Menu
Home
News
Space
N
Market
Forum
Feed
ทั้งหมด
ทั่วไป
เกม
อนิเม / มังงะ
ซื้อขาย
บทสรุป
แจ้งปัญหา
[--mobilemenu--]
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ขอลิ้งยืนยันใหม่
ลืมรหัส
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
[email protected]
หรือ
[email protected]
ทั้งหมด
>
บทสรุป
[PS3] Tales of Graces f (ToGf) - ร่วมสุมหัวเบิกทางสู่อนาคต[Walkthrough ]
Tweet
Reply
Vote
#
Thu 2 Dec 2010 : 8:37AM
Next
member
Since 2/12/2005
(4452 post)
Walkthrough : Part 2
オーレンの森
(ป่าโอเรน)
Discovery
: モリノ花 (สำรวจดอกไม้ที่อยู่ใกล้ๆกับคาเมะนิน)
- เมื่อเริ่มมา อัสเบลจะอยู่กับมาริค และต้องสู้กับ ウルフ ซึ่งจะมี Tutorial สอนการใช้ท่าสาย B (Burst)
- หลังจากนั้นให้เดินลุยเดี่ยวเข้าไปจนถึงซากหมู่บ้าน และสู้กับบอส ソラヌス (โซลานุส) ในช่วงแรกจะโจมตีไม่เข้า ให้หลบๆไปก่อน ซักพักจะมีอีเวนท์ แล้วอัสเบลจะได้ท่า B 雷斬衝 (ไรซันโช - ตัดสายฟ้า) ให้เซทท่านั้นในชอทคัทแล้วใช้ใส่โซลานุส จะสามารถทำลายบาเรียและโจมตีแบบปกติได้ ถ้าโซลานุสเปิดบาเรียอีก ก็ให้ใช้ท่าไรซันโชเคลียร์ทิ้งอีก
- เดินย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นเพื่อออกจากป่า
北バロニア道
(ทางเดินทางเหนือของบาโลเนีย)
Discovery
: 茶畑 (ป้ายบอกทางด้านหน้าคาเมะนิน)
Items
: ワールドマップ
- เดินไปตามทางนิดหน่อยแล้วจะได้แผนที่โลกมา
- เมื่อไปถึงกระท่อมใต้เนินเขา จะมีอีเวนท์กับมาริค
- เดินไปตามทางจนถึงเมือง
バロニア
(บาโลเนีย)
Discovery
: アイスキャンディー (ร้านขายไอติม), 伝説の校長の像 (รูปปั้นด้านซ้ายหน้าโรงเรียนฝึกอัศวิน)
Items
: 魔法カルタNo.30 (หีบใกล้ๆกับหินศิลายักษ์), ナイトリリーの種 (ม้านั่งที่อยู่ด้านซ้ายของย่านร้านค้า)), 騎士団の書類 (แสงในบาร์เหล้า), お姫様物語傑作選 (ตู้เสื้อผ้าในห้องพักด้านขวาบนชั้นสองของโรงแรม), もじくんぬいぐるみ (หีบข้างๆบาร์เหล้า)
- เมื่อมาถึงเมือง ให้ไปทางขวาสุดจนพบโรงฝึกอัศวิน (เห็นเด่นเป็นสง่า) จะพบเชเรีย
- เชเรียจะร่วมเดินทางไปด้วย (ยังไม่เป็นทางการ) ให้สำรวจหีบในห้องที่อยู่ และใส่รหัสว่า タカラバコ จะได้ エリクシール
- ไปยังท่าเรือ คุยกับกะลาสีหน้าเรือเพื่อเดินทางสู่เมืองแลนท์
東ラント街道
(ทางเดินทางตะวันออกของเมืองแลนท์)
- เดินย้อนไปตามทาง แะจะต้องสู้กับ イーグル และ フォーリストゴブリン×2
- เชเรียเข้าร่วมทีม (อย่างเป็นทางการ) แล้วให้เดินต่อไปจนถึงเมืองแลนท์
ラント
(แลนท์) &
北ラント道
(ทางเดินทางเหนือของแลนท์)
Item
オールディバイド (บ้านอัสเบล ชั้นหนึ่งห้องซ้ายมือ ใส่รหัส アストン), のこぐるみ (หน้าบ้านทางขวาของกังหันลม), 魔法カルタNo.29 (หีบบนกังหันลม)
- เข้าเมืองแล้วพบอีเวนท์กับทหารยาม แล้วให้ออกไปทางประตูทิศเหนือ ออกไปยังทางเดินทางเหนือของแลนท์
- เดินไปด้านซ้ายเรื่อยๆ จนเจออีเวนท์และสู้กับ フットソルジャー และ マークスマン
- เมื่ออีเวนท์จบจนมีหุ่นยนต์สี่ขาเดินมา ให้เดินหนีไปที่เนินเขาหลังเมืองแลนท์ ラントの裏山 (ที่ๆพบกับโซฟีครั้งแรก) เข้าไปยังบริเวณทุ่งดอกไม้
- เมื่ออีเวนท์จบไปอีกรอบ จะต้องสู้กับบอส アヴァクーム
- อีเวนท์ยาวๆปิดท้ายอีกรอบ
Story Synopsis
หลังจากที่เวลาผ่านล่วงเลยไปเจ็ดปี อัสเบลซึ่งได้เข้าเรียนในโรงเรียนฝึกอัศวินก็เติบโตเป็นวัยรุ่นแล้ว เขากำลังอยู่ในป่าโอเรนกับครูฝึกของเขาชื่อ マリク (มาริค) ซึ่งในวันนี้เขามาทำภารกิจสุดท้าย และหากสำเร็จก็จะถือว่าเรียนจบแล้ว เมื่อเดินสำรวจป่าไปเรื่อยๆ พวกเขาก็ไปถึงซากของหมู่บ้านโอเรน มาริคบอกให้อัสเบลไปสำรวจดูรอยๆว่าเกิดอะไรขึ้น เขาได้พบกับหมาป่าตัวหนึ่งวิ่งสวนออกมา ด้วยความมั่นใจว่าสามารถรับมือกับมันได้ อัสเบลจึงตัดสินใจไม่บอกครูของเขา
ไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตปกติ ดาบของเขาทำอะไรกับหมาป่าที่อยู่ข้างหน้าไม่ได้เลย ขณะที่กำลังหมดทางที่จะจัดการกับมันได้ มือของอัสเบลก็ส่องแสงออกมา และไม่รู่้ว่าเพราะสาเหตุอะไร การโจมตีของเขากลับสามารถทำร้ายศัตรูเบื้องหน้าได้ และช่วยให้อัสเบลปราบมันได้ในที่สุด อัศวินคนอื่นที่อยู่ที่นั่นก็ทึ่งในความสามารถของอัสเบล และหวังว่าเมื่อเขาได้เป็นอัศวินแล้วจะได้ทำงานร่วมกันอีก
