185.นักแปรธาตุจากหมู่บ้านเมเฮน เป็นคนที่ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองเท่าไหร่นัก มักจะทำการแปรธาตุผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง ดิออนจึงอยากเริ่มต้นเรียนรู้การแปรธาตุใหม่ จึงขอให้ฟิริสช่วยแนะนำนักแปรธาตุมาช่วยสอนเขาตั้งแต่พื้นฐานใหม่หมด ฟิริสจึงไปขอให้พรัฟต้าช่วยดิออน แต่หลังการฝึกสอนแล้ว พรัฟต้าให้ความเห็นว่าดิออนเป็นคนที่มีความสามารถมาก ขอแค่ให้มีความเชื่อมั่นในตัวเองก็พอ หลังจากนั้นดิออนก็เปลี่ยนไปเป็นเหมือนคนละคน มีความกล้าแสดงออกมากขึ้น การแปรธาตุต่างๆจึงไม่ล้มเหลวเหมือนแต่ก่อนแล้ว

186.นักแปรธาตุอาวุโส ที่ร่างกายเริ่มเสื่อมถอยตามกับอายุที่เพิ่มขึ้น อาการปวดสะโพกของเธอก็ยังคงมีอยู่ กอเอี๊ยะที่ฟิริสทำให้ก็ได้แค่ช่วยบรรเทาอาการ จนออเรรี่คิดจะเกษียนตัวเอง แต่ฟิริสได้สร้างไม้เท้าขึ้นมาให้ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับออเรรี่ และไม้เท้าก็ยังเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของนักแปรธาตุ ในที่สุดออเรรี่ก็กลับมาทำงานเป็นนักแปรธาตุต่อไป

นอกจากนี้ยังมี Event ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ออเรรี่เป็นเพื่อนสมัยเด็กกับ "ลามิเซล" คุณยายของโซฟี่ ทั้งสองไปสอบเป็นนักแปรธาตุอย่างเป็นทางการมาทั้งคู่

187.นักแปรธาตุประจำเมืองฟูลสไฮม์ เป็นคนที่เข้มงวดกวดขันมาก จนไม่รู้ว่าเรื่องไหนพูดจริงพูดเล่น จากเหตุการณ์เนื้อเรื่องหลัก พายุหมุนที่น่านน้ำฟูลส์ไฮม์ก็ยังคงอยู่ เรนได้นำตำราแปรธาตุของอิลเมเรียมาแก้ไขใหม่ จนสามารถสร้างอุปกรณ์ทำให้พายุหมุนนี้ดับลง

เรนได้สืบหาข้อมูลจนพบว่า สาเหตุที่เกิดพายุหมุนนั้น เป็นเพราะว่าใต้น้ำแห่งนี้มีสิ่งก่อสร้างบางสิ่งอยู่ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการสำรวจ โดยเธอสั่งห้ามฟิริสเข้าไปที่นั่น



188.แต่ฟิริสก็ไม่สนใจ เพราะอยากจะช่วยงานเรน แถมเรียเน่ก็ไมได้ห้ามด้วย ฟิริสจึงทำการแปรธาตุ สร้าง "แอร์ดรอป" อุปกรณ์ที่จะทำให้ใช้ชีวิตอยู่ในน้ำได้ ฟิริสก็ลงไปสำรวจใต้ทะเลสาบจนพบกับสิ่งก่อสร้างแห่งหนึ่ง



189.ที่ด้านใน ฟิริสจะพบกับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง



190.เมื่อฟิริสกำจัดสัตว์ประหลาดเสร็จ จึงไปรายงานเรื่องนี้ให้เรนทราบ แต่เรนได้พูดขึ้นมาก่อนว่า จากการสำรวจทำให้ทราบว่าที่ใต้ทะเลสาบ มีโบราณสถานแห่งหนึ่งอยู่ ซึ่งผู้คนในอดีตได้นำสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง ที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดพายุหมุนไปขังและทำการปิดผนึกไว้ การที่พายุหมุนเกิดขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเพราะว่าผนึกได้คลายตัวลง ที่เหลือก็แค่การกำจัดสัตว์ประหลาดตัวนี้



191.ฟิริสจึงสารภาพไปว่าเธอกำจัดมันไปแล้วละ เรนก็แสดงความขอบคุณกับฟิริสที่ช่วยกำจัดภัยพิบัติของเมืองฟูลสไฮม์ แต่นั่นก็เป็นเรื่องนึง ถึงเวลาที่เธอจะทำโทษ สั่งสอนฟิริสกับเรียเน่ที่ฝ่าฝืนคำพูดของเธอ ไปเสี่ยงอันตรายกันเองแบบนี้



