Menu
Home
News
Space
N
Market
Forum
Feed
ทั้งหมด
ทั่วไป
เกม
อนิเม / มังงะ
ซื้อขาย
บทสรุป
แจ้งปัญหา
[--mobilemenu--]
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ขอลิ้งยืนยันใหม่
ลืมรหัส
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
[email protected]
หรือ
[email protected]
ทั้งหมด
>
บทสรุป
[PS3] Tales of Graces f (ToGf) - ร่วมสุมหัวเบิกทางสู่อนาคต[Walkthrough ]
Tweet
Reply
Vote
#
Thu 2 Dec 2010 : 8:40AM
Next
member
Since 2/12/2005
(4452 post)
Walkthrough part 3
バロニア
- ออกจากห้องแล้วเดินไปทางซ้ายเข้าห้องบัลลังก์
- หลังจบอีเวนท์แล้วก็ให้กลับมาที่ห้องเดิมอีกที
- เดินออกจากปราสาทแล้วไปที่ท่าเรือ คุยกับกะลาสีเพื่อไปเมืองแลนท์ หรือจะใช้วิธีเดินอ้อมโลกโดยเดินลงใต้ไปที่เกรลไซต์ แล้วออกไปทางตะวันออก ไปตามทางเดินสายเก่าแล้วไปโผล่ที่ทางใต้ของแลนท์ก็ได้เช่นกัน แต่จะไม่มีอีเวนท์คุยกับมาริคบนเรือ
- หากเข้าบ้านหลังเล็กระหว่างทางมาแลนท์ จะมีซับอีเวนท์และได้ฉายา ナイスミドル ของมาริค
Story Synopsis
หลังจากงานพิธีการเสร็จสิ้น ริชาร์ดก็ได้เรียกตัวอัสเบลไปพบ ซึ่งนอกจากเรื่องความดีความชอบแล้ว หัวข้อสำคัญก็คือเรื่องของเมืองแลนท์ เพราะเริ่มมีการค้นพบร่องรอยของหินเครียส์ ซึ่งวินดอลล์ก็กำลังจะเริ่มการค้นหาเช่นกัน และหากปล่อยให้สตราต้าค้นหาต่อไปก็จะไม่เป็นผลดี ดังนั้นริชาร์ดจึงต้องการแก้ไขปัญหานี้โดยการบุกโจมตีเมืองแลนท์เพื่อยึดกลับมา
ไม่ต้องสงสัยว่าอัสเบลจะคัดค้าน เพราะนั่นจะเป็นการเปิดสงครามกับสตราต้าและจะส่งผลต่อชาวเมืองแลนท์แน่นอน แต่ถึงแม้จะมีข้อตกลงระหว่างอาณาจักรอยู่ แต่เพราะสนธิสัญญานั้นทำกับเซลดิกจึงนับว่าไม่มีผลอีกต่อไป และยังมีชาวเมืองแลนท์เริ่มเข้าไปเป็นพวกเดียวกับสตราต้าอีก ซึ่งนับว่าเป็นการกบฏต่อริชาร์ดและอาณาจักร ซึ่งริชาร์ดได้มอบหมายให้อัสเบลเป็นผู้นำในการบุกโจมตี และนี่จะเป็นการคืนชื่อเสียงให้กับอัสเบลด้วย
สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นการต้องรบกับฮิวเบิร์ทและชาวเมืองแลนท์ อัสเบลจึงต่อต้านคำสั่งนั้นและทำให้ริชาร์ดโกรธเพราะเป็นการท้าทายอำนาจของกษัตริย์ อัสเบลได้ขอใช้วิธีอื่นคือการเจรจา และริชาร์ดบอกว่าสุดท้ายก็จะลงเอยเช่นเดียวกับเขาและเซลติก ซึ่งสุดท้ายแล้วชื่อเสียงและอำนาจก็สำคัญมากกว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ด้วยการขอร้อง อัสเบลก็ได้รับการอนุญาต และต้องรีบเร่งออกเดินทางไปทันที
อัสเบลได้กลับมาถามเชเรียถึงเรื่องที่ชาวเมืองหันไปเข้าพวกกับสตราต้า ซึ่งเธอก็ยอมรับว่ามีเหมือนกัน และเธอก็ตกใจเมื่อรู้ว่าริชาร์ดจะโจมตีแลนท์ หลังได้รับการอธิบาย มาริคก็เดินเข้ามาขอร่วมเดินทางไปด้วย
ラント
- เมื่อพบอีเวนท์ที่หน้าเมือง ให้เลี้ยวลงไปที่แม่น้ำ แล้วเข้าเมืองผ่านทางน้ำของเมือง
- เข้าไปหาฮิวเบิร์ทที่ห้องเจ้าเมือง (ชั้น 1 ซ้ายมือ) แล้วให้ออกมาจากบ้าน จะต้องสู้กับริชาร์ด ซึ่งทีมจะเหลือแค่อัสเบล, โซฟี และฮิวเบิร์ท
- สำหรับริชาร์ดนั้นจะสามารถเปิดบาเรียได้ ให้ใช้ท่า B ที่มีธาตุ 暴星 อยู่ซัดเข้าไปเพื่อทำลายทิ้งก่อน และหากพลังเหลือน้อยๆก็จะใช้ シェイドインペリアル (เจดอิมพีเรียล) ซึ่งโดนตูมเดียวอาจตายหมู่ได้
- หากสามารถจัดการได้ในหนึ่งนาที ก็จะได้ Trophy リチャード1分撃破 ! ด้วย
Story Synopsis
พวกอัสเบลเดินทางกลับไปเมืองแลนท์ และแอบเข้าไปผ่านทางน้ำของเมือง ที่ห้องของเจ้าเมืองนั้น อัสเบลได้บอกให้รู้ถึงเรื่องความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้ และขอร้องให้ฮิวเบิร์ทยกเลิกสนธิสัญญานั้น แต่ฮิวเบิร์ทกลับคิดว่าแปลกที่กษัตริย์องค์ใหม่จะส่งพี่ชายของเขามาบอก ทั้งที่น่าจะรู้ว่าแค่นี้นั้นไม่สามารถจะทำได้ แต่เมื่อได้ยินจากอัสเบลว่านี่เป็นความคิดของอัสเบลเอง ฮิวเบิร์ทก็รู้แล้วว่าผู้เป็นพี่คิดตื้นเกินไป
ตอนนั้นเสียงดังโหวกเหวกก็ดังขึ้นมา นายทหารผมส้มคนหนึ่งเข้ามารายงานว่ากองทัพวิลดอลได้บุกเข้ามาโจมตีเมืองแล้ว ทำให้ทุกคนตกใจเพราะคิดว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อระงับสงคราม ฮิวเบิร์ทคิดว่านี่เป็นแผนถ่วงเวลาสนทนากับเขาเพื่อเปิดโอกาสให้ทหารบุกเช้ามา แม้อัสเบลจะบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นจริงเขาก็แค่ถูกหลอกใช้เพื่อผลลัพธ์เช่นเดียวกันเท่านั้นเอง
ทุกคนออกไปด้านนอกและพบว่าทหารทั้งสองฝ่ายกำลังรบกันอย่างรุนแรง กษัตริย์หนุ่มแห่งวินดอลได้เดินเข้ามา กล่าวว่านี่เป็นการทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับอัสเบลเพื่อให้เขาได้กลับสู่ฐานะเจ้าเมืองอีกครั้ง และถึงอัสเบลจะไม่ได้ขอร้อง เขาก็จะบุกแลนท์อยู่ดี ไม่มีสิ่งใดที่เขาอยากได้แล้วจะไม่ได้ อัสเบลบอกว่าวิ่งที่เขากำลังทำนั้นมันไม่ถูกต้อง คู่สนทนาจึงโกรธ แล้วกล่าวว่าก่อนจะยึดแลนท์ เขาคงต้องคุยกับเพื่อนคนนี้ให้รู้เรื่องเสียก่อน
อัสเบลบอกให้เชเรียและทุกคนหลบไปช่วยชาวเมืองอพยพ เพราะหากช้าไปกว่านี้แล้วอาจจะสายเกินไป โซฟีเองถึงจะอยากอยู่ที่นี่แต่ก็โดนลากออกไปเช่นกัน เหลือเพียงอัสเบลและฮิวเบิร์ท ริชาร์ดได้ถามย้ำว่าเขาทำผิดอะไร และอัสเบลเคยบอกมิใช่หรือว่าหากเป็นเขาแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ะพร้อมจะยอมช่วยเหลือ คำตอบของอัสเบลนั้นก็คือการใช้กำลังนั้นไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ หนทางเช่นนี้ไม่สามารถนำไปสู่ความสงบได้ และขอร้องให้ทบทวนอีกครั้ง
ริชาร์ดทั้งโกรธและผิดหวังเมื่อพบว่าผู้เป็นเพื่อนสนิทนั้นได้ทรยศหักหลังตน ดาบแห่งกษัตริย์ถูกชักออกจากปลอก เล็งไปยังทั้งสองคนที่อยู่เบื้องหน้า พร้อมสายลมที่ถูกบีบอัดแน่นที่ปลายดาบพุ่งเข้าหาเป้าหมาย ฮิวเบิร์ทชักดาบคู่ของเขามาป้องกันไว้ได้แต่ก็ยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ริชาร์ดไม่รอช้าที่จะโจมตีเข้ามาอีกครั้งด้วยความโกรธเกรี้ยว อัสเบลรีบพุ่งเข้าไปคว้าตัวน้องชายหลบออกมาได้แต่ก็เสียหลักตั้งตัวไม่ทัน ริชาร์ดเองก็กำลังจะโจมตีอีกครั้งโดยหมายเอาชีวิตในครั้งนี้
เสียงร้องห้ามจากเด็กสาวดังขึ้นมาก่อนเจ้าของเสียงจะถลาเข้ามาจากเบื้องบน แขนเล็กๆทั้งของเธอไขว้กันเป็นกากบาทเข้าปะทะกับดาบของริชาร์ดที่ไหวตัวตั้งรับได้ทัน ทั้งสองคนผละออกจากกัน เป็นโซฟีนั่นเอง เธอบอกว่าจะปกป้อง และพุ่งเข้าหาห่ากระสุนของอีกฝ่ายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก ได้แต่หลบหลีกไปตั้งหลัก คลื่นแสงที่เคลื่อนไหวราวกับเปลวเพลิงปรากฏขึ้นห่อหุ้มแขนทั้งสอง และทำให้ทั้งร่างของเธอเหมือนมีชั้นแสงบางๆครอบคลุมอยู่ นั่นทำให้อัสเบลนึกถึงภาพในอดีต ตอนนั้น อณูแสงก็ลอยออกมาจากตัวฮิวเบิร์ทและเข้าไปรวมกันที่โซฟี เธอกระโดดหลบการโจมตีของริชาร์ดไปอีกด้าน พร้อมๆกับที่ลำแสงพุ่งขึ้นจากพื้นจุดที่เธอยืนอยู่ เธอร้องบอกว่าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเหมือนในอดีตอีกแล้ว
โซฟีและริชาร์ดพุ่งเข้าปะทะกันอีกครั้ง แต่กระนั้นเธอก็สู้แรงไม่ไหวและตกอยู่สภาพเสียเปรียบ ขณะที่ริชาร์ดกำลังจะลงมือสังหาร อัสเบลซึ่งไม่ต้องการให้ทุกอย่างลงเอยเหมือนในอดีตพุ่งเข้าไปขัดขวาง ดาบของเขาตวัดใส่ริชาร์ดทำให้อีกฝ่ายต้องถอยออกไป แต่นั่นทำให้เขายิ่งโกรธมากกับการหักหลังครั้งนี้ ริชาร์ดเข้ามาโจมตีใส่ทุกคนพร้อมคลื่นพลังสีดำที่ห่อหุ้มรอบตัว
หลังริชาร์ดพ่ายแพ้ เขาโซเซลุกขึ้นด้วยความเคียดแค้นก่อนระเบิดมวลสารสีเพลิงทมิฬออกมา โซฟีรีบต่อต้านกลับด้วยพลังที่ดูราวกับเป็นด้านตรงข้าม ด้วยมวลแสงสีขาวอมรุ้ง พลังทั้งสองเข้าปะทะกันทำให้เกิดลมแรงพัดพาผู้ไร้ที่ยึดเหนี่ยวปลิวไปทั่ว โซฟีและริชาร์ดเค้นพลังสู้กันซักพักก่อนโซฟีจะปลดปล่อยครั้งสุดท้าย และกระแทกริชาร์ดกระเด็นไปชนผาหินเบื้องหลังจนบาดเจ็บหนัก ก่อนดิลและทหารวินดอลจะรีบเข้ามาพาเขาหลบหนีไป
หลังการต่อสู้ เชเรียได้วิ่งเข้าดูอาการของทุกคน ซึ่งก็ไม่มีใครเป็นอะไรมาก ตอนนี้โซฟีนึกออกทั้งหมดแล้วถึงช่วงเวลาในสมัยก่อน ฮิวเบิร์ทที่เป็นเด็กขี้อายแต่ก็เป้นห่วงทุกคนเสมอ เชเรียที่ถึงจะร่างกายอ่อนแอแต่ก็ไม่ยอมแพ้และร่าเริงเสมอ รวมถึงอัสเบลที่ใจดี เข้มแข็ง และได้ปกป้องเธอ ตอนนี้เธอได้พบพวกเขาอีกครั้งแล้ว
ฮิวเบิร์ทได้รับรายงานจากทหารว่าทัพวินดอลได้ถอยร่นไปนอกเมืองแล้ว เขาจึงสั่งการให้รีบไปเสริมการป้องกันที่ด้านนั้นทันที อัสเบลมองไปที่เมืองบ้านเกิดที่มีกลุ่มควันและร่องรอยของการสู้รบมากมาย เขารู้สึกเสียใจที่สุดท้ายเขาก็ปกป้องมันไว้ไม่ได้ แต่โซฟีบอกว่าเขาได้ปกป้องเธอแล้ว เหมือนกับเมื่อสมัยก่อน ถึงเธอจะนึกออกเพียงเล็กน้อยแต่เธอก็ดีใจ แต่กระนั้นเธอก็รู้สึกไม่สบายใจที่สามารถจำเรื่องราวต่างๆจนถึงตอนนี้ได้
