Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
สัม��าษณ์เรื่องปัญหาในการพัฒนา Final Fantasy Versus XIII ก่อนจะกลายมาเป็น Final Fantasy XV

Reply
Vote
# Wed 14 Feb 2018 : 2:50PM

npanda
member
ชอบนม #2
Since 4/5/2007
(4790 post)
คือเบสิกของธุรกิจเลยนะ บริษัทก็คือกลุ่มคนที่เป็นองค์กรมาแสวงหากำไรน่ะถูกต้องแล้ว แต่ การทำให้กิจการมันมีกำไรสิ่งที่ต้องทำมันก็คือทำให้ผลิตภัณฑ์รึบริการของตนนั่นทำให้ลูกค้าได้ความพึงพอใจมากที่สุด เพื่อที่จะทำให้ลูกค้าอุดหนุนในสินค้าและบริการต่อไป และมีลูกค้าใหม่ ๆ มาอุดหนุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ซึ่งนั่นหมายความว่า มันไม่ใช่หน้าที่ของผู้บริโภคที่จะต้องมานั่งทำความเข้าใจบริษัทนั่น ๆ เกิดปัญหาอะไร ? ไม่สามารถปริปากบ่นได้เพื่อผลิตภัณฑ์รึบริการของนั่นไม่ประทับใจหรือสร้างความพึงพอใจให้ไม่ได้ คนเค้าเสียเงินเพื่อใช้บริการหรือได้รับสินค้าที่สามารถสร้างความพึงพอใจได้ ซึ่งไอ้การที่จะบอกว่าต้องพยายามเข้าใจและยอมรับสินค้าและบริการถึงได้รับความพึงพอใจมันดูไม่เมคเซ็นส์อย่างรุนแรงยังไงก็ไม่รู้ ใน TOA ของหลาย ๆ บริษัทเค้ายังเขียนบอกเลยว่าถ้าสินค้าหรือบริการตัวเองไม่สามารถสร้างความพึงพอใจได้ สิ่งที่ผู้บริโภคกระทำได้คือการยกเลิกใช้บริการเสียก็ได้

บางทีก็รู้สึกงงที่ทำไมบางคนทำเหมือนไม่มี FF แล้วจะไม่มีเกมเล่นบนโลกใบนี้เลยแฮะ ธุจกิจมันคือการแข่งขันไม่ใช่การกุศล สินค้าและการบริการใด ๆ จะคงอยู่ได้นั่นอยู่ที่คุณภาพของมันสามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคมันรึเปล่า ไม่ใช่อยุ่ที่ว่าผู้บริโภคต้องปรับตัวให้เข้ากับปัญหาและมาตราฐานที่เปลี่ยนไปของมันได้รึเปล่า ธุรกิจหลาย ๆ อย่างบนโลกใบนี้ต้องปรับเปลี่ยนและล้มหายตายจากก็เพราะผู้บริโภคมันเปลี่ยนไป

ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้มันก็มีเกิดและดับสูญไป เกมก็เช่นกัน หลายไตเติ้ลที่เราคุ้นเคยกับมัน เคยสัมผัสมันก็ล้วนแต่มีล้มหายตายจากด้วยสาเหตุต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งผมมองว่า FF เองก็ไม่น่าจะมีข้อยกเว้น ถ้าวันใดวันนึงตัว FF เองไม่สามารถที่จะรักษาระดับความพึงพอใจ รึเพิ่มมันได้ มันก็ควรจะต้องสาปสูญไปตามกฏเช่นกัน ซึ่งตอนนี้มันไม่ได้ใกล้เคียงจุดนั่นหรอกนั่นคือเรื่องที่ยังสบายใจได้

ในฐานะเกมเมอร์คนนึง ผมคิดว่าถ้าต้องยอมรับ ยอมเปลี่ยนใจตัวเองไปซื้อในสิ่งที่เค้าอยากขายแทนสิ่งที่เราอยากซื้อ ผมยอมที่จะบอกลาดีกว่า ต่อให้มันจะไม่มีให้เล่นอีกแล้วก็ตามเหอะ

อย่างไอ้เรื่องวางมวยกันเนีย ถ้ามันทำให้ 7RE เจ๋ง รึ Type-1 ยอดเยี่ยม ในมุมมองผมก็คงเป็น Let's them fight เพราะ process นี้มันไม่ใช่เรื่องของเรา


View all 4 comments >
Wed 14 Feb 2018 : 3:01PM

Red-J
member

Since 2015-01-14 12:37:08
(149 post)
ความเป็น ไฟนอล ของ ผมคือ ยอดขาย!! (ตอบแทน CEOเลย) ตราบใดที่ยังขายได้ Priority อันดับ 1 คือได้กำไร อันที่จริงตัวเกมส์มันอาจจะไม่ตอบโจทย์ความต้องการของ เกมเมอร์รุ่นหลังๆแล้ว เพราะยังยึดติดกับสิ่งเดิมๆ เช่น ความเป็น FF ต้องเป็นแบบนี้สิ อะไรประมาณนั้น

แต่ก็อย่าลืมว่า มันอาจจะถูกใจเกมเมอร์รุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อมากกว่าเกมเมอร์รุ่นเก่า

เจ้าของโปรเจค ทำเกมส์คะแนนดีก็จริง ถล่มทลาย แต่ขายได้ไม่ถึงเป้า เป็นอันจบ!! ครับ ไม่มีภาคต่อไป

ที่คุณพูดมาก็ถูกส่วนนึงนะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือยอดขายและผลประกอบการ ความพึงพอใจคุณจะวัดจากอะไรถ้าไม่ใช่ยอดขาย อย่าลืมครับว่า เกมส์เค้าต้องออกมาขายทุก Segment ไม่ใช่แค่ เกมเมอร์แนวคุณอย่างเดียวนะครับ (คหสต.)

