แล้วที่ตำรวจปฏิเสธไม่ยอมไกล่เกลี่ยตามที่ถูกกดดันในชั้นสอบสวนนี่เพราะเขาปรึกษาทนายหรือปรึกษาเพจดังในโซเชียลครับ(เคยมีให้สัมภาษณ์ไหมว่าที่ยืนยันไม่ยอมไกล่เกลี่ยเพราะอ่านคอมเมนท์ใน fb หนือเห็นคนเขียนเชียร์กด like เยอะเลยมีกำลังใจน่ะ)
ตอนที่ถูกไดล่เกลี่ยนั่นคดีก็อยู่ในชั้นตำรวจสอบสวนยังไม่ตัดสินจะเข้าคุกได้ไงครับ
ต่อให้ตำรวจภาคเจ็ดจะทำสำนวนเขียนให้ฝั่งครูยังไง แต่ฝั่งตำรวจก็มีพยานหลักฐานจากดีเอนเอในหวย จากผลการตรวจมือถือครูแล้ว พยานหลักฐานพวกนี้มาจากโซเชียลหรือเพราะทนายบอกให้เจ้าหน้าที่หาครับ เวลาตัดสินคดีเขาดูแต่พยานหลักฐานจากสำนวนพนักงานสอบสวนอย่างเดียวไม่ต้องดูของอีกฝั่งเลยหรือไงครับ
เรื่องหวยมันเริ่มจากเป็นข่าว แล้วโซเชียลก็ตาม แต่กระบวนการในการหาพยานหลักฐานมันมาจากทนายกับเจ้าหน้าที่ทั้งนั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับโซเชียลเลย ตรงข้ามยิ่งไปให้ความสนใจมันมากถึงได้ออกข่าวบิ๊วด่ากันแล้วแชร์ในโซเชียลกันไปมาฟ้องคดีลูกยิบย่อยเรื่อยๆ จากเดิมแค่เรื่องพิสูจน์เจ้าของหวยกลายเป็นเรื่องหมิ่นประมาทกันไปมาตัวละครก็มากขึ้นจากพยานกลายเป็นจำเลยอีกทำให้จำนวนคดีเพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุไม่จบสิ้นซักทีไม่ใช่รึไงครับ แล้วแต่ละคดีต่างก็ต้องรอกันไปมาอีกไม่ได้เริ่มซักทีเพราะข้อเท็จจริงเกี่ยวพันกัน โคตรเสียเวลาครับ บอกตรงๆ (ถ้าคดีมีแค่ตำรวจกับครู ต่างฝ่ายต่างเอาพยานหลักฐานมาแสดงว่าใครเป็นเจ้าของหวยที่แท้จริงกันแน่ คดีมันไม่มีข้อยุ่งยากอะไรเลย ไม่ใช่คดีองค์กรค้ายาข้ามชาติ ไม่ใช่คดีแพ่งที่ต้องดูพยานเอกสารบัญชีเงินเป็นตั้งๆ แต่ต้องมาเสียเวลาโดยใช่เหตุ เอาจริงๆถ้าไม่มีสื่อโซเชียลมาบิ๊วอารมณ์ให้เกิดคดีลูกยิบย่อยป่านนี้มันนัดสืบพยานเสร็จฟังคำพิพากษาไปแล้ว แต่ตอนนี้นี่ยังไม่เริ่มกระบวนการทางศาลเลยมั้ง)

คุณเข้าใจผิดแล้วครับ ในมุมมองจรูญเขามองว่า ตำรวจภาคเจ็ดไม่ควรมาเขียนสำนวนเพราะ กรณีที่เรียกไปไกล่เกลี่ยเนี้ยตำรวจมันทำตัวไม่เป็นกลาง

คิดดูตำรวจใหญ่เรียกไปคุยแบบ เฮ้ยมีคนมาแจ้งว่าหวยนี้เป็นของเขา ถ้าไม่อยากมีคดี เขาเสนอให้แบ่งครึ่ง-ครึ่งว่ะ เอ็งว่ายังไง( แทนที่จะไปสืบก่อนว่ามีมูลแค่ไหน) และที่จริงจะไกล่เกลี่ยกัน ตำรวจก็ไม่ควรยุ่งด้วยซ้ำ

เขาอยากให้หน่วยงานอื่นมาทำสำนวนแทนตั้งแต่ตอนแรกๆแล้ว แล้วมันดังในโซเชี่ยลเพื่อให้หน่วยงานอื่นมารับคดีไปแทน

ส่วนคดีพ่วงต่อมากมาย ก็ไม่เกี่ยวกับโซเชี่ยลนะครับเกี่ยวกับความเวิ้นเวอร์ส่วนบุคคลมากกว่า ตัวอย่าง อย่าง ฟ้า นี่ออกมาโชว์โง่ล้วนๆ ข้อมูลอะไรไม่มีสมควรโดนฟ้องไหม?

