ้าไม่ผิดไปจากแผน ทุนยานยนต์จะใช้ไทยผลิตแบตเตอรีรถไฟฟ้า ...รองรับตลาดยุคใหม่
แล้วก็มีแนวคิดใหม่ๆ บลาๆ ... รวมถึงข้อเสนอ 99 ปีที่รวมอยู่ในนั้น (แล้วก็เป็นประกายล่อฟ้าที่สุด)
อย่างไรก็ตาม ความคิดเรื่องจะเปลี่ยนเป็นเศรษฐกิจใหม่ innovation เอย creative economy เอย..ฯลฯ ใครก็คิดกันทั้งนั้น ปัญหาคือทำได้-ไม่ได้ต่างหาก
พื้นที่ 13000 ตร.กม. มันใหญ่มากนะครับ ใหญ่กว่า sez เซิ้นเจิ้น / ใหญ่กว่าสิงคโปร์ 18 เท่า / พื้นที่มาก ปัญหาก็มาก
สิ่งที่บั่นทอนประเทศนี้เรื่อยมา คือ การบังคับใช้ และช่องโหว่ รวมถึงการสวมประโยชน์ (มาเป็นของตน)
ประเทศมันต้องไปข้างหน้า ต้องเปลี่ยน ...
สิ่งที่เป็นโรคเรื้อรังที่คอยบั่นทอน ก็ต้องกำจัด ....
#################################################################
แค่นี้แหละ แต่ที่ว่ามานี้ก็ยังต้องรอดูกม.ฉบับเต็มก่อน ว่ารบ.จะมีมาตรการอะไรยังไง รายละเอียดด้านไหนยังไงบ้าง ส่วนตัวมองว่าโครงการนี้มันใหญ่เมกะโปรเจคมาก ถ้ามันเวิร์คประเทศจะได้ประโยชน์มหาศาล
Like : nueng93
# Mon 24 Apr 2017 : 5:07PM
สงสัยเราจะได้ เรือดำนำลำแรก ตามนโยบายรัฐบาลนี้
[Link]
ไม่ถามกรูซักคำ
เอาวะ ปลง ถือว่าไว้ให้ประเทศไทยหาสมบัติ one piece ใต้น้ำละกัน
[Link]
ไม่ถามกรูซักคำ
เอาวะ ปลง ถือว่าไว้ให้ประเทศไทยหาสมบัติ one piece ใต้น้ำละกัน
View all 3 comments >
# Mon 24 Apr 2017 : 9:29PM
มีเรือดำน้ำ เหมือนมี อีแปบใต้ท้องทะเล (มั้ง)
แต่เป็นผมคงไม่ซื้อ ใช้งานยาก ซ่อมยาก คำบำรุงสูง (กลัวคุณภาพของจีนด้วย)
ผมว่าส่วนหนึ่งที่ คสช ต้องซื้อ ลึกๆผมคิดว่า น่าจะโดนกดดันจากทหารเรือ เพราะเวลาทำการปฏิวัติ
เหล่าทัพเดียวไม่สามารถทำได้ อากาศก็ได้ กริเพนไป 1 ฟูง ทหารเรือได้เรือดำน้ำ
ไม่แน่ใจว่าเรือดำน้ำ 1 ลำ มันเอาไปขู่เรือบรรทุกเครื่องบินได้ไหม
ยิงปุบแทบผลีชีพ เพราะจะเจอกองเรือ กองคอปเตอร์ทิ้งบอม คงคุ้มมั้ง แบบว่าผลีชีพแลกไปเลย
คงไม่ผลิ้วแบบ การตูน ซีแบท หรอกมั้ง 55
1 ลำ ถือว่าเป็นค่าเรียนรู้ว่า ไอ้เรือดำน้ำ เนี้ยมันเหมาะสมไหม ถ้าเอาข้าวไปแลกได้ซัก 4000 ล้าน
ผมคงเห้นด้วยเลย 555
14000 ล้านบ้าน อยากให้แบ่ง มา ซัก 2000 ล้านบ้าง แล้วให้ดึงวิศวกร ระดับอาจารย์ทั้งประเทศ มันคิดค้น เรือดำน้ำขนาดเล็ก แบบไร้คนขับ เพื่อฟลุคๆ จะเวิรค์ 555
แต่เป็นผมคงไม่ซื้อ ใช้งานยาก ซ่อมยาก คำบำรุงสูง (กลัวคุณภาพของจีนด้วย)
