Menu
Home
News
Space
N
Market
Forum
Feed
ทั้งหมด
ทั่วไป
เกม
อนิเม / มังงะ
ซื้อขาย
บทสรุป
แจ้งปัญหา
[--mobilemenu--]
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ขอลิ้งยืนยันใหม่
ลืมรหัส
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
[email protected]
หรือ
[email protected]
ทั้งหมด
>
อนิเม / มังงะ
OT + สปอย Tales of Zestiria the Cross บทนางเอกจะหายหรือไม่
Tweet
Reply
Vote
#
Sun 3 Jul 2016 : 5:55PM
banktoom
staff
เมานมตาลุงหัวหงอก
Since 2012-06-11 13:05:47
(27074 post)
ตั้งแยกเลยละกันจะได้ขรำได้ถนัด SS ที่แล้วนี่ใครบางคนโคตรทอปฟอร์ม
เครดิต ท่าน Gazle
รู้สึกคู่พระนาง มิคุลิโอนี่จะโห่ร้องกันเป็นพิเศษ
TOB นี่ตามไปตบกันแน่นอน
เนื้อเรื่อง Tales of Zestiria โดยท่าน bank-Ultima
วรรคที่ 1
ตำนานนักบุญ
“เทพนิยายที่ยาวนานสมัยอดีต ได้กล่าวถึงโลกที่ถูกความมืดครอบงำ จนกระทั่งมีนักบุญกอบกู้แสงสว่างกลับคืนมา ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทุกๆครั้งที่โลกเกิดความวุ่นวาย ผู้คนต่างอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ จากเรื่องเล่าตำนานที่สืบทอดต่อมา ทุกช่วงเวลาจะมีนักบุญปรากฏตัวเพื่อขจัดความมืด แต่ยามเมื่อสันติสุขคืนมา ตัวตนของนักบุญก็เริ่มหายไป ไม่มีผู้ใดรู้ถึงตัวตนของเขาที่หายไป ซักวันตำนานนี้คงจะหายไปจากความทรงจำของมนุษย์ แต่แล้วความมืดก็เข้าปกคลุมโลกอีกครั้ง ผู้คนต่างอ้อนวอนถึงนักบุญ จนถึงตอนนี้นักบุญก็ยังไม่ปรากฏตัวอีก”
วรรคที่ 2
สเลที่กำลังสำรวจโบราณสถานภูเขามาบิโนกิโอ กับเพื่อนสมัยเด็กของเขามิคุริโอ้ที่เป็นชาวสวรรค์ พวกเขามีงานอดิเรกที่ชื่นชอบเหมือนกันคือการสำรวจโบราณสถาน โดยการสำรวจโบราณสถานครั้งนี้ทำให้เขาได้พบกับจิตรกรรมฝาผนังรูปนักบุญ นักบุญเป็น 1 ในตำนานของหนังสือที่เขาชื่นชอบ หนังสือบันทึกเรื่องราวสวรรค์ ที่เล่าเรื่องราวต่างๆของโลกไว้มากมาย ทันใดนั้นก็เกิดฟ้าผ่าขึ้นราวกับเป็นลางบอกเหตุ พวกเขาจึงรีบหนีออกจากโบราณสถานแห่งนี้แต่กลับพลาดท่าตกลงไปด้านในของโบราณสถาน และได้พบกับหญิงสาวคนนึงที่เป็นมนุษย์ ด้วยความเป็นห่วง เขาจึงรีบไปช่วยเธอ แม้ว่ามิคุริโอ้จะห้ามปรามไว้ว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ก็ตาม ระหว่างทางเขาได้พบกับ สัตว์ประหลาดที่พวกเขาได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่า ถ้าพบมันเข้าให้รีบหนีทันที นั่นก็คือ เฮียวมะ สัตว์ประหลาดที่เกิดขึ้นจากสิ่งแปลกปลอมของสิ่งมีชีวิตการจะกำจัดมันได้ต้องใช้พลังในการชำระล้างเท่านั้น สเลไม่สามารถกำจัดกับเฮียวมะได้ เขาจึงทำได้แค่ไล่มันออกไป จนกระทั่งเขาพบกับอัศวินหญิงสลบอยู่ เมื่อเธอได้สติ เธอไม่สามารถมองเห็นตัวตนของมิคุริโอ้ได้ นั่นเป็นสิ่งยืนยันว่าเธอเป็นมนุษย์ สเลได้อาสาช่วยเธอโดยพาไปที่หมู่บ้านของเขา แม้ว่าเธอจะไม่บอกชื่อแต่บอกเพียงแค่ว่ามาจากเมืองหลวง ซึ่งเมื่อคนกำลังลำบาก จะปล่อยเธอไว้ได้อย่างไร
วรรคที่ 3
ที่พำนักของชาวสวรรค์ อิสึจิ หมู่บ้านของสเล มนุษย์ทั่วไปไม่อาจรับรู้ถึงสถานที่นี้ได้ แว้นแต่ผู้ที่มีญาณสัมผัสอย่างสเล เขาได้ไปบอกกล่าวเรื่องราวของหญิงสาวคนนี้กับปู่ของพวกเขา แต่ก็ได้รับการตำหนิติเตียนมาเนื่องจาก เขาละเมิดกฎห้ามพาคนนอกเข้ามาเด็ดขาด เขาจึงต่อรองกับปู่ของเขา โดยให้เขาช่วยจัดเตรียมสัมภาระ สำหรับเดินทางกลับเมืองให้เธอจนเสร็จ จนกระทั่งถึงวันเดินทาง เธอได้บอกชื่อของเธออารีชะอีกทั้งเธอยังบอกกล่าวถึงสถานการณ์ของโลกในปัจจุบันที่เต็มไปด้วย ภัยพิบัติต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่มีท่าทีหยุด โรคภัยไข้เจ็บที่ยากแก่การรักษา การจะหยุดภัยพิบัติเหล่านี้ เธอเชื่อว่าคือการเดินทางตามรอยตำนานนักบุญในอดีต ซึ่งอีกไม่นานจะมีการจัดงานเทศกาลดาบศักดิ์สิทธิ์ขึ้น เธออยากจะให้สเลเข้าร่วมเพราะเธอเชื่อว่าคนอย่างเขานี่แหละ ที่เป็นเหมือนนักบุญในตำนาน เมื่ออารีชะออกจากหมู่บ้านไปได้ไม่ทันไร หมู่บ้านอิสึจิที่มีเขตแดน ก็สัมผัสถึงเฮียวมะที่แข็งแกร่งได้ เฮียวมะรูปร่างครึ่งมนุษย์ครึ่งจิ้งจอก ได้เข้าทำร้ายชาวสวรรค์ แต่ด้วยความร่วมมือกันของผู้คนในอิสึจิ ทำให้ขับไล่เฮียวมะตนนี้ ออกไปได้ โดยไม่ทราบสาเหตุของการบุกรุกครั้งนี้
วรรคที่ 4
สเลที่นอนครุ่นคิดอยู่ทั้งคืน ทำให้เขารู้ว่าเป้าหมายของเฮียวมะตนนั้น คือ อารีชะ ด้วยความเป็นห่วงเขาจึงตัดสินใจออกจากหมู่บ้านเพื่อตามหาเธอ แต่ที่หน้าหมู่บ้าน เขาได้พบกับมิคุริโอ้ที่คิดเหมือนกันกับเขา มิคุริโอ้จึงร่วมเดินทางไปด้วย ด้วยปู่ของเขาได้ฝากข้อความมาด้วย “จงมีชีวิตอยู่ในหนทางที่ตัวเองเป็นอย่างอิสระ ใช้ชีวิตของเจ้าให้สุดความสามารถของตน” ถ้อยคำของปู่ผู้ที่เป็นดั่งพ่อแม่ ทำให้จิตใจของนักผจญภัยเอ่อล้นท่วมหัวใจ สเลจึงออกเดินทางเผชิญหน้ากับโลกที่เขาไม่รู้จัก
วรรคที่ 5
เมื่อสเลลงมาที่โลกภายนอก เขารู้สึกประหลาดใจที่มีเฮียวมะอยู่ทั่วทุกหนแห่ง เพราะมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นเฮียวมะได้ เหมือนกับชาวสวรรค์ ในที่สุดสเลก็เดินทางมาถึงนครเหนือเทะลสาบเลดี้เลคเมืองหลวงของประเทศไฮแลนด์ที่หน้าทางเข้าเมืองเขาได้พบกับโรเซ่และกลุ่มคาราวานปีกเซคิเร กลุ่มการค้าที่รอเข้าเมือง ได้มาแนะนำตัวให้สเลรู้จัก ทันทีที่เข้าเมืองเขาสัมผัสได้ถึงความสุขของประชาชนที่มีต่องานเทศกาลดาบศักดิ์สิทธิ์ ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ผู้ใดสามารถดึงดาบศักดิ์สิทธิ์ออกจากแท่นได้ ผู้นั้นจะกลายเป็นนักบุญขึ้นมา โดยงานนี้มีอารีชะที่มีเชื้อสายพระวงศ์เป็นผู้จัดขึ้น ก่อนเริ่มพิธีสเลได้พบกับเฮียวมะมนุษย์จิ้งจอกที่เขาตามหาและได้ต่อสู้กัน เฮียวมะตนนี้ไม่ได้รับอิทธิพลจากการคุ้มครองของชาวสวรรค์เหมือนที่อิสึจิ ทำให้สเลต่อสู้กับมันอย่างลำบาก จนกระทั่งเขาได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มนักฆ่าปฤศนา ที่เข้ามาจับกุมลงโทษเฮียวมะจิ้งจอก ลูนาล ที่อยู่สังกัดเดียวกัน ในช้อหาละเดกฎของทางกลุ่ม กลุ่มนักฆ่าได้บอกกับสเลว่า พวกเขาได้รับงานลอบสังการเจ้าหญิงอารีชะ แต่กลับกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ว่าตัวเธอนั้นเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน ถ้าหากเป็นห่วงเธอ ให้รีบไปเข้าร่วมพิธีให้เร็วที่สุด แล้วกลุ่มนักฆ่าปฤศนาก็หายไปดั่งสายลม