- หลังจบอีเวนท์ทั้งหมดแล้ว จะเหลืออัสเบลและโซฟี ให้เดินลงมาจะพบ Attachment すいか
- เดินไปยังทุ่งดอกไม้บนยอดเขา เจออีเวนท์อีกที แล้วให้กลับไปที่แลนท์
- ที่บ้านของอัสเบลชั้นสองห้องซ้าย มีซับอีเวนท์ 母への屈託
- ไปหาฮิวเบิร์ทที่ห้องเจ้าเมือง (ชั้น 1 ซ้ายมือ) และได้ไอเทม 大統領宛の親書
- ออกมาจากห้องและไปยังลานกว้างของเมือง โซฟี, ปาสคาล และมาริคจะกลับเข้ากลุ่ม
- ข้ามสะพานออกไปยังประตูตะวันตก และออกไปยังบ้านหลังเล็กทางตะวันตกของแลนท์
- สู้กับมอนสเตอร์ แล้วเชเรียจะกลับเข้ากลุ่ม
- กลับไปที่บ้านอัสเบล เข้าห้องแขก (ชั้น 1 ทางขวามือ)
- ย้อนออกไปทางตะวันตกอีกที เดินไปตามทางตะวันตกเรื่อยๆจนพบท่าเรือ
- คุยกับกะลาสี เพื่อไปยัง ストラタ (สตราต้า)
Story Synopsis
ภายในห้องทำงานของเจ้าเมือง นายทหารผู้ช่วยได้เข้ามาสรุปสถานการณ์โดยสรุปให้ฮิวเบิร์ทฟัง ซึ่งในตอนนี้วินดอลได้ปิดเส้นทางที่จะไปยังเกรลไซด์และบาโลเนียจาอเมืองแลนท์จนหมดแล้ว ซึ่งคงไม่น่าจะมีการบุกโจมตีมาอีกเร็วๆนี้ ขณะเดียวกัน เขาก็ยังได้ถามถึงเรื่องมวลแสงที่เกิดขึ้นระหว่างการโจมต่ี ซึ่งเขาเกรงว่าจะเป็นอาวุธชนิดใหม่หรือเปล่า แต่ฮิวเบิร์ทก็ตัดบทว่าเขาไม่สนใจในเรื่องนั้น
จากนั้นก็ยังมีคำถามถึงเรื่องของหินเคลียสซึ่งตามคำสั่งแล้วฮิวเบิร์ทจะต้องทำการค้นหาแต่ก็ไม่ได้ทำตาม ซึ่งเขาก็ให้คำตอบว่าจำนวนคนนั้นไม่พอ และจะให้บังคับชาวแลนท์ไปทำก็ไม่ได้เพราะว่าเขาไม่ได้มาในฐานะเจ้านาย แต่เป็นพรรคพวกเท่านั้น แต่อีกฝ่ายก็ประชดประชันว่าเป็นเพราะฮิวเบิร์ทมีใจให้กับเมืองแลนท์มากกว่าอาณาจักร เพราะสุดท้ายแล้วถึงฮิวเบิร์ทก็เป็นสายเลือดชาวแลนท์อยู่ดี ทำให้ฮิวเบิร์ทต้องหันไปบอกว่าเขาเป็นชาวสตราต้านับตั้งแต่เจ็ดปีก่อน แต่ประโยคหนึ่งที่เขาได้แค่คิดอยู่ในใจก็คือการที่เขาถูกทิ้งนั่นเอง
ที่ประตูหน้าชายแดนแลนท์กับเฟนเดล อัสเบ มาริค โซฟีและปาสคาลได้มาสำรวจความเคลื่อนไหวของเฟนเดล ซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยที่ประตูอย่างหนาแน่น เเ นั่นเพราะควาทวุ่นวายที่พึ่งเกิดขึ้นที่แลนท์นั่นเอง มาริคได้ถามอัสเบลถึงสิ่งที่จะทำต่อไปเรื่องหนึ่งก็คือการทำให้ไม่มีไฟแห่งสงครามที่แลนท์อีก อีกเรื่องหนึ่งก็คือโซฟี ซึ่งครั้งนี้เขาจะปกป้องเธอเอาไว้ให้ได้ มาริคกับปาสคาลก็พร้อมจะให้การสนับสนุนเต็มที่
ตามคำขอของโซฟี อัสเบลได้พาเธอไปที่ทุ่งดอกไม้แห่งนั่น เธอรู้สึกสงสัยว่าหลังจากที่เธอเคยช่วยพวกเขาในตอนนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ก่อนที่เธอจะพบพวกเธอ เธอกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ อัสเบลได้บอกว่าไม่ว่าอดีตจะเกิดอะไรขึ้นก็สำคัญที่สำคัญคือ "ตอนนี้" ทำให้โซฟีสบายใจขึ้นมาได้บ้าง
กลับมาที่เมือง อัสเบลก็พบว่ามีทหารที่บาดเจ็บมากมายโดยที่เชเรียกำลังวิ่งวุ่นกับการรักษา บารี่นำผ้าพันแผลกับยามาให้เธอและเจอกับอัสเบลพอดี เพราะความขุ่นเคืองท่ี่อัสเบลไม่อยู่ที่เมืองในเวลาที่ควรอยู่ทำให้เขาไม่สนใจอัสเบล ทำให้อัสเบลรู้สึกผิดและพูดว่าถ้าเขาไม่อยู่แลนท์คงจำดูกว่า ทำให้เชเรียบอกว่าเขาจะจากไปอีกครั้ง รวมทั้งฮิวเบิร์ทที่ต้องไปจากเมืองเช่นกันเพราะมีคำสั่งเรียกตัวกลับไปสตราต้า เมื่อรู้ดังนั้น อัสเบลจึงรีบตามไปถามเจ้าตัวทันที ขณะที่เชเรียเมื่อคิดว่าจะต้องจากทุกคนอีกครั้งก็ทนไม่ได้และวิ่งตามไปทันที
อัสเบลได้ฟังจากปาสฮิวเบิร์ทว่าคำสั่งเรียกตัวเป้นความจริง ซึ่งเป็นเพราะเขาไม่ได้ทำตามคำสั่งที่ได้รับมาจากบื้องบน และเขาคงจะไม่ได้กลับมาที่แนท์อีก แต่อัสเบลรู้ว่าฮิวเบิร์ทเป็นคนที่สำคัญกับแลนทืในเวลานี้ จึงอยากให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไป คนที่จะปกป้องอลนท์ไม่ใช่เขาแต่เป็นน้องชายของเขา ฮิวเบิร์ทถามกลับว่ายอมให้คนอื่นมายึดตำแหน่งเจ้าเมืองแบบนี้จะดีหรือ แค่อัสเบลก็ทำให้เขาต้องอึ้งเมื่อบอกว่าไม่ใช่คนอื่น เพราะว่าฮิวเบิร์ทเป็นคนสำคัญ
อัสเบลได้บอกว่าจะไปที่สตราต้า เพื่ออธิบายว่าฮิวเบิร์ทเป็นคนที่สำคัญต่อทั้งแลนท์และสตราต้า ถึงจะไม่สำเร็จแต่อย่างน้อยก็จะช่วงซื้อเวลาให้ฮิวเบิร์ทสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ เมื่อได้ฟังดังนั้น ฮิวเบิร์ทจึงเขียนสารแนะนำตัวให้กับอัสเบล และยังเตือนให้ระวังสกุลออสเวลเอาไว้ เพราะเจ้าบ้านออสเวล พ่อบุญธรรมของเขาต้องการขยายขอบเขตอำนาจออกมานอกสตราต้า ซึ่งการเข้าควบคุมแลนท์นั้นก็เป็นความคิดของเขาผู้นั้นเช่นกัน
หลังจากที่อัสเบลออกไปจากห้อง ทหารผู้ช่วยผมส้มของฮิวเบิร์ทก็เข้ามา เขาผู้นี้จริงๆแล้วคือพี่ชายในสกุลออสเวล์ของฮิวเบิร์ทชื่อเรมอน เขาได้รับรู้เรื่องที่ฮิวเบิร์ทส่งอัสเบลไปสตราต้าเพื่อเปลี่ยนแปลงคำสั่งเรียกตัวกลับ และหากไม่สำเร็จ เขาและผู้ติดตามทั้งหมดก็ต้องตามกลับไปด้วย ทำให้อีกเรมอนรู้สึกว่านั่นเพราะฮิวเบิร์ทรู้สึกว่าตัวเขาไม่สามารถดูแลเมืองแลนท์แทนได้ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากฮิวเบิร์ท ซ้ำยังบอกว่าเขาทำไปไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของสกุลออสเวล แต่เพื่ออาณาจักรสตราต้า
ฮิวเบิร์ทเดินออกไปจากห้องโดยไม่ทันเห็นเชเรียที่แอบฟังการสนทนาทั้งหมด เธอลองเดินเข้าไปใกล้ๆประตูอีกครั้งและได้ยินเสียงเรมอนโวยวายที่พลาดหวังเรื่องจะได้อำนาจควบคุมแลนท์อยู่ในมือแต่ก็โดนขัดขวางเสียก่อน เขาจึงคิดจะหาทางแย่งสารของฮิวเบิร์ทด้วยทางใดทางหนึ่ง ขณะที่เชเรียกำลังจะรีบกลับไปบอกอัสเบลถึงเรื่องนี้เธอก็ถูกทหารพบตัวเข้า ทำให้เรมอนรู้ว่าเธอได้ยินเรื่องที่เขาพูดทั้งหมด เรมอนรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เ)็นครู้จักของฮิวเบิร์ท ทำให้เขาได้ความคิดที่จะทำให้แผนการของเขาสำเร็จ
อัสเบลมารวมกลุ่มกับคนอื่นๆและขอให้พวกเขาไปสตราต้าด้วยกัน ซึ่งทุกคนก็พร้อมจะให้ความร่วมมือ แต่ก็ไม่มีใครเห็นเชเรียเลย ตอนนั้นเรมอนก็เข้ามาหาและบอกว่าเขาได้ควบคุมตัวเธอไว้ในข้อหาแอบฟังความลับทางการทหาร และหากอยากได้ตัวเธอกลับไปก็ต้องส่งสารของฮิวเบิร์ทมาให้เท่านั้น มิฉะนั้นก็คงมีอาหารมื้อใหญ่ให้กับเหล่าปีศาจแน่นอน
โึชคดีที่ฮิวเบิรืทได้ยินเรื่องราวทั้งหมดด้วย เขาจึงบังคับให้เรมอนส่งตัวเชเรียคืนมา เพราะนอกจากเรื่องการกระทำที่ไม่เหมาะสมแล้วยังมีข้อหาพยายามแย่งชิงเอกสารของนายทหารชั้นสูงกว่าเช่นเขาอีก เมื่อหมดหนทางจะหนีได้ เรมอนจึงชักดาบสั้นออกมาแทงตัวเพื่อฆ่าตัวตายหนีความอับอาย ฮิวเบิร์ทบอกว่าเขาจะจัดการเรื่องทางนี้เอง แล้วให้ทุกคนไปตามหาเชเรีย
ในบ้านหลังหนึ่ง เชเรียซึ่งถูกมัดไขว้หลังสามารถคลายปมเชือกออกมาได้ เธอพยายามขอให้เปิดประตู แต่ภายนอกก็เต็มไปด้วยเสียงของเหล่ามอนสเตอร์ ตอนนั้นพวกอัสเบลก็ตามมาช่วยเธอไว้ได้ทันพอดี ซึ่งเขาได้ระเบิดความโกรธที่เธอทำเรื่องอันตรายลงไป ซึ่งหากเขามาไม่ทันก็คงตายไปแล้ว ทำให้ทั้งสองคนทะเลาะกันยกใหญ่ ซึ่งเชเรียทำไปทั้งหมดก็เพราะเป็นห่วงเขา และบอกทั้งน้ำตาว่าทั้งหมดเป็นความผิดของอัสเบลที่จู่ๆก็หายตัวไป แะไม่กับมาเลยนานปลายปีทั้งๆที่เธอรออยู่ตลอดเวลา ถึงจะอยากไปพบแต่ก็ไม่อยากจะไปสร้างปัญหาให้เขา อัสเบลได้ขอโทษและบอกว่าเขาหวังว่าอยากจะเป็นอัศวินเสียก่อนจึงจะกลับไปอีกครั้ง ปาสคาลแซวทั้งสองคนทำให้เธอวีนแตกและสวนกลับไปหยุด จนอัสเบลอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เพราะเขารู้แล้วว่าเชเรียไม่ได้เปลี่ยนไปเลย และเขาก้ดีใจที่เธอปลอดภัย สุดท้ายทั้งสองจึงสามารถคืนดีกันได้ พร้อมความสัมพันธ์ที่ก้าวขึ้นไปอีกขั้น
เมื่อกลับมาที่เมือง ฮิวเบิร์ทรู้สึกโล่งอกที่เชเรียไม่เป็นอะไร ซึ่งเธอก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นแล้ว อีกทั้งยังเข้าไปรักษาเรมอนที่เป็นตัวการด้วย และบอกให้ลืมเรื่องเหล่านั้นไปซะ ทำให้เขาซาบซึ้งใจจนพูดอะไรไม่ออก
หลังจากนั้นทุกคนก็พร้อมจะออกเดินทางไปสตราต้า ฮิวเบิร์ทได้มอบเครื่องรางให้อันหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้บอกว่าข้างในนั้นใส่อะไรเอาไว้ ระหว่างเดินทางมาริกนึกขึ้นไปว่าอัสเบลเคยพูดถึงน้อยชายเสมอๆ ทั้งกังวลว่าจะเหงาหรือเปล่า จะโดนแกล้งหรือเปล่า และยังเคยส่งจดหมายไปด้วยแต่ก็ไม่มีอะไรส่งกลับมาเลย แต่เชเรียก็มั่นใจว่าความรู้สึกของอัสเบลจะต้องส่งไปถึงฮิวเบิร์ทแน่นอน ระหว่างที่อยู่บนเรือ ฮัสเบลได้คือที่คั่นหนังสือที่ทำจากดอกคุโรโซฟีให้กับเชเรีย ซึ่งทำจากดอกไม้ที่เธอได้จากเขาในสมัยเด็กและเป็นสิ่งสำคัญต่อเธอมาก เพราะทุกๆคนจากไปกันหมดแล้ว นี่จึงเป็นสิ่งเดียวที่ไว้นึกถึงความทรงจำเหล่านั้นได้ และฌะอก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาอยู่ร่วมกันอีก