ต่อให้ตำรวจภาค 7 บอกให้ไกล่เกลี่ย แล้วยังไงเหรอครับ ปกติมากที่ตำรวจจะไกล่เกลี่ยคดี คู่ความก็มีสิทธิปฏิเสธไม่ไกล่เกลี่ยได้ เรื่องนี้ถ้าจำไม่ผิดตั้งเรื่องมาในข้อหายักยอกด้วย ตามกฎหมายมันก็เป็นคดียอมความได้อยู่แล้ว ไม่แปลกที่เจ้าหน้าที่จะให้ไกล่เกลี่ยกันก่อน ถ้าฝ่ายใดไม่ยอมใกล่เกลี่ยเจ้าหน้าที่ก็ไปบังคับให้ยอมไม่ได้ มันก็แค่ต้องดำเนินคดีต่อไปเอาพยานหลักฐานมายันกันก็แค่นั้น ถ้าโดนใช้กำลังหรือขู่เข็ญให้นับสารภาพโดยวิธีไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือถูกปลอมแปลงหลักฐานก็ไปฟ้องว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้(ซึ่งฝ่ายตำรวจก็ใช้สิทธิไม่ยอมไกล่เกลี่ยอย่างที่เห็น และตำรวจภาค 7 ก็เข้าใจว่าโดนดำเนินคดีไปแล้ว)
ถ้าจะบอกว่าโซเชียลกดดันจนตำรวจกองปราบต้องรับโอนคดีมาทำแทนภาค 7 นี่ถามหน่อยครับว่ามันมีผลอะไรต่อพยานหลักฐานในคดีมั่ง ตัวผลการตรวจ dna ในหวยก็มีมาก่อนโอนคดีไปกองปราบด้วยนะครับ

ผลตรวจ dna มีเมื่อ 19 มกรา

[Link]

ต่อมา 5 กุมภาถึงโอนสำนวนให้กองปราบ

[Link]

ส่วนตัวผมมองว่า ถ้าคู่ความทั้งสองฝ่ายสามารถนำพยานหลักฐานเข้าสู้คดีได้อย่างเต็มที่ในชั้นศาล แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายก็มีพยานหลักฐานมากตามที่พอใจทั้งสองฝ่ายแล้ว(หาเองไม่เกี่ยวอะไรกับโซเชียลเลย) ส่วนกระบวนการระหว่างนั้นเช่นในชั้นสอบสวนหรือฝั่งทนาย ถ้ามันจะมีการหาพยานหลักฐานมั่วๆหรือปลอมมามั่งก็ให้มันหาไป แต่สุดท้ายเมื่อคดีมาสู่ชั้นศาลพยานหลักฐานที่ถูกต้องไม่มั่วหรือปลอมมามันจะน่าเชื่อกว่าอยู่ดีครับ (ปกติทุกคดีไม่ใช่แค่คดีหวยนี้ พยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์กับจำเลยมันก็ตรงข้ามกันอยู่แล้ว มันมีฝ่ายนึงที่โกหกเสมอในศาล) ผมก็เลยมองว่าคดีนี้มันก็เหมือนคดีอื่นๆที่ฝ่ายนึงพูดจริงอีกฝ่ายพูดโกหกถ้าพยานหลักฐานไหนเป็นเท็จก็ถูกอีกฝ่ายถามตีแตกในศาลได้อยุ่แล้วไม่เห็นมีปัญหาอะไร หรือจะบอกคดีในศาลต่างประเทศไม่มีฝ่ายไหนเคยทำพยานหลักฐานปลอมขึ้นมาเลยเหรอครับ จะมากน้อยมันก็มีกันทั้งนั้นแหละ(อย่างน้อยมันก็มีทนายหรืออัยการที่เตี๊ยมกับลูกความให้เบิกความหรือตอบคำถามค้านอย่างที่ซ้อมกันซึ่งก็เห็นได้ในหนังทั่วไป)

ส่วนคดีพ่วงอื่นๆถ้าโซเชียลไม่แชร์ข่าวอย่างบ้าคลั่ง ไม่ตามจิกตัวละครในเรื่อง คิดว่าแต่ละคนจะออกคลิปรัวๆเรียกโซเชียลมาดูกันไหมครับ คดีอื่นๆจะผิดจริงหรือไม่ไม่รู้ แต่เรื่องที่สำคัญของคดีนี้มันมีแค่ประเด็นว่า “หวยเป็นของใคร” ไม่ใช่หรือครับ แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีการสืบพยานประเด็นว่าหวยเป็นของใครซักทีเพราะอะไรล่ะครับ

แล้วถ้าจะบอกว่าคดีหวย 30 ล้านแสดงให่เห็นถึงความผิดปกติของกระบวนการยุติธรรมเพราะสำนวนถูกโอนจากตำรวจภาค 7 ไปกองปราบผมว่ามันก็ไม่ใช่ เพราะเรื่องการทำสำนวนของตำรวจภาค 7 มันเป็นเรื่องส่วนตัวของตำรวจภาค 7 เอง ไม่เกี่ยวกับระบบตำรวจทั้งหมด และไม่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดเลยเพราะคู่ความทั้งสองฝ่ายต่างก็มีอิสระในการหาพยานหลักฐานมาดำเนินคดีอย่างเต็มที่อย่างที่ได้บอกไปแล้ว