วรรคที่ 6
สเลที่สับสนกับคำพูดของกลุ่มนักฆ่าและด้วยความเป็นห่วงอารีชะ ทำให้เขาสามารถเข้าร่วมงานพิธีได้สำเร็จ ภายในโบสถ์เข้าได้พบกับไลล่า หญิงสาวรูปงามชาวสวรรค์กำลังหลับอยู่หน้าแท่นดาบศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่อารีชะกล่าวเปิดงานพิธี ก็เกิดเหตุจลาจลขึ้น ซึ่งเป็นไปตามแผนการของรัฐมนตรีบัลโทโรทำให้เกิดเป็นสิ่งแปลกปลอมขึ้นภายในใจของประชาชนจนให้กำเนิดเฮียวมะออกมา สร้างความเสียหายให้กับโบสถ์โดยเพลิงสีดำจากเฮียวมะไม่สามารถดับลงได้นอกจากการใช้พลังในการชำระล้างของนักบุญในตำนานนั่นเอง สเลได้วิ่งขึ้นไปที่แท่นบูชาดาบศักดิ์สิทธิ์และหวังจะดึงดาบเล่มนี้ ไลล่าได้ห้ามเขาไว้ ผู้ที่ดึงดาบเล่มนี้ออกมาได้ จะต้องทำพันธะสัญญากับเธอกลายเป็นนักบุญที่แบกรับชะตากรรมและต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว สเลหวเราะออกมา เพราะ ความฝันของเขาคือการหาหนทางที่มนุษย์และชาวสวรรค์จะอยู่ร่วมกัน การชำระล้างจิตใจเพื่อช่วยเหลือมนุษย์หรือชาวสวรรค์ที่กลายเป็นเฮียวมะ ก็ถือเป็นการสานฝันของเขา ไลล่าที่มองเห็นจิตใจที่บริสุทธ์ของสเลและท่าทีที่ไม่สับสนต่อชะตากรรมของนักบุญ เธอจึงยินยอมทำสัญญากับเขาและช่วยเขาชำระล้างเฮียวมะจนเหตุการณ์ความวุ่นวายสงบลง
วรรคที่ 7
วันเวลาผ่านไปสามวันสามคืน สเลที่กลายมาเป็นภาชนะให้กับไลล่า พึ่งจะได้สติเนื่องจากการปรับตัวในร่างกายของเขา ไลล่าได้บอกถึงหน้าที่ของนักบุญที่ควรทำ คือการใช้พลังชำระล้างทำให้จ้าวแห่งภัยพิบัติ ตัวจุดชนวนของภัยพิบัติและสิ่งแปลกปลอมในโลกยอมสงบลง แต่ไลล่าก็ไม่ได้บังสเลให้ทำตามที่เธอบอก แต่เธอภาวนาว่าสเลจะสามารถหาคำตอบออกมาได้ด้วยตัวของเขาเองจากการเดินทาง จากหนังสือบันทึกเรื่องราวสวรรค์ได้มีการกล่าวถึงโบราณสถานที่อยู่ในทางระบายน้ำใต้ดินของเมืองเลดี้เลค สเลและเพื่อนจึงลงไปที่ทางระบายน้ำและพบกับเฮียวมะจำนวนมาก มิคุริโอ้ที่ถูกสเลให้รออยู่ด้านหลัง ทำให้เขารู้สึกเสียใจที่ไม่มีพลังในการชำระล้างเฮียวมะได้เหมือนสเลและไลล่า การที่ชาวสวรรค์คนอื่นอย่างมิคุริโอ้จะมีพลังในการชำระล้างนั้น เขาต้องทำพันธะสัญญากับไลล่า เพื่อเป็นเทพผู้ติดตาม ของเทพผู้เป็นนายอย่างไลล่า อาศัยอยู่ในสเลที่เป็นภาชนะเหมือนกับเธอ แต่ด้วยท่าทีที่เป็นห่วงไม่อยากให้เพื่อนของตัวเองต้องมาพัวพัน สเลจึงไม่ยอมให้ทำสัญญาด้วย หลังจากทั้งคู่มีปากเสียงกัน แม้ว่าจะเป็นความหวังดีก็ตาม กลับทำให้เพื่อนของเขาต้องเสียใจและออกจากกลุ่มไปตามลำพัง สเลก็ยังคงเข้าไปข้างในทางระบายน้ำใต้ดินต่อจนพบกับโบราณสถาน แต่ภายในใจของเขานั้นไร้ชีวิตชีวา ด้วยความอ่อนโยนของไลล่าทำให้สเลได้รู้สึกตัวว่า ถึงเขาจะเป็นนักบุญก็ตาม แต่ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องแบกรับภาระต่างๆไว้เพียงคนเดียว เพราะเขายังมีเพื่อนที่คอยให้ความช่วยเหลืออยู่ เมื่อทั้งสองเข้าไปถึงข้างในโบราณสถาน พวกเขาติดอยู่ในวงล้อมของฝูงเฮียวมะจำนวนมาก สเลได้ใช้พลังที่แท้จริงของนักบวชที่แสดงถึงสายสัมพันธ์ของนักบุญกับชาวสวรรค์ เมื่อขานนามที่แท้จริงของชาวสวรรค์คนนั้น คามุย ทำให้เขาหลุดออกมาจากวงล้อมของเฮียวมะได้สำเร็จ ร่างกายที่เป็นหนึ่งเดียวกันของมนุษย์และชาวสวรรค์เป็นเครื่องพิสูจน์ที่แท้จริงของนักบุญนั่นเอง
วรรคที่ 8
จากสถานการณ์ปัจจุบันที่สิ่งแปลกปลอมแพร่กระจายไปทั่วโลก ทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างเมืองที่ลอยกลางน้ำเลดี้เลค ต้องมัวหมอง เป็นเพราะ ไม่มีชาวสวรรค์คอยดูแลและผู้คนที่ไม่นับถือชาวสวรรค์ ในเวลานี้มนุษย์และชาวสวรรค์จำเป็นต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อฟื้นฟูสถานที่รอบๆ จึงมีการจัดเตรียมภาชนะที่บริสุทธ์เพื่อให้ผู้คนสักการะและรองรับการสิงสถิตของชาวสวรรค์ที่จะอุทิศตนเป็นเจ้าที่ดูแลอาณาเขต โดยมีบาทหลวงบรูโน่คอยช่วยดำเนินพิธีให้ แต่ปัญหาหลักคือ ภาชนะน้ำบริสุทธิ์ที่อยู่ภายในโบราณสถานกาลาฮัด ซึ่งบรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยสิ่งแปลกปลอมทำให้ง่ายต่อการปนเปื้อน นอกเสียจากจะได้รับความช่วยเหลือของชาวสวรรค์คุณสมบัติน้ำ อารีชะอยากจะเห็นบ้านเกิดของเธอปราศจากแปลกปลอม จึงขออาสาร่วมเดินทางไปกับสเล ในฐานะผู้ติดตามตราบใดที่ผู้ติดตามอยู่ในบริเวณของนักบุญ ก็จะสามารถต่อสู้กับเฮียวมะได้ ภายหลังการทำสัญญาของสเลและอารีชะ เมื่อพวกเขามุ่งหน้าไปที่โบราณสถานการาฮัด ภายในโบราณสถานนี้สร้างความลำบากให้กับชาวสวรรค์คุณสมบัติไฟอย่างไลล่า ในช่วงเวลาขับคัน มิคุริโอ้ที่ไล่ตามพวกสเลจากข้อความที่บอกทิ้งไว้ตามทางของไลล่าก็เข้ามาช่วยไว้ได้ทันและขอทำสัญญากับไลล่าทันที ความฝันของสเลนั้นไม่ได้เป็นแค่ความฝันของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นความฝันของมิคุริโอ้อีกด้วย มิคุริโอ้ที่ทำสัญญาเป็นเทพผู้ติดตามได้สำเร็จก็ได้สำแดงพลังคามุยออกมาฟันฝ่าวิกฤต และนำน้ำศักดิ์สิทธิ์กลับมาที่เลดี้เพื่อทำพิธีบวงสรวงได้สำเร็จ โดยมีอูโน่ ชาวสวรรค์ที่กลายเป็นเฮียวมะ ได้รับการชำระล้างจากสเล เนื่องจากเหตุการณ์สะพานข้ามแม่น้ำพังจากอูโน่ที่กลายเป็นเฮียวมะ เมื่อเขามาเป็นเจ้าที่ให้กับเมืองเลดี้เลค เขตแดนของเขาก็ครอบคลุมเมืองได้สำเร็จ แต่เขายังสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอมจากพระราชวัง ทันใดนั้นข้ารับใช้ของบัลโทโรก็นำสาส์นเชิญร่วมโต๊ะอาหารกับรัฐมนตรีเป็นการส่วนตัว