ขณะที่กำลังเดินทางกลับเมือง มาริคได้เรียกอัสเบลขึ้นไปบนเนิน และพูดถึงช่วงเวลาที่เขาได้ฝึกสอนอัสเบลตลอดเจ็ดปี มาริคได้ตัดสินใจว่าจะส่งชื่ออัสเบลเพื่อเข้าร่วมเป็นอัศวินแห่งกองทัพ และให้อัสเบลไปตัดสินใจดู ซึ่งเขาก็แทบจะตอบรับในทันที จากนั้นพวกเขาก็เดินกลับเมืองบาโลเนียและได้ฉลองกันในโอกาสที่อัสเบลได้เป็นอัศวิน ขณะที่กำลังจะถึงโรงเรียนฝึกอัศวิน อัสเบลสัเกตุเห็นหญิงสาวผมสีแดงในชุดกระโปรงสั้นสีขาว-แดง ช่วงแวบหนึ่งเขารู้สึกคลับคล้ายคลับตลาว่ารู้จักเธอคนนี้จากที่ไหนหรือเปล่า เธอเรียกชือเขาด้วยความไม่แน่ใจนัก และในที่สุด อัสเบลก็แน่ใจว่าเธอคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าก็คือเชเรียนั่นเอง
เชเรียซึ่งมีท่าทางสงบเสงี่ยมได้แจ้งกับอัสเบลว่าเธอมาหาเขาเพราะว่าอัสเบลไม่ได้ตอบจดหมายที่เคธี่ส่งมาให้เลย ซึ่งนั่นเป็นเพราะอัสเบลกำลังติดภารกิจอยู่ และการที่เธอต้องมาหาเขาด้วยตัวของเธอเองนั่นก็เพื่อแจ้งข่าวร้ายให้อัสเบลทราบ ว่า อัสต้อนพ่อของอัสเบลได้เสียชีวิตลงในระหว่างการสู้รบกับอาณาจักรเฟนเดลซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองแลนท์
ในห้องของมาริค อัสเบลได้อ่านจดหมายฉบับนั้น เชเรียได้ร้องขอกับมาริคเพื่อให้บาโลเนียส่งกำลังทหารไปช่วยเหลือ ซึ่งมาริคก็ตอบรับว่าจะนำเรื่องเสนอเข้าไปให้ และสั่งให้อัสเบลกลับไปที่แลนท์เพื่อตรวจดูสภาพการณ์ และยังเพื่อให้ได้กลับไปพบกับผู้เป็นแม่อีกด้วย และเชเรียก็จะตามกลับไปด้วย ระหว่างที่นั่งเรือกลับนั้น เขาได้รู้ว่าเชเรียในเวลานี้ ไม่เหมือนกับเชเรียในวัยเด็กที่เป็นเด็กสาวอ่อนแอแบบเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้เธอมีร่างกายที่แข็งแรง รวมถึงนิสัยที่ดูจะเปลี่ยนไปมาก ไม่ค่อยจะพูดจามากเหมือนในอดีต และเหมือนพยายามจะรักษาระยะห่างระหว่างเธอกับเขาเอาไว้อยู่ในที
ขณะกำลังจะกลับถึงเมือง อัสเบลได้้เข้าไปป้องกันเชเรียจากปีศาจที่แอบลอบเข้ามาโจมตีด้วยมือที่มีแสงเปล่งออกมาอีก ทำให้เชเรียแสดงท่าทางตกใจออกมา เธอได้เห็นแผลที่มือของเขาที่เกิดจากการป้องกันเธอเมื่อครู่ และได้ยกมือทั้งสองข้างมาไว้ใกล้แผล ความแปลกใจเกิดกับอัสเบล เมื่อมือของเชเรียส่องแสงออกมาเหมือนกับเขา และช่วยรักษาแผลนั้นจนหมด
เชเรียบอกว่าหลังจากวันนั้นเมื่อเจ็ดปีก่อนร่างกายของเธอก็กลับแข็งแรงขึ้น ราวกับว่าอาการป่วยที่เคยๆมีมานั้นเป็นเรื่องโกหก ทั้งยังมีความสามารถทางร่างกายที่เหนือกว่าคนทั่วไป ส่วนแสงนี้ก็เริ่มปรากฏเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านี้ เชเรียยังบอกด้วยว่าตอนนี้เธอสามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องให้อัสเบลคอยดูแลเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อกลับถึงเมืองแลนท์ ทหารยามก็รีบมารายงานว่าเฟรเดอริกได้ถูกทหารเฟนเดลจับตัวไป ทั้งสองคนจึงรีบตามออกไปช่วยออกมาได้ แต่กองหนุนซึ่งเป็นทหารหุ่นยนต์ติดอาวุธหนักหลายตัวก็กำลังเดินหน้าเข้ามาสมทบ ซึ่งถ้าทหารกลุ่มนี้บุกถึงเมืองก็คงจะเสียหายมากแน่ ทางเดียวที่พอจะทำได้ก็มีแต่ต้องล่อไปที่ริมผาเท่านั้น อัสเบลจึงสั่งให้ทุกคนหนีไป โดยเขาจะไปเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูโดยใช้ชื่อของสกุลแลนท์ แต่เชเรียจะอยู่ด้สยอีกคน ทั้งสองหนีการตามล่าของศัตรูไปยังเนินเขาใกล้เมืองแลนท์และล่อศัตรูไปยังทุ่งดอกไม้ซึ่งอยู่ติดหน้าผา หุ่นตัวหนึ่งร่วงตกลงไปจากหน้าผา แต่ด้วยจำนวนที่มีมาก ทั้งสองคนก็ไม่มีพื้นที่ที่จะหลบหนีได้อีก
ในวินาทีสุดท้ายก่อนจะกระสุนปืนจะถูกป่อยออกมา ขณะที่อัสเบลกำลังเจ็บใจในความอ่อนแอของตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องใครได้ทั้งที่ได้เป็นอัศวินแล้ว ร่างของเขาและเชเรียก็มีอณูแสงลอยออกมา ตามด้วยเสาแห่งแสงปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ช่วยป้องกันทั้งสองจากกระสุนปืนใหญ่ของศัตรูไว้ได้ทั้งหมด ทั้งสองคนตกตะลึงกับภาพที่เห็น ไม่ใช่เพราะความรุนแรงของคลื่นกระแทกที่ส่งออกมาและทำลายศํตรูได้ในครั้งเดียว แต่เป็นเพราะร่างของผอมเพรียวของเด็กสาวผู้อยู่กลางลำแสงนั้น พร้อมผมสีม่วงอ่อนยาวที่มัดสูงรวมกันที่สองข้างของศีรษะ เด็กสาวผู้ไร้ความทรงจำที่อัสเบลเคยตั้งชื่อให้ตามชื่อดอกไม้ที่ออกดอกบาน ณ สถานที่ๆพวกเขาได้พบกันครั้งแรก สถานที่เดียวที่เขาได้พบกับเธออีกเป็นครั้งทีสอง