ผมว่าส่วนหนึ่งที่ คสช ต้องซื้อ ลึกๆผมคิดว่า น่าจะโดนกดดันจากทหารเรือ เพราะเวลาทำการปฏิวัติ
เหล่าทัพเดียวไม่สามารถทำได้ อากาศก็ได้ กริเพนไป 1 ฟูง ทหารเรือได้เรือดำน้ำ
ไม่แน่ใจว่าเรือดำน้ำ 1 ลำ มันเอาไปขู่เรือบรรทุกเครื่องบินได้ไหม
ยิงปุบแทบผลีชีพ เพราะจะเจอกองเรือ กองคอปเตอร์ทิ้งบอม คงคุ้มมั้ง แบบว่าผลีชีพแลกไปเลย
คงไม่ผลิ้วแบบ การตูน ซีแบท หรอกมั้ง 55
1 ลำ ถือว่าเป็นค่าเรียนรู้ว่า ไอ้เรือดำน้ำ เนี้ยมันเหมาะสมไหม ถ้าเอาข้าวไปแลกได้ซัก 4000 ล้าน
ผมคงเห้นด้วยเลย 555
14000 ล้านบ้าน อยากให้แบ่ง มา ซัก 2000 ล้านบ้าง แล้วให้ดึงวิศวกร ระดับอาจารย์ทั้งประเทศ มันคิดค้น เรือดำน้ำขนาดเล็ก แบบไร้คนขับ เพื่อฟลุคๆ จะเวิรค์ 555
[Edited 1 times Lovely45 - Last Edit 2017-04-24 21:33:19]
# Mon 24 Apr 2017 : 11:28PM
ถือว่าไทยมีเรือดำน้ำอย่างเป็นทางการแล้ว
- GT200 ไม่เห็นด้วย
- เรือเหาะ ไม่เห็นด้วย
- เรือดำน้ำ เฉยๆ ซื้อก็ได้ ไม่ซื้อก็ได้
จะซื้อก็ซื้อ แต่ประเด็นอยู่ที่ ราคาที่ซื้อมันคุ้มค่าไหม เทียบกับราคาแล้วถูกหรือแพง รุ่นที่ซื้อประสิทธิภาพดีแค่ไหน มีการคอร์รัปชั่นในการจัดซื้อไหม
ตอนนี้ก็ซื้อแล้ว รอดู
(บางพวกค้านอยู่แล้ว ทหารไทยถูกฆ่าตายมันยังดีใจ มันยังไปโพสต์ซ้ำเติม)
นักวิเคราะห์สิงคโปร์ เห็นด้วยที่ไทยจะมีเรือดำน้ำ อันนี้คห.แบบเป็นกลาง (เป็นกลางในที่นี้คือไม่มีสีเสื้อ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่สิงคโปร์มีเรือดำน้ำ ก็ไม่แปลกที่จะเห็นด้วย สิงคโปร์ก็ไม่ได้ไปรบกับใคร)
1. เพื่อความมั่นคง ป้องกันทางทะเล คู่กับความมั่นคงทางพลังงาน เศรษฐกิจ
2. ไทยคงต้องแข่งขันศักยภาพทางทหารกับประเทศอื่นในภูมิภาคแถบนี้ ไม่ให้ไทยดูกาก
3. ไทยควรมีเรือดำน้ำ 6 ลำถึงจะเหมาะสม อ่าวไทย 3ลำ, อันดามัน 3ลำ แบ่งไปฝั่งละ 1-2ลำ ไม่มีประสิทธิภาพ กว่าจะอ้อมไปช่วยกันใช้เวลานาน
4. เอาไว้ใช้สร้างความร่วมมือด้านอื่นได้ เช่นด้านกู้ภัยกับสิงคโปร์
- GT200 ไม่เห็นด้วย
- เรือเหาะ ไม่เห็นด้วย
- เรือดำน้ำ เฉยๆ ซื้อก็ได้ ไม่ซื้อก็ได้
จะซื้อก็ซื้อ แต่ประเด็นอยู่ที่ ราคาที่ซื้อมันคุ้มค่าไหม เทียบกับราคาแล้วถูกหรือแพง รุ่นที่ซื้อประสิทธิภาพดีแค่ไหน มีการคอร์รัปชั่นในการจัดซื้อไหม
ตอนนี้ก็ซื้อแล้ว รอดู
(บางพวกค้านอยู่แล้ว ทหารไทยถูกฆ่าตายมันยังดีใจ มันยังไปโพสต์ซ้ำเติม)