วรรคที่ 9
เมื่อมาถึงพระราชวังสเลที่เข้าร่วมโต๊ะอาหารของกลุ่มรัฐมนตรีและคนชั้นสูงโดยไม่มีอารีชะเข้าร่วมด้วย เนื่องจากเธอถูกอัศวินกักตัวเนื่องจากงานส่วนอื่น บัลโทโรไม่เชื่อว่าสเลเป็นนักบุญที่แท้จริง เขาไม่ต้องการให้เชื้อพระวงศ์อย่างอารีชะใช้นักบุญจอมปลอมเพื่อสร้างกระแสความนิยมทางการเมืองถ่วงดุลอำนาจของเขา เขาจึงชวนสเลให้มาอยู่ใต้บัญชาของเขา ไม่จำเป็นต้องตามอารีชะที่โดนสั่งให้ไปเมืองที่มีโรคระบาด แน่นอนว่าสเลย่อมไม่เห็นด้วยกับบัลโทโร ทันใดนั้นอารีชะก็บุกเข้ามาที่ห้องเพื่อพาตัวสเลกลับไป แต่บัลโทโรก็เรียกอัศวินออกมาเพื่อจะกำจัดเขา สเลที่สำแดงพลังที่แท้จริงของนักบุญ ทำให้กลุ่มรัฐมนตรีหวาดกลัว จนกระทั่งกลุ่มนักฆ่ากระดูกสายลมที่ซ่อนตัวอยู่ ออกมาเปิดโปงได้รับการว่าจ้างจากบัลโทโรให้ลอบสังหารอารีชะ แต่เนื่องจากกลุ่มกระดูกสายลมยึดมั่นในเกียรติยศจึงไม่ลงมือสังหารเธอ แต่เป้าหมายพวกเขาตอนนี้คือชีวิตของบัลโทโร แต่สเลและอารีชะได้ห้ามเอาไว้ เมื่อได้ทีเผลอบัลโทโรจึงสั่งอัศวินให้เข้ามาจับกุม พวกสเลหนีรอดออกมาได้จากความช่วยเหลือของกลุ่มกระดูกสายลม
หลังการหลบหนีจากสถานการณ์ที่วุ่นวายในพระราชวัง อารีชะตัดสินใจจะทำตามที่บัลโทโรสั่งไว้ในตอนแรก นั่นคือการไปเมืองต้นไม้ใหญ่มารีน แม้ว่าเมืองนี้กำลังมีโรคระบาดอยู่ แต่เธอก็จะไป เพราะ เป็นหน้าที่ของเธอที่จะทำเพื่อประชาชนของไฮแลนด์ สเลก็จะตามเธอไปด้วย แม้ว่าอารีชะจะไม่ต้องการให้เขามาพัวพันกับเธอมากกว่านี้เส้นทางจากเลดี้เลคไปยังมารีน แผ่นดิน 2 ฝั่งเชื่อมต่อกันด้วยสะพานเพียงหนึ่งเดียว ที่ถูกอูโน่ทำลายลงไป แม้ว่าตอนนี้ผู้คนพยายามที่จะซ่อมสะพานแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเสร็จได้ในเร็ววัน ที่สำคัญยังมีประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองมารีนรอคอยยาที่จะใช้บรรเทาโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยพลังของชาวสวรรค์อย่างมิคุริโอ้ สามารถพาสเลและอารีชะข้ามแม่น้ำไปได้ก็จริง แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการช่วยเหลือประชาชนในการซ่อมแซมสะพาน สเลจึงออกเดินทางตามหาชาวสวรรค์คุณสมบัติดิน ที่อาศัยอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เรโฟลค ตามคำแนะนำของไลล่า ส่วนตัวอารีชะขอรอประสานงานกับผู้คนที่นี่
วรรคที่ 10
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เรโฟลคสถานที่ที่กล่าวกันว่ามีมังกรในตำนาน 1 ตัวอาศัยอยู่ มังกรเกิดขึ้นมาจากชาวสวรรค์ที่กลายเป็นเฮียวมะอย่างสมบูรณ์แบบ ระหว่างทางที่สเลกำลังสู้กับเฮียวมะ เขาได้พบกับซาบีด้าชาวสวรรค์คุณสมบัติลม สเลสัมผัสได้ถึงอันตรายจากตัวซาบีด้า ที่ออกมาฆ่าเฮียวมะที่เขากำลังสู้อยู่ ซึ่งขัดกับการกระทำของเขาที่ใช้พลังชำระล้างเพื่อช่วยเหลือ เป้าหมายของซาบีด้าคือการไปฆ่ามังกร แต่เป้าหมายของเขาก็เปลี่ยนมาเป็นนักบุญสเลแทน เมื่อสู้ไปได้ซักพักซาบีด้าจึงขอถอนตัวไปตามหามังกรต่อ เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนเขายังต้องพบกับกลุ่มนักฆ่าสายลม ที่ออกมาสู้กับเขาอย่างกระทันหันโดยไม่รู้เป้าหมายที่จริง จนกระทั่งสเลก้าวเข้าไปสู่เขตแดนที่เต็มไปด้วยพลังมหาศาลและพบกับเจ้าของเขตแดนนี้ นั่นก็คือมังกรในตำนานนั่นเอง ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวร่างเล็กถือล่ม ปรากฏตัวออกมา เรียกมังกรตนนั้นว่าพี่ชาย เธอได้ช่วยเหลือพวกสเลจากพี่ชายของเธอไอเซนที่กลายเป็นมังกรออกมาจากเขตแดนได้สำเร็จ เธอคือเอโดน่าชาวสวรรค์คุณสมบัติดินที่ไลล่ากำลังตามหาเธออยู่ สเลต้องการพลังของเธอเพื่อช่วยประชาชนซ่อมสะพาน แต่เธอปฏิเสธ เพราะ เธอไม่ชอบมนุษย์ เพราะ มนุษย์เอาตัวเองเป็นที่ตั้งเป็นหลัก เวลาลำบากก็เอาแต่พึ่งชาวสวรรค์และที่สำคัญเธอไม่อยากทิ้งพี่ชายของเธอไว้คนเดียว การจะช่วยพี่ชายของเธอก็ใช้พลังในการชำระล้างไม่ได้อีกด้วย มีแต่ต้องฆ่าเขาเท่านั้น ทำให้สเลนึกถึงวิธีการของซาบีด้าขึ้นมา ถึงแม้เธอจะไม่ทำสัญญาก็ไม่เป็นไร เขาอยากจะให้เธอออกมาจากภูเขาลูกนี้ เอโดน่าไม่สนใจและหนีไปจากเขา สเลจึงไล่ตามเธอ จนกระทั่งเอโดน่าพบหลุมศพของชาวสวรรค์ที่ถูกซาบีด้าฆ่า สเลเป็นคนทำหลุมศพนี้ขึ้นมา เขาเลยชวนเธอหาวิธีช่วยเหลือพี่ชายของเธอ เพราะว่าโลกนี้ยังมีหลายสิ่งที่ยังไม่แน่ชัด ซึ่งอาจจะมีวิธีช่วยพี่ชายของเธอด้วย เอโดน่าจึงยินยอมทำสัญญากับไลล่า
เมื่อสเลได้พลังของเอโดน่ามาแล้วเขาจึงเดินทางกลับไปหาอารีชะ แต่หัวหน้ากลุ่มกระดูกสายลมก็มาขวางเขาและเข้าต่อสู้ เธอเหมือนจะมีญาณสัมผัสแต่ไม่สามารถมองเห็นชาวสวรรค์ได้ และท่าทางเธอจะคิดว่าตัวตนของสเลจะสร้างความสับสนให้กับประชาชน แม้จะยากลำบากแต่สเลก็สามารถเอาชนะเธอได้ ร่างที่หมดสติของเธอได้รับการช่วยเหลือจากเดเซล ชาวสวรรค์คุณสมบัติลม นักพเนจรที่มีข่าวลือว่าเขาไปร่วมเดินทางกับกลุ่มทหารรับจ้างแต่ตอนนี้ทำไมเขาถึงอยู่กับกลุ่มนักฆ่า และกลุ่มนักฆ่าก็ไม่ได้ให้กำเนิดเฮียวมะอีกด้วย นั่นหมายความว่ากลุ่มนักฆ่านี้ล้วนมีจิตใจที่บริสุทธ์เหมือนกับสเล
วรรคที่ 11