"โซฟี"
- โซฟีจะกลับเข้าร่วมกลุ่มอีกครั้ง ให้กับไปที่เมืองแลนท์
- เชเรียจะแยกตัวออกไป เดินไปที่บ้านอัสเบลเพื่อคุยกับแม่ที่หน้าบ้าน
- เดินเข้าไปในบ้าน เดินขึ้นบันไดไปที่รูปของครอบครัว พบอีเวนท์แล้วไปที่ห้องนอน (ชั้นสองห้องขวา)
- เดินกลับลงไปที่ห้องเข้าเมือง (ชั้นหนึ่งห้องซ้าย) แล้วเชเรียจะกลับเข้าทีมอีกครั้ง
- ออกจากเมืองกลับไปที่ๆช่วยเฟรเดริกคราวที่แล้ว จะมีทางแยกด้านขวาที่จะลงไปที่ถ้ำติดทะละ
海辺の洞窟
(ถ้ำติดชายทะเล)
Discovery
: 光霊蟲の棲家 (ต้นไม้เรืองแสงซึ่งอยู่ในทางแยกด้านซ้ายของถ้ำ), 毒海藻 (ต้นไม้พิษซึ่งงอกอยู่หน้าจุดเซฟ)
- บางจุดจะสามารถดำน้ำลงไปเพื่อไปโผล่อีกฝั่งได้ (สังเกตุที่ไอคอนสำรวจที่โผล่ขึั้นมาเวลาเดินตามริมน้ำ)
- ด้านใน จะต้องสู้กับบอส クイーンスライム (ควีนสไลม์) ซึ่งจะคายลูกเพิ่มออกมา 3 ครั้ง ครั้งละ 1/2/3 ตัวตามลำดับ โดยจะคายตอน เริ่มสู้/พลังเหลือครึ่งหนึ่ง/หลังเหลือหนึ่งในสี และตัวลูก เมื่อพลังเหลือ 1/2 ก็จะแบ่งตัวได้อีก ดังนั้นในจังหวะที่แย่สุดๆ ก็จะมีตัวลูกถึง 6 ตัววิ่งกันเต้มฉาก หากจะเล่นให้ปลอดภัย ให้เซทให้อัสเบลเข้าไปลุยด้านหน้า และเน้นบังคับโซฟี/เชเรีย คอยฟื้นพลังและล่อตัวลูกออกมาฆ่าทีละตัว (หากใช้ท่า 双撞掌底破 รวมกับ センスフレア ของโซฟีก็จะช่วยได้มาก เพราะมีโอกาสเกิดคริติคอลที่รุนแรงมาก ท่า 双撞掌底破 สามารถใช้ได้โดยการใช้ท่า A ไปก่อน แล้วกด A ค้างอีกที เมื่อหลอดเต็มแล้วปล่อยก็จะติดท่านี้ )
เดินออกจากถ้ำ ก็จะเข้าสู่ทางเดินติดชายแดนของแลนท์
北ラント道国境
(ทางเดินติดชายแดนของแลนท์ ) & ラント
Discovery
: 争いの名残り(สำรวจบริเวณที่พักแรมด้านซ้ายมือหลังออกจากถ้ำ)
- เดินออกจากถ้ำขึ้นไปทางเหนือ จะพบค่ายพักแรม และประตูกันเขตแดน
- หลังอีเวนท์ให้กลับเมืองแลน์โดยเดินลงใต้โดยไม่ต้องผ่านถ้า
- ฮิวเบิร์ทจะเข้าทีม และร่วมกันสองคนสู้กับ マークスマン×4
- หลังอีเวนท์แสนยาว จะต้องสู้กับฮิวเบิร์ท และพ่ายแพ้ และทีมก็จะเหลือแค่อัสเบลและโซฟีในที่สุด
Story Synopsis
ถึงจะดีใจที่ได้เห็นว่าคนที่พวกเขานึกว่าตายไปแล้วอยู่เบื้องหน้า แต่อัสเบลและเชเรียก็ยังรู้สึกฉงน เพราะในขณะที่ทั้งสองคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว โซฟีกลับยังเป็นเด็กสาวเหมือนกับเมื่อ 7 ปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน ทั้งยังไม่มีความทรงจำถึงพวกเขาเลยแม้แต่น้อย อัสเบลลองพาเธอไปที่ต้นไม้ที่เขา เธอ และริชาร์ดเคยสลักชื่อไว้ด้วยกันเพื่อเป็น "หลักฐานแห่งมิตรภาพ" แต่เธอก็นึกอะไรไม่ออก เพียงแค่รู้สึกว่าต้นไม้นี้เป็นสิ่งที่สำคัญต่อเธอมาก
ทั้งสองคนพาโซฟีกลับไปที่เมืองแลนท์ด้วย เมื่อไปถึง เชเรียก็ขอตัวเพื่อไปช่วยรักษาผู้บาดเจ็บก่อน อัสเบลจึงกลับไปหาเคธี่ที่บ้าน ซึ่งเธอดีใจมากที่ได้เห็นลูกชายของตัวเองอีกครั้งในรอบหลายปี และคาดหวังว่าเขาจะรับสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองแลนท์ต่อจากอัสต้อนทันที แต่เขาก็ยังบ่ายเบี่ยงเพราะยังต้องการเวลาเพื่อตัดสินใจอีกครั้ง ขณะที่เขากำลังจะกลับห้องนอนเพื่อพักผ่อน เขาได้เห็นภาพวาดของครอบครัวที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า อัสเบลรู้สึกเสียใจที่ตัวเองกลับมาช้าเกินไป ที่งที่เขาออกไปจากบ้านก็เพื่อต้องการความแข็งแกร่งที่จะ "ปกป้อง" แต่สุดท้ายก็กลับมาช่วยพ่อของตัวเองไม่ทัน แต่ด้วยคำพูดของโซฟีว่า "ปกป้องทุกคน" ก็ช่วยให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาต้องทำนั้น มันมีคำตอบของมันอยู่ตั้งแต่แรกแล้้ว