นักวิเคราะห์สิงคโปร์ เห็นด้วยที่ไทยจะมีเรือดำน้ำ อันนี้คห.แบบเป็นกลาง (เป็นกลางในที่นี้คือไม่มีสีเสื้อ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่สิงคโปร์มีเรือดำน้ำ ก็ไม่แปลกที่จะเห็นด้วย สิงคโปร์ก็ไม่ได้ไปรบกับใคร)
1. เพื่อความมั่นคง ป้องกันทางทะเล คู่กับความมั่นคงทางพลังงาน เศรษฐกิจ
2. ไทยคงต้องแข่งขันศักยภาพทางทหารกับประเทศอื่นในภูมิภาคแถบนี้ ไม่ให้ไทยดูกาก
3. ไทยควรมีเรือดำน้ำ 6 ลำถึงจะเหมาะสม อ่าวไทย 3ลำ, อันดามัน 3ลำ แบ่งไปฝั่งละ 1-2ลำ ไม่มีประสิทธิภาพ กว่าจะอ้อมไปช่วยกันใช้เวลานาน
4. เอาไว้ใช้สร้างความร่วมมือด้านอื่นได้ เช่นด้านกู้ภัยกับสิงคโปร์
View all 1 comments >
# Tue 25 Apr 2017 : 8:11AM
ก็เหมือนจะซื้อรถเข้าบ้าน คนในบ้านมีทั้ง ค้าน-ไม่ค้าน สำหรับคนค้านต่อให้ได้รถดีเขาก็ด่า เพราะเขามองว่าฟุ่มเฟือยไม่มีประโยชน์ อันนี้ไม่ว่ากัน แต่คนที่ไม่ค้านก็คงต้องดูกันว่ารถรุ่นที่จะซื้อมันดีถูกใจกันไหม
แหล่งข่าวทัพเรือเผย "ต้องเรือดำน้ำจีนเพราะสัญญาณจากผู้มีอำนาจเหนือ ทร." [Link]
ถ้าข้อมูลนี้จริง (แหล่งข่าวแบบนี้คงต้องฟังหูไว้หู) ก็แปลว่าได้ของราคาถูก (แต่คุณภาพต่ำ) ของแถมเยอะ ซื้อได้ 3 ลำ แต่ของเจ้าอื่นราคานี้จะซื้อได้แค่ 2 ลำ
ซื้อของแพงก็โดนคนด่า ซื้อของถูกคนอาจจะด่ากันน้อยกว่า แต่ทร.คงเซ็ง ถ้าไม่มัวแต่ตั้งแง่กัน ตอนนั้นคงได้เรือดำน้ำเยอรมันไปแล้ว
ตอนนี้ก็เหลือประเด็นความโปร่งใสในการจัดซื้อ ที่สื่อคงต้องตามดูกันต่อ
แหล่งข่าวทัพเรือเผย "ต้องเรือดำน้ำจีนเพราะสัญญาณจากผู้มีอำนาจเหนือ ทร." [Link]
ถ้าข้อมูลนี้จริง (แหล่งข่าวแบบนี้คงต้องฟังหูไว้หู) ก็แปลว่าได้ของราคาถูก (แต่คุณภาพต่ำ) ของแถมเยอะ ซื้อได้ 3 ลำ แต่ของเจ้าอื่นราคานี้จะซื้อได้แค่ 2 ลำ
ซื้อของแพงก็โดนคนด่า ซื้อของถูกคนอาจจะด่ากันน้อยกว่า แต่ทร.คงเซ็ง ถ้าไม่มัวแต่ตั้งแง่กัน ตอนนั้นคงได้เรือดำน้ำเยอรมันไปแล้ว
ตอนนี้ก็เหลือประเด็นความโปร่งใสในการจัดซื้อ ที่สื่อคงต้องตามดูกันต่อ
[Edited 1 times toranin - Last Edit 2017-04-25 08:37:53]
# Tue 25 Apr 2017 : 8:28AM
<<
<
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
>
>>
Reply
Vote
Related Thread
Popular Thread
1 online users
Logged In :
Logged In :
member
Since 2014-12-29 16:21:35
(2906 post)