<div>
 </div>
<div>
 </div>
<div>
ก่อนอื่น ต้องออกตัวก่อนว่า ไม่ใช่แฟนพันธ์แท้ซีรี่ส์นี้ แต่มีโอกาสได้เล่นภาคหลักจนจบทุกภาคตั้งแต่ MGS ของ Playstation จนภาค MGS V ของ Playstation 4 ดังนั้นผมจึงพอมีแบ็คกราวด์สำหรับเกมนี้ระดับนึง </div>
<div>

</div>
<div>
MGS V ถือเป็นภาคสุดท้ายในซีรี่ส์ Metal Gear Solid ทั้งในส่วนของเรื่องราว ที่จะเชื่อมต่อโลกของ Metal Gear ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ในส่วนของผู้กำกับที่อยากจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแล้ว และในส่วนของบริษัทผู้พัฒนาที่ดันอยากจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นนอกจากวีดีโอเกมเหมือนกัน, MGS V จึงเปรียบเสมือนเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายกลายๆ จาก Hideo Kojima สู่แฟนๆซีรี่ส์นี้</div>
<div>

</div>
<div>
เกม MGS V ถูกออกแบบใหม่ให้กลายเป็นเกมในรูปแบบ Open World โดยรูปแบบหลักๆคือผู้เล่นมีอิสระในการเดินทางไปยังจุดต่างๆในเกม เพื่อทำมิชชั่น</div>
<div>
 </div>
<div>
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/70248/237db25330f2094ef9c583989bb7aff5bc986cbb-2.jpg" style="width: 500px; height: 281px;" /></div>
<div>

</div>
<div>
หลังจากเริ่มเกมจริงๆไปได้ซักพัก จนเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่ เกมจะมีลิสของมิชชั่นที่จะให้ทำขึ้นมา และเรามีอิสระระดับนึง ในการเลือกมิชชั่นที่จะเล่น และเลือกว่าจะนั่งฮ. ไปลงยังจุดที่ใกล้กับมิชชั่นนั้นที่สุด หรือเลือกเอาว่าจะเดินทางไปเองจากฉากในเกม (ขี่ม้า, ขับรถ หรือ วิ่งเอา) </div>
<div>

</div>
<div>
มิชชั่นมีให้เลือกสองแบบ คือมิชชั่นหลัก (ที่จะดำเนินเกมให้ไปสู่ฉากจบ) หรือมิชชั่นรอง ที่เอาไว้เล่นเพื่อเก็บสะสมแต้ม ไอเทม หรือตัวละคร แต่ว่ามิชชั่นรองบางอัน ก็ส่งผลให้เนื้อเรื่องเดินต่อไปได้เหมือนกัน โดยมิชชั่นทั้งสองแบบ ถ้าอันไหนขึ้นเป็นสีเหลือง แปลว่าเป็นมิชชั่นเนื้อเรื่อง แต่ถ้าสีขาวก็ถือว่าเป็นมิชชั่นทั่วไป</div>
<div>

</div>
<div>
รูปแบบมิชชั่นโดยส่วนใหญ่จะค่อนข้างมีรูปแบบคล้ายๆกัน เช่นเข้าไปช่วยเหลือคน , เข้าไปลอบฆ่าศัตรู, เข้าไปลักพาตัว, หรือ เข้าไปเก็บไอเทมหรือไฟล์สำคัญ เพียงแต่เปลี่ยนโลเกชั่นไปเรื่อยๆเท่านั้น (บางมิชชั่นอาจจะกลับไปยังสถานที่เดิม แต่เปลี่ยนรูปแบบศัตรู) เฉพาะมิชชั่นเนื้อเรื่องบางอันเท่านั้น ที่จะมีรูปแบบพิเศษ และแตกต่างจากปกติ</div>
<div>