ขณะเดียวกัน ที่บัลลังก์ของบาโรเนีย ริชารืดซึ่งน่าจะบาดเจ็บอยู่กลับมานั่งที่บัลลังก์โดยไม่สนความเป็นห่วงของดิล บอกว่าเขาไม่เหมือนคนธรรมดา ดิลได้เห็นไอดำหมุนวนอยู่รอบๆตัวของริชาร์ด เขาบอกว่าตัวเองเป็นราชาแห่งวินดอล ราชาต้องแข็งแกร่งมากขึ้้นอีก และนึกขึ้นได้ว่าวินดอลยังมีพลังอำนาจที่สุดยอดอยู่ รวมถึงที่อื่นๆ รวมทั้งผื้นโลกนี้ด้วย
オル・レイユ
(ออลเรยู)
Discovery
: 真実の岩 (ใกล้ๆทางออก)
Items
: 魔法カルタNo.32 (หีบใกล้ๆคาเมะนิน), アマリリスの種 (จุดแสงบนเนิน), 間食の魔導書 (หีบข้างๆโรงแรม ใส่รหัส カメニン)
ストラタ岩石砂漠
(ทะเลทรายหินสตราต้า)
Discovery
: ストラタサボテン(กระบองเพชร)
Items
: 羽ばたける結晶, 魔法カルタNo.08 (แรนด้อมจากจุดเก็บของ)
- เมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ออกไปทางใต้ (ศัตรูช่วงนี้จะเก่งขึ้นมาอีกระดับ) เดินไปตามทางจนถึงจุดแยกซ้ายขวา
- หากใครอยากสดและเซฟที่จุดเซฟมาแล้ว ให้เดินไปทางขวา เพื่อเจอกับนรก แต่หากเก่งจัดก็จะเป็นจุดเก็บเลเวลและเศษหินชั้นยอด และหากถ่อไปจนถึงทางเข้าซากโบราณได้ก็จะมีสกิทพิเศษ(จำกัดช่วงเวลา)
- แต่หากไม่ ก็เดินไปทางซ้ายตามเรื่องราว และจะพบเมือง
セイブル・イゾレ
(เซเบิล อิโซเร)
Discovery
: お硬い本 (หนังสือเล่มยักษ์ในช่องหน้าทางเข้าศูนย์วิจัย),睡魔球 (ในศูนย์วิจัย)
Items
: 小食の魔導書 (หีบบนขอบผาฝั่งซ้ายของเมือง ใส่รหัส ロックガガン), 魔法カルタNo.16&19 (จากเด็กหญิงหน้าศํูนย์วิจัฝั่งซ้าย), 魔法カルタNo.33 (หีบที่อยู่บนทางเดินเล็กด้านล่างของบ้านหลังสีแดง)
- ที่โซนร้านค้าจะมีซับอีเวนท์เล่น 魔法カルタ
- ข้ามสะพานไปฝั่งซ้ายและจะเจออีเวนท์ที่หน้าศูนย์วิจัย
- ในศูนย์วิจัย จะมีอีเวนท์ที่ปาสคาลจะได้ฉายา アクアサマナ ซึ่งมีท่าฮิโอกิที่สองด้วย
- เดินไปทางตะวันตกของเมืองแล้วออกไปทางประตูตะวันตกเฉียงใต้
ストラタ大砂漠・東
(ทะเลทรายผืนใหญ่แห่งสตราต้า ฝั่งดะวันออก)
Discovery
: デザートバナナ (ต้นกล้วย แต่ต้องผ่านร็อกกากันไปก่อน)
Items
: 魔法カルタNo.09 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ), 燃え盛る結晶 (ต้องผ่านร็อกกากันไปก่อน)
- เดินไปตามทางจนเจอบ้านที่มีคาเมะนินอยู่ข้างนอก แล้วไปต่อทางซ่้าย จะพบอีเวนท์กับร็อกกากัน
ロックガガン体内
(ในร่างของร็อกกากัน)
Discovery
: 金色の微笑み (ทางตะวันตกจากจุดที่สู้กับแมลงป่องตัวแรก), 最大最硬単細胞 (ลูกกลมๆทางตะวันออกเฉียงเหนือสุด)
Items
: 牙剥きし結晶, 先制の魔導書 (หีบบนเกาะเล็กๆ ซึ่งต้องฆ่าแมงป่องทั้งห้าตัวก่อน)
- เมื่อเข้ามาแล้วให้เดินขึ้นเหนือ ซึ่งจะต้องสู้กับ メールパラサイト
- กระโดดข้ามไปยังบ้านหลังๆเล็กๆที่เห้นในอีเวนท์ แล้วเข้าไปในนั้น จะได้ ロックガガンの笛
- ภายในนี้นั้นจะต้องฆ่า メールパラサイト อีกสี่ตัว ซึ่งพวกมันจะยืนอยู่บนแท่นแบบเดียวกับตัวแรก กระจายๆกันไปทั่วแมพ
- ในบางจุดนั้นตอนแรกๆจะเดินไปไม่ได้ แต่จะมีพื้นโผล่ขึ้นมาเมื่อเดินไปตามที่ต่างๆ ซึ่งหากหาทางไปต่อไม่เจอก็ให้ลองเดินไปดูตามทางที่เคยผ่านมาแล้ว จะมีทางใหม่ๆให้เดินเพิ่มขึ้น
- ฝั่งซ้ายของจุดเซฟด้านบนสุด จะเป็นทางไปสู้กับบอส แต่ถ้ายังฆ่า メールパラサイト ไม่ครบ ทางไปต่อก็จะยังไม่โผล่
- เข้าไปด้านในสุดเพื่อสู้กับบอส ペールパラサイトในตอนแรกนั้นจะสู้ไม่ยาก แต่พอมันตาย/ใกล้ตาย มันจะแตกตัวออกเป็น パラサイト ห้าตัว ซึ่งแต่ละตัวก็พลังไม่เบา และเน้นโจมตีด้วยเวทย์เป็นหลัก
- เมื่อปราบได้แล้วก็จะออกมาข้างนอก ให้เดินต่อไปเรื่อยๆจนถึงเมือง ユ・リベルテ
ที่เมืองออลเรยู กะลาสีคนหนึ่งบอกพวกเขาว่าช่วงนี้ "ร็อกกากัน" กำลังอาละวาดอยู่ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปเมืองหลวงได้ มาริกบอกว่ามันเป็นสัตว์ขนาดยักษ์ที่มีนิสัยขี้อายและไม่ชอบสุงสิงกับมนุษย์นัก ซึ่งก็น่าแปลกที่มันจะทำอะไรแบบตอนนี้ กะลาสียังบอกอีกว่าที่เมืองเซเบิลอิโซเรก็ได้ห้ามให้ชาวเมืองเดินทางออกไปยังด้านนั้นแล้วเพราะอาจมีอันตรายได้ อัสเบลแปลกใจที่มาริครู้เรื่องของสัตว์ของสตราต้าด้วย ซึ่งเขาก็บอกว่าก่อนจะมาที่วินดอลเขาก็เคยอยู่ที่สตราต้ามาก่อนด้วย
เมื่อเดินผ่านทะเลทรายมาจนถึงเมืองเซเบิลอิโซเร ชาวเมืองกำลังประท้วงทหารถึงเรื่องที่จะฆ่าร็อกกากันซึ่งมีชีวิตอยู่มายาวนาน รวมถึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีค่าแก่การศึกษา ถึงทหารจะบอกว่าเป็นการตัดสินใจของหัวหน้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ ชายคนหนึ่งเข้ามาคุยกับพวกอัสเบลว่าในเมืองก็มีทั้งคนที่กำลังเดือดร้อนเพราะร็อกกากัน และคนที่อยากปกป้องมัน ทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก ขณะที่พวกอัสเบลก็ไปที่เมืองหลวงของสตราต้าไม่ได้เช่นกันหากสถานการณ์ยังไม่สงบ เขาจึงถามความเห็นจากคนอื่นๆดู ซึ่งทุกคนก็คิดว่าหากไปเจอมันเข้าก็แค่วิ่งหนีก็ได้
เมื่อเดินออกจากเมืองไประยะหนึ่ง ทุกคนก็รู้สึกว่าพื้นดินสั่นสะเทือน เม็ดทรายปลิวว่อนด้วยลมแรง เชเรียเรียกให้ทุกคนดูข้างหน้าซึ่งมีมือของสิ่งมีชีวิตขนาดยักไต่ขึ้นมาตามเนินซึ่งอยู่ไกลออกไ นั่นคือสัตว์ยักษ์ซึ่งมีขนสีน้ำตาล "ร็อกกากัน" นั่นเอง เมื่อมันเข้ามาใกล้และได้เห็นว่าแค่เขี้ยวก็มีขนาดใหญพอๆกับตัวคนแล้วก็สายเกินไป มันอ้าปากกว้างและกลืนกินทุกคนไปหมด
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีทุกคนอยู่ในที่ๆแปลกประหลาดที่มีอะไรมากมายลอยอยู่เต็มไปหมด และก็คิดได้ไม่ยากว่าที่นี่คือภายในท้องของร็อกกากันนั่นเอง ทำให้เชเรียเริ่มสติแตกเมื่อเห็นว่ารอบๆนั้นเต็มไปด้วยเมือกๆเหนียวๆหนืดๆ ซึ่งคงจะเป็นน้ำย่อยของมัน ทุกคนจึงต้องรีบหาทางออกก่อนที่จะโดนย่อยกันหมด พวกเขาได้เจอแม้กระทั่งบ้านหลังเล็กๆซึ่งก็คงถูกกลืนมาเช่นกัน ภายในนั้นมีบันทึกของผู้ที่เคยอยู่ภายในนี้มาก่อน บอกว่าภายในนี้มีแมลงป่องตัวสีม่วงที่สร้างความทรมานให้ร็อกกากันอยู่ เขาได้ขอให้ผู้ที่พบบันทึกนี้ช่วยเหลือร็อกกากันด้วย
หลังจัดการปีศาจเหล่านั้นได้หมดก็นับว่าหมดเรื่อง แต่ก็ต้องหาทางออกจากที่นี่ อัสเบลพบว่าเครื่องรางที่ฮิวเบิร์ทให้มานั้นแตกแล้ว ข้างในนั้นเป็นพริกไทยนั่นเอง ผงพริกไทยลอยฟุ้งไปทั่วและทำให้ร็อกกันจามเอาพวกเขาทุกคนออกมา ซึ่งทุกคนก็แปลกใจว่าที่ฮิวเบิร์ทเอาพริกไทยใส่มานั้นเพราะอะไร จะว่าเพราะรู้ว่าจะเจอกับร็อกกากันก็ไม่ใช่ ตอนนี้ดูเหมือนว่าร็อกกากันจะสงบแล้ว ชายคนที่เจอที่เมืองก็เข้ามาขอบคุณทุกคน และถามไปว่าทำอย่างไรถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ เมื่ออัสเบลเล่าเรื่องให้ฟังและยืนเครื่องรางที่มีพริกไทยให้ดู เขาก็บอกว่านั่นเป็นเครื่องรางเคลียส และทำให้ฮิสเบลนึกได้ว่านี่เป็นของที่เขาเคยให้ฮิวเบิร์ทไปนั่นเอง จริงๆแล้วจะต้องใช้ผงทรายเคลียสทำ แต่เพราะหาไม่ได้เขาเลยใส่พริกไทยลงไปแทน ซึ่งก็ไม่นึกว่าฮิวเบิร์ทจะยังคงเก็บมันไว้ แต่ไม่จะอย่างไรก็นับว่าพวกอัสเบลได้ช่วยเหลือพวกเขาไว้ และเขาก็เดินลาจากไปพร้อมกับความสงสัยของมาริค ที่รู้สึกว่าเขาคนนั้นมีรัศมีที่ดูไม่เหมือนกันคนธรรมดา
ユ・リベルテ
(ยู ริเบลเด)
Discovery
: 快適deスノーマン (ตุ๊กตาหิมะในโรงแรม), 大噴水 (หน้าพุหน้าทางเข้าที่ว่าการเมือง)
Items
: 水中メガネ (จุดแสงในบ้านออสเวล)
- ภายในเมืองจะแบ่งเป้นโซนร้านค้า, โซนที่อยู่อาศัย และที่ว่าการเมือง ตามลำดับ
- เข้าไปยังด้านในสุดซึ่งจะเป็นที่ว่าการเมืองยู ริเวลเด เมื่อคุยกับทหารหน้าประตูข้างใน อัสเบลจะต้องเข้าห้องไปคนเดียว จะพบประธานาธิบดี ดาวิด
- กลับออกมารวมกลุ่มข้างนอกแล้ว ย้อนไปยังเขตที่อยู่อาศัย คุยกับคนสองคนที่คุยกันอยู่
- ย้อนไปที่เขตร้านค้า คุยกับคนอีกคู่หนึ่งที่กำลังคุยกัน
- กลับไปที่โซนที่ว่าการ จะเจออีกคู่หนึ่ง
- ไปทางประตูตะวันตก แล้วจะเจออีเวนท์ จากนั้นจะมีอีเวนท์ในโรงแรมอีก
- เมื่อเหลืออัสเบลคนเดียว ให้กลับไปหาประธานาธิบดีอีกที จะได้ไอเทม 身分証
- ออกไปทางประตูตะวันตก เมื่อมุ่งหน้าสู่ด่านต่อไป
Story Synopsis
พวกอัสเบลเดินทางมาถึงเมืองหลวงของสตราต้า "ยู ริเบลเด" ซึ่งเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ทั้งที่อยู่กลางทะเลทราย ด้วยพลังของบัลกิเนสเคียร์ "ดีบบลูมัล" คู่บ้านคู่เมือง และไม่รอช้าที่จะไปยังที่ว่าการเมืองทันที ซึ่งสตราต้านั้นแตกต่างจากวินเดบลที่ปกครองด้วยระบบกษัตริย์ ที่นี่นั้นมีผู้ถือครองอำนาจสูงสุดก็คือประธานาธิบดี ซึ่งอัสเบลต้องการจะไปพบคนผู้นั้น เขาได้ยื่นหนังสือแนะนำตัวฮิวเบิร์ทให้ทหารหน่้าห้องประธานาธิบดีดู ซึ่งทีแรกก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เข้าไปพบทั้งที่มาแบบกระทันหัน แต่ทหารยามก็ออกมาบอกว่าสามารถเข้าไปได้ แต่เฉพาะอัสเบลเท่านั้น