จากนั้น อัสเบลเขียนหนังสือเพื่อขอถอนตัวจากโรงเรียนอัศวิน และได้ฝากให้เฟรดเดริคไปส่งที่นครหลวง ทั้งหมดนั้นก็เพื่อการเข้ารับช่วงตำแหน่งต่อจากบิดาในฐานะเจ้าเมืองแลนท์ เขาได้ไปตรวจสอบเอกสารของอัสต้อนและพบว่าการตรวจสอบถ้ำติดชายทะเลที่สามารถจะลอบจู่โจมค่ายของทหารเฟนเดลได้ ซึ่งเชเรียและโซฟีก็จะตามไปด้วย ทั้งสามคนนำกำลังทหารส่วนหนึ่งแอบลอบเข้าไปหลังแนวป้องกันของศัตรูโดยอาศัยเส้นทางผ่านถ้ำใกล้ชายทะเล แต่ก็ต้องประหลาดใจที่ไม่พบว่ามีทหารศัตรูอยู่ในค่ายเลย ตอนนั้น ทหารยามก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาแจ้งว่าเมืองกำลังโดนเฟนเดลเข้าบุกแล้ว ราวกับว่าอีกฝ่ายรู้ถึงแผนลอบโจมตีจึงอาศัยช่วงที่อัสเบลไม่อยู่เข้ามาโจมตีก่อน ทุกคนจึงรีบกลับไปที่เมืองทันที
ภายในเมืองเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทหารเฟนเดลจำนวนมากกำลังจู่โจมเมืองจนเกิดความโกลหลไปทั่ว ตอนนั้นเองที่กองทหารในชุดสีน้ำเงินก็ตราทัพเข้ามาภายใต้ธงแห่งอาณาจักรสตราต้า โดยการนำของนายทหารหนุ่มผมสั้นสีฟ้าผู้หนึ่ง ถึงแม้เขาจะสวมแว่นตาอยู่ แต่อัสเบลก็รู้ว่านั่นก็คือฮิวเบิร์ท น้องชายของเขานั่นเอง หลังสั่งให้ทหารบุก ฮิวเบิร์ทก็เข้าต่อสู้กับทหารผู้รุกรานอย่างคล่องแคล่ว ไม่เหลือภาพของเด็กท่าทางอ่อนแออยู่แม้แต่น้อย อัสเบลจึงเข้าไปช่วยต่อสู้ด้วย แต่อีกฝ่ายกลับแสดงท่าทีไม่หยี่ระกลับมา ฮิวเบิร์ทหันไปประกาศให้ชาวเมืองรู้ว่าทัพสตราต้าได้ขับไล่ทหารเฟนเดลออกไปจนหมดแล้ว แะถึงเขาในตอนนี้จะใช้ชื่อว่า "ฮิวเบิร์ท ออสเวลล์" แต่ก็เขาก็ได้กลับมาที่แห่งนี้ด้วยแรงผลักดันแห่งสายเลือดสกุลแลนท์ เพื่อกลับมาช่วยบ้านเกิด และบอกว่าตอนนี้วินดอลล์และสตราต้าได้เป็นพันธมิตรกันแล้ว ดังนั้นทั้งสองประเทศจึงมีศัตรูเดียวกันคือเฟนเดล ซึ่งทัพสตราต้าจะช่วยต่อต้านและขับไล่ทหารเฟนเดลออกไปจากผืนแผ่นดินนี้ ชาวเมืองแลนท์ต่างประทับใจในตัวเขามาก
หลังจากนั้น อัสเบลก็ไม่มีโอกาสได้สนทนากับฮิวเบิร์ทซึ่งมีธุระหน้าที่ให้จัดการมากมายได้ จนเมื่ออะไรๆกลับเข้าสู่สภาพปกติ ฮิวเบิร์ทก็มาหาที่บ้าน เขาไม่ได้ให้ความสนใจอัสเบลอะไร แต่ก็แปลกใจที่จะมีใครคนอื่นที่เหมือนโซฟีอยู่ได้อีกคน และบอกว่าจะเป็นคนตรวจสอบเรื่องนี้เอง ซึ่งแน่นอนว่าอัสเบลจะคัดค้านและว่าเรื่องต่างๆตนจะตัดสินใจเอง แต่ก็ยิ่งหงุดหงิดเมื่อโดนตอกกลับว่าทั้งที่หนีออกไปจากเมืองแต่ตอนนี้กลับมาสวมหน้ากากเจ้าเมืองซะแล้ว
ในห้องประชุม ฮิวเบิร์ทกำลังรออัสเบลอยู่ แล้วบอกว่ามีเรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกแก่ชาวเมือง ตามข้อตกลงระหว่างวินเดลและสตร้าต้า เมืองแลนท์จะอยู่ภายใต้การดูแลของสตราต้า และอยู่ภายใตการดูแลของเขา ทั้งยังบอกอีกว่าอัสเบลไม่สาสามารถทำอะไรได้เพราะนี่เป็นการตัดสินใจจากระดับปกครอง ซึ่งในตอนนี้นั้น "พลัง"เป็นสิ่งที่จะเป็น และเป็นสิ่งที่พี่ชายของเขาไม่มี แต่ตัวเขานั้นมีทัพสตราต้าคอยหนุนหลัง แต่ไม่มีทางที่อัสเบลจะยอมรับ ผู้เป็นน้องชายจึงเสนอให้มาสู้กับเขาเพื่อตัดสิน หากชนะก็สามารถดูแลเมืองต่อไปได้ แต่หากแพ้ ก็ต้องถูกขับไล่ออกไปจากเมืองนี้
การดวลจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับของอัสเบล ตามคำสัญญานั้น เขาจะจึงถูกลากออกไปจากเมืองบ้านเกิดนี้ แม่ของพวกเขาได้เข้าไปตัดพ้อต่อว่าฮิวเบิร์ท ว่าทำไมจึงต้องทำเช่นนี้ทั้งๆที่พึ่งจะได้เจอหน้าของลูกชายทั้งสองคน แต่ฮิวเบิร์ทพูดประชดว่าลูกชายของบ้านนี้คงมีอัสเบลคนเดียว ถึงเคธี่จะบอกว่าอัสต้อนทำไปเพราะเพื่ออนาคตของเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้
ที่นอกเมืองนั้น โซฟีได้ตามอัสเบลออกมาด้วย ถึเขาจะไล่ให้เธอกลับไปก็ไม่ยอมรับฟัง และเธอก็บอกว่าจะปกป้องอัสเบล เช่นเดียวกับที่เคยพูด ณ สถานที่เดียวกันนี้เมื่อเจ็ดปีก่อน ท่ามกลางสายฝน อัสเบลก็ต้องเจ็บแค้นตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้เลยแม้ว่าจะทุ่มเทเวลาและแรงกายในโรงเรียนอัศวินตลอดเวลาที่ผ่ผานมาก็ตาม
王都地下
(ทางใต้ดินแห่งนครหลวง)
Discovery
: 大きな何かの骨 (ฟอซซิลไดโนเสาร์)
- หลังอีเวนท์จบหมดให้เดินไปยังท่าเรือสู่บาโรเนีย
- เมื่อถึงท่าเรือบาโรเนียและมาจะเจออีเวนท์อีกหน่อย