</div>
<div>
โดยในระหว่างมิชชั่นนั้น เราสามารถออกจากมิชชั่นได้ตลอดเวลา เราสามารถเรียกฮ.มารับได้ตลอดเวลา และเราสามารถบินกลับฐานได้ตลอดเวลา เกมค่อนข้างให้อิสระกับผู้เล่นมากพอสมควร แต่อาจจะต้องทำใจว่า ทุกครั้งที่เราบินขึ้นลง เกมจะโชว์ฉากเรานั่งฮ. ขึ้นหรือลง ซึ่งเป็นฉากซ้ำๆประมาณ 1-2 นาทีตลอดเวลา ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะออกแนวสมจริง แต่ค่อนข้างซ้ำซากอยู่เหมือนกัน</div>
<div>
 </div>
<div>
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/70248/585397589.jpg" style="width: 500px; height: 281px;" /></div>
<div>

</div>
<div>
อ้อ เวลาเข้ามิชชั่นหลัก หรือจบมิชชั่นหลัก ทุกครั้งจะขึ้นเครดิตผู้สร้างเสมอนะ คือดูชื่อ Hideo Kojima กันจนเบลอไปข้างนึงเลย ไหนๆ Konami ก็เอาเครดิต Kojima Production ออกจากปกไปซะละ</div>
<div>

</div>
<div>
นอกจากระบบมิชชั่น ที่เป็นหัวใจหลักของเกมนี้ เกมยังมีระบบอื่น (ซึ่งเท่าที่ได้ยินคือทำมาแล้วกับภาค Peace Walker ของ PSP) เช่นการสะสมกำลังทหาร (โดยใช้วิธีเก็บจากมิชช่นเสริม หรือไปลักพาตัวเอาตามในเกม) ระบบสร้างฐานทัพ ที่ต้องเก็บเงื่อนไขบางอย่างให้ครบก่อน จึงจะค่อยๆสามารถเสริมฐานทัพให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ, ระบบส่งกำลังพลไปทำภารกิจเพื่อเอาของรางวัล, และอื่นๆ ซึ่งเยอะมาก แต่ขออนุญาตข้ามไปเลย เพราะว่ามันไม่ได้ส่งผลกับตัวเกมหลักโดยตรง </div>
<div>
 </div>
<div>
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/70248/1416019438567255332.jpg" style="width: 500px; height: 281px;" /></div>
<div>

</div>
<div>
ในระหว่างที่เล่นมิชชั่น เราสามารถเลือก บัดดี้ ได้ 1 คน/ตัว ซึ่งบัดดี้แต่ละ คน/ตัว ก็มีความสามารถที่แตกต่าง ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบที่เสริมให้เกมการเล่นในภาคนี้ มีความหลากหลายมากกว่าเดิมค่อนข้างมาก แต่ค่อนข้างเสียดายว่าด้วยความสามารถของบัดดี้แต่ละคน/ตัว ที่แตกต่างมากเกินไป ทำให้เกิดการรักพี่เสียดายน้องอยู่บ่อยๆ ดังนั้นผู้เล่นต้องเลือกเอาว่าอยากจะใช้ตัวช่วยแบบไหน ในการเล่นแต่ละมิชชั่น ซึ่งการใช้บัดดี้แต่ละครั้ง ก็จะเพิ่มเกจความสัมพันธ์ระหว่างเรากับบัดดี้นั้นๆด้วย (ซึ่งไม่แน่ใจว่าส่งผลอะไรรึเปล่า เพราะยังไม่เห็น ยกเว้นกับ quiet ที่มีผลต่อฉากจบ)</div>
<div>

</div>
<div>
ระบบโดยหลักๆน่าจะมีประมาณนี้นะ จริงๆยังมีส่วนยิบย่อยอย่างอื่นอีก เช่น เราสามารถดักจับสัตว์ หรือเก็บผักตามฉากได้ เราสามารถอัพเกรต Fulton (บอลลูนที่ใช้เคลื่อนย้ายสิ่งของหรือคนทางอากาศ) เพื่อใช้เคลื่อนย้ายของต่างๆในฉากได้ ระบบสภาพอากาศที่ส่งผลถึงตัวเกมบางอย่าง แต่ขอไม่ใส่รายละเอียดทั้งหมด เพราะไม่งั้น เฉพาะพูดถึงระบบเกมอย่างเดียวคงล่อไปซักสามหน้า</div>
<div>
 </div>
<div>
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/70248/maxresdefault-2.jpg" style="width: 500px; height: 281px;" /></div>
<div>