เขาเข้าไปในห้องซึ่งประธานาธิบดีแห่งสตราต้ายืนหันหลังให้อยู่ และเมื่อหันมาก็ทำให้อัสเบลค้องแปลกใจ เมื่อรู้ว่าประธานาธิบดี "ดาวิด พาโรดี้" ก็คือชายวัยกลางคนที่พวกเขาพบที่เมืองเซเบล อิโซเร กับหลังจากออกมาจากท้องของร็อกกากันนั่นเอง ซึ่งท่านก็ได้บอกว่าตอนนั้นใส่ชุดพื้นๆโทรมๆ ถึงจะบอกไปก็คงไม่เชื่ออะไร นอกจากนั้นชายสวมแว่นอีกคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามา และดาวิดได้แนะนำว่านี่คือพ่อบุญธรรมของฮิวเบิร์ท "การีด ออสเวล" จากนั้นอัสเบลก็ได้ขอให้ดาวิดทบทวนคำสั่งตัวฮิวเบิร์ทกลับเมืองหลวง ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเป็นคนสำคัญทั้งสำหรับสตราต้าและแลนท์ ซึ่งถึงจะขัดคำสั่งไปก็จริง แต่หากมองในภาพรวมแล้วก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ดาวิดได้บอกว่าเรื่องราวมันผิดไปจากที่เขาได้ยินต่จากการีด ซึ่งคำสั่งเรียกตัวนั้นเพราะว่าเขาต้องการสนทนาเรื่องที่ยุ่งยากกับฮิวเบิร์ืท เรื่องหนึ่งก็คือการค้นหาและค้นคว้าหินเคลียส เขาได้หันไปตำหนิการีดที่ออกคำสั่งให้ยกทัพไปที่เมืองแลนท์โดยไม่ขอไม่ได้รับคำอนุญาต ทั้งยังปิดเป็นความลับอีก ซึ่งทั้งหมดนั้นอาจนับเป็นข้อหาหนักถึงขั้นกบฏเลยทีเดียว และยังสำทับไปอีกว่าใครคือผู้มีอำนาจสูงสุดในสตราต้า และตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การีดมานั่งแทนที่เขาได้
การีดพยายามแก้ตัว แต่ก็โดนกระทุ้งต่อด้วยข้อหาแอบทำสนธิสัญญาแบบลับๆกับเซลดิก และเมื่อรวมเรื่องออกคำสั่งกองทหารโดยไม่อนุญาต ดาวิดจึงอยากให้เขาวางมือจากเรื่องนี้ซะ การีดไม่พอใจเพราะว่าเข้าไปทุ่มเทไปมากมายเพื่อให้ได้อำนาจในการครองแลนท์มาอยู่ในมือ แต่ก็ไม่อาจโต้แย้งอะไรได้ จึงต้องเขม่นอัสเบลและออกไปโดยดุสดี
จากนั้นดาวิดก็กลับมาพูดถึงเรื่องฮิวเบิร์ทที่เขาก็พอจะได้ยินมาบ้างว่ามีความสามารถเป็นเช่นไร แต่เพราะฮิวเบิร์ทยังไม่มีความคืบหน้าในการหาหินเคลียส เขาจึงทำอะไรเพื่อยกเลิกคำสั่งนั้นไม่ได้ อัสเบลจึงขอว่าถ้าหากสามารถแก้ปัญหาเรื่องหินเคลียสได้ ฮิวเบิร์ทก็ไม่ต้องถูกเรียกตัวกลับ ซึ่งดาวิดลองให้อัสเบลไปคิดหาวิธีดู
อัสเบลได้มาปรึกษากับคนอื่นๆ และบอกว่าที่สตราต้าไปวางกองกำลังไว้ที่เมืองแลนท์ก็เพราะเพื่อหาทางให้ได้มาซึ่งหินเคลียสของวินดอล แต่ปาสคาลก็สงสัยว่าทำไมสตราต้าถึงต้องการหินเคลียสของวินดอลในเมืองสตราต้าก็มีหินบัลกิเนสเคลียสอยู่แล้ว และจากการสอบถามชาวเมืองดูจึงได้รู้ว่าระยะหลังๆสภาพภายในเมืองเหมือนกับจะร้อนขึ้น และพวกเขายังได้ช่วยนักวิจัยที่โดนนักเลงขู่ให้บอกเรื่องบัลกิเนสเคลียสที่ดูเหมือนจะมีการทดลองอะไรอยู่
ภายในโรงแรม อัสเบลสรุปได้ว่าบัลกิเนสเคลียสต้องเกิดสภาพผิดปกติอะไรซักอย่าง สตราต้าจึงต้องหาหินเคลียสมาเพิ่มเติม แต่เพราะยังไม่รู้สถานที่ตั้งแน่นอนจึงทำอะไรไม่ได้ แล้วปาสคาลก็ส่งภาพวาดโครงสร้างและองค์ประกอบของบัลกิเนสเคลียสที่เธอวาดขึ้นให้ทุกคนดู ทำให้ทุกคนประหลาดใจที่เธอรู้เรื่องนี้ด้วย อัสเบลจึงตัดสินใจนำภาพนี้ไปให้ดาวิดดู
เมื่อดาวิดได้ดูภาพและได้ทราบเรื่องของปาสคาลก็ยอมรับว่าบัลกิเนสเคลียสของเมืองเกิดอาการผิดปกติจริง ซึ่งนักวิจัยของอาณาจักรก็กำลังตรวจสอบอยู่ ขณะที่อีกกลุ่มนึงก็กำลังค้นหาชนเผ่าอันมัลเทีย ซึ่งเป็นเผ่าลึกลับซึ่งดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับบัลกิเนสเคลียส แต่ก็ยังหาไม่เจอ แต่พวกอัสเบลมีผู้มีความรู้ในด้านนี้ จึงได้รับอนุญาตให้ไปตรวจสอบได้ และหากสามารถแก้ไขปัญหาได้ คำสั่งเรียกตัวของฮิวเบิร์ทก็จะถูกยกเลิก
ストラタ大砂漠・西
(ทะเลทรายผืนใหญ่แห่งสตราต้า ทิศตะวันตก)
Discovery
: 砂人 (รูปปั้นทรายรูปคน ใกล้ๆกับคาเมะนิน)
Items
: 吹き荒ぶ結晶, 魔法カルタNo.10 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
ストラタ砂漠遺跡
(ซากโบราณสถานบนทะเลทรายสตราต้า)
Discovery
: 古代の残り火 (คบเพลิงที่เรียงกันเป็นทางด้านใน), 大蒼海石 (ศิลายักษ์ บัลกิเนสเคลียส ด้านในสุด)
Items
: 霊憑きし結晶, 倍増の魔導書
- ออกจากเมืองแล้วเดินไปตามทางเรื่อยๆจนถึงซากโบราณสถาน ยืดอกพกบัตรแล้วเข้าไปต่อไป
- มีบางจุดที่ต้องแก้ปริศนาพื้นสี ซึ่งถ้าเหยียบสีหนึ่ง บล็อกสีเดียวกันก็จะดันขึ้นมา แต่บล็อกอีกสีก็จะยุบลงไปเช่นกัน ถ้าสามารถทำทางไปถึงอีกฝั่งได้ก็เคลียร์ สำหรับ Ver. PS3 นั้นมีจำกัดจำนวนก้าวเดินด้วย
- โซนด้านในเกือบสุด จะเห็นบันไดยาวที่อ้อมมาถึงหีบใบหนึ่ง แต่ยังเข้าไม่ได้ ให้กลับมาสำรวจอีกทีตอนผ่านอีเวนท์ทั้งหมดแล้ว
- เข้าไปถึงด้านในจะพบบัลกิเนสเคลียส "ดิวบลูมัล" และสู้กับบอส ディス・パテル สองตัว หากฆ่าได้ในหนึ่งนาทีจะได้โทรฟี่ ディス・パテル1分撃破! ด้วย อนึ่ง ทั้งสองตัวสามารถเปิดบาเรียอมตะได้ ดังนั้นก่อนสู้ก็เอาอัสเบล, เชเรีย หรือโซฟีเข้ากลุ่มตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปซะดีๆ มิฉะนั้นจะทำลายบาเรียไม่ลง
- หลังจากจบอีเวนท์แล้วก็กลับเมืองยู ริเบลเดทันที
- ตรงดิ่งไปหาประธานาธิบดีดาวิด และฮิวเบิร์ทจะเข้าร่วมกลุ่มด้วย
- ออกไปยังประตูทิศเหนือ (ฝั่งขวาของที่ว่าการเมือง)
Story Synopsis
ณ ซากโบราณสถานกลางทะเลทรายสตราต้าซึ่งเป็นที่ตั้งของ "ดิวบลูมัล" บัลกิเนสเคลียสสีน้ำทะเลแห่งสตราต้้า ปาสคาลได้เข้าไปตรวจสอบตรงนั้นตรงนี้และพึมพำอยู่คนเดียว เธอควักสว่านออกมาและเริ่มเจาะโดยไม่สนใจใคร และปิดท้ายด้วยค้อนทุบ เพียงเท่านั้น ภายในหินศิลายักษ์ก็ราวกับจะดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา แต่ไม่ทันจะชืนชม เสียงตะโกนว่าศัตรูของเหล่าทหารก็ดังขึ้นพร้อมการระเบิด สัตว์ร่างคล้ายมังกรสามตัวบินฝ่ายกลุ่มควันเข้ามา ผู้ที่ยืนอยู่บนหลังพวกมันตัวหนึ่งก็คือราชาทมิฬแห่งวินดอล ริชาร์ด
อัสเบลพยายามจะพูดคุยด้วย แต่ก็โดนโจมตีใส่จนแทบหลบไม่ทัน โซฟีเข้าไปขวางเอาไว้ แต่ไม่เหมือนครั้งที่แล้วที่เธอต้องปกป้องอัสเบล ครั้งนี้เธอไม่อาจลงมือโจมตีริชาร์ดได้ ผิดกับอีกฝ่ายที่มองโซฟีด้วยสายตาเกลียดชัง เขาให้มังกรอีกสองตัวเข้ามาโจมตีใส่ และเมื่อจัดการพวกมันลงได้ กว่าจะรู้ตัว ริชาร์ดก็ไปอยู่เหนือบัลกิเนสเคลียสแล้ว มือของเขายื่นไปยังส่วนปลายของหินศิลา พร้อมๆกับสายเอเรสที่ค่อยๆไหลเข้าสู่มือข้างนั้น เหล่านักวิจัยรีบตรวจสอบสภาพของหิน และพบว่าระดับพลังงานเอเรสในหินนั้นค่อยๆลงลงจนหมดในที่สุด จากหินสีฟ้าน้ำทะเลโปร่งใสกลับกลายเป็นสีเทาทึบเหมือนกับหินธรรมดา
ริชาร์ดหันมามองโซฟีและบอกว่าเขาเกลียดชังที่ได้เห็นหน้าของเธอ เขาจะไม่ถูกเธอกำราบเหมือนที่เคยเป็นมาอีก และให้เธอเตรียมใจเอาให้ดี โซฟีเรียกให้เขาหยุดแต่ก็ต้องทรุดลง พูดกับตัวเองว่าทำไม่ได้ ริชาร์ดเป็นเพื่อน และทุกคนจะเสียใจ ซักครู่หนึ่งเธอก็ผ่อนคลายลง หันมาบอกอัสเบลว่าหากปล่อยไว้แบบนี้ก็คงปล่อยริชาร์ดเอาไว้ไม่ได้ แต่ริชาร์ดเป็นเพื่อน การสู้กับเพื่อนคงเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับอัสเบลซึ่งรู้สึกเช่นเดียวกัน หากจะต้องสู้กันจริงๆ เขาก็ต้องถามถึงสาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้ก่อน
ปาสคาลตรวจสอบบัลกิเนสเคลียสอีกที และก็ยอมยกธงขาว ในสภาพนี้แม้แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้้ ทำคนจึงกลับไปที่ยู ริเวลเด เพื่อรายงานให้ดาวิดรู้ ซึ่งฮิวเบิร์ทก็อยู่ที่นั่นด้วย ดาวิดได้บอกว่าทหารวินดอลได้กลับไปตั้มั่นที่บาโรเนียแล้วด้วยสาเหตุอันแปลกประหลาด อัสเบลได้รายงานว่าริชาร์ดได้บุกไปยังที่นั่น แต่ก่อนจะพูดจบ ฮิวเบืร์ทก็แทรกว่าริชาร์ดคงจะดูดพลังงานจากหินไปจนหมด ซึ่งที่เขาและดาวิดรู้นั่นก็เพราะนี่เป็นเหตุผลเดียวกับที่ทหารวินดอลกลับเมือง บัลกิเนสเคียสของวินดอลก็ถูกสูบพลังงานไปจนหมดเช่นกันทำให้เกิดความวุ่นวายในเมืองหลวงเป็นอย่างมาก
ดาวิดถามถึงสาเหตุที่ริชาร์ดจะทำอะไรเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีใครนึกออก แต่เพราะบัลกิเนสเคลียสทั้งสองถูกดูดพลังงานไปแล้ว อีกหนึ่งที่เหลือที่อาณาจักรเฟนเดลก็คงจะไม่พ้นเป็นเป้าหมายต่อไปเช่นกัน ดาวิดจึงขอให้พวกอัสเบลไปที่นั่นเพื่อขัดขวางริชาร์ด โดยที่สตราต้าจะช่วยสนับสนุนเอง และเขาได้สั่งให้ฮิวเบิร์ทไปกับอัสเบลด้วย โดยที่เขาจะให้ผู้ช่วยของฮิวเบิร์ทช่วยดูแลเมืองแลนท์แทนไปก่อน
ระหว่างนั้นกลางทะเลทรายอันแห้งแล้ง มังกรที่ริชาร์ดขี่มากำลังบินวนอยู่รอบๆเจ้าของผู้ทรุดตัวอยู่เบื้องล่าง เขาพูดกับตัวเองว่าพลังยังไม่พออีกหรือ และถามว่า "แก" เป็นอะไรกันแน่ และหากเป็นแบบนี้ต่อไป ทั้งโซฟีทั้งอัสเบลก็คงจะต้อง...