สเลกลับมาถึงสะพานที่ชำรุดและพร้อมที่จะช่วยซ่อมแซมขึ้นมา โดยไม่สนใจสายตาของประชาชนคนอื่นโดยรอบ แม้ว่าคนอื่นอาจจะมองเขาเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดก็ตาม ซึ่งการกระทำของคนเหล่านี้ มีโอกาสที่จะทำให้จิตใจของเขาจะแปดเปื้อนได้ ด้วยพลังของเอโดน่าทำให้เขาสามารถสร้างเสาหินขึ้นมาจากน้ำเพื่อเป็นรากฐานเตรียมรอสร้างสะพานข้ามต่อ แต่ด้วยปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ทำให้ประชาชนจำนวนมากหวาดกลัวในตัวเขา จากหลายๆมุมมองที่มีความคิดเห็นต่อตัวเขามันช่างซับซ้อน จนเขาพึงตระหนักถึงโชคชะตาของนักบุญที่ไลล่าเคยบอกเขาไว้
วรรคที่ 12
สเลพาอารีชะข้ามสะพานเดินทางไปยังเมืองมารีน เมืองที่รุ่งเรืองด้านวิทยาศาสตร์ครั้งหนึ่งในอดีต แต่ต้องมาประสบกับปัญหาโรคระบาด สาเหตุย่อมเกิดจากเฮียวมะ แม้ว่ายารักษาที่นำมาจะทำได้เพียงแค่บรรเทาอาการ เพราะฉะนั้นจะต้องจัดการต้นตอของปัญหาทั้งหมด ดราก้อนปัปปี้ เฮียวมะมังกรที่ยังโตไม่เต็มวัย หากกำจัดมันได้ ความเจริญของเมืองก็จะกลับแน่นอน พวกสเลจึงวางแผนจะกำจัดมัน โดยได้รับความช่วยเหลือจากแอทแทค ชาวสวรรค์เผ่านอลมินที่ได้รับการชำระล้างจากสเล เนื่องจากหอศิลป์ที่แอทแทคอาศัยอยู่ เมื่อก่อนมีผู้เข้าชมมากมาย จนกระทั่งเกิดปัญหาสงคราม ทำให้ชิ้นงานจากประเทศคู่สงครามถูกเหยียดหยามจนถึงขั้นเผายังทิ้งไม่พอทรัพย์สินอื่นๆก็นำไปแปลเป็นเงินส่วนตัวอีก
วรรคที่ 13
ในที่สุดสเลก็ชำระล้างดราก้อนปัปปี้ได้สำเร็จทำให้ร่างของชาวสวรรค์ โรฮัน ในอดีตเป็นเจ้าที่ดูแลอาณาเขตเมืองมารีนได้กลับเป็นปกติ เนื่องจากปัญหาสงครามทำให้เขาเกือบจะกลายเป็นมังกร ทำให้เขาขาดคุณสมบัติที่จะดูแลเขตแดนแต่อารีชะได้ขอร้องเขาให้กลับมาเป็นเจ้าที่ตามเดิม แต่โรฮันไม่สามารถกางเขตแดนได้เนื่องจากมีเฮียวมะที่ทรงพลังอยู่ สเลเป็นห่วงความปลอดภัยของเมืองมารีน จึงไปว่าจ้างลูคัส หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างที่นำกลุ่มมาเติมเสบียงที่เมืองนี้ ให้ช่วยดูแลเมืองแทนเขา ซึ่งตอนแรกลูคัสได้ปฏิเสธที่จะดูแลหมู่บ้านจนกระทั่งเขาได้มาคุยกับสเล จึงรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจในตัวสเล เขาเลยยินยอมรับงานนี้ พวกสเลเลยออกเดินทางไปที่โบราณสถานบอลส์เพื่อไปกำจัดเอวิลแพลนท์ แต่ระหว่างการต่อสู้ตาขวาของสเลไม่สามารถมองเห็นได้เนื่องจากปฏิกิริยาย้อนกลับของผู้ติดตาม ทำให้มิคุริโอ้และอารีชะเสียท่าโดนเอวิลแพลนท์เข้าทำร้าย โดยอารีชะได้รับบาดเจ็บสาหัส สเลจึงใช้คามุยกับไลล่า จัดการเอวิลแพลนท์ได้สำเร็จ โชคดีที่เวทฟื้นฟูของไลล่าทำให้อารีชะได้สติขึ้นมา เนื่องจากอารีชะเป็นผู้ติดตามที่ไม่มีญาณสัมผัสทำให้ส่งผลกระทบต่อร่างกายของสเล
วรรคที่ 14
เมื่อกลับมาถึงเมืองมารีน เขตแดนของโรฮันได้ปกคลุมอาณาเขตโดยรอบแล้ว ลูคัสจึงเตรียมตัวออกเดินทางต่อ ส่วนพวกสเลจึงไปพักผ่อนที่โรงแรมและได้พบกับหัวหน้ากลุ่มนักฆ่ากระดูกสายลม โดยมีเดเซลอยู่ข้างๆ เดเซลไม่เข้าใจเหตุผลที่สเลเสียสละตัวเอง ไม่ได้รับการยกย่อง เพื่อช่วยเหลือเมืองนี้ เหตุผลของเค้าก็แค่มันเป็นสิ่งที่เขาทำได้และเขายังมีสถานที่ที่อยากรู้จักอีกมาก เมื่อเธอฟังคำตอบของสเลจึงยอมจากไปด้วยดี สเลเตรียมออกเดินทางไปยังอาณาจักรโลลันส์ จึงไปล่ำลาโรฮันกับแอทแทค แต่อารีชะกลับขอถอนตัวออกจากกลุ่มเนื่องจากเธอรู้เรื่องปฏิกิริยาย้อนกลับของผู้ติดตาม ถึงแม้ว่าเธอจะอ้างถึงเหตุผลต่างๆมากมาย ก่อนจากลากันเธอขอให้สเลทำให้ประเทศไฮแลนด์เป็นประเทศที่ปราศจากสิ่งแปลกปลอม สเลก็ตอบรับคำขอของเธอเนื่องจากมันก็เป็นส่วนหนึ่งของการไล่ตามความฝันของเขา หลังแยกทางกับอารีชะไม่ทันไร ก็มีอัศวินออกมาแจ้งข่าวจากชายแดน ตอนนี้สงครามระหว่างไฮแลนด์กับโลลันส์ได้เริ่มขึ้นแล้ว กลุ่มของลูคัสก็เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ สเลก็จะไปสนามรบด้วยเช่นกัน แต่ไลล่าได้ห้ามเขาไว้ ถึงแม้ว่าพลังของนักบุญจะทำให้ช่วยคนของไฮแลนด์ได้มากมายแต่ในทางกลับกันก็ไม่สามารถช่วยเหลือคนของฝั่งโลลันส์ เพราะพลังของนักบุญจะส่งผลกระทบต่อโลกนี้ เขาจึงไปขอความร่วมมือกับลูคัส ให้ช่วยพาผู้คนในเมืองอพยพไปด้วยกัน ทันใดนั้นหัวหน้ากลุ่มอัศวิน ลันดอน มาแจ้งข่าวกับสเลว่า ตอนนี้ทางการเบื้องบนได้จับกุมอารีชะ เนื่องจากใช้นักบุญเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง จึงมีคำสั่งให้สเลชนะสงครามเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับชีวิตของอารีชะ ลูคัสจึงขอร่วมทางไปด้วย
วรรคที่ 15
ที่ราบภูเขาเกรบกันสงครามได้เปิดฉาก คร่าชีวิตผู้คนทั้งสองฝ่ายจำนวนมาก กลุ่มของลูคัสที่ล่วงหน้าไปเจอข้าศึกบุกอย่างกระทันหัน จึงมีคำสั่งให้ทอดทิ้งกลุ่มของลูคัสไว้ สเลไม่อาจยอมรับได้จึงรีบเข้าไปช่วยลูคัส การปรากฏตัวของนักบุญสร้างความโกลาหลให้กับโลลันส์อย่างมาก โลลันส์จึงยอมถอยทัพออกไป แต่ลันดอนได้ออกคำสั่งให้ตามฆ่าอย่าให้หนีรอดไปได้ซักคน จนกระทั่งพวกสเลหลุดเข้าไปในเขตแดนของจ้าวแห่งภัยพิบัติที่ปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้อัศวินของทั้งสองฝ่ายสูญเสียสติกลายเป็นเฮียวมะจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ลันดอน จนกระทั่งสเลเผชิญหน้ากับชายใบหน้าสิงโตเฮลดาฟจ้าวแห่งภัยพิบัติในยุคปัจจุบันพลังของคามุยไม่สามารถต่อกรเฮลดาฟได้เลยแม้แต่น้อยนิด หนำซ้ำเขายังสูญเสียญาณสัมผัสไม่สามารถมองเห็นชาวสวรรค์ได้อีก เหล่าอัศวินของทั้ง 2 ฝั่งที่ได้รับผลกระทบจากเขตแดนของเฮลดาฟ ได้เข้าทำร้ายเขาจนเสียท่า จนกระทั่งหัวหน้ากลุ่มนักฆ่ามาช่วยเขาหลบหนีออกไปได้ทันเวลา