192. วันต่อมาพวกฟิริสหวาดกลัวเรนเป็นอย่างมาก โดยเรนได้มอบตำราของเธอให้กับฟิริส เป็นตำราที่เธอได้มาจากอาจารย์ของเธอ ตอนที่เรนเป็นนักแปรธาตุอย่างเต็มตัว เท่ากับว่าเรนให้การยอมรับในตัวของฟิริส

193.นักแปรธาตุรุ่นเยาว์จากหมู่บ้านฟรอคเค คิลเชเป็นเด็กอัจฉริยะตั้งแต่เด็กๆ โดยเธอได้เรียนรู้การแปรธาตุด้วยตัวเองจากหนังสือ โดยใช้หม้อทำนาเบะ มาใช้ในการแปรธาตุ จนเธอเป็นที่ยอมรับของผู้คนทั่วไป เพียงแต่ว่าเธอมีปัญหาอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ เธอไม่มีเพื่อนเลย เนื่องจากเธอทำงานตั้งแต่เด็กๆ ไม่มีเวลาไปเที่ยวเล่นกับคนอื่น จนท้ายที่สุดคิลเชได้รับการสอนทำขนม การพูดคุยกับเพื่อนจากเรียเน่ ทำให้คิลเชมีเพื่อนนอกจากพวกฟิริสได้สำเร็จ

194. นักดนตรีพเนจร ที่ออกเดินทางไปทุกที่เพื่อร้องเพลงให้กับผู้คนฟัง การร้องเพลงเป็นสิ่งสำคัญของหลุยส์ โดยเธอเลือกที่จะแต่งตัวแบบผู้ชาย เพื่อสร้างความประทับใจคัร้งแรกเมื่อได้พบเห็น แต่เนื่องจากเป็นนักดนตรีอย่างเดียวเลยไม่พอกิน เธอจึงต้องทำอาชีพเป็นแม่ค้าควบคู่ไปด้วย

หลุยส์ได้รับความช่วยเหลือจากฟิริสมามากมาย จึงแต่งเพลงเพื่อแสดงความขอบคุณให้กับฟิริสจนกระทั่งเธอเป็นหวัด ไม่สามารถร้องเพลงได้ เธอจึงให้เนื้อเพลงกับฟิริส เพื่อให้นักดนตรีคนอื่นเล่นเพลงของเธอให้ฟัง แต่ฟิริสก็ได้ทำยา รักษาอาการที่คอของหลุยส์จนหาย

หลุยส์จึงจัด Concert เพื่อร้องเพลงของเธอให้กับฟิริสที่เมืองไลเซนเบิร์ก ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ ทำให้โซฟี่ที่อยู่ข้างนอก ถึงกับตามเสียงนี้มา และยังทำให้ฟิริสนึกถึงโมนิก้า เพื่อนสมัยเด็กของเธอ

195.พี่สาว ผู้คุมกิจการบ่อน้ำร้อนที่หมู่บ้านฟรอคเค เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ในอดีตเธอเคยเป็นนักร้องดังคนหนึ่ง หลุยส์เคยชักชวนที่กลับเข้าวงการอีกครั้ง แต่เธอก็ไม่ยอม เพราะ เธอพอใจกับงานตอนนี้อยู่แล้ว

บ่อน้ำร้อนของเฮนริกกะจะมีทั้งแบบเดี่ยว ฟิริสเข้าคู่กับเรียเน่ และเข้าแบบกลุ่ม ตัวละครหญิงทุกคน

196.หลังจากการสอบการแปรธาตุอย่างเป็นทางการ เธอได้ตำแหน่งใหม่เป็นผู้ดูแลที่สาขาไวสลาค อันเนรีสเป็นคนป้ำๆเป๋อๆ ลึกๆอยากจะออกเดินทาง แต่ด้วยหน้าที่การงานของเธอ ทำให้เธอออกเดินทางไม่ได้ จึงขอให้ฟิริสคอยเล่าเรื่องการเดินทางของเธอ เพื่อที่จะได้เก็บบันทึกไว้

197. เธอเคยเป็นซิสเตอร์อยู่ที่คิลเฮนเบล บ้านเกิดของโซฟี่ แต่จากเหตุการณ์ของภาคโซฟี่ ส่วน DLC ทำให้เธอต้องเดินทางไปที่โบสถ์ในเมืองอาดาเล็ท เพื่อสอบเป็นซิสเตอร์ แต่ระหว่างทาง เธอเริ่มไม่มีเงินเหลือเพื่อกลับคิลเฮนเบล จึงต้องมาเริ่มทำการค้าขายเพื่อเก็บเงิน

ผู้คนที่เข้ามาหาพาเมล่าส่วนมาก จะเข้าใจว่าเธอเป็นซิสเตอร์ จึงเข้ามาสารภาพบาปกัน ผู้คนเลยไม่รู้ว่าเธอกำลังขายของอยู่