- เดินไปที่โบสถ์และลงไปยังทางใต้ดินที่เคยใช้สมัยเด็ก จะพบริชาร์ด และต้องสู้กับ ファイター และ トラッカー แล้วริชาร์ดจะเข้าทีม
- เดินจนถึงทางออก แล้วต่อไปทางซ้ายอีกนึก เมื่อเดินเข้าเนินที่มบ้านเล็กๆอยู่ก็จะพบอีเวนท์ และสู้กับ ファイター×2 (นักดาบ) และ ボウシューター (นักธนู) สำหรับนักดาบนั้นฟันแรงและแถมมีติดตัวชา หากจะให้ดีก็โยน リキュールボトル ให้ทุกคน ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการผิดปกติทั้งหมด
- จากนั้นให้เดินลงใต้จนเข้าอีเวนท์และได้พบกับปาสคาล จากจุดนั้นให้เดินเข้าทางเดินเล็กด้านขวา ซึ่งจะเจอทางเข้าซากโบราณ (ตรงไหน)
Story Synopsis
อัสเบและโซฟีเข้าไปหลบฝนในบ้านใกล้ๆนั้น แต่อัสเบลก็เกิดไข้ขึ้นจนสลบไป มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีเสียงคนจะบุกเข้ามาจากด้านนอก และโซฟีพยายามห้ามเอาไว้ เมื่ออกไปก็พบว่าผู้บุกรุกเป็นชายในชุดเกราะสองคน ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาคือการจับตัวอัสเบล แต่ก็โดนโซฟีสอยทิ้งจนสลบไปทั้งสองคน เมื่อเห็นแบบนั้นอัสเบลเลยคิดว่าจะปล่อยโซฟีไว้ที่นี่ก็คงไม่ปลอดภัย คนสดท้ายที่เขานึกขึ้นได้ก็คือริชาร์ดที่น่าจะช่วยดูแลโซฟีแทนแน่นอน
เมื่อมาถึงท่าเรือก็พบว่าเรือเที่ยวต่อไปจะเป็นเที่ยวสุดท้ายก่อนปิดท่าเรือ นั่นเพราะว่าเมืองบาโรเนี่ยกำลังจะปิดทางเข้าออกทุกเส้นทางแล้ว ในเวลาเดียวกัน ชายสองคนที่จะมาจับอัสเบลก็มาถึงท่าเรือพอดี อัสเบลและโซฟีจึงต้องขึ้นเรือลำนั้นไปบาโรเนีย แต่ก็ไม่พ้นโดนอีกฝ่ายตามทันในที่สุด ซึ่งพวกเขาบอกว่าริชาร์ดตายไปแล้ว ถึงจะคลางแคลงใจ อัสเบลก็หนีเข้าไปในเมือที่เต็มไปด้วยข่าวลืมเรื่องของริชาร์ด จนไปถึงหน้าวิหาร โซฟีที่เห็นรูของทางเข้าโบสถ์เลยถามถึงมัน และทั้งสองคนก็ตัดสินใจว่าจะในเมื่อไม่มีทางอื่นให้ไปแล้ว ก็ต้องไปทางใต้ดินของนครหลวงเท่านั้น โซฟีเลยจัดการ "เปิด" ประตูให้เสร็จสรรพ
เมื่อเข้ามาพวกเขาก็พบริชาร์ดนั่ทรุดอยู่ และเขาก็ดีใจมาที่เห็นว่าคนที่ตามมาคืืิออัสเบล ตอนนั้น ทหารในชุดเกราะวินดอลล์ก็ตามมาถึงและเข้ามาหมายสังหารริชาร์ด ซึ่งเขาได้บอกว่าเกิดการยึดบัลลังก์แบบเงียบๆในนครหลวง โดยกษัตริย์ได้ถูกปลงพระชนม์ ส่วนตัวริชาร์ดเองก็ต้องหนีงมาที่นี่ หากอัสเบลไม่ได้มา เขาก็คงต้องตายไปตามข่าวลือแน่ และก็ฉงนที่เป็นโซฟีที่เขาได้ยินมาว่าตายไปแล้ว ถึงอัสเบลจะบอกว่ายังไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างไรแน่ แต่ริชาร์ดก็บอกว่านี่คือโซฟีตัวจริง เพราะเขารู้สึกได้้ถึงความรู้สึกแบบเดียวกันจากโซฟีคนนี้
จากนั้น ทั้งสามคนก็หนีออกมาจากทางใต้ดินผ่านประตูหิน และออกมาสู่ด้านใต้ของบาโรเนีย ขณะที่กำลังพักกันนั้น ริชาร์ดได้เล่าว่าผู้ที่ทำการก่อกบฏก็คือ เซลติค ญาติของริชาร์ดและผู้นำแห่งอัศวินนครหลวง ซึ่งทำให้อัสเบลตกใจมาก เพราะเขาก็เคยเรียนในโรงเรียนฝึกอัศวิน และหากเขาไม่ได้ถอนตัวออกมา ตอนนี้เขาคงอาจกำลังตามล่าริชาร์ดด้วยก็ได้ ซึ่งริชารืดก็รู้เรื่องของอัสเบลดี แต่พออีกฝ่ายพูดถึงสัญญาการเป็นพันธมิตรระหว่างวินดอลล์และตราต้าแล้วริชาร์ดก็สงสัย เพราะเขาแน่ใจว่าไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่นอน อีกทั้งช่วงเวลาก็ใกล้เคียงกับการยึดบัลลังก์อีกด้วย
ริชาร์ดได้ขอร้องให้อัสเบลร่วมมือกับเขาเพื่อยึดบัลลังก์กลับคืนมา โดยการนั้น เขาต้องไปยังเมืองเครลไซท์และขอความช่วยเหลือจากที่นั่น ซึ่งอัสเบลก็ตอบรับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ทั้งสองได้ประสานมือด้วยกัน พอโซฟีเห็นจึงอยากจะทำบ้าง แต่พอเธอวางมือของเธอลงบนมือของริชารืด ควันสีดำกลุ่มหนึ่งก็ลอยออกมา สร้างควาเจ็บให้ทั้งสองจนสะดุ้งและผละมืออกจากกัน
จากนัั้น ทุกคนก็เดินลงไปจนถึงป้อมปราการแห่งบาโรเนียที่แข็งแกร่ง ウォールブリッジ (วอล์บรืดจ์) ซึ่งมีการดูแลหนาแน่นจนพวกเขาแอบลักลอบผ่านไปไม่ได้ ขณะที่สองหนุ่มกำลังครุ่นคิดกันอยู่ โซฟีก็เหลือไปเห็นอะไรอยู่ใต้ต้นไม้ เธอพบหญิงสาวในชุดทะมัดทะแมงผมสั้นสีขาวปลายผมสีแดงเข้มกำลังหลับอยู่ คนๆนั้นงัวเงียตื่นขึ้นมาแ้วหันมามองเธอ ก่อนจะลุกมาจ้องอย่างครุ่นคิด ก่อนจะอุทานอย่างดีใจ ยกสองมือขึ้นแปะบนไหล่ของโซฟี ผ่านไปหนึ่งวินาที ก่อนที่โซฟีจะอัดโครมเข้าใส่พุงกะทิจนปลิวไปชนเนินหินที่อีกฟาก