</div>
<div>
ทีนี้ มาพูดถึงความรู้สึกในส่วนต่างๆของเกมบ้าง (<span style="color:#ff0000;"><strong>และอาจจะมีบางส่วนสปอย แต่ไม่สามารถข้ามได้ เพราะส่งผลต่อความรู้สึกต่อเกมนี้เป็นหลักเลย</strong></span>)</div>
<div>

</div>
<div>
ถึงแม้ว่าข้างบนจะบอกไปว่าเกมหลักเป็น Open World แต่เกมดันเลือกที่จะเปิดตัวด้วยฉาก Prologue ที่ยาวนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยตลอด 1 ชั่วโมงนี้ เกมจะมีรูปแบบเป็นกึ่งคัทซีน กึ่งบังคับ ดังนั้นเราจะพบว่า เราจะได้บังคับตัวละครแป้บนึง แล้วเกมจะดึงกลับเข้าเรียลไทม์คัทซีน สลับไปสลับมาตลอดเวลา ซึ่งเป็นอะไรที่น่ารำคาญมาก บวกกับวิธีการนำเสนอบางอย่างที่ค่อนข้างเชย (เช่นการมองของตัวเอกไปรอบๆ เพื่อเห็นเหตุการณ์ ที่ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ) ทำให้รู้สึกว่า ฉากนี้น่าจะถูกทำในช่วงพัฒนาเกมสมัยแรกๆที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าจะให้เกมออกมาในรูปแบบไหน มันเลยกลายเป็นอะไรที่หลุดจากตัวเกมหลักไปเลย และมีรูปแบบที่ค่อนข้างแปลก</div>
<div>
 </div>
<div>
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/70248/CT5Abia.jpg" style="width: 500px; height: 281px;" /></div>
<div>

</div>
<div>
ซึ่งเหตุผลเดียวที่ทำให้การมีอยู่ของฉาก Prologue อันนี้น่าจะเป็นฉากจบลับ (ซึ่งอยู่ในมิชชั่นเนื้อเรื่อง แต่มีเงื่อนไขในการปลดล้อค ไม่ใช่เห็นกันง่ายๆ) และเป็นฉากจบที่แท้จริงของเกมนี้</div>
<div>

</div>
<div>
พอเข้าตัวเกมในส่วน Open World แล้ว ผู้เล่นจะได้เล่นเกมแบบจริงๆ เพราะมีแต่เกมเพลย์เลย เนื้อเรื่องแทบจะกลายเป็นส่วนรอง ที่สำคัญคือแม้แต่ในมิชชั่นที่เป็นเนื้อเรื่อง ฉากคัทซีนเนื้อเรื่องที่โผล่เข้ามาก็มีไม่มากเท่าไหร่ เกมเลือกที่จะอธิบายเนื้อเรื่องบางส่วนผ่านระบบฟังเทปแทน (ซึ่งเราฟังได้ตลอดไม่ว่าจะอยู่ใน ฮ หรือในเกม) ซึ่งถือว่าค่อนข้างกลายเป็นคนละขั้ว สำหรับโลกของ Metal Gear ที่ปกติเกมจะตามเนื้อเรื่องมากกว่า </div>
<div>

</div>
<div>
สำหรับตัวเกมเพลย์แท้ๆเลยยังคงเป็น MGS ที่เรารู้จัก ไม่ว่าจะเป็นการย่อง ลอบฆ่า หรือระบบบังคับ (ซึ่งจริงๆยอมรับว่าภาคนี้ทำระบบบังคับได้คล่องตัว และดีกว่าเดิมมาก การเล่นในส่วนการบังคับตัวละครแทบไม่มีความติดขัดเลย) และน่าจะถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของเกมนี้เลยก็ได้</div>
<div>