Event นึง โซฟี่ได้บอกกับฟิริสว่าพาเมล่าเป็นผี แต่ฟิริสไม่เชื่อ แล้วยังท้าทายพาเมล่า จนวันหนึ่งฟิริสถูกพาเมล่าอำจนกลัว แล้วมาขอโทษพาเมล่า

อีก Event นึงที่ต่อเนื่องคือ พาเมล่าเปิดร้านขายของอยู่ โดยไปปรึกษาคู่แข่งอย่างนันนา แต่เนื่องจากเป็นความลับทางธุรกิจ สุดท้ายนันนาก็หลุดปากให้คำแนะนำกับพาเมล่าไป เพื่อที่พาเมล่าจะได้กลับคิลเฮนเบล

ถ้าสงสัยว่าในเมื่อพาเมล่าเป็นผี ทำไมถึงไม่ลอยกลับคิลเฮนเบลเอง สาเหตุง่ายๆ คือ ขี้เกียจครับ

198. ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสมัยเด็กมานาน โดยเอเดลเป็นเทศมนตรีสืบทอดมาจากพ่อของเธอ อีกทั้งยังเป็นผู้อำนวยการสมาคมนักแปรธาตุคนปัจจุบัน เอเดลให้ความสำคัญกับเมืองนี้มาก ไม่ใช่แค่ว่าเธอเป็นเทศมนตรี แต่เธอรักเมืองของเธอ พยายามพัฒนาสิ่งต่างๆให้กับเมืองไลเซนเบิร์ก เอเดลไม่ชอบฟูลสไฮม์เนื่องจากเธอมองว่าเป็นเมืองคู่แข่ง จนกระทั่งเธอได้ไปเยี่ยมชม

เอเดลเคยออกนโยบายว่าจะเปลี่ยนผนังของเมืองให้เป็นขนม สร้างความโกลาหลให้กับผู้คนในเมือง จนสุดท้ายฟิริสต้องไปช่วยเจรจาให้ระงับโครงการนี้ เวลาที่เอเดลไม่สบายใจก็จะไปพูดคุยระบายให้นันนาฟังอยู่เป็นประจำ อีกทั้งยังคอยเตือนพวกฟิริสให้ระวังนันนาให้ดี ระวังจะถูกหลอกขายของแพงๆให้

หลังจากนโยบายกำแพงขนมที่เอเดลเคยตั้งและการไปเยี่ยมชมเมืองฟูลสไฮม์ ทำให้เอเดลเปิดใจยอมพึ่งพาประชาชน เพราะเมืองไลเซนเบิร์ก เป็นเมืองของทุกคน

199. เด็กผู้หญิงที่เป็นนักผจญภัย แต่มีนิสัยขี้กลัว โดยเธออยากจะเป็นเพื่อนกับฟิริส จึงชวนฟิริสไปเที่ยวในที่ต่างๆ ในตอนหลังเทียน่าได้แนะนำให้ฟิริสไป "สวรรค์ต้นไม้ ไอน์โฮรุน" ซึ่งที่นั่นมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังหาเพื่อนเล่นกับเธออยู่

200.เอสก้ามีความสนใจจะเป็นพนักงานร้านของโลจีจึงเข้ามาช่วยเหลืองานของโลจีอยู่เป็นประจำ จนวันหนึ่งฟิริสพบกับเอสก้าที่หน้าร้าน เนื่องจากโลจีหายตัวไปเป็นเวลานาน ทันใดนั้นโลจีก็กลับมาที่ร้าน เพราะเขาไปหาวัตถุดิบเอง เพราะเมื่อก่อนเขาก็เป็นนักเดินทาง ก็ไปไหนมาไหน ซักวันก็คงจะไปจากเมืองนี้ เพราะสายเลือดของนักเดินทาง อยู่ไม่สุกซักที่

คำพูดของโลจีทำให้เอสก้าไม่สบายใจ เพราะไม่รู้ว่าโลจีจะออกเดินทางเมื่อไหร่ เธออยากจะอยู่คอยช่วยเหลือโลจีตลอดไป จนในที่สุดเอสก้าก็ทำใจได้และคิดจะมอบของขวัญให้กับโลจี เป็นของขวัญที่โลจีเห็นแล้วจะนึกถึงเอสก้า

เอสก้าจึงขอให้ฟิริสช่วยสอนเธอสร้างค้อนขึ้นมาจากการแปรธาตุ เพราะโลจีเป็นช่างตีเหล็ก ต้องทำงานกับค้อนตลอดเวลา ในที่สุดเอสก้าก็ทำค้อนได้สำเร็จแล้วนำไปมอบให้โลจี โดยเอสก้าขอให้โลจีสัญญากับเธอว่า ถ้าเอสก้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ช่วยพาเอสก้าออกเดินทางไปกับโลจีด้วย ซึ่งโลจีก็ได้ให้คำสัญญากับเอสก้าไว้