อัสเบลและริชาร์ดรีบมาดู และพบว่าเธอคนนั้นเด้งตัววิ่งด้าวกระโดดมาหา แะขอจับตัวโซฟีอีกที เพราะว่าโซฟีเหมือนกับ "ถาพจำลอง" ที่เธอเห็นก่อนหน้านี้ เธอแนะนำตัวว่าชื่อ "ป่าสคาล" และเมื่อรู้สึกว่าอธิบายยังไงก็คงยากจะเข้าใจ เธอจึงตัดสินใจพาทุกคนไปให้เห้นเองกับตาจะดีที่สุด
ウォールブリッジ地下遺跡
(ซากโบราณสถานใต้ดินวอลบริดจ์)
Discovery
: 映像装置 (เครื่องฉายภาพ), 寡黙な石 (หินยักษ์หน้าตาประหลาด)
- ภายในจะมีหินแผ่นลอยสองสีที่จะสามารถเคลื่อนไหวได้ สีน้ำเงินจะวิ่งไปตรงๆ และสีเขียวจะขึ้นหรือลงไปชั้นถัดไป
- ในบางจุด เราจะต้องขึ้นแแผ่นสี้น้ำเงินไปชนแท่นหินสีต่างๆ ซึ่งจะทำให้พวกมันเด้งขึ้นหรือลงไปชั้นอื่นเพื่อเป็นทางเดินต่อไป
- เมื่อไปถึงเครื่องฉายภาพจะพบอีเวนท์ และต้องสู้กับบอส メルクリウス (มีการโจมตีที่ทำให้เป็นหินหมู่ในบริเวณรอบๆตัว หากจะป้องกันก็คงต้องเก็บฉายา ストーンガード (โดนท่าโจมตีเป็นหินแต่กันได้ 5 ครั้ง) หรือใส่ ストーンチェック
- เดินต่อไปตามทางจนถึงทางวาร์ปออก (ตรงนี้มีอยู่สองจุด ทางตะวันออก และทางเหนือของอันแรก ให้ไปอันแรกก่อน)
グレルサイド街道
กนนเกรลไซด์
Discovery
: ジャガイモ (แปลงปลูกมัน)
Items
: 魔法カルタNo.06 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ), 潤いし結晶 (หีบ)
グレルサイド
เกรลไซด์ & グレル旧街道 (ถนนเก่าของเกรลไซด์)
Discovery
: 栄光の鐘 (หอระฆัง อยู่ในซอยฝังซ้ายของเมือง), 流れ着いた手紙 (ทะเลหลังบ้านของผู้ว่าดีล), ニンジン (แครอท อยู่ใกล้ๆจุดเก็บฉายาของปาสตาล)
Items
: 溶解の魔導書 (คนขายของข้างทาง ซ่อนอยู่ด้านซ้ายมือของป้ายสีแดงระหว่างทางไปบ้านผู้ว่า ทีแรกจะขายในราา 50000 แต่ถ้าตอบไม่ จะเหลือแค่ 3000), ナノハナの種 (จุดแสงข้างๆทาง), 魔法カルタNo.31 (ห้องเก้บของ),インプぬいぐるみ (อยูข้างคนขายหนังสืออันแรก), お姫様物語傑作選 (หีบในห้องด้านหลังของโรงแรม), 金運の魔導書 (หีบในห้องของดิล ใส่รหัส "4"), 魔法カルタ 22,24,26,27 (คนรับใช้หลังบ้านดิล)
Items @ グレル旧街道
: 魔法カルタNo.07 (จุดสำรวจบนถนนเก่าของเกรลไซด์), 生い茂る結晶 (หีบ)
- หลังอีเวนท์ ให้เดินออกไปทางซ้ายของเมืองก่อน เดินไปตามทางเรื่อยๆจนเห้นคนมีสัญลักษณ์อยู่บนหัว คุยสามครั้ง แล้วจะต้องสู้กับ バンデットリーダー、バンデット×2、ハンター×2 แล้วปาสคาลจะได้ท่าฮิโอกิแรกจากฉายา ウィンドサマナー
- เดินตรงเข้าไปยังบ้านของผู้ว่าดีล และพบอีเวนท์ จากนั้นให้กลับไปที่ซากโบราณวอลบรืดจ์
- เมื่อเข้าไป ให้ขึ้นด้านบนไปตามทางเรื่อยๆ จะพบทางวาร์ปเข้าวอลบรืดจ์
ウォールブリッジ
(วอลบริดจ์)
Discovery
: 三百年樽 (ห้องใต้ดินฝั่งประตูเหนือ ด้านตะวันออก)
- ภายในจะแบ่งเป็นสองฝั่ง (ซ้ายและขวา) แต่ละฝั่งมีสามหอคอย หอคอยกลางที่จะมีจำนวนชั้นเยอะที่สุด และมีหอคอยหลักอีกหนึ่งที่
- ไปที่ประตูทิศเหนือฝั่งซ้ายชั้น B1 จะพบคันโยกปิดประตู
- เดินไปฝั่งขวาและเข้ามายังหอคอยหลัก หลังอีเวนท์จะได้กุญแจสำหรับไปเปิดประตูทิศใต้
- ฝั่งใต้ด้านตะวันออก จะมีร้านขายของให้เตรียมตัว
- ไปที่หอคอยสุดท้ายฝั่งใต้ด้านตะวันออก จะพบคันโยกเพื่อเปิดประตูทิศใต้ หลังจากนั้นให้ออกจากห้อง จะต้องสู้กับบอส マリク กับ ファイター×2 ถ้าไม่คุ้นกับระบบหรือเก็บเลเวลมาไม่พอจะยาก เพราะมาริคสามารถใช้เวทย์ได้อย่างรวดเร็ว ทางที่ง่ายที่สุดคือเซทแผนให้คนอื่นๆไปโจมตีตัวอื่น ส่วนตัวหลักที่เล่นก็คอยไปวิ่งล่อมาริค หากไซด์สเตปถูกวิธีก็จะหลบทั้งเวทย์และการโจมตีได้ไม่ยาก พอเหลือตัวเดียวแล้วค่อยรุมยำเอา
- หลังจากนั้นริชาร์ดจะออกจากกลุ่ม ให้เดินไปที่หอคอยกลางแล้วลงไปชั้นล่าง เดินลงใต้และเชเรียจะเข้ากลุ่ม
- เดินกลับไปที่หอคอยหลักและขึ้นไปชั้นบนสุด เมื่อจบอีเวนท์แล้วให้ออกมาแล้วไปยังประตูทิศเหนือ และให้มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปบาโลเนีย)
- คุยกับทหารที่ทางขึ้นเนิน จะได้ไอเทมค่างๆ แล้วให้เข้าถ้ำริมทะเลทางขวามือเพื่อเข้าบาโลเนีย
王都地下
(ทางใต้ดินนครหลวง)
Discovery
: 名もなき者の墓標 (สุสานที่มีดาบปัก ในห้องลับที่มีหินปิดอยู่ ด้านขวาก่อนถึงจุดเซฟ)