</div>
<div>
แต่น่าเสียดายที่ส่วนการเป็น Open World ของเกมนี้กลับไม่ได้ถูกใช้แบบเต็มประสิทธิภาพ แม้ว่าเกมจะออกแบบฉากให้มีขนาดที่กว้างขวางมาก แต่เวลาส่วนใหญ่ที่ใช้ กลับกลายเป็นการเดินทางไปยังจุดต่างๆ ผ่านทางโล่งๆ ที่ไม่มีอะไรเลย แรกๆการขี่ม้าข้ามภูเขาไกลๆอาจจะยังพอน่าตื่นเต้น แต่การต้องทำแบบนี้ซ้ำๆตลอดเกม (เนื่องจากเกมไม่มีระบบ Fast Travel ยกเว้นว่าเรียกฮ.มารับไปลงอีกจุด ซึ่งก็ต้องใช้เวลารอขึ้นฮ. รอฮ.ขึ้น รอฮ.ลง ...) ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญ ที่ทำให้เกิดคำถามว่า การเป็น Open World อันนี้ เหมาะสมกับเกมแนวนี้จริงๆรึเปล่า เพราะสุดท้ายแล้ว เกมเพลย์จริงๆเกิดขึ้นเมื่อเราเดินทางไปถึงสถานที่ที่ทำมิชชั่นมากกว่า</div>
<div>

</div>
<div>
ที่โหดกว่านั้นคือ ฉากออกแบบให้มีภูเขาขนาดใหญ่กั้นตลอดทาง หลายครั้งเราจึงพบว่าเราไม่สามารถเดินทางไปยังเป้าหมายตรงๆได้ แต่ต้องเดินทางอ้อมเส้นทางระยะยาวกว่าปกติ เพื่อไปยังเป้าหมาย สำหรับการเล่นมิชชั่นเนื้อเรื่องหลัก ยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่เป็นปัญหาหลักที่เจอระหว่างการไล่เก็บมิชชั่นเสริม ที่แต่ละจุดทำมิชชั่นอยู่ห่างกันคนละฝั่งแผนที่ จนบางครั้ง เราต้องใช้เวลาเดินทาง มากกว่าเวลาทำมิชชั่นจริงๆเสียอีก แม้ว่าระหว่างทางจะมีป้อมย่อยของศัตรูอยู่ประปราย แต่เชื่อว่าผู้เล่นส่วนใหญ่คงจะเลือกวิ่งข้ามไปเลย มากกว่าจะคอยเสียเวลาทำลายป้อมประปราย ซึ่งยิ่งจะทำให้สปีดของเกมช้าลงไปอีก</div>
<div>
 </div>
<div>
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/70248/6_Bosses.jpg" style="width: 500px; height: 281px;" /></div>
<div>

</div>
<div>
แต่ทั้งหมดก็ยังโอเค โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Chapter 1 ที่เกมยังคงมีฉากเหตุการณ์ในเกมทยอยใส่เข้ามาเรื่อยๆตามความคืบหน้าในการเล่นของเรา แม้ว่าฉากคัทซีนบางอย่างจะไม่ได้เข้ากับเกมหรือมิชชั่นที่กำลังเล่นโดยตรงซักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้หลุดโลกมากนัก และเกมก็จบเรื่องราวระหว่าง Big Boss และ Skull Face แบบค่อนข้างสมบูรณ์</div>
<div>

</div>
<div>
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเข้า Chapter 2 และนั่นโชว์ให้เห็นถึปัญหาการตัดจบแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างแรก มิชชั่นครึ่งนึงของ Chapter 2 คือการเล่นมิชชั่นเดิมใน Chapter 2 ในความยากที่มากขึ้น (พร้อมเงื่อนไขบางอย่าง) อย่างที่สอง การนำเสนอเหตุการณ์ และ ตัวเกม แทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย และเป็นไปแบบค่อนข้างสะเปะปะ แถมเหตุการณ์ในเกมส่วนมาก เป็นเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆ ที่ดีไม่ดี เอาไปผสมลงใน Chapter 1 ได้ยังไม่รู้สึกแปลก ทำให้การเล่น Chapter 2 เป็นอะไรที่ขาดแรงบันดาลใจอย่างมาก </div>
<div>