ริมแม่น้ำของป่าวอกลันสเลรู้สึกตัวขึ้นมาโดยพบร่างของโรเซ่ สาวผมสีแดงในชุดนักฆ่าที่ปราศจากหน้ากากนอนสลบอยู่ เขาจึงแบกเธอขึ้นหลัง พาเธอหนีออกไปจากที่นี่ก่อนที่คนอื่นจะมาพบ จนกระทั่งโรเซ่ฟื้นขึ้นมา เธอรู้สึกประหลาดใจที่สเลช่วยเหลือเธอที่เป็นนักฆ่า แต่มันก็ไม่ได้แปลกอะไรนัก ขนาดนักฆ่ายังช่วยเหลือเขาเลย เธอจึงขอให้สเลพาเธอไปที่ซากปรักหักพังทินทาเจลที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งเป็นแหล่งกบดานของพวกเธอระหว่าทางเขาได้พบกับสมาชิกกระดูกสายลม ทำให้เขารู้ว่ากลุ่มนักฆ่ากระดูกสายลมไม่ได้รับงานฆ่าใครง่ายๆ เป้าหมายของกลุ่ม คือ การกำจัดคนที่ควรกำจัด เพราะ เหตุนี้งานลอบสังหารอารีชะจึงถูกยกเลิก เมื่อไปถึงหน้าทางเข้าเขาได้พบกับเมวินลุงนักผจญภัย ผู้มีพระคุณของโรเซ่ ซึ่งเดินทางตามรอยหนังสือบันทึกเรื่องราวสวรรค์ ได้แนะนำให้สเลลองไปสำรวจโบราณสถานด้านล่างที่ไม่มีบันทึกไว้ในหนังสือดู เผื่อจะได้รู้เกี่ยวกับเบื้องหลังของโบราณสถานนี้ แต่เนื่องจากอาการเหนื่อยล้าโรเซ่จึงสั่งให้สเลไปพักผ่อนเสียก่อน
วรรคที่ 16
ญาณสัมผัสของสเลที่ถูกเฮลดาฟปิดผนึกไว้ ฟื้นกลับคืนมาจากการพักผ่อน ซึ่งเป็นผลมาจากพลังของเขาพ่ายแพ้ให้กับเขตแดนของเฮลดาฟ ทำให้เขามองเห็นชาวสวรรค์ได้เป็นปกติ ภายในแหล่งกบดาน สเลได้พบกับเดเซลที่ต้องการพลังคามุยเพื่อเป้าหมายบางอย่าง สเลคิดจะกลับไปที่สนามรบ แต่ถูกเพื่อนๆสั่งห้ามไว้ จึงถือโอกาสออกสำรวจโบราณสถานที่อยู่ภายในนี้ โดยมีโรเซ่และเดเซลตามไปด้วย ในระหว่างการสำรวจ ไลล่าได้แนะนำสเล ให้ลองชวนโรเซ่ร่วมเดินทางไปด้วย เนื่องจากเธอมีญาณสัมผัสเทียบเท่ากับสเล และยังเข้ากันได้ดีกับสเลอีกด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะกลัวผีก็ตาม ภายในโบราณสถานเต็มไปด้วยเขตแดนของดราโกนิวท์ มังกรที่โตไม่เต็มวัยอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งโรเซ่ไม่สามารถมองเห็นมันได้ จึงเกิดอาการกลัว โดยมีเดเซลคอยช่วยเหลือเธออยู่ข้างๆ สเลจึงเข้าไปถ่วงเวลาให้โรเซ่หนีออกไปมิคุริโอ้เลยเล่าเรื่องราวของสเลที่ต้องโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวให้โรเซ่และอยากให้เธอร่วมเดินทางไปกับพวกเขา ในที่สุดเธอก็ละทิ้งความกลัวและตัดสินใจจะร่วมเดินทางไปกับสเล สเลเลยสั่งให้ไลล่าทำสัญญากับโรเซ่ แต่เดเซลก็ทำสัญญากับไลล่าอีกคน ด้วยพลังคามุยของเดเซล ทำให้สเลเอาชนะดราโกนิวท์ได้สำเร็จ และ โออิชิ ชาวสวรรค์ร่างสุนัขก็กลับคืนร่างเดิมแต่โรเซ่หมดสติอีกครั้งเนื่องจากความกลัวหลังการต่อสู้ เดเซลได้บอกเป้าหมายของเขา คือ การครอบครองพลังคามุย เพื่อล้างแค้นให้กับเพื่อนของเขา ทหารรับจ้างสายลม ที่ถูกเฮียวมะใส่ร้ายจนต้องใช้ชีวิตเป็นกลุ่มนักฆ่าหลังจากโรเซ่ฟื้นแล้ว จึงเดินทางไปด้านในสุดของโบราณสถาน จนพบภาพเขียนฝาผนังที่บอกเรื่องราวของนักบุญที่ต้องรับการทดสอบทั้ง 4 แห่ง ซึ่งกระจายอยู่ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งอาจจะทำให้สเลได้รับพลังที่จะต่อกรกับเขตแดนของเฮลดาฟได้ พวกเขาจึงเตรียมตัวออกเดินทางเพื่อรับการทดสอบ โดยไปที่อาณาจักรโลลันส์
วรรคที่ 17
เมืองแห่งงานช่าง ลาสทอนเบลสเลได้พบกับเซลเก หัวหน้ากลุ่มอัศวินของโลลันส์ เซลเกได้ขอความช่วยเหลือจากสเล เพื่อค้นหาตัวคนที่แท้จริงของคาร์ดินัลโฟตอนซึ่งอาจอยู่เบื้องหลังของการหายตัวไปของพระสันตะปาปามาชิโดร่า เมื่อ 1 ปีก่อน ทั้งๆที่มาชิโดร่าได้รับความไว้วางใจจากอาณาจักรอย่างมากและบรรยากาศรอบๆตัวของโฟตอนยังเต็มไปด้วยปฤศนา สเลจึงต้องเดินทางไปที่วิหารของเมืองหลวงของโลลันส์ เพนดราโก เพื่อตามหาโฟตอน
วรรคที่ 18
ฝนที่ตกไม่มีหยุดภายในเมืองและพื้นที่รอบๆของเพนดราโก ไหนจะยังมีสมุนของโฟตอนที่กลายเป็นเฮียวมะที่หลบหนีไปได้อีก แม้ว่าจะได้รับใบอนุญาตจากเซลเก แต่การเข้าไปยังวิหารของเมืองทำได้ยาก เนื่องจากการเฝ้าระวังที่เพิ่มขึ้น เซลเกได้เตรียมโรงแรมไว้ให้พักผ่อน ในคืนนั้นเดเซลได้เล่าถึงเรื่องราวของโรเซ่ ในอดีตเป็นหนึ่งในสมาชิกของทหารรับจ้างสายลมที่โลลันส์ว่าจ้าง แต่ก็ถูกเจ้าชายหักหลังลงจนกลุ่มล่มสลายด้วยฝีมือของเฮียวมะ ซึ่งเป็นเป้าหมายในการแก้แค้นของเขา แต่ทันใดนั้นโรเซ่ก็แอบหนีออกไปจากโรงแรมเพื่อรับงานกำจัดบุคคลที่ทำให้เกิดสงครามครั้งนี้ วันต่อมาพวกสเลเกินทางไปที่วิหาร ได้พบกับศิลาที่บันทึกเรื่องราวของการฝึกฝนของนักบุญเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังแห่งความลับ แต่เนื่องจากมันเป็นภาษาโบราณที่เต็มไปด้วยรหัส ผู้ที่จะถอดรหัสได้มีแค่พระสันตะปาปาคนก่อน มาชิโดร่าเท่านั้น ไม่ทันไรสเลและโรเซ่ก็ตกเข้าไปอยู่ในเขตแดนของโฟตอนทำให้ญาณสัมผัสของพวกเขาถูกตัดขาดเหมือนกับเฮลดาฟ โฟตอนได้ขอความร่วมมือจากสเลเพื่อให้อาณาจักรโลลันผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งภัยพิบัติ ซึ่งทางอัศวินก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาชิโดร่าได้ละทิ้งความผิดชอบทั้งหมดหนีออกไปเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นเธอจึงต้องลงโทษมาชิโดร่าเหมือนกับทุกคนที่ไม่ยอมรับวิธีการของเธอ แต่พวกมิคุริโอ้ก็ทำลายเขตแดนออกมาได้และพาสเลหนีออกจากเพนดราโกได้สำเร็จ
วรรคที่ 19