- เดินเข้าไปยังส่วนที่เคยมาตอนช่วงวัยเด็ก และเลยเข้าไปอีก จะพบทางลับเข้าปราสาท
バロニア城 隠し通路
(ทางเดินลับใ้ต้ดินบาโลเนีย) & バロニア城
Discovery
: ふたつの壺 (ไหเด่นๆที่ตั้งอยู่ในทางเดินใต้ดิน), はじまりの国旗 (ธงในปราสาท)
Items
: 深遠の魔導書 (ไอเทมใหม่สำหรับเวอร์ชัน PS3 จากจุดเซฟจากก่อนเข้าปราสาทให้เดินลงห้องด้านใต้)
- ริชาร์ดจะกลับเข้าทีม จากนั้นให้หาทางเข้าปราสาท โดยต้องผลักหินเพื่อให้ลงไปเป็นทางเดินอยู่หลายจุด
- เข้าไปในปราสาท เดินไปทางขวา - ลง - ซ้าย - ขึ้น
- สู้กับบอส ヴィクトリア (วิคตอเรีย) เธอมีท่าพุ่งเสียบจากระยะไกล ดังนั้นถึงสลับมาเล่นเชเรียหรือปาสคาลก็อย่าได้อุ่นใจ พลาดเมื่อไหร่ก็โดนเสียบพุงปลิ้น
- เดินต่อไปทางซ้าย (เลี้ยวขวาก็กลับไปห้องแรกเพื่อซื้อของ) เมื่อขึ้นไปถึงห้องบัลลังก์ก็จะต้องสู้กับบอส セルディク (เซลทิค) มีการโจมคีที่รุนแรง และมีฮิโอกิที่สามารถกวาดให้ทุกคนหลับได้หากเผลอไปกระจุกกันใกล้ๆ ให้กระจายตัวกันออกไกลๆ ให้คนเดียวเข้าไปคอยเป็นโล่มนุษย์ ขณะที่คนที่เหลือก็เน้นฟื้นพลังกับซัพพอร์ทจากระยะไกลเอา (หากมีคนตายคนหนึ่งแล้วไม่รีบฟื้น จะมีคนอื่นๆตายตามกันเป็นแถวๆ)
ทุกคนถูกวาร์ปเข้ามาภายในซากโบราณโดยที่สร้างความตกใจให้กับทุกคนนอกจากปาสคาล ซึ่งเธอบอกว่าที่นี่สร้างขึ้นโดยชนเผ่า "อันมัลเทีย" ซึ่งมีความรู้ในเรื่องวิทยาการต่างๆมาก ซึ่งเธอก็ไม่ไดปฏิเสธคำถามของริชาร์ดที่ว่าเธอเป็นนักโบราณคดีหรือเปล่า เมื่อเดินเข้าไปภายในจนถึงเครื่องกลหน้าตาแปลกๆ เธอบอกว่ามันใช้งานง่ายๆและให้อัสเบลลองดู แต่ก็เหลวเป๋จนเธอต้องลงมือเอง ซึ่งปรากฏจอภาพกลางอากาศแสดงภาพของร่างที่เหมือนโซฟีไม่ผิดเพี้ยน แต่ภายในนั้นก็ไม่มีรายละเอียดมากนัก นอกจากตัวอักษรลางๆที่อ่านได้ว่า "แลมด้า"
ออกมาถึงภายนอก ก็พบว่าทางออกนั้นอยู่อีกฟากของวอลบริดจ์ ทุกคนจึงรีบเดินทางต่อไปยังเมืองเกรลไซด์ ทันทีที่เข้าไปถึงทหารก็เข้ามาขวางไว้ และก็แทบจะกลับลำไม่ทันเมื่อรู้ว่าผู้ที่มาคือเจ้าชายริชาร์ด เมื่อไปถึงบ้านผู้ว่า ดิล ผู้ว่าของเมืองเกรลไซด์ก็รีบออกมาต้อนรับริชาร์ดซึ่งเขาก็ได้เตรียมกำลังทหารไว้รอแล้ว หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้เข้าไปในห้องทำงานเพื่อวางแผนที่จะบุกยึดบัลลังก์คืน ปัญหาหลักก็คือเส้นทางที่จะบุกบาโลเนีย เพราะมีวอลบริดจ์ขวางทางอยู่ การบุกเข้าไปจึงยากมาก โชคดีที่ปาสคาลรู้ว่ามีเส้นทางในซากโบราณสถานใต้ดินที่จะนำไปสู่ภายในได้ และอัสเบลก็เสนอตัวเป็นผู้ที่จะลอบเข้าไปในนั้นเพื่อเปิดประตูจากภายใน
คืนนั้น อัสเบลได้สนทนากับริชาร์ด และบอกว่าเขาจะเป็นดาบของริชาร์ดและคอยช่วยเหลือเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขณะเดียวกัน โซฟีก็แอบฟังทั้งสองอยู่ด้วยความเป็นห่วง เธอรู้สึกว่าละสายตาจากริชารืดไม่ได้ เธอรู้ว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน และริชาร์ดก็ไม่มีทางคิดร้ายต่อัสเบล แต่เธอกลับมีความรู้สึกแปลกๆอยู่ในอก
รุ่งเช้า ริชาร์ดได้บัญชาการทหารเพื่อเตรียมบุก ซึ่งเขาจะไปพร้อมๆกับพวกอัสเบลด้วย การลอบแทรกแซงเข้าวอลบริดจ์เป็นไปดวยดี ประตูเหนือถูกผิดเพื่อกันไม่ให้มีกองหนุนเข้ามาช่วย แต่ขณะที่ทุกคนอยู่ในหอคอยหลักเพื่อเอากุญแจที่ต้องในการเปิดประตู้ใต้ ทหารฝั่งตรงข้ามก็กระโดดลงมาจากบันได และฟาดดาบเข้าใส่ริชาร์ดเข้าอย่างจัง ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อริชาร์ดล้มลงจมกองเลือด อัสเบลรีบให้โซฟีจับทหารคนนั้นไว้ก่อนจะหนีออกไป ก่อนที่จะเข้าไปดูเพื่อนซึ่งนอนนิ่งไม่ไหวติง
ตอนที่คิดว่าคงจะสิ้นหวังแล้ว ร่างของริชาร์ดก็สะดุ้งเฮือกขึ้น ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆยันกายลุกขึ้นมา หร้อมกับสายตาที่แฝงไว้ด้วยความดุร้าย ริชาร์ดเดินเข้าไปคว้าคอทหารผู้นั้นและเหวี่ยงึ้นไปบนโต้ะยาว เขากระโดดตามขึ้นไปยืนคร่อมร่างพร้อมอาวุธในมือ และลงมือฟันอย่างบ้าคลั่ง จนอัสเบลเรียกให้หยุด เขาจึงรู้สึกตัวและเดินลงมาด้วยความสับสน นอกจากนั้น บาดแผลที่เขามีก็ดูไม่รุนแรงนัก ผิดกับเลือดจำวนมากที่ทุกคนเห็นเมื่อครู่นี่