"ไม่ใช่... พวกเขาไม่ได้หักหลัง... พวกเขาคือเพื่อนของฉัน" ริชาร์ดพูดด้วยสีหน้าที่โศกเศร้า ก่อนจะโอดครวญออกมาความเจ็บปวด
ストラタ大砂漠・北
(ทะเลทรายผืนใหญ่แห่งสตราต้า ทิศเหนือ)
Discovery
: カラ井戸 (บ่อน้ำทางเหนือ) และเมื่อสำรสจแล้วจะมีสกิท ซึ่งอัสเบลต้องดวลเดี่ยวกับฮิวเบิร์ท แพ้ก็ไม่เป็นอะไร และสามารถลองใหม่ได้
Items
: 魔法カルタNo.11 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- เดินไปตามทาง จะเข้าสู่ท่าเรือทางเหนือของยู ริเวลเด จับเรือไปยังสถานที่ต่อไป
闘技島
(เกาะลานประลอง ไลออทพึต)
Discovery
: 戦士の記録 (ใกล้ๆแมว)
Items
: 魔法カルタNo.35 (หีบข้างๆโรงแรม), 代謝の魔導書 (ข้างๆโต้ะเจ้าหน้าที่ด้านใน ใส่รหัส ライオットピーク)
- มาถึงแล้วจะเจออีเวนท์ทันที เสร็จแล้วให้เตรียมตัวให้พร้อม
- ขึ้นบันไดไปคุยกับเจ้าหน้าที่ และ 4 คนแรกจะเข้าสู่การประลองห้ารอบ
- เมื่อสู้จบแล้ว จะสามารถขึ้นเรือทางขวามือไปเฟนเดลได้
フェンデル国境地帯
(ชายแดนเฟนเดล)
Discovery
: モモの木 (ต้นท้อระหว่างทางไปเบลานิค)
Items
: 魔法カルタNo.12 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ), 鱗つく結晶 (หีบใกล้ๆประตูชายแดน)
- ลงจากเรือแล้วไปตามทางตะวันตกเรื่อยๆ จนถึงสามแยก หากไปทางขวาจะสามารถกลับเมืองแลนท์ได้ โดยการคุยกับคาเมะนินชุดดำ และจ่าย 1000
- ที่สามแยก ให้ใช้ทางแยกด้่านบน ไปเนื่อยๆจะพบเมือง ベラニック (เบลานิค)
ベラニック
(เบลานิค)
Discovery
: カイガの台本 (ในห้องแต่งตัวหลังเวทีของโรงแรม)
Items
:
魔法カルタNo.36 (หีบด้านขวามือของโค้งแรกของเมือง มุมกล้องจะบังอยู่)
ブッシュベイビー (หีบในบ้านทางตอนเหนือ),
スプーン (หีบทางขวาเมือง ต้องใช้ทางออกจากบ้านข้างๆ แต่พอเก้บแล้วต้องจ่ายเงินให้เด็ก 1000)
ニフェルムの種, お姫様物語傑作選 (ห้องแต่งตัวหลังเวทีของโรงแรม)
振込の魔導書 (หีบในโรงแรม ใส่รหัส ストラテイム)
- ไปยังลานฝั่งด้านขวาของเมือง จะพบอีเวนท์ เราต้องหา ストラテイムの角 มาห้าอัน
- ไปที่หน้าโรงแรม พบอีเวนท์แล้วให้เข้าไปในโรงแรม
- เมื่อค้างคืนแล้วให้เข้าไปยังถ้ำทางซ้ายมือของโรงแรม
フェンデル山岳トンネル
(ถ้ำใต้ภูเขาเฟนเดล)
Discovery
: 氷樹 (ต้นไม้น้ำแข็ง)
Item
: 魔法カルタNo.13 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- เข้าไปจนถึงจุดที่มีคนยืนกันอยู่ แล้วออกไปทางซ้าย
フェンデル高原
(ที่ราบเฟนเดล)
Discovery
: キャベツ (กะหล่ำในช่องเขาด้านเหนือ)
Items
: 魔法カルタNo.14 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- ไปตามทางจนถึง ザヴェートへの連絡港 และคุยกับกะลาสีเพื่อไปยัง ザヴェート
Story Synopsis
ทั้งหกคนได้ขึ้นเรือเพื่อไปยังเฟลเดล โดยจะต้องไปยังเกาะเล็กๆในนการปกครองของเฟนเดลที่ชื่อไลออทพีคเสียก่อน โดยพวกเขาต้องไปพบกับสายลับของสตราต้าที่แอบแทรกซึมอยู่ในนั้น และให้เขาช่วยพาทุกคนเข้าไปยังเฟนเดลอีกทีหนึ่ง
บนเรือ ฮิวเบิร์ทจะไม่ค่อยชอบที่ปาสคาลมาป้วนเปี้ยนๆกับเขานัก และเขายังสงสัยที่เธอสามารถแก้ไขอาการผิดปกติของบัลกิเนสเคลียสได้ง่ายๆ ยิ่งได้ยินคำตอบแบบง่ายๆของเธอเขายิ่งไม่ชอบใจใหญ่ แต่ก็ต้องยอมตัดบทเพราะนิสัยของปาสคาลที่ร่าเริงโดยไม่สนใจอะไร เมื่อเธอขอตัวเดินอกไป อัสเบลก็พยายามกล่อมว่าถึงจะเป็นคนประหลาดๆ แต่ก็เพราะเธอทำให้พวกเขามาถึงที่นี่ได้ แต่าำหรับฮิวเบิร์ท ยั่ยยังไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้
เมื่อเรือเทียบท่าที่ไลออทพีค ตอนนั้นสายลับของฮิวเบิร์ทยังไม่มาตามนัด ใกล้ๆกันนั้นมีทหารเฟนเดลถืออาวุธแปลกๆกันอยู่ ปาสคาลสนใจจึงเข้าไปด้อมๆมองๆดูอาวุธของทหารเหล่านั้น เมื่อพวกเขารำคาญก็เดินหนีออกไปตอนที่เธอสังเกตุอะไรได้พอดี เพื่อคลายความสงสัยของตน เธอจึงตามไปดูทันทีโดยไม่ฟังเสียงห้ามของฮิวเบิร์ท
ระหว่างที่มาริคและฮิวเบิร์ทอธิบายให้เชเรียฟังว่าที่แห่งนี้มีไว้เพื่อให้ผู้แข็งแกร่งได้ต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตน ชายคนหน่ึ่งก็มาหาฮิวเบิร์ท และส่งจดหมายที่เขาได้รับฝากจากทหารเฟนเดลคนหนึ่ง เมื่อได้อ่าน ฮิวเบิร์ทก็บอกว่าสายลับของเขาถูกพบตัวจริงแล้ว ทำให้แผนที่วางไว้จะล่มไปกันหมด
ตอนที่กำลังปวดหัวกันนั้น ปาสคาลก็วิ่งหนีทหารสองนายมาหน้าตาตื่น ไม่รอช้าโซฟีเข้าไปขัดขวางไว้ พวกเขาได้บอกว่าปาสคาลพยายามจะมาแย่งอาวุธของพวกเขา แต่เธอก็บอกว่าแค่อยากจะขอดูเท่านั้นเอง นายทหารของเฟนเดลเดินเข้ามาและสงสัยว่าพวกเขาจะเป็นพวกเดียวกับสายลับที่พึ่งจับได้ ฮิวเบิร์ทได้เข้ามาบอกว่าไม่เข้าใจว่าพูดถึงเรื่องอะไรกันและบอกว่าที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อทดสอบฝีมือเหล่านักสู้แห่งไลออทพีคเท่านั้น เมื่อได้ยินแบบนั้น นายทหารเฟนเดลจึงท้าสู้ในลานประลองโดยที่มีเดิมพันเพิ่มความสนุกสนาน โดยหากทหารเฟนเดลชนะ เขาก็จะจับทุกคนไปเต้นความลับให้สิ้น ซึ่งทั้งหมดที่ฮิวเบิร์ททำนั้น ก็เพื่อช่วยเหลือสายลับของเขา ซึึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะพาพวกเขาไปถึงเฟนเดลได้
หลังการประลองด้วยชัยชนะของพวกอัสเบล ฮิวเบิร์ทได้ขอตัวทหารหญิงที่พวกเฟนเดลจับได้ว่าเป็นสายลับ นายทหารเฟนเดลไม่ยอมแพ้ง่ายๆและตั้งใจจะสังหารเธอซะ สายลับนั้นทิ้ง มาริคพยายามห้ามไว้ แต่นั่นไม่ใช่เหราะกลัวว่าสายลับจะถูกสังหาร แต่เพราะว่าที่ไลออทพีคนี้มีผู้้คุ้มกฏที่แข้งแกร่งอยู่ หากใครชักอาวุธหลังการต่อสู้ก็จะถูกลงโทษโดยไม่ละเว้น ไม่ทันขาดคำ ร่างในผ้าคลุมดำก็ออกมาสังหารนายทหารเฟนเดลคนนั้นอย่างรวดเร็วโดยที่อัสเบลแทบมองไม่เห็นความเคลื่อนไหว
จากนั้น สายลับก็พาทุกคนขึ้นเรือเข้าไปยังเฟนเดลได้อย่างปลอดภัย บนเรือนั้นอัสเบลได้ถามถึงเรื่องแสงที่มือของฮิวเบิร์ท ซึ่งมันเริ่มปรากฏเมื่อเร็วๆนี้เอง ฮิวเบิร์ทเองก็สงสัยที่ทำไมมีแค่เขา อัสเบล และเชเรียที่สามารถใช้แสงนั้นได้ และอีกเรื่องที่เขายังสงสัยก็คือมาริคที่รู้เรื่องของเฟนเดลมากผิดปกติ และเขายังรู้สึกว่าวิิชาการต่อสู้ของมาริคนั้นเขาเหมือนจะเคยเห็นมาก่อน ยิ่งเมื่อเห็นการตอบสนองที่เหมือนกับมีความลับอะไรอยู่ ยิ่งทำให้ฮิวเบิร์ทสงสัยมากขึ้นไปอีก
ที่ท่าเรือ ฮิวเบิร์ทได้รับรายงานจากสบายลับว่าเธอพบข้อมูลของหินบัลกิเนสเคลียสบ้าง แต่ก็ไม่ทราบแน่ชัด รู้เพียงว่าอยู่ที่เมืองซาเวท เมืองหลวงของสตราต้า ระหว่างทางไปนั้น พวกเขาก็เจอหลุมขนาดใหญ่ ขณะที่กำลังแปลกใจว่าเกิดจากอะไร ปาสคาลก็บอกว่านี่เป็นผลจากการระเบิดของหินเคลียส
พวกเขาไปถึงเมืองที่เสื่อมโทรมชื่อเบลานิค และเห็นเด็กพี่น้องสองคนกำลังเก็บเศษหินเล็กๆขึ้นมาจากพื้นอย่างคร่ำเคร่ง ซึ่งมาริคบอกว่าพวกเขากำลังเศษหินเคลียสเพื่อไปเป็นเชื้อเพลิงให้กับเตาผิง เด็กคนหนึ่งบอกว่าบ้านของพวกเขาเป็นโรงแรม จึงต้องเก็บไปเผื่อให้ห้องของแขกที่มาพักด้วย
มาริคเล่าว่าอาณาจักรนี้มีหินเคลียสไม่มากนัก และส่วนมากที่หาได้ก็ต้องเอาไปใช้ที่เมืองหลวง ทำให้มีปริมาณหินไม่เพียงพอที่จะเอาแจกจ่ายไปได้ทั่ว ซึ่งนี่เป็นความจริงที่ต่างจากภาพที่อัสเบลมีต่ออาณาจักรเฟนเดลมาก คืนนั้นระหว่างที่พักแรม โซฟีซึ่งนอนไม่หลับเพราะเสียงกรนของปาสคาลได้ออกมาเห็นมาริคยืนคิดอะไรอยู่คนเดียว ซึ่งเขาบอกว่ากำลังนึกถึงเพลงที่เขาเคยได้ยิน ซึ่งเกี่ยวกับผู้ชายสองคนซึ่งเต็มไปด้วยความความมุ่งหวัง แต่คนหนึ่งสูญเสียมันไป เขาจึงเดินทางไปยังประเทศอื่นเพื่อตามหาความหวังที่หายไปนั้น แต่พอถูกถามถึงผู้ชายอีกคน มาริคก็ตอบว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
ระหว่างอยู่บนเรือเพื่อมุ่งหน้าไปซาเวท โซฟีรู้สึก กับเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเธอ ทั้งที่อยากจะนึกให้ออกแต่ก็กลัวที่จะนึกออก อัสเบลเคยบอกว่าเธอเคยตายไปแล้ว และจากนี้หากเธอต้องตายอีกครั้ง เธอจะได้พบกับพวกอัสเบลอีกหรือเปล่า ใกล้ๆกันนั้น ฮิวเบิร์ทกำลังยืนกรานความไม่เชื่อใจที่เขามีต่อมาริคและปาสคาลเพราะทั้งสองเ)็นคนที่เขาไม่อาจจะเข้าใจได้ โซฟีเข้าไปถามว่าเกลียดเธอด้วยหรือเปล่า เพราะเธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน ฮิวเบิร์ทจึงต้องปรอบว่ากรณีโซฟีนั้นเธอไม่ได้ปิดบังอะไร เพียงแค่ลืมไปเท่านั้นเอง
ザヴェート
Items
:
ねこぐるみ (ซื้อจากเด็กระหว่าทางเดินเข้าเขตร้านค้า ราคา 10G)
手練の魔導書 (หีบในโรงแรม ใส่รหัส ジレーザ