หมู่บ้านที่ถูกลืมโกโดจิน สถานที่ที่โรเซ่ได้เบาะแสของมาชิโดร่า ที่อยู่ทางตอนใต้ของภูมิภาคนี้ ในอดีตเป็นหมู่บ้านที่สภาพความเป็นอยู่ยากจน แต่ด้วยการชี้นำและดูแลของผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ทำให้หมู่บ้านพัฒนาขึ้น ผู้ใหญ่บ้านคนใหม่จึงเป็นเหมือนความหวังของชาวบ้าน แต่สเลได้พบกับเบื้องหลังความเจริญขึ้นของหมู่บ้านที่เกิดจากการขายเอริคซีลเถื่อน ซึ่งเป็นเงินทุนพัฒนาหมู่บ้าน โดยผู้เสนอแนวทางหาเงินก็คือผู้ใหญ่บ้านที่แต่เดิมเป็นพระสันตะปาปาที่หลบหนีอยู่ มาชิโดร่านั่นเอง เนื่องจากเขาทำงานทุ่มเทเพื่อประชาชนจนสูญเสียครอบครัวของเขาไป เขาจึงหนีมาที่ป่าเพื่อที่จะฆ่าตัวตายแต่ผู้คนในโกโดจินได้ช่วยเหลือเขาเอาไว้ เขาเลยอยากทดแทนบุญคุณด้วยการปกป้องทุกคนในหมู่บ้านที่เป็นเหมือนครอบครัวของใหม่เขาในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะมีความผิดแต่เขาก็ไม่มีสิ่งแปลกปลอม สเลจึงปล่อยตัวเขาไป ท่ามกลางความสับสนของโรเซ่ ทั้งๆที่เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดสงครามแต่เขาได้ช่วยผู้คนในหมู่บ้านไว้ เธอจึงยอมทำตามสเล มาชิโดร่าเห็นแก่ความบริสุทธิ์ใจของทั้งสอง จึงบอกเนื้อหาของศิลาที่เพนดราโก นักบุญที่ได้รับพลังจากธาตุทั้ง 4 จะมีพลังไว้ใช้ต่อกรกับจ้าวแห่งภัยพิบัติได้ โดยพลังแต่ละธาตุจะได้มาจากการทดสอบในแต่ละวิหาร ซึ่งหนึ่งในนั้นคือวิหารแห่งการทดสอบของไฟอิกเรนที่อยู่ด้านในโกโดจิน
วรรคที่ 20
ภายในวิหารด้านในสุด จะพบกับชาวสวรรค์ผู้คุ้มครองแห่งไฟ เอคเซโอ ผู้รับใช้จอมเทพ มุสึฮิ โดยการแปลงกายเป็นเฮียวมะเข้าต่อสู้เพื่อทดสอบ การทดสอบไม่ใช่เป็นการทดสอบแต่ด้านพลังแต่เป็นการทดสอบในด้านของจิตใจ ไม่ใช่ว่านักบุญต้องแบกรับชะตากรรมเพียงคนเดียวแต่ยังมีชาวสวรรค์ที่คอยช่วยเหลือเขาอยู่ ไฟของมุสึฮิที่เอคเซโอมอบให้เขามีพลังในการต่อกรกับเขตแดนของเฮ๊ยวมะหรือกระทั่งจ้าวแห่งภัยพิบัติ สเลจึงเตรียมเดินทางกลับเพนดราโกและบอกลามาชิโดร่าที่สงสัยในตัวโฟตอนที่เปลี่ยนไปจากเดิมเรื่องจากจิตใจของมนุษย์ได้แปดเปื้อน
วรรคที่ 21
เมื่อกลับมาถึงเพนดราโก ได้รับแจ้งจากกลุ่มอัศวินว่าทางโบสถ์เตรียมทูลเกล้าถวายคำขอขับไล่กลุ่มอัศวิน ในข้อหาสมคบคิดกับนักบุญจอมปลอมเพื่อก่อความวุ่นวาย ส่วนเซลเกก็ได้รับจดหมายจากน้องชายของเขา โบริส ที่เข้าตรวจสอบการกระทำนอกรีตของโฟตอน ที่ก่อให้เกิดฝนที่ตกไม่หยุดในอาณาเขตนี้ แถมเกลุ่มขายังถูกจับตัวอีก สเลได้อธิบายกับเซลเกว่า มาชิโดร่าไม่สามารถกลับมาที่เพนดราโก เซลเกจึงปลุกใจกลุ่มอัศวินของเขา พวกสเลจะไปสืบสวนเรื่องของโฟตอน ส่วนเซลเกก็เตรียมไปเข้าเฝ้าเพื่ออธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น สเลกลับเข้าไปที่โบสถ์และฝ่าเขตแดนของโฟตอน จนพบโบริสที่กลายเป็นหิน และโฟตอนที่กลายร่างเป็นเมดูซ่า แต่ด้วยความลับของเดเซลที่ตาของเขาบอดทำให้รอดพ้นจากการโจมตีของเธอได้ สเลไม่สามารถชำระล้างโฟตอนได้ เนื่องจากความต้องการของเธอที่จะช่วยเหลือประชาชนและอาณาจักรเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่กลับก่อให้เกิดสิ่งแปลกปลอมในใจขึ้นมา มีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเหลือได้คือการฆ่าเท่านั้น โรเซ่เป็นผู้ลงมือสังการเธอแทนสเล เพราะเธอไม่ต้องการให้สเลเป็นคนทำ เนื่องจากงานของสเลคือการช่วยเหลือ ส่วนเธอคือการสังหาร
วรรคที่ 22
ท้องฟ้าที่สดใสกลับมาสู่เพนดราโกอีกครั้ง ทางจักรพรรดิได้รับฟังความเห็นของเซลเกแต่ก็ยังเชื่อในตัวโฟตอนอยู่ จึงอยากจะพูดคุยเรื่องราวทั้งหมด แต่เนื่องจากโฟตอนได้ตายไปแล้ว จากการลอบสังหารของนักฆ่ากระดูกสายลม ที่โรเซ่กุเรื่องขึ้นมา พวกสเลกลับไปพักที่โณงแรมและพบกับเมวิน เขาพูดคุยเกี่ยวกับภายในโบสถ์ของเพนดราโก ผู้คนที่นี่สักการะจอมเทพ คอยดูแลผืนดินทั้งหมดของกรีนวูด มาโอเทราสึ แต่สเลไม่รู้สึกถึงตัวตนของมาโอเทราสึได้ ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากช่วงเวลาแห่งภัยพิบัติ ถ้าหามาโอเทราสึเจอ อาจจะทำให้ภัยพิบัติต่างๆสงบลงได้ ซึ่งตามตำนานของโลกที่มีจอมเทพอยู่ 5 ตน นอกเหนือจากโบสถ์ของเพนดราโก ก็จะเหลือโบราณสถานอีกสี่แห่ง นั่นก็คือวิหารฝึกฝนทั้งสี่ ที่อิงจากภาพเขียนฝาผนังในทินทาเจล ซึ่งวิหารไฟเป็นหนึ่งในสองของวิหารที่อยู่ใจกลางทวีป และอีกสองแห่งอยู่ทางตะวันออกกับตะวันตก
วรรคที่ 23
วิหารแห่งการทดสอบของดินโมลกอสอีกหนึ่งวิหารของใจกลางทวีป ที่มีนักบุญ พาวัน มนุษย์ที่กลายเป็นชาวสวรรค์คอยดูแลวิหารเส้นทางจะไปยังแท่นบูชานั้นถูกมิโนทาวรุสขวางทางอยู่ เอโดน่าจึงไปไล่มันจนกลัววิ่งหนีออกไป แต่พาวันเพิ่งจะบอกว่าบททดสอบของเขา คือการชำระล้างมิโนทาวรุส สเลจึงไปชำระล้างและทำให้รู้ว่า เฮียวมะตนนั้นเกิดจากดวงวิญญาณของเด็กที่ถูกทารุน ภายหลังการชำระล้างเอโดน่าได้ขอโทษเด็กที่กลายเป็นมิโนทาวรุส เมื่อไปถึงแท่นบูชา พาวันก็มอบพลังให้กับ สเลและเอโดน่า เป็นอันเสร็จสิ้นการทดสอบ
วรรคที่ 24
เมื่อเดินทางกลับไปยังฝั่งตะวันออกของทวีป สเลได้พบกับอารีชะอีกครั้งที่สะพานที่เขาได้ช่วยซ่อมแซมและเป็นครั้งแรกที่อารีชะได้พูดคุยกับโรเซ่ เธอได้บอกถึงร่องรอยโบราณสถานที่เพิ่งถูกค้นพบ โดยตอนนี้มัลทรันอาจารย์ของเธอกำลังเดินทางไปที่นั่น ที่ภายในน้ำตกของที่ราบสูงเรคปิโร่ มี วิหารแห่งการทดสอบของน้ำลูเฟและพบกับ อาวโทล ชาวสวรรค์ผู้รับใช้จอมเทพ อาเมะโนจิ ผู้ดูแลวิหารนี้ ในระหว่างที่สเลกำลังสอบถามบททดสอบ อาชูร่า เฮียวมะที่เต็มไปด้วยความโกรธก็อาละวาดตามหาดาบของมัน บททดสอบของอาวโทล ไม่ใช่แค่การชำระล้างอาชูร่า แต่คือการตามหาสาเหตุที่กลายเป็นเฮียวมะ เล่าถึงเรื่องราวของอาชูร่าที่ในอดีตเป็นนักบุญมาก่อน แต่ไม่ว่าจะชำระล้างเท่าไหร่ สิ่งแปลกปลอมก็ไม่มีท่าที่จะหมด เขาจึงสร้างดาบขึ้นมาเพื่อใช้ชำระล้างเฮียวมะไม่พอ แต่จะชำระล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นต้นตอก่อให้เกิดเฮียวมะ นั่นก็รวมถึงมนุษย์ด้วย เมื่อสเลหาเหตุผลได้เสร็จ เขาก็ได้รับพลังจากอาวโทลจนกำจัดอาชูร่าได้สำเร็จ แม้ว่าในอดีตจะเคยเป็นนักบุญแต่ร่างกายที่ชำระล้างแล้วไม่สามารถทนต่อไปได้อีกจึงสลายไป โดยคนที่ขโมยดายมิสริลของอาชูร่าคืออาวโทลนั่นเอง เพื่อป้องกันไม่ให้อาชูร่านำไปใช้ เขาคิดจะมอบดาบให้กับสเล แต่สเลปฏิเสธ จนกระทั่งตัวตนที่แท้จริงของมัลทรันที่เป็นเฮียวมะปรากฏตัวมาขโมยดาบไป เพื่อสานอุดมคติของเฮลดาฟ