จากนั้น ประตูใต้ก็ถูกเปิดขึ้น ทำให้ทหารเกรลไซต์สามารถบุกเข้ามาได้สำเร็จ แต่ระหว่างที่กำลังจะออกไปสมทบกับคนอื่นๆนั้น ดาบบูมเมอแรงก็หุ่งผ่านหน้าทุกคนไปเพียงนิด ก่อนจะกลับเข้าสือของมาริคผู้เป็นเจ้าของ และผู้เป็นครูฝึกของอัสเบล ซึ่งเขาก็คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าการจะยึกวอลบริดจ์ก็มีแต่ต้องเปิดประตูจากภายในเท่านั้น และหากเขาสามารถจัดการริชาร์ดได้ที่นี่ การบุกก็ต้องจบลงอยู่ดี อัสเบลและทุกคนจึงต้องสู้
หลังการปะทะ ทหารก็ได้เข้ามาแจ้งว่าการบุกยึดสำเร็จแล้ว มาริคจึงทิ้งอาวุธยอมแพ้ แต่ริชาร์ดกลับไม่ยอมง่ายๆและจะสังหารคนทรยศที่นี่ แม้อัสเบลจะช่วยกล่อมว่ามาริคเป็นกำลังสำคัญในการจะสร้างประเทศสงบสุข แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่อาการประหลาดที่เกิดกับร่างกายก็ทำให้ริชาร์ดเปลี่ยนใจ และให้จับมาริคไปคุมขังแทน จากนั้นเขาก็แยกตัวออกไปเพื่อไปหาดิลที่กำลังรอเขาอยู่ ตอนนั้น โซฟีก็ได้เห็นเชเรียที่กำลังรักษาผู้บาดเจ็บอยู่ที่ลานข้างล่าง เมื่อเห็นโซฟีเธอก็ดีใจที่ยังปลอดภัยดี (ถึงจะไม่ได้อาบน้ำเลยก็ตาม) ที่เธอมาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือคนเหล่านี้โดยเฉพาะ และเธอก็ได้ตามอัสเบลไปพบกับริชาร์ดด้วย
บนดาดฟ้าของหอคอยกลางนั้น ริชาร์ดมีท่าทางดีใจที่ได้พบกับเชเรีย และเมื่อรู้ว่าเธอมาเพื่อรักษาผู้บาดเจ็บเขาก็ยินดี แต่ก็กำชับว่าให้รักษาเฉพาะพวกเดียวกันเท่านั้น ส่วนทหารศัตรูไม่ต้องสนใจ อัสเบลแย้งว่านั่นก็เป็นชาววินดอลเหมือนกัน แต่สำหรับริชาร์ดแล้ว ใครก็ตามที่เป็นปรปักษ์กับเขา ผู้นั้นก็ไม่ใช่ประชากรในอาณาจักรวินเดล แต่เมื่อโดนอัสเบลเถียงกลับ เขาก็โกรธจัดจนชักอาวุธออกมา แต่ด้วยอาการป่วยบางอย่างจึงต้องถูกหามไปพักผ่อนก่อน ส่วนอัสเบล ดิลได้ถอดเขาออกจากภารกิจ และให้กักตัวอยุ่ในห้องจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอื่นใด
หลังจากนั้น ดิลก็ได้บอกว่าอัสเบลจะยังคงได้ร่วมภารกิจอยู่ แต่จะไม่ได้ไปกับริชาร์ดแล้ว ซึ่งเมื่อลงไปถึงจุดรวมพ เขาก็ได้รับแจ้งว่ากลุ่มของอัสเบลเป็นทีมอิสระที่ไม่มีคำสั่งพิเศษใดๆ แต่กระนั้นเมื่อบุกตามเข้าไปผ่านเส้นทางลับใต้ดิน ก็พบริชาร์ดยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางทหารผู้บาดเจ็บทั้งศัตรูและมิตร เขาบอกว่าตัวเขาคงเดียวคงไม่พอ ตอนนี้เขาต้องการพลังของอัสเบลด้วย อีกทั้งก่อนหน้านี้ริชาร์ดก็โดนวางยาพิษเช่นเดียวกับกษัตริย์องค์ก่อน มีแต่เวลานี้้ที่เขาต้อทำให้เรื่องทุกอย่างจบ
เมื่อบุกเข้าไปในปราสาทจนถึงห้องบัลลังก์ก็ได้พบกับเซลติกผู้เป็นญาติกับริชาร์ด ซึ่งเขากูดูแปลกใจกับสีหน้าและท่าทางของริชาร์ดที่ดูเปลี่ยนเป็นคนละคน หลังการปะทะคารมและการปะดาบอย่างดุเดือด เซลติคก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้และล้มลงบนเข่าทั้งสองข้าง ริชาร์ดเองก็ก้มตัวลงไปเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อเขาลงมือฆ่าอีกฝ่ายอย่างเลือดเย็น ทั้งยังหันกลับมาใช้ดาบแทงซ้ำเพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับผู้เป็นบิดาอีกด้วย ดิลจะเข้ามาแสดงความยินดีที่สามารถยึดบัลลังก์กลับมาได้ และบอกว่าทุกอย่างจบลงแล้ว แต่ริชาร์ดว่าไม่ใช่ เพราะนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งอาณาจักรวินเดล ภายใต้การนำของกษัตริย์ริชาร์ด
- หลังจากนั้น อาณาจักรวินดอลก็มีงานฉลองพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์องค์ใหม่ ริชาร์ดได้รับการสวมมงกุฏและขึ้นครองราชย์ต่อจากบิดา แต่จะมีซักกี่คนที่สังเกตุเห็นรอยยิ้มอันน่าหวาดกลัวของเขา
[Edited 9 times Next - Last Edit 2010-12-6 20:22:11]
Reply
Vote
Popular Thread
ประกาศ Danmachi ss5
Like a Dragon Gaiden: The Man Who Erased His Name คะแนนรีวิว
ยังอยากหากินกับบุญเก่าเหมือนเดิม Blizzard เผย มีความคิดจะนำ World of Warcraft ลงเครื่องเกมคอนโซล
KOF XV DLC|HINAKO SHIJO|Trailer
1 online users
Logged In :
member
Since 2/12/2005
(4452 post)