ถ้าจะบอกว่าอะไรเป็นปัญหาต่อกระบวนการยุติธรรมมันต้องหมายถึงสิ่งที่เป็นปัญหาทั้งระบบจริงๆ ไม่ใช่แค่ในคดีใดคดีหนึ่ง อย่างตัวโซเชียลผมมองว่ามันเป็นปัญหา ไม่ใช่เพราะแค่ผลมันผิดในเรื่องครูจอมทรัพย์ ตายายเก็บเห็ด หรือหวย 30 ล้าน แต่ที่มันเป็นปัญหาเพราะมันหาตัวคนรับผิดชอบไม่ได้ต่างหาก เพราะ fb เป็นระบบปิด ใช้ขื่อปลอมได้ จะหาตัวคนโพสจริงต้องขอความร่วมมือจากมาร์คเพราะตัวเวบมันเข้ารหัสอยู่ การแสดงความเห็นใน fb ถ้าเป็นกระแสขึ้นมาและผิดพลาดไปแล้วมันเลยหาต้วคนรับผิดชอบไม่ได้

โอ้โห.... ผู้ศรัทธาตัวจริงเลยนะเนี่ย....

เรื่องจะศรัทธา ตำรวจ ตำรวจภาคไหน ก็เรื่องส่วนบุคคลครับ

แต่ส่วนใหญ่คนเขาจะคิดว่า เออว่ะ อยู่ดีดีลุงจรูญโดนเรียกไปคุย (ตำรวจบอกไปไกล่เกลี่ย ) ในมุมมองลุงจรูญคือ มันเป็นการต้อนไปพูดข้างเดียว เอาตำรวจผู้ใหญ่มากดดันมากกว่า คือแค่มีเรื่องแบบนี้เกิด แล้วลุงจรูญบอก ขอได้ไหมคดีนี้ยกให้ส่วนกลางไปทำคดี เพราะ ตำรวจพื้นที่มันพูดเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับครูปรีชา ส่วนตัวจรูญเองยังไม่ทันตั้งตัวเลย ฝั่งนู้นแม่งยกพยานมาสามสิบปากแล้ว แค่นี้ คราวนี้ไปพูดปกติมันก็ไม่โอนเรื่องไง จนต้องโวยออกสื่อ ถ้าปล่อยตำรวยพื้นที่ทำ จรูญก็นอนคุกสิ่ครับ ถามจริงเถอะถ้าลุงจรูญ แกไม่ศรัทธาตำรวยพื้นที่แล้วแกอยากให้คนอื่นไปทำสำนวนแทนแกมีสิทธ์โวยไหม

เอาจริงๆนะ ลุงจรูญ ถือไผ่ด้อยกว่าตั้งแต่แรก ลุงแกไม่มีอะไรเลยมีแต่กระต่ายขาเดียวบอกว่าซื้อมาและถืออยู่

ถ้าครูปรีชาไปฟ้องแพ่งแต่แรก เสร็จแล้วเพราะหลักฐานไม่มีเลยจำอะไรไม่ได้ซักอย่าง อย่างที่ อ.ปรเมศเคยบอก และเรื่องคงจบไปและ

ดันทะลึ่งไปแจ้งอาญา โง่ไปไม่ว่าจะด้วยเพราะอุปาทานหมู่รึมีแผนก็ตาม

ถามว่าโซเชียลมีส่วนไหม ผมบอกเลยว่ามี คงจะเคยได้ยินบ่อยๆเพราะคดีเป็นที่สนใจของประชาชน อันนี้แหละทำให้หลายๆส่วนจำเป็นต้องเขามาดูอย่างละเอียดมากขึ้น

แต่ โซเชียลของเราทุกวันนี้มักชอบเล่นบทฮีโร่ปลอมๆกันเยอะไปหน่อยตัวเองไม่ได้มีความเข้าใจที่ดีพอแต่ตัดสินตามๆกัน อันนี้แหละจะยิ่งสร้างผลเสียต่อคดีต่างๆทำให้วุ่นวายยิ่งกว่าเดิม แต่คนจะคิดว่าฉันทำถูกแล้ว สติไม่มี

ส่วนตัวผมคิดว่า พลังโซเชียลที่เกิดกับคดีต่างๆที่ความจริงยังปรากฏแค่ครึ่งเดียว ทำให้เรื่องยุ่งยากมีผลเสีย มากกว่ามีผลดีเพราะด้วยพลังความไม่รู้จริงนี่แหละพาคนทำงานลำบากไปหมด

ดิทเพิ่ม
แต่แย้งนิดตรงที่ถ้าโซเชียลไม่โวยลุงคุกแล้ว จริงๆเรื่องนี้โซเชียลเป็นขาเผือกมากกว่าขาช่วยนะ ที่ลุงไม่โดนภาค7เล่นไป เพราะทนายแกรู้ว่าต้องไปร้องกองปราบล้วนๆ และทนายคนนี้จัดการให้เตรียมแผนให้ตั้งแต่ก่อนออกข่าวและ