</div>
<div>
ยิ่งไปกว่านั้นคือ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเล่นเกม Chapter 2 จบเมื่อไหร่ เพราะไม่มีอะไรบอกเลย และฉากจบที่แท้จริง ก็มีด้วยกันถึง 2 ตอน คือมิชชั่น 46 ที่ต้องทำเงื่อนไขหลายๆอย่างให้ครบจึงจะได้ดู (ซึ่งบอกได้เลยว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่รู้แน่ๆ) และมิชชั่น 51 ที่ไม่มีในเกม! (ต้องดูวีดีโอที่มาจากแผ่น Special Edition เอา) สำหรับคนที่สนใจ สามารถดูได้ตามลิ้งค์นี้ครับ (สปอยแน่นอน)</div>
<div>

</div>
<div>
Mission 46 : <a href="https://www.youtube.com/watch?v=To6oQpGEDGM">https://www.youtube.com/watch?v=To6oQpGEDGM</a></div>
<div>
Missoin 51 : <a href="https://www.youtube.com/watch?v=-B4JIHh5Jqk">https://www.youtube.com/watch?v=-B4JIHh5Jqk</a></div>
<div>

</div>
<div>
<img alt="" src="http://www.gconmedia.com/images/70248/Metal-Gear-Solid-V-The-Phantom-Pain-E3-2013-Eli.jpg" style="width: 500px; height: 281px;" /></div>
<div>
 </div>
<div>
ทั้งๆที่จริงแล้ว ถ้าดูจากแนวโน้วของเกมนี้ Chapter 2 น่าจะอธิบายอะไรหลายๆอย่าง และปิดเรื่องราวของภาคนี้ได้ด้วยความสมบูรณ์ แต่กลายเป็นว่าเราได้เกมที่สมบูรณ์ครึ่งนึง และเกมที่เกือบพิการอีกครึ่งนึง ทำให้การเล่นเกมนี้จนจบไม่ได้รู้สึกถึงจุดพีคตามที่ควรจะเป็น และด้วยการที่รูปแบบมิชชั่นค่อนข้างซ้ำซาก บวกกับการเดินทางในเกมที่โคตรไกล ทำให้การกลับไปเล่นเกมนี้ซ้ำเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากลำบากเหมือนกัน</div>
<div>

</div>
<div>
และนี่ไม่นับถึงจุดหักมุม (ที่อธิบายใน Mission 46) ที่เอาตรงๆคือ เงิบมากๆ และคนที่น่าจะรู้สึกแย่กับจุดหักมุมแบบนี้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นแฟนเกมนี้</div>
<div>

</div>
<div>
น่าเสียดาย ทั้งๆที่เกมเพลย์ทำออกมาได้ดี และเกมนี้มีแนวโน้มจะเป็นหนึ่งในจุดสุดยอดของ Hideo Kojima แต่ปัญหาที่แสดงให้เห็นค่อนข้างชัดเจนขนาดนี้ ทำให้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกหลายๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้</div>
<div>