วรรคที่ 25
วิหารแห่งการทดสอบของลมกิเนเวีย ที่นั่นซาบีด้ากำลังไล่ฆ่าเฮียวมะดูลาฮันอยู่ เขาจึงเข้าไปขวางและเกิดการต่อสู้ขึ้น จนเขายอมถอนตัวออกไป พวกสเลจึงขึ้นไปยังส่วนยอดของวิหารและได้พบกับนักบุญที่กลายเป็นชาวสวรรค์ วาเดลโดยการทดสอบของเขาไม่ใช่แค่การชำระล้างดูลาฮันเท่านั้น แต่คือการทดสอบจิตใจและสายสัมพันธ์ของเดเซล ที่เคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเองปราศจากคำพูดของเพื่อนพ้อง นั่นก็คือการช่วยเหลือมนุษย์ที่คิดจะฆ่าตัวตายบนยอดของวิหารนี้
วรรคที่ 26
ในที่สุดสเลก็ผ่านการทดสอบทั้งสี่และมุ่งหน้าไปที่เกรบกันเพื่อตามหาเฮลดาฟ แต่ได้พบกับ โทลและฟิล สมาชิกกลุ่มกระดูกสายลมและปีกเซคิเรมีงานจ้างมาจากเลขานุการของโลลันส์ และยังได้ข้อมูลมาอีกว่าจักรพรรดินีได้รับลูกของน้องชายที่สิ้นพระชนม์เนื่องจากการประชวร ซึ่งจักรพรรดิองค์ปัจจุบันเป็นบุตรของจักรพรรดิองค์ก่อนกับผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่จักรพรรดินี และจักรพรรดินีได้ร่วมมือกับบุตรของเธอก่อคดีในครั้งก่อน โรเซ่เลยจะรับงานและไปพบกับผู้ว่าจ้างโดยตรง โดยมีคำเตือนของไลล่าที่ราชวงศ์โลลันส์มีความเกี่ยวข้องกับเฮียวมะอีกด้วย เมื่อไปถึงหน้าทางเข้าเพนดราโก ซาบีด้ากำลังรอพวกสเลมาอยู่ ซึ่งเป้าหมายในครั้งนี้เขาขอเป็นคนจัดการเอง แต่เดเซลไม่ยอมจึงต้องสู้กับซาบีด้าเพื่อหยุดเขา แต่ซาบีด้าไม่อาจชนะพวกสเลได้จึงมอบปืนจีคฟรีดที่บรรจุกระสุนนัดสุดท้ายให้กับสเล โดยปืนกระบอกนี้มีพลังในการป้องกันการเป็นเฮียวมะได้เพียงชั่วคราวและยังเพิ่มพลังในการต่อกรเฮียวมะได้อีกด้วย เขาตั้งใจเก็บกระสุนไว้ 2 นัดสำหรับเป้าหมายของเขาสองราย แต่กระสุนนัดสุดท้ายที่เหลือถ้าเดเซลตั้งใจจะฆ่าเฮียวมะ ให้ใช้กระสุนนี้หยุดเดเซลซะ
วรรคที่ 27
เมื่อถึงเวลากลางคืนที่เพนดราโก งานที่โรเซ่จะรับ เป็นกับดักของลูนาลที่ทรยศพวกเธอ แต่ลูนาลก็หนีไปได้ด้วยความช่วยเหลือของชาวสวรรค์ ไซม่อน ซึ่งเป็นบุคคลที่เดเซลต้องการแก้แค้นให้เพื่อนของเขา โดยหลอกใช้ผู้มีญาณสัมผัสอย่างโรเซ่เพื่อให้ได้พลังคามุยในการแก้แค้นไซม่อนจึงกลายร่างเป็นเฮียวมะเข้าต่อสู้และรื้อฟื้นความทรงจำของเดเซลขึ้นมา เรื่องราวในอดีตของเดเซลกับเพื่อนชาวสวรรค์ที่เดินทางคุ้มครองดูแลกลุ่มทหารรับจ้างสายลม แต่แล้วการเดินทางก็สิ้นสุดเมื่อทางกลุ่มได้เป็นเข้าส่วนหนึ่งของโลลันส์และโรเซ่ได้รับหมั้นหมายกับเจ้าชายโคนันอีกด้วย แต่เดเซลไม่ต้องอยากให้การเดินทางจบลง ผลของการคุ้มครองจากชาวสวรรค์ยังก่อให้เกิดโชคร้ายได้อีกด้วย โรเซ่ที่ได้รับความอัปโชคจากเดเซล ทำให้เจ้าชายโคนันกลายเป็นเฮียวมะในเวลาชั่วครู่ ใส่ร้ายให้กับกลุ่มรับจ้างเป็นผู้ต้องหาปลงพระชนม์เจ้าชายลำดับที่หนึ่งและเพื่อนของเขาก็เสียสละตนเองเพื่อปกป้องโรเซ่ ไซม่อนไม่ใช่ต้นเหตุแม้ว่าเธอจะอยู่ที่นั่น แต่เป็นเดเซลเองต่างหาก เดเซลที่ควบคุมร่างของโรเซ่ที่คามุยกับเขาอยู่ ได้เสียท่าให้กับไซม่อน โรเซ่ที่ถูกสิ่งเฮียวมะคลุมร่างของเธอไม่สามารถช่วยเหลือได้ เว้นเสียจากการเสียสละของเดเซลโดยใช้พลังจากกระสุนของซาบีด้าและตัวเขา เป็นพลังเพื่อยิงไปตัดสัมผัสของโรเซ่และเฮียวมะ ในวาระสุดท้ายของเดเซล เขาได้ไปขอโทษกับโรเซ่ แต่โรเซ่ไมได้ถือสาอะไรแต่ขอบคุณเขาที่ทำให้เธอมีความสุขจนถึงทุกวันนี้
วรรคที่ 28
จากการตายของเดเซล ซาบีด้าจึงตัดสินใจร่วมทางและทำสัญญากับสเล สาเหตุของเขาคือการกำจัดเป้าหมายสองราย หนึ่งคือไอเซนพี่ของเอโดน่าและสองคือมาโอเทราสึ ในอดีตมาโอเทราสึได้ปกครองดูแลกรีนวูดแต่แล้วก็หายไปพร้อมกันกับการกำเนิดของจ้าวแห่งภัยพิบัติ ทำให้เขาคิดว่ามาโอทราสึได้กลายเป็นเฮียวมะแล้วรวมเป็นหนึ่งกับเฮลดาฟ สเลที่เหม่อลอยอยู่ได้รับคำพูดของเดเซลที่ฝากไว้กับโรเซ่ ทำให้เขามีกำลังใจกลับคืนมา สเลจึงออกเดินทางไปที่ลานล่าสัตว์ไอฟรีด ตามเบาะแสที่ซาบีด้าสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอมมหาศาล เฮลดาฟนั่นเองถึงแม้ว่าสเลจะผ่านการทดสอบทั้ง 4 มาแล้วก็ตาม ก็ไม่สามารถสู้กับเฮลดาฟได้เลย ยิ่งฝืนสู้เท่าไหร่คำตอบของการเดินทางของเขาก็ยิ่งไม่มีวันหาเจอ เฮลดาฟจึงสั่งให้สเลยอมจำนนต่อเขาและร่วมกันสร้างโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งแปลกปลอม แน่นอนว่าสเลปฏิเสธ เฮลดาฟจึงยอมถอนตัวกลับไป ช่วงเวลาที่ต่อสู้กับเฮลดาฟ กลุ่มชาวสวรรค์ถูกกักขังอยู่ได้สัมผัสถึงมาโอเทราสึ เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเฮลดาฟมีความสัมพันธ์กับมาโอเทราสึ ซึ่งแรกเริ่มมาโอเทราสึได้ใช้ผืนดินทั้งหมดของกรีนวูดเป็นภาชนะ การจะทำให้เฮลดาฟสยบลงได้ ต้องชำระล้างมาโอเทราสึก่อน
วรรคที่ 29
เมวิน ชายสูงอายุผู้สืบทอดเรื่องราวต่างๆในอดีต ที่สำคัญเขามีญาณสัมผัสมองเห็นพวกชาวสวรรค์ตั้งแต่แรกแล้วปัจจุบันเขาอยู่ที่ เมืองหอคอยโรกริน สเลไปขอความช่วยเหลือเรื่องมาโอเทราสึจากเขา แต่เมวินให้พวกสเลไปตามหาความทรงจำในอดีตทั้งหมดมาประติดประต่อเป็นเรื่องราวเสียก่อน เรื่องราวมีทั้งหมด 4 เรื่อง คือ การเดินทางของนักบุญคนก่อนกับไลล่า ซึ่งเขาเป็นคนเขียนหนังสือตำนานสวรรค์ขึ้นมา, เฮลดาฟที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นโชกุน แต่ภายหลังต้องสูญเสียทุกสิ่งและอยู่ตัวคนเดียวในร่างที่ไร้ความตาย จนเขากลายเป็นจ้าวแห่งภัยพิบัติ, เขตแดนของเฮลดาฟในสนามรบทำให้มนุษย์กลายเป็นเฮียวมะ ซึ่งรวมถึงมัลทรัน และเรื่องราวสุดท้ายคือกลุ่มนักบุญในอดีตที่มีจำนวนมากมาย แต่ยังมีอีกหนึ่งความทรงจำที่นอกจากผู้สืบทอดเรื่องราวไม่สมควรดู เมวินจึงนำมาให้สเลได้รับรู้และสัมผัสถึงจุดเริ่มต้นของภัยพิบัติ