ブラッディローズの種 (ห้องชั้นสองของโรงแรม)
魔法カルタNo.37 (ทางเดินไปฟากตะวันตกของเมือง)
お姫様物語傑作選 (บ้านทางตะวันตกเฉียงเหนือ)
- เข้าไปในเมืองและจะพบอีเวนท์
- ไปยังฝั่งตะวันตกของเมือง คุยกับทหารที่นอนอู้งานอยู่
- เดินไปยังฝั่งร้านขายของ จะพบอีเวนท์ของทหารที่หน้าร้านขายอาวุธ
- เดินขึ้นมาอีกเล็กน้อย จะพบกับอีกอีเวนท์
- ไปยังประตูฝั่งตะวันตกแล้วออกไปข้างนอกเมือง
Story Synopsis
เมื่อถึงเมืองซาเวท ทหารกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาล้อมไว้เพราะทุกคนเป็นคนแปลกหน้าของที่นี่ มาริคได้เข้าไปออกหน้าบอกชื่อตัวเอง และบอกว่าพวกเขาพึ่งกลับมาจากภารกิจที่อาณาจักรวินดอล เขาได้ส่งบัตรประจำตัวให้ทหารคนหนึ่งดู ซึ่งอีกฝ่ายก็คิดว่าบัตรนั้นเป็นของจริงแต่ก็ยังสงสัยอยู่ มาริคจึงสำทับว่าหากยังสงสัยก็ให้ไปถามผู้บัญชาการทหารสูงสุดดูเหล่าทหารจึงยอมถอยไปแต่โดยดี มาริดได้บอกว่าเขาคิดว่าคงจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น จึงได้เตรียมการรอไว้ก่อนแล้ว แต่ทิ้งความแคลงใจให้ฮิวเบิร์ท
อัสเบลได้ลองหาข่าวเกี่ยวกับบัลกิเนสเคลียส และก็ได้ยินการสนทนาของทหารถึงเรื่องการวิจัยเกี่ยวกับการดึงพลังงานของบัลกิเนสเคลียสออกมาใช้โดยรับความช่วยเหลือจากชาวอันมัลเทีย ปาสคาลดูท่าทางกระวนกระวายมาก และบอกว่าการดึงพลังงานเอเรสออกมานั้นไม่ได้ทำกันง่ายขนาดนั้น ซึ่งหากเกิดผิดพลาดนิดเดียวก็จะเป็นเรื่องใหญ่แน่ ทั้งอาณาจักรเฟนเดลจะโดนเป่าหายไปเลย
เมื่อคนอื่นทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ เธอก็บอกให้นึกถึงหลุมระเบิดขนาดใหญ่ที่เห็นก่อนหน้านี้ และบอกว่านั่นเกิดจากหินเคลียสขนาดเล็กเพียงแค่ไม่ถึงนิ้ว เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงรู้ เธอก็บอกว่านั่นเป็นเพราะเธอเป้นคนทำมันขึ้นเอง และยังคิดว่ากลไกที่ใช้เชื่อมต่อกับบัลกิเนสเคลียสก็คงจะเป็นงานค้นคว้าของเธอเอง เช่นเดียวกับอาวุธที่เธอเคยไปเดินตามขอดูจากทหารเฟนเดลที่ไลออทพีคก็ด้วย
ถึงตรงนี้อัสเบลก็เริ่มสับสน เพราะเขาได้ยินมาว่ากลไกที่กำลังพูดถึงอยู่นี้เป็นวิชาของชาวอันมัลเทีย ซึ่งปาสคาลก็ยอมรับหน้าตาเฉยว่าเธอเองก็เป้นชาวอันมัลเทีย และก็พึ่งนึกได้ว่าเธอยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเลย จากนั้นเธอก็ขอให้ทุกคนไปที่หมู่บ้านชาวอันมัลเทียด้วยกัน ซึ่งที่นั่นเธอจะสามารถอธิบายอะไรหลายๆอย่างได้ และอาจจะรู้ที่ิอยู่ของหินบัลกิเนสเคลียสด้วย
ฮิวเบิร์ทปรามทุกคนไว้ และถามว่าทำไมปาสคาลถึงปิดบังทุกอย่างเองไว้ถึงตอนนี้ แต่เธอก็บอกแค่ไม่ได้พูดถึง นอกจากนั้นฮิวเบิร์ทยังหันไปถามมาริค และบอกว่าบัตรประจำตัวนั่นก็คงเป็นของจริงๆ ซึ่งมาริคก็ยอมรับว่าเขาเคยอยู่ในกองทัพเฟนเดล ซึ่งนันเป็นเรื่องเมื่อ 20 ปีก่อนแล้ว ทำให้ฮิวเบิร์ทซึ่งไม่ชอบคนที่ปิดบังเรื่องอะไรไว้ไม่อยากจะร่วมเดินทางไปด้วยกันกับทั้งสองคนอีก
ตอนนี้ ทหารกลุ่มเดิมก็เข้ามาล้อมทุกคนไว้อีก และบอกว่าคนที่ชื่อมาริค จีซาส์ได้ตายไปตั้งนานแล้ว ก่อนจะถูกจับกุม ทุกคนจึงรีบหนีออกไปจากเมือง พอปลอดภัยแล้วปาสคาลก็บอกว่าหมู่บ้านอันมัลเทียนั้นก็อยู่ทางนี้พอดี ทุกคนจึงตัดสินใจจะไปที่นั้นถึงฮิวเบิร์ทจะไม่เต็มใจเท่าไหร่
ザヴェート山
(ภูเขาซาเวท)
Discovery
: ダイコン (หัวไชเท้าระหว่างทางไปศูนย์วิจัยสนีค), カボチャ (ฟักทองระหว่างทางไปชุมชนอันมัลเทีย)
Items
: 形無き結晶 (ใกล้ๆจุดที่สู้กับบอส チムピオーンボア), 魔法カルタNo.15 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- จากหน้าเมือง เดินไปทางตะวันออกเรื่อยๆจนพบป้ายบอกทาง ให้ใช้เส้นทางด้านบนก่อน
- ไปตามทางขึ้นเขาจนพบจุดเซฟ และเมื่อไปอีกหน่อยจะสู้กับบอส チムピオーンボア
- ไปต่อตามทางด้านจนพบคาเมะนิน สำรวจทางวาร์ปเพื่อเข้าสู่ アンマルチアの里
アンマルチアの里
(หมูบ้านอันมัลเทีย)
- จากทางเข้า ไปทางขวาบนจนพบบ้านที่มีห้องซ้ายขวาสองห้อง เข้าห้องขวาซึ่งเป็นห้องปาสคาล จะพบอีเวนท์
- ออกจากบ้านกลับไปยังกลางเมือง เดินลงบันไดและขึ้นพื้นลอยไปถึงห้องของหัวหน้าหมู่บ้าน พบอีเวนท์
- ออกจากเมือง และย้อนกลับไปยังจุุดที่เคยพบป้ายบอกทางอีกครั้ง คราวนี้ให้ไปทางซ้าย
- ระหว่างทาง จะมีทางเส้นหนึ่งที่แยกไปพบหีบสมบัติ แต่ต้องสู้กับมอนสเตอร์ フェイク แทน พอชนะแล้วปาสคาลจะได้ฮิโอกิท่าที่ 3 มาด้วย
- เดินไปจนถึง スニーク研究所
スニーク研究所
(ศูนย์วิจัยสนีค)
Discovery
: 原素再装填装置 (ชั้นใต้ดินชั้นที่ 2), 冒涜の手中 (ชั้นใต้ดินชั้นที่ 3)
発見の魔導書
: 発見の魔導書 (ชั้นใต้ดินที่ 5 ห้องฝั่งตะวันออก)
- ภายในจะมีบริเวณที่มีประตูกั้นเอาไว้อยู่ ต้องเข้าไปในห้องใกล้ๆกันนั้น เพื่อดันบล็อกสีแดงให้วงจรด้านบนต่อกันเป็นวงกลม แล้วไปสำรวจเครื่องปีกฟากหนึ่งเพื่อเปิดประตู
- ใต้ดินชั้นที่ 4 ถ้าขึ้นลิฟท์ทางตะวันออกเฉียงใต้ จะมาที่ใต้ดินที่ 3 เพื่อเก็บ Discovery ได้
- ใต้ดินชั้นที่ห้า เมื่อถึงห้องที่มีจุดเซฟด้านหน้า จะต้องสู้กับบอส ヴェーレス (เวเรส) ซึ่งจริงๆไม่ยาก แต่ตัวมันสามารถเรียกลูกน้องมาสร้างความวุ่นวายได้
- จบอีเวนท์แล้วให้ใช้ประตูด้านใน ซึ่งจะเป็นลิฟท์ขึ้นมาชั้น 1 แล้วให้ออกมาข้างนอก กลับไปยังเมืองซาเวท
Story Synopsis
เมื่อไปถึงบนยอดเขา หมูป่าตัวหนึ่งก็เดินเข้ามาใกล้ เมื่อฮิวเบิร์ทเห้นว่าเป้นแค่หมูป่าเขาจึงไม่สนใจและหันหลังให้มัน เปิดโอกาสให้สัตว์ร้ายวิ่งเข้าโจมตีใส่ โชคดีที่ปาสคาลเข้าไปผลักเขาออกไปแต่ตัวเองก็โดนทำร้ายแทน ทำให้ฮิวเบิร์ทรู้สึกผิดที่เธอมาช่วยเขาทั้งๆที่เขาพูดแบบนั้นใส่เธอแท้ๆ ทั้งเธอยังพูดแบบยิ้มแย้มได้อีก เขาหันไปถามมาริคว่าทำไมถึงไม่ต่อว่าเขาเลย ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าหาสามารถรรู้ข้อผิดพลาดได้ตัวเอง คำต่อว่าใดๆก็ไม่จำเป็น ฮิวเบิร์ทดูจะยังไม่พอใจที่ตัวเองได้รับการอภัยง่ายๆ ปาสคาลเลยจะให้แบกหมูป่าไปถึงหมู่บ้าน แต่คงจะไม่ไหว เธอเลยเดินเข้าไปจับมือเขาเขย่าอย่างแรงและบอกว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันแล้ว
ภายในหมู่บ้านชาวอันมัลเทีย ปาสคาลนำทุกคนไปที่ห้องของเธอ ซึ่งข้าวของเละเทะไปหมด ครั้งสุดท้ายที่เธอเข้าห้องนี้ก็เมื่อสามปีก่อนแล้ว ซักพักเธอก็บอกว่างานวิจัยเกี่ยวกับหินเคลียสของเธอหายไปหมดเลย เพื่อจะหาว่าใครเป็นคนเอาไป ปาสคาลจึงต้องไปถามนักปราชญ์ของเมืองซึ่งเป็นผู้ที่มีอาศัยอยู่ที่นี่มานานแล้ว
ที่บ้านของนักปราชญ์ซึ่งปาสคาลเรียกว่าท่านป้านั้น เะอได้พบกับพัวซอน เด็กสาวซึ่งจะได้เป้นนักปราชญ์รุ่นต่อไป ซึ่งเธอบอกว่าท่านป้านั้นจะไม่คุยกับใครตรงๆไปซํกพัก ดังนั้นการสนทนาต้องทำผ่านเธอเท่านั้น ปาสคาลได้ขอให้พัวซอนไปขอณุญาตท่านป้า เพื่อขอเข้าใช้งานห้องแห่งความรู้ แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตเพราะเป็นสถานที่พิเศษสำหรับนักปราชญ์เท่านั้น
ปาสคาลถามพัวซอนถึงที่อยู่ของบัลกิเนสเคลียสของเฟนเดล และบอกว่างานวิจัยของเธออาจจะถูกเอาไปใช้ที่นั้น แต่งานวิจัยนั้นเธอได้หยุดวิจัยกระทันหัน มันจึงเป็นผลงานที่ไม่สมบูรณ์ ถึงจะเอาไปใช้ดึงพลังงานออกมาได้แต่พอซักพักหนึ่งแล้วจะมีปัญหา ปาสคาลได้ถามถึงคนทีเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และน่าจะเป็นคนที่เอางานวิจัยของเธอไปด้วย ซึ่งพัวซอนบอกว่าคนๆนั้นก็คือ "ฟูริเอ" พี่สาวของปาสคาลนั้นเอง ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังทำงานวิจัยของเธออยู่ที่ศูนย์วิจัยสนีค
ในศูนย์วิจัยนั้น พวกอัสเบลได้ต่อสู้กับสิ่งชีวิตที่เหมือนร่างรวมของสัตว์หลายๆประเภท เมื่อปราบมันได้ฟูริเอก็เดินออกมาพูดด้วยประหลาดใจที่พวกเขาสามารถปราบสัตว์ทดลองของเธอได้ ปาสคาลเข้าถามถึงเรื่องของการทดลองบัลกิเนสเคลียสของเฟนเดล ซึ่งฟูริเอเรียกชื่อมันว่า "ฟอลกรันนิล" และบอกว่าเธอได้พัฒนางานวิจัยของปาสคาลจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ปาสคาลบอกว่ามันเสร็จเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
แทนคำอธิบาย ปาสคาลได้นำเศษหินเคลียสแห่งไฟอันเล็กมาใส่หลอดทดลอง เธอใส่คำสังให้กับเครื่องควบคุมและบอกให้ทุกคนหลบไป เพียงชั่วครู่ หินเคลียสก็ระเบิดออกมา ปาสคาลได้อธิบายว่านี่เป็นคุณสมบัติของหินเคลียสแห่งไฟ หากดึงพลังงานออกมาเกินระดับหนึ่งก็จะเกิดการระเบิดขึ้น ซึ่งหากเอาไปใช้กับอาวุธทั่วไปก็ยังพอได้ แต่หากนำไปใช้ร่วมกับบัลกิเนสเคลียสก็คงจะเสียหายร้ายแรงแน่