Wed 14 Feb 2018 : 3:11PM

Yoyo-kunG
member
ส่องหาแต่นม #6
Since 26/5/2007
(6935 post)
Red-J;2353703 wrote:
ความเป็น ไฟนอล ของ ผมคือ ยอดขาย!! (ตอบแทน CEOเลย) ตราบใดที่ยังขายได้ Priority อันดับ 1 คือได้กำไร อันที่จริงตัวเกมส์มันอาจจะไม่ตอบโจทย์ความต้องการของ เกมเมอร์รุ่นหลังๆแล้ว เพราะยังยึดติดกับสิ่งเดิมๆ เช่น ความเป็น FF ต้องเป็นแบบนี้สิ อะไรประมาณนั้น

แต่ก็อย่าลืมว่า มันอาจจะถูกใจเกมเมอร์รุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อมากกว่าเกมเมอร์รุ่นเก่า

เจ้าของโปรเจค ทำเกมส์คะแนนดีก็จริง ถล่มทลาย แต่ขายได้ไม่ถึงเป้า เป็นอันจบ!! ครับ ไม่มีภาคต่อไป

ที่คุณพูดมาก็ถูกส่วนนึงนะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือยอดขายและผลประกอบการ ความพึงพอใจคุณจะวัดจากอะไรถ้าไม่ใช่ยอดขาย อย่าลืมครับว่า เกมส์เค้าต้องออกมาขายทุก Segment ไม่ใช่แค่ เกมเมอร์แนวคุณอย่างเดียวนะครับ (คหสต.)


คิดแบบนั้นไม่ยั่งยืนหรอกครับ แฟนFFลดทุกภาค ทั่วโลกอาจยังไม่ชัดแต่ในประเทศญี่ปุ่นนี้หายไปเยอะจนเห็นได้ชัดเลย ที่ยังเหลืออยู่และเลิกตามFFไปแล้วเค้าก็ยังชอบและอุดหนุนFFภาคเก่าๆอยู่

การทำเกมภาคต่อแล้ว ถีบส่ง ลูกค้าเก่า น่ะกรุณาไปทำเกมไตเติ้ลใหม่เถอะครับ

และแผนเกมอะไรก็ได้ใส่ชื่อFFเข้าไปก็ขายได้ ทำมาแล้วพับไปแล้ว ลูกค้าไม่ง่ายขนาดนั้น นี้เพิ่งมาโดน FFภาคหลักที่มีตัวเลขห้อยท้าย เล่นงานมา2ภาคติด ใครจะไปโดนเล่นงานซ้ำซากรอบที่3ครับ

เค้าถึงพูดว่า7Rคือฟางเส้นสุดท้าย ภาคที่ขายดีมีคนชอบมากที่สุด ถ้ายังกู้ชื่อเสียงและแฟนๆที่เลิกตามกลับมาไม่ได้ก็จบกันแค่ตรงนี้ FFเป็นเกมที่ทำแล้วต้องใหญ่ต้องอลัง=ทุนสร้างต้องมากขึ้นๆ แล้วพอมันสวนทางกับลูกค้าที่ลดลงเรื่อยๆ มันก็ต้องพับไป มีหลายเกมที่เปิดตัวใหญ่โตแล้วไปต่อไม่ได้เพราะลูกค้าจำนวนไม่มากพอ

Wed 14 Feb 2018 : 3:11PM

npanda
member
ชอบนม #2
Since 4/5/2007
(4790 post)
การเปลี่ยนเนี่ยมันได้ segment เพิ่มจริงไหมจริง ภาคใหม่ก็ขายได้เยอะจริงไหม จริง แต่...นั่นมันก็ยังหมายความว่าคนที่ซื้อเค้าพอใจจะซื้อถูกไหม พอใจใช่ไหมล่ะ ไม่ใช่ซื้อเพราะโดนประธานเหลี่ยมเป่าหูให้ซื้อ ผมพูดอะไรผิดเหรอ ? ก็พอใจเค้าก็ซื้อ ผมไม่พอใจคนเดียวก็ไม่ซื้อมันก็ถูกแล้วนิ ถ้าจับประเด็นถูกก็จะเข้าใจสิ่งที่ผมพิมพ์นะ ประเด็นมันสั้น ๆ ง่าย ๆ นิดเดียวแค่พิมพ์เยอะแค่นั่น

Fri 16 Feb 2018 : 11:42AM

No.No.No
member

Since 2016-06-18 07:33:29
(736 post)
Yoyo-kunG

ถ้าพูดว่า Final ยอดลดลงทุกภาค Mario ก็ยอดลงเหมือนกันกันครับ

Super Mario Bros. (1985) - 40.24 million
Super Mario World (1990) - 20.61 million
Super Mario 64 (1996) - 11.91 million
Super Mario Sunshine (2002) - 6.31 million
Super Mario Galaxy (2007) - 12.72 million
Super Mario Odyssey (2017) - 9.07 million

คือไม่มีทางกับไปถึง 20 ล้านได้อีกแล้วละครับ เอายอด 10 ล้านก็เหนื่อยแล้ว


[Edited 1 times No.No.No - Last Edit 2018-02-16 11:42:37]


Reply
Vote




1 online users
Logged In :