</div>
<div>
ไม่มีคะแนนให้นะ เพราะคิดว่าอาจจะไม่แฟร์ซักเท่าไหร่</div>
<div>

</div>
<div>
อ้อ นึกได้แล้วว่าลืมอะไร Fox Engine มีสองอย่างที่อยากจะพูด อย่างแรก ในส่วนของ Open world  เทพมาก ภาพสวยจริงอะไรจริง ระบบแสงดีมาก อย่างทีสอง อยากให้ไปปรับปรุงเรื่องเอฟเฟคบางอย่างที่ใช้บ่อยๆ เช่นเอฟเฟคไฟ เพราะจากที่เห็น เหมือน GIF ตัดแปะเลย ถือว่าช้อคเล็กๆ</div>
<div>
 </div>
<div>
ข้อดี</div>
<div>
+ เกมเพลย์</div>
<div>
+ ฉากเนื้อเรื่อง</div>
<div>
+ กราฟฟิค </div>
<div>
+ ซาวแทรค</div>
<div>
 </div>
<div>
ข้อเสีย</div>
<div>
- Chapter 2</div>
<div>
- โอเพ่นเวิร์ล</div>
<div>
- เนื้อเรื่อง</div>
<div>
- Konami</div>

เรื่องฮ.นี่คิดเหมือนกันครับ

fast travel มีน่ะครับในกระทู้ OT มีสอนด้วยน่ะคุณเรย์

ผมเล่นส่วนมากไม่ได้ย่อง เข้าไปตรงไหนวงแตกตลอด พอดีผมมันสายบู๊ ..555 อาจจะแหวกแนวไปหน่อย

ข้อเสีย

- Konami *O*

"เปิดตัวด้วยฉาก Prologue ที่ยาวนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยตลอด 1 ชั่วโมงนี้ เกมจะมีรูปแบบเป็นกึ่งคัทซีน กึ่งบังคับ ดังนั้นเราจะพบว่า เราจะได้บังคับตัวละครแป้บนึง แล้วเกมจะดึงกลับเข้าเรียลไทม์คัทซีน สลับไปสลับมาตลอดเวลา ซึ่งเป็นอะไรที่น่ารำคาญมาก"

มองต่างกันแฮ้ะ ผมว่ามันก็ลื่นไหลดีออก คีทซึนกึ่งเรียลไทม์มันก็ไม่ได้ยาว ยังพอไหลลื่นตามสถานการณ์ไปได้ ดีกว่าภาคเก่าๆ ที่นั่งดูอย่างเดียวไม่ได้ทำไรเปง 10-20 นาที เสียอีก

อ่านโดยรวมก็เห็นด้วยเรื่องนั่ง ฮ น่าเบื่ออยู่เหมือนกัน ( คิดว่ามันออกแบบมาให้คนเล่นกด idroid ระหว่างนั่ง ฮ ตลอดป่าว ก็ไม่รู้ )

เรื่องการเดินทางนี่ผมไม่เห็นด้วยนะครับ มันก็ปกติตามเกม open world อยู่แล้ว ไปที่ๆไม่เคยไปมันก้ต้องเดินทางกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะสกายริม หรือ fallout ถ้าไม่มีการเดินทางมันก็จะกลายเป็น rockman ไปครับ อีกอย่างคื้อ การเดินทางมันไม่ได้มีแค่ขี่ม้านะครับ มีวิธีอื่นเดินทางเร็วกว่าตั้งเยอะ ลง ฮ มา จุดหมายอยู่ 500m นี่ แปีบๆ ก็ไปถึงที่แล้ว ( หนึ่งในตัวอย่างคือ รถนั่งขนาดเล็ก มันเร็วกว่าม้าเยอะนะครับ เอาจริงๆแล้วม้ามันไม่ได้วิ่งเร็วขนาดนั้นหรอกครับ )

ส่วนเรื่อง chapter 2

เห้็นด้วยทั้งหมดทุกตัวอักษรครับ

คือแม้ว่าเกมนี้จะไม่สมบูรณ์ในฐานะ Open World ยังไงก็ตาม ผมก็ว่ามันคงกลายเป็นต้นแบบให้เกมฝรั่งแนวนี้เอาไปใช้ต่อไปแน่ ๆ ล่ะครับ เพราะมันมีสิ่งที่ Open World ฝรั่งขาดไป นั่นคือฉากเล่าเรื่องที่ตื่นเต้นเร้าใจ

ชอบ KONAMI คือ ข้อเสีย 55 5 55

ผมไม่ได้เล่น แต่อ่านดูข้อเสียร้ายแรงเหมือนกันนะนี่ แสดงว่าฝรั่งที่ให้เต็มๆกันนี่จากกระแส hype?