ฟูริเอถามว่าที่ปาสคาลล้มเลิกการวิจัยเพราะรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้หรือเปล่า ซึ่งได้รับคำตอบว่าใช่ และยังขอให้หยุดการทดลองซะ แต่ฟูริเอบอกว่าทำไม่ได้ ปาสคาลจึงถามว่าอยู่ที่ไหนเพื่อที่เธอจะได้ไปแทน ทำให้พี่สาวโกรธเพราะรู้สึกว่าตัวเองถูกดูถูก ซึ่งเธอเองต้องพยายามอย่างมากที่จะต่อยอดงานวิจัยของปาสคาลให้สำเร็จ แต่กลับกลายเป้นว่าปาสคาลมองเห็นสิ่งที่เธอไม่เคยนึกถึง และตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่ปาสคาลจะเลียนแบบสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ และทำได้สำเร็จก่อนทุกครั้งไป ซึ่งทำให้ปาสคาลอึ้งและซึมลงไป
อัสเบลได้ขอร้องให้ฟูริเอช่วยเหลือเพราะมิฉะนั้นแล้วบัลกิเนสเคลียสแห่งไฟก็คงจะโดนดูดเอเรสไปเช่นเดียวกับอีกสองอันที่ผ่านมา แต่ฟูริเอเองก็ไม่รู้ที่อยู่แน่ชัด ซึ่งมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ "คาซ เบซเซล" หัวหน้าศูนย์พัฒนาเวทย์แห่งเฟนเดล และชื่อนั้นทำให้มาริคตกใจ ฟูริเอหันไปมองน้องสาวที่เงียบลงไปถนัดใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันมากไปกว่านั้น
ออกมาข้างนอก ปาสคาลไม่เคยนึกว่าฟูริเอจะคิดกับเธอแบบนั้นและอยากจะเข้าไปขอโทษ ฮิวเบิร์ทได้ห้ามเธอไว้เพราะจะยิ่งทำให้ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ที่ทำได้ก็มีแต่รอให้ฟูริเอยกโทษให้เองเท่านั้น อัสเบลบอกว่าที่ฟูริเอทำการทดลองไปนั้นก็เพื่อช่วยผู้คน และเพื่อไม่ให้มันกลายเป็นโศกนาฎกรรม พวกเขาจึงต้องหยุดการทดลองนั้น ฮิวเบิร์ทยังบอกอีกว่ามีแต่ปาสคาลเท่านั้นที่จะช่วยพี่สาวของเธอได้ ทำให้ปาสคาลต้องร้องไห้ออกมาเป็นครั้งแรกนับจากที่ได้พบกันมา
ザヴェート
- คุยกับคนบริเวณย่านร้านขายของ (จะรู้ว่าถูกคนเมื่อเห็นว่าตัวเราคิดอะไรขึ้นมา)
- เดินไปทางซ้าย คุยกับคนที่อยู่ระหว่างทาง (จะรู้ว่าถูกคนเมื่อเห็นว่าตัวเราคิดอะไรขึ้นมา)
- เดินต่อไปทางซ้ายอีก และลงบันไดไปถึงบ้านที่มีผู้หญงอยู่ คุยกับเธอแล้วเข้าไปในบ้านนั้น
- พบอีเวนท์แล้วจะได้บัตรผ่านมา
- จากย่านร้านค้า ให้ใช้ทางเดินด้านบนทางซ้ายมือ จะพบศูนย์วิจัย
フェンデル政府塔
(ศูนย์วิจัยเฟนเดล)
Discovery
: 氷の巣 (รังนกน้ำแแข็ง ชั้น 42), 宝の山 (กองเศษเหล็ก ชั้น 32)
- ขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 39 (ลิฟท์จะอยู่ทางขวา เดินลอดบันไดไป)
- ชั้น 42 คุยกับทหารใกล้ๆบันได
- คุยกับทหารหน้าประตูทางซ้ายมือ เลือกข้อใดก็ได้ แล้วจะเข้าประตูไปได้
- ชั้น 41 หากเหยียบไอน้ำจะเสียพลัง ให้ปิดวาวล์บนกำแพงก่อน
- ชั้น 42 เมื่อถึงจุดที่มีทหารวิ่งสลับกันแล้ว ให้เลือกไอเทมให้ถูกกับแต่ละคนดังนี้ (ดูจากชุดเอาว่าคนไหนยศสูงกว่า) แล้วจะไปต่อได้
- ทหารธรรมดา ให้ アップルグミ, นายทหาร ให้ ピーチグミ, ทหารหญิง ให้ グレープグミ, นายทหารหญิง ให้ アップルグミ
- เข้าไปจนถึงห้องคาซ จะพบอีเวนท์แล้วทุกคนจะช่วยกันค้นหา ให้ไปสำรวจที่โต้ะ จะเข้าอีเวนท์อีกครั้ง
- หลังจากนั้นให้ใช้ลิฟท์สีแดงกลับลงมา
- กลับไปยังบ้านที่ได้ใบอนุญาตอีกที (จะข้ามไปทำที่หลังก็ได้เหมือนกัน)
- จากย่านร้านขายของ ให้ใช้ทางออกขวาบน จะออกไปยังภูเขาน้ำแข็ง
氷海への道
(ทางไปภูเขาน้ำแข็ง)
Items
: 魔法カルタNo.17 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
フェンデル氷山遺跡
(ซากโบราณในภูเขาน้ำแข็ง)
Discovery
: 虹の氷柱 (น้ำแข็งยักษ์ีสีรุ้ง), 大紅蓮石 (หินศิลายักษ์บัลกิเนสเคลียส)
Items
: なかなかの骨, 勇猛の魔導書
- ภายใน จะต้องลากบล็อกน้ำแข็งมาปล่อยที่ทางลาด เพื่อให้มันชนกับเสาน้ำแข็งทำเป็นทางเดินต่อไป
- เข้าไปถึงข้างใน แล้วจะต้องสู้กับบอส カーツ และ ドラグーン สองตัว หากสามารถชนะได้ในหนึ่งนาทีก็จะได้โทรฟี่ カーツ1分撃破! ด้วย และหากมีมาริคในทีม ก็จะมีคัทซีนพิเศษอีกหน่อย
-หลังสู้จบให้สำรวจที่ตัวคาซ จะได้อาวุธ プラチナエッジ
- คุยกับทุกคนแล้วจะตัดเข้าอีเวนท์อีก เมื่อจบแล้วก็ให้ออกมา แล้วกลับไปยังหมู่บ้านอันมัลเทียอีกครั้ง (จะใช้คาเมะนินพาไปก็ได้)
- เข้าไปยังห้องของหัวหน้าหมู่บ้านอีกครั้ง คราวนี้จะสำรวจที่ด้านในสุดเพื่อเข้าไปอีกได้
- พบอีเวนท์ที่ด้านในนั้นอีกที แล้วให้ออกมาจากหมู่บ้าน กับไปที่เมืองซาเวท แล้วออกไปที่ท่าเรือทางใต้ของเมืองอีกที
- คุยกับกะลาสีเรือเพื่อไปยังสถานที่ต่อไป
Story Synopsis
เพื่อจะเข้าไปในศูนย์วิจัยซึ่งอยู่ในเมืองซาเวท พวกอัสเบลได้สอบถามชาวเมืองจนรู้ว่ามีชาวอันมัลเทียที่ทำงานในนั้นพักอยู่ในเมืองด้วย เมื่อเจอตัวคนๆนั้น ปาสคาลก็พบว่าเป็นเพื่อนของเธอชื่อ "เฟลม่า" ไม่รอช้า ปาสคาลก็ได้ขอยืมบัตรประจำตัวของเธอมาได้อย่างไม่ยากเย็น
ฮิวเบิร์ทได้ถามถึงอดีตของมาริคและ "คาซ เบซเซล" ซึ่งมาริคได้บอกว่าเขากับคาซได้เข้ากองทัพเฟนเดลในช่วงเวลาเดียวกัน ตอนนั้นอาณาจักรอยู่ในสถานะที่ยากจนมาก แต่ชนชั้นสูงกลับไม่ได้รู้สึกอะไรกับสภาพของคนส่วนใหญ่ของประเทศเลย มาริคและคาซจึงได้เข้าร่วมตณปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงอาณาจักรแห่งนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ ทำให้กลุ่มผู้ปฏิวัติถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น ช่วงนั้นเองที่มาริคหนีออกมาจากเฟนเดลเพราะคิดว่าชีวิตตัวเองคงตกอยู่ในอันตราย แต่คาซยังคงอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากให้การปฏิวัติหายไปจากประเทศนี้ ซึ่งคาซเป็นคนประเภทที่ยอมสละชีวิตตนเองเพื่อให้ความมอุดมการณ์เป็นจริง ซึ่งมาริคก็ไม่แนใจว่าถ้าเขาซึ่งทิ้งประเทศแะอุดมการณ์ไปแล้ว ไปพูดกับคาซ เขาจะยอมรับอะไรได้หรือไม่
พวกอัสเบลสามารถเข้าไปยังศูนย์วิจัยโดยอ้างว่ามาทำงานแทนเฟลม่า ในที่สุดก็พบห้องของคาซที่เต็มไปด้วยหนังสือ แผนภาพและแผนที่ แต่เจ้าตัวไม่อยู่ที่นั่น ทุกคนจึงพยายามค้นหาข้อมูลในห้อง และพบรายละเอียดว่าบัลกิเนสเคลียสอยู่ในถ้ำน้ำแข็งใกล้ๆเมือง ซึ่งหากอยู่ใกล้ขนาดนี้และมีอะไรเกิดขึ้นกับการทดลอง เมืองทั้งเมืองก็คงจะหายไปแน่
เสียงฝีเท้าของคนที่เดินเข้ามาใกล้ประตูทำให้ทุกคนตื่นตัวและวิ่งไปหลบข้างๆประตูหวังจะศุ่มจู่โจมผู้เข้ามา แต่ทันทีที่ประตูเปิด อาวุธในมือของอีกฝ่ายก็วาดเข้่ามาจ่อที่คอของอัสเบลที่ไม่มีโอกาสขยับตัวเลย ขณะที่มาริคยังสามารถตั้งรับการโจมตีเอาไว้ได้ ผู้ที่เข้ามาก็คือคาซนั้นเอง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือมาริคเขาก็ลดอาวุธลง
คาซได้บอกว่าหลังผ่านเวลาอันยาวนาน ในที่สุดเตาพลังงานที่ใช้การดูดพลังงานเอเรสจากบัลกิเนสเคลียสก็เสร็จสิ้นแล้ว และจะช่วยให้ใช้ประโยชน์จากหินศิลายักษ์นั้นได้รวมถึงจะช่วยผู้คนของประเทศนี้ได้อีกมาย มาริคและปาสคาลกล่อมให้เขาล้มเลิกมันซะ เธอคิดว่าคาซเอางานวิจัยของฟูริเอไปใช้ทั้งๆอย่างนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าสามารถเกิดการระเบิดขึ้นได้ แต่คาซปฏิเสธที่จะทำตาม เพราะว่าเขาก็ไม่ได้เอาผลงานของฟูริเอมาใช้เฉยๆ แต่ยังได้เอามาพัฒนาต่อจนสมบูรณ์แล้ว
คาซยังปฏิเสธที่จะฟังคำอ้างใดๆอีกเพราะเขาไม่มีเวลาอีกแล้ว และหากล้มเลิกการทดลองไป อาณาจักรนี้คงอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่กว่าเดิม เพื่อที่จะสามารถอยู่รอดต่อไปได้ เฟนเดลจะต้องทำสงครามกับประเทศที่ชั่วร้าย หรือวินดอนั่นเอง ซึ่งจะไม่ใช่การปะทะกันเล็กๆน้อยๆแบบที่ผ่านมา ครั้งนี้จะเป็นสงครามเต็มรูปแบบเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นคาซก็ให้โอกาสทุกคนกลับออกไปก่อนที่เขาจะเรียกทหารออกมาจับกุม
เมื่อออกมาแล้ว มาริคได้ถามปาสคาลว่าเป้นไปได้หรือเปล่าที่คาซจะสามารถพัฒนางานวิจัยของเธอจนเสร็จสมบูรณ์และไม่มีอันตรายจริงๆ แต่ปาสคาลก็รู้ว่าหากเกี่ยวกับการดึงพลังงานเอเรสออกจากบัลกิเนสเคลียสแล้ว ไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบแน่นอน ทุกคนจึงเหลือทางเลือกเดียวคือการเข้าไปหยุดยั้งการทดลองนั้นเอง