201.กะลาสีของเมืองฟูลสไฮม์ หลังจากเหตุการณ์ของเรน ไคคิดจะตอบแทนฟิริส โดยการสร้างรูปปั้นฟิริสขึ้น แต่ฟิริสไม่ยอม เขาจึงจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับผู้กอบกู้ฟูลสไฮม์ ก็คือฟิริสนั่นเอง



202. ในงานก็จะประกอบไปด้วยร้านค้าต่างๆ โดยที่ไฮไลท์ของงานก็คือนางรำของเมือง แต่เนื่องจากงานจัดกระทันหัน จึงมีแค่แม เอสก้า และเรนที่ถูกบังคับมา

204. ฉากจบกับโซฟี่และพรัฟต้า โดยฟิริสจะร่วมเดินทางไปกับคุณครูทั้งสอง เพื่อทำให้ผู้คนมีความสุขด้วยการแปรธาตุของพวกเธอ

205.ฉากจบตามเงื่อนไขของเมเคล็ทและอะโทมิน่า ฟิริสที่ฝึกฝนการแปรธาตุอยู่ตลอด โดยเธอได้แปรธาตุยาที่ทำให้มีโชค แต่ก็โดนพวกเมเคล็ทกับอะโทมิน่าแซวว่า ทำทั้งที ไม่ทำให้สิ่งที่ดีกว่านี้อีกละ

206. ฉากจบตามเงื่อนไขของเรียเน่ โดยฟิริสกำลังเลือกเส้นทางว่าไปจะไปทางภูเขาเพื่อชมวิวหรือจะไปทางป่าดี เรียเน่ก็ขอให้ฟิริสเลือกตามที่เธอต้องการ ซึ่งก็คือการเดินทางไปตามเส้นทางขึ้นภูเขา

207.ฉากจบตามเงื่อนไขของอิลเมเรีย โดยทั้งสองได้ทำงานร่วมกัน ทุกๆวันเต็มไปด้วยความวุ่นวาย อย่างเช่น ฟิริสทำการจัดเตรียมของผิด วัตถุดิบหมด เป็นต้น

208. ฉากจบตามเงื่อนไขของโดรเซล โดยฟิริสร่วมทางไปกับโดรเซลและฟริท ออกแสดงละครเรื่อยๆ โดยมีการเปลี่ยนบทบาทของตุ๊กตาใหม่ โดยพรัฟต้าเป็นตัวเอก และฟริทคุงเป็นตัวร้าย

209.ฉากจบตามเงื่อนไขของเรวี่ ฟิริสออกเดินทางกับเขา จนเรวี่ไปพบกับหีบสมบัติแต่แท้ที่จริงแล้วสมบัติโบราณที่พบ มันคือระเบิด

210.ฉากจบตามเงื่อนไขของคัลโดะ มันไม่มีอะไรเลย... แค่พูดคุยวิเคราะห์อายุสิ่งของแค่นั้น

211. ฉากจบตามเงื่อนไขของแองกริฟ เขากลายเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียน โดยเข้ามาแย่งห้องเรียนของฟิริสที่รับหน้าที่อยู่ โดยแกล้งทำของแตกแล้วให้ฟิริสซ่อม โดยแองกริฟจะสอนแทนฟิริสเอง จากวิชานักแปรธาตุ เป็นวิชาการเก็บสะสมเงิน

212. ฉากจบตามเงื่อนไขของออสก้า ฟิริสออกเดินทางกับออสก้า โดยมาพบกับพืชชนิดหนึ่งที่คล้ายกับทอน (พืชชนิดหนึ่งในเกม) แต่ทั้งสองก็เถียงกันถึงสายพันธุ์ แต่ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหนยังไง พืชต้นนี้ก็คือพืชต้นนี้อยู่ดี

213. ฉากจบนี้จะเกิดจากการทำฉากจบก่อนหน้านั้นมาครบทุกแบบ โดยฟิริสไม่สามารถเลือกได้ว่าสิ่งใดคือสิ่งที่เธออยากจะทำกันแน่ เธอเลยเลือกที่จะทำทุกอย่าง โดยตอนแรกโซฟี่จะชวนทุกคนไปยังเขตอาดาเล็ท (เขตที่มีโบสถ์ที่พาเมล่าไปสอบเป็นซิสเตอร์) แต่จู่ๆโซฟี่ก็ไปมองเห็นโบราณสถานที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จึงชวนทุกคนไปที่นั่น