เห็นด้วยเรื่อง Chapter 2 มีความรู้สึกยิ่งเล่นยิ่งมั่วจนเจอฉากจบลับยิ่งคิดว่าโคตรเงิบเอามากๆ คือ ถ้าทำได้ถึงขนาดนี้ไม่ต้องทุ่มงบพัฒนาอาวุธมากมาย เอางบสักค่อนหนึ่งมาทำโครงการนี้ดีกว่ามีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จแล้วด้วย สร้างขึ้นมาได้ซักกลุ่มหนึ่งนี้จะน่ากลัวกว่าอาวุธไหนๆอีก

ความเห็นส่วนตัวเหมือนว่าเกมยังทำไม่เสร็จดีแต่มีปัญหาตามที่มีข่าวเลยจับตัดออกมาขายทั้งแบบนี้เลยครับ

ไม่ถูกนะครับ เกมนี้มี Fast Travel นะครับ ควรจะหาข้อมูลให้แน่นกว่านี้นะครับ ฮ่าๆ

จบทุกมิชชั่นแล้วทั้งเนือ่เรืองกับ side FT แบบกล่อง อันนั้นก็สะดวกดีเหมือนกัน ผมอยากให้ FT เป็น ฮ.บินย้ายที่ได้เหมือนกัน

แต่ด้านอื่นๆที่รีวิว หลายอย่างยังไม่ค่อยเห็นด้วย จริงๆเรื่องเวลาในการเดินทาง ผมเล่นแล้วไม่ขัดใจอะไร ค่อนข้างลื่นไหลด้วยซ้ำ

คือรอคสตาร์เจ้าแห่ง openworld อย่าง GTAV กับ red dead นี่ ถ้าตอนเราเล่นเราอยู่ล่างสุด ต้องไปบนสุดของmap นี่ ลำบากยิ่งกว่าเกมนี้เยอะนะผมว่า (อันนี้ยังมี choice ให้กลับไป ACC แล้วกลับมาLZ ที่จุดใกล้ได้อีก)

และตามแมพ 2เจ้านั้น ก็ไมไ่ด้มีอะไรให้ทำเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เบื่ออะไร มันเป็นpattern ของ เกมแนวนี้ที่ ละไว้มากกว่า เพราะระหว่างที่เล่นถ้าไม่ได้เป้นคน free roam เถลไถลอะไรมาก การเดินทางผ่านไปมิชชั่นเราผ่านพวกหทารเราก็จับกลับไป ได้ทั้งทหาร ทั้งยานพาหนะเพื่อเอาไปสู้ใน combat deployed ได้อีกอยู่ดีนะผมว่า

ถ้าให้ผมขัดใจคงเป็นระบบ buddy ที่ทำให้เกมง่ายไปเลย ถ้าเอาเงียบรึหมาไป มันเล่นมาร์คให้หมดเลย

ผมก็ว่าแมพมันกลวงๆเหมือนกันนะ ที่ว่างอย่างเยอะ หรือเพราะพึ่งเล่นวิชเชอร์มาไม่รู้เลยเอามาเทียบกัน อันนั้นนี่แมพโคตรแน่น

แมพมันกลวงๆโล่งครับไม่เถียงอยุั่กับธรรมชาติอยากให้เพิ่มสัตว์จุง แต่เกมนี้มี Fast Travel นะ = 3 =

ระบบ Fast Travel จริงๆ...มันก็กึ่งๆ จะมีนะครับ
แต่เราต้องไปทำตัวเป็นกล่อง แล้วนั่งรอตรงจุดโหลดสินค้าในสถานที่ต่างๆ ทีนี้เวลารถบรรทุกมา มันจะเอาเราไปด้วย :v
แต่ว่าเราสามารถระบุสถานที่ได้ก็ต่อเมื่อไปเอาในเสร็จจากจุดนั้นๆ มา ถึงจะสั่งได้ว่าให้พาเราไปไหน