ภายในถ้ำน้ำแข็งนั้น บัลกิเนสเคลียสสีแดงฉานถูกเชื่อมต่อไปด้วยเครื่องจักรขนาดใหญ่ คาซกับทหารจำนวนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆกับผู้บัญการสูงสุดแห่งเฟนเดล การเดินเครื่องเตาพลังงานเริ่มต้นขึ้นในทันที และเมื่อเห้นว่าไม่เห็นมีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจดังหวัง เขาก็สั่งให้เร่งเครื่องขึ้นไปอีก พวกอัสเบลรีบเข้าไปเพื่อจะหยุดการทดลองนั้น ซึ่งคาซก็ไม่อาจยอมได้และเข้าขวางทุกคน
ระหว่างที่กำลังวุ่นวายนั้น สิ่งที่ปาสคาลกังวลก็เป็นจริง เมื่อพลังงานเอเรสถูกดูดออกมาจนถึงขีดอันตราย บัลกิเนสเคลียสแห่งไฟก็เริ่มเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ยากจะควบคุมไว้ได้ พลังงานเริ่มหลั่งไหลออกมาจนควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ คาซสั่งการให้หยุดเตาพลังงานซะแต่กลไกก็ขัดข้องจนทำอะไรไม่ได้ ปาสคาลจึงจะเข้าไปทำลายสายพลังงานแรงสูงเพื่อหยุดเคาพลังงานโดยตรง แต่คาซก็ขวางเธอไว้ก่อนที่ตัวเองจะเข้าไปทำลายมันด้วยตัวเอง ประกายไฟฟ้าพุ่งผ่านอาวุธเข้าสู่ร่างของเขาจนไหม้เกรียมไปทั้งตัว แลกกับการหยุดทำงานของเตาพลังงานและปฏิกิริยาเอเรสที่ค่อยสงบลงอย่างเฉียดฉิว
ทุกคนวิ่งเข้าไปดูเขาผุ้มีควันลอยออกมาจากร่าง เชเรียใช้พลังรักษาของเธออย่างเต้มที่แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก คาซได้ฝากให้ปาสคาลช่วยทำงานวิจัยของเธอให้สำเร็จเพื่อให้สามารถใช้พลังงานจากบัลกิเนสเคลียสได้ เพื่อทีจะได้ช่วยเหลือประชาชนของอาณาจักรนี้ และยังได้ฝากให้มาริคช่วยสืบสานหน้าที่ในการนำพาประเทศนี้สู่อนาคตด้วย และยังไม่ทันที่มือขอเขาทั้งสองจะได้จับกัน ชีวิตของเขาก็ขาดสิ้นลง
เพียงชั่วครู่จากนั้น ริชาร์ดบนหลังของมังกรก็บินลงมาจากเบื้องบน ไม่รอช้าเขากระโดดไปยืนอยู่ใกล้ๆกับหินศิลายักษ์และเริ่มดูดพลังงานทันที อัสเบลจะเข้าไปห้ามแต่ก็โดนริชาร์ดชักดาบยิงคลื่นพลังใส่ โซฟียังสามารถเข้าไปป้องกันไว้ได้ เธอเร่งพลังงานของเธอจนตัวเรืองแสงขึ้นมาและพุ่งเข้าไปโจมตีใส่ริชาร์ดทันที แต่ในครั้งนี้ริชารืดมีพลังเพิมมาขึ้นแล้ว เขาสามารถมีชัยเหนือได้สบายๆ กษัตริย์แห่งวินดอลจากไปที่แห่งนั้น ทิ้งทุกคนไว้เบื้องหลังพร้อมๆกับบัลกิเนสเคลียสที่สูญเสียสีแดงสดไปพร้อมๆกับพลังงานของมัน
世界の中心の孤島
(เกาะอันโดดเดี่ยวซึ่งอยู่กลางโลก)
- เข้าไปแล้วพอเดินเลยจุดเซฟไป จะต้องสู้กับบอส リチャード
Story Synopsis
ผู้บัญชาการทหารแห่งเฟนเดลได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากมาริค แต่เขาก็ยอมรับไม่ได้และสั่งให้ทหารจับตัวทุกคนไว้ แต่เสียงเล็กๆของพัวซอนห้ามเอาไว้ ซึ่งเธอได้มาส่งคำพูดจากท่านป้าผู้เป็นนักปราชญมายังผู้บัญชาการเพื่อให้ปล่อยตัวทุกคนไป เพราะเรื่องในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเฟนเดล แต่เป็นสิ่งที่มีผลกระทบกับทั้งโลก ซึ่งมีแต่พวกอัสเบลที่จะแก้ไขได้ ผู้บัญชาการทหารพยายามจะแย้ง แต่ก็โดนขู่ว่าหากไม่ทำตาม ชาวอันมัลเทียทั้งหมดก็จะถอนตัวจากการให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือต่างๆกับเฟนเดล ทำให้เขาต้องยอมรับและกลับไปแต่โดยดี
พัวซอนได้บอกว่าที่ๆริชาร์ดโจะมุ่งหน้าไปต่อก็คือ "ลัสตาเรีย" ซึ่งเป็นศูนย์รวมของเอเรสและบัลกิเนสเคียสของโลกทั้งหมด เธอยังได้มอบกุญแจสู่ห้องแห่งความรู้ให้กับปาสคาล เพราะในห้องนั้นมีรายละเอียดเกี่ยวกับทุกสิ่งรวมถึงสัสตาเรียด้วย ซึ่งในครั้งนี้ท่านป้าอนุญาตให้เธอเข้าไปในนั้นได้แล้ว ทุกคนจึงตัดสินใจจะไปที่นั่น แต่มาริคจะขออยู่ที่นี่เพื่อสืบสานความต้องการของคาซ ฮิวเบิร์ทเข้าไปบอกว่าความต้องการของคาซก็คือการช่วยเหลือชาวเฟนเดล และก่อนจะทำสิ่งนั้นได้พวกเขาต้องหยุดริชาร์ดให้ได้เสียก่อน มาริคจึงตัดสินใจที่ไปร่วมทางไปกับทุกคนจนถึงที่สุด
ปาสคาลพาทุกคนเข้าไปยังห้องแห่งความทรงจำ เธอเริ่มหาข้อมูลของลัสตาเรีย และบอกว่ามันอาจจะเรียกได้ว่าเป็นบัลกิเนสเคลีสต้นกำเนิดก็ได้ โดยในทีแรกนั้นลัสตาเรียได้สร้างเอเรสออกมา จากนั้นบัลกิเนสเคลียสกับกินเคลียสทั่วไปจึงดูดซับเอเรสเข้าไปอีกทีหนึ่ง ซึ่งพอฟังแล้วเชเรียก็คิดว่าทั้งลัสตาเรียและบัลกิเนสดูไม่เหมือนสิ่งที่เกิดเองตามธรรมชาติ เหมือนกับว่าเ)้นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมากกว่า ซึ่งปาสคาลก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน
เมื่อลัสตาเรียเป็นที่กำเนิดของเอเรสแล้ว หากริชาร์ดสามารถเข้าถึงมันได้และดูดซับเอเรสไปทั้งหมด ปาสคาลก็คาดว่าดาวดวงนี้ก็คงจะเป็นดาวที่ตายไปแล้ว พอลองค้นหาข้อมูลเก่าๆดูต่อไปเธอก็พบว่าทางเข้าลัสตาเรียนั้นอยู่ที่เกาะใกล้ๆกับไลออทพีท และยังพบกับคำว่า "แลมด้า" ที่เคยพบมาครั้งที่แล้วด้วย รวมถึงบทกลอน"เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างที่เกิดจากฟอโดร่า ผู้ลงมาและกัดกินสามประกายแสงแห่งพื้นพิภพ ผู้ปราบเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างลงมาจากฟอโดร่า ปกปักษ์สามประกายแสงนั้น" บทกลอนนั้นเหมือนจะทำให้โซฟีปวดหัวและนึกถึงอะไรขึ้นมาได้ เชเรียจึงฟาเธอออกไปรับลมข้างนอก ส่วนปาสคาลเองก็จนปัญญาจะหาข้อมูลที่ยิ่งเก่าก็ยิ่งอ่านออกยาก
อัสเบลเชื่อมบทกลอนนั้นกับเรื่องในตอนนี้ได้ว่า "แลมด้า" ได้ดูดกลืนบัลกิเนสเคลียส และถามถึงผลลัพธ์ ซึ่งปาสคาลตอบว่าทำไม่สำเร็จโดยถูก "โปรโตสเอส" หยุดยั้งเอาไว้ได้ มาริคจึงพอจะสรุปได้ว่าสิ่งนั้นเองกำลังเกิดขึ้นกับริชาร์ดในเวลานี้ แะพวกเขาก็ต้องหยุดริชาร์ดเอาไว้ให้ได้
บนเรืือระหว่างทางไปยังเกาะสู่ลัสตาเรียนั้น โซฟีถามอัสเบลว่าครั้งที่แล้วเธอเคยทำร้ายริชาร์ดไป หากจบเรื่องทุกอย่างแล้วเธอจะสามารถคืนดีกับเขาได้อีกหรือไม่ หากเธอไปปราบริชาร์ด เธอก็รู้สึกว่าจะต้องเสียทุกคนไป แต่ริชาร์ดก็เป็นเพื่อนของเธอเช่นกัน อัสเบลจึงบอกว่าเรื่องของริชาร์ดเราจะเป็นคนจัดการให้เอง
ณ เกาะเล็กๆซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลแะอยู่ตรงกึ่งกลางของโลก ทุกคนพบว่าริชารืดยังมาไม่ถึงที่นี่ แต่เพียงไม่นานนัก ร่างของมังกรตัวนั้นก็บินพาริชาร์ดมาถึงพอดี เขาโดดลงมายันพื้นพร้อมๆกับไอหลากสีที่ผสมผสานกันพวยพุ่งออกมาจากร่าง ซึ่งดูเหมือนว่าพลังงานมากมายในร่างนั้นมีมากเกินกว่าที่จะรับได้ไหว
ทุกคนเข้าห้ามริชารืดไม่ให้เข้าไปยังทางเข้าสู่ลัสตาเรียได้สำเร็จ เขาดูมีท่าทางทรมานและร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด มาริคจะเข้าไปช่วยให้พ้นความเจ็บปวด แต่อัสเบลก็ห้ามไว้เพราะเขาได้ยินเสียงของริชาร์ด เสียงนั้นร้องขอให้อัสเบลช่วยและบอกว่าไม่อยากจะตาย บอกว่าเขาเป็นเพื่อนมิใช่หรือ คำๆนั่นทำให้โซฟีเดินไปเข้าไปหาและคุกเข่าลงไปใกล้ๆ แต่ริชาร์ดก็เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสีหน้าที่เกลียดชังและเรียกเธอว่า "โปรโตสเอส" เธอพยายามต้านแรงกระตุ้นบางอย่างในกายและยื่นมือไปหาเขา ขอให้เขายอมรับ "หลักฐานแห่งมิตรภาพ"เพื่อที่จะได้เป็นเพื่อนกันอีกครั้ง
แทนคำตอบ ริชาร์ดยื่นสิ่งหนึ่งมาให้ แต่มันไม่ใช่มือของเขา เป็นปลายดาบที่อัดแน่นด้วยความมุ่งร้ายที่ยิงพลังโจมตีเข้าใส่เธอ ความรุ่นแรงของมันทำให้ทุกคนกระเด็นออกไปกันหมด ส่วนโซฟีเองนั้นก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจนหมดสติไป ร่างของริชารืดลอยขึ้นไปกลางอากาศอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีใครหยุดเขาได้อีกแล้ว
ไอสีดำห่อหุ้ามรอบๆตัวเขาและขยับราวกับมีชีวิต ก่อนที่ระยางสีขาวขนาดใหญ่จำนวนมากจะแผ่งพุ่งออกมา แต่ละเส้นพุ่งกระจายไปทุกทิศทางอย่างไม่เลือกเป้าหมาย ทุกคนจึงต้องรีบพาร่างของโซฟีหบหนีขึ้นเรือออกมาจากเกาะแห่งนั้น ซึ่งไม่นานระยางสีขาวก็พันถักทอกัน ก่อตัวเป็นเหมือนกับรังไหมสีขาวขนาดยักษ์
[Edited 12 times Next - Last Edit 2010-12-18 23:44:16]
Reply
Vote
Popular Thread
ประกาศ Danmachi ss5
Like a Dragon Gaiden: The Man Who Erased His Name คะแนนรีวิว
ยังอยากหากินกับบุญเก่าเหมือนเดิม Blizzard เผย มีความคิดจะนำ World of Warcraft ลงเครื่องเกมคอนโซล
KOF XV DLC|HINAKO SHIJO|Trailer
1 online users
Logged In :
member
Since 2/12/2005
(4452 post)