วรรคที่ 30
หมู่บ้านแห่งการเริ่มต้นคัมลัน มิเคล นักบุญคนก่อนรู้สึกโกรธแค้นเฮลดาฟที่ทอดทิ้งหมู่บ้าน เนื่องจากไม่ต้องการสูญเสียกำลังพลจากการรบกับไฮแลนด์ที่เข้าโจมตีหมู่บ้าน แม้ว่ามิเคลจะพามาโอเทราสึไปหลบซ่อนอยู่ที่วิหารแต่ก็ยังรับผลกระทบจากสิ่งแปลกปลอมจนกลายเป็นเฮียวมะ มิเคลสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ก่อนตายเขาจึงสาปแช่งเฮลดาฟให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวตลอดกาล เฮลดาฟที่ได้รับคำสาปแช่งจึงกลายเป็นเฮียวมะและจ้าวแห่งภัยพิบัติในที่สุด จนกระทั่งเซนไรปู่ที่เลี้ยงดูพวกสเลเดินทางมาถึงคัมลัน ได้พบเด็กทารกที่ยังรอดชีวิตหนึ่งคนและ มิวส์ น้องสาวของมิเคลได้อุ้มลูกของเธอมาหาเซนไร และขอให้เลี้ยงดูมิคุริโอ้แทนเธอที่จะเสียสละตนเพื่อปิดผนึกหมู่บ้านคัมลันก่อนที่สิ่งแปลกปลอมจะลามไปที่อิสึจิ
วรรคที่ 31
หลังจากทราบเรื่องราวทั้งหมดคำตอบของสเลในฐานะนักบุญคือการช่วยเหลือเฮลดาฟ การตัดสายสัมพันธ์ระหว่างเฮลดาฟและมาโอเทราสึ จำเป็นต้องเสียสละเพื่อนพ้องชาวสวรรค์เป็นกระสุนให้กับจีคฟรีทเหมือนกับกรณีของเดเซล ซึ่งเป็นสิ่งที่เมวินไม่ต้องการให้สเลสับสนเขาจึงสั่งให้สเลจัดการกับเขาด้วยวิธีการนี้ เนื่องจากเขาเป็นมนุษย์ เพื่อนชาวสวรรค์ของเขาก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งแปลกปลอมเหมือนกรณีเดเซล แต่ทันทีที่สเลตัดสินใจจะยิงปืนประบอกนี้ใส่เมวิน อายุขัยของเมวินก็สิ้นสุดลงเนื่องจากการฝ่าฝืนหน้าที่ของผู้สืบทอดเรื่องราว การตายของเขาเป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง ขณะเดียวกันสงครามก็ยิ่งรุนแรงขึ้น สเลจะไปถามเรื่องราวจากเซลเก แต่โทลมาแจ้งข่าวว่าสมาชิกของกลุ่ม ถูกจับตัวอยู่ที่เพนดราโก ในข้อหาลอบสังหารโฟตอนที่ได้รับไหว้วานมาจากไฮแลนด์ ซึ่งลูนาลเป็นคนไปบอกเรื่องนี้ โรเซ่จึงแยกตัวออกไปช่วยเหลือครอบครัว แต่สเลต้องไปหยุดสงครามของทั้งสองฝั่งอีกด้วย
โรเซ่ที่ติดกับของลูนาล ได้รับความช่วยเหลือจากสเลจนช่วยทุกคนได้สำเร็จ แต่ไม่สามารถชำระล้างลูนาลได้เหมือนกับโฟตอน โรเซ่จึงเป็นคนลงมือสังหารลูนาลเองกับมือ ร่างของลูนาลก็ได้หายไปพร้อมกับเปลวไฟ โรเซ่จึงสั่งให้สเลล่วงหน้าไปก่อน สเลจึงล่วงหน้าไปที่ลาสทอนเบลเพื่อสอบถามเรื่องราวจากเซลเก ประชาชนในตอนนี้กำลังโกรธแค้นเซลเกที่ไม่ยอมตอบโต้ข้าศึก จนกระทั่งอัศวินไฮแลนด์ที่กลายเป็นเฮียวมะเข้าทำร้ายประชาชน เซลเกจึงเอาตัวเข้าแลก ทันใดนั้นเขตแดนของไซม่อนก็ครอบคลุมพื้นที่ ไซม่อนได้ใช้เวทพรางตาปลอมเป็นเซลเก เข้าต่อสู้กับสเล จนกระทั่งเธอถอนตัวออกไปโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ประชาชนก็เริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของเซลเก เมื่อถามถึงสถานการณ์ของสงคราม ก็เหลือเพียงแค่เรื่องราวจากฝั่งไฮแลนด์ สเลจึงเดินทางไปพบกับอารีชะที่วิตกกังวลกับคำสั่งทุ่มกำลังโจมตีทั้งหมดจากมัลทรัน หากเธอไม่ทำตามจะโดนข้อหากบฏของประเทศ เอโดน่าจึงบอกความจริงกับอารีชะว่ามัลทรันเป็นเฮียวมะ เธอจึงไปมัลทรันเพื่อสอบถามตรงๆ ที่ผ่านมามัลทรันหลอกใช้อารีชะมาโดยตลอด แต่เธอจึงลุกขึ้นสู้กับมัลทรันที่นำดาบมิสริลมาดัดแปลงเป็นหอกของเธอ มัลทรันก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่สามารถชำระล้างได้ เพราะเธอทำไปเพื่ออุดมคติของเฮลดาฟ วาระสุดท้ายของเธอได้นำหอกของอารีชะมาแทงที่ร่างของเธอเอง อารีชะเสียใจอย่างมากที่คำสอนของมัลทรันที่ผลักดันชีวิตของเธอเป็นสิ่งหลอกลวงมาตลอด แต่สเลได้ปลอบใจเธอ จนอารีชะยืนหยัดด้วยตัวเองอีกครั้งและพร้อมที่จะยุติสงครามนี้เหมือนกับเซลเก
วรรคที่ 32
พวกสเลย้อนกลับที่ไปเกรบกันอีกครั้ง ร่างของมังกรเทียแมท ที่เกิดจากชาวสวรรค์คนหนึ่งที่ได้รับสิ่งแปลกปลอมจำนวนมากในสนามรบ ได้เข้าโจมตีทั้งสองฝ่าย สเลจึงเข้าไปแทรกแซงการรบโดยช่วยเหลือลูคัสให้หนีรอดออกมาก่อน แต่เทียแมตได้รับพลังจากสิ่งแปลกปลอมโดยรอบ เหล่าผู้คนจากไฮแลนด์และโลลันส์ได้เห็นสเลกำลังสู้กับมังกรอยู่เพื่อเอาชีวิตรอด ทั้งสองฝ่ายจึงร่วมมือกันช่วยเหลือสเล จนกำจัดเทียแมทได้สำเร็จ หนทางเดียวที่จะกำจัดมังกรได้คือการเตรียมใจที่จะกำจัดมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สเลได้รับคำสอนมาจากเมวิน
วรรคที่ 33
จากการร่วมมือระหว่างไฮแลนด์กับโลลันส์ ทำให้ทั้งสองฝ่ายเปิดการเจรจาเชื่อมสัมพันธ์กันโดยมีอารีชะและเซลเกเป็นตัวแทน ก่อนที่จะเดินทางไปยังคัมลัน พวกสเลได้พักผ่อนที่ลาสทอนเบล ในคืนนั้นจะได้รู้ถึงคำตอบที่สำคัญ สาเหตุที่ซาบีด้าต้องตามฆ่าเฮียวมะ เช่น ไอเซนพี่ของเอโดน่า เพื่อเป็นการปกป้องความภาคภูมิใจของคนๆนั้น ไม่มีใครหรอกที่อยากจะกลายเป็นเฮียวมะ และสิ่งสำคัญสุดคือสเลได้ตัดสินใจที่จะอุทิศตนเป็นพลังให้กับพื้นที่ทั้งหมดของกรีนวูดโดยการปิดกั้นความรู้สึกของเขาและหลับไหลอยู่ในตัวมาโอเทราสึ ถึงแม้ว่าหลังจากนี้จะไม่มีนักบุญคนใหม่ก็ตาม แต่ผู้ติดตามก็ยังสามารถรับพลังจากเขาคอยชำระล้างสิ่งแปลกปลอมได้ จนกว่านักบุญคนใหม่จะปรากฏตัวขึ้นมา บุคคลที่พร้อมจะหาหนทางอยู่ร่วมกันของมนุษย์และชาวสวรรค์ ไม่ว่าจะกี่ร้อยปีก็ตามเขาจะรอ แม้ว่าความฝันส่วนหนึ่งของเขาคือการเดินทางไปยังโบราณสถานรอบโลก ตราบใดที่เขายังไม่ลืม ความฝันของเขาก็ไม่มีวันจบลง แล้วพวกสเลจึงออกเดินทางไปที่อิสึจิ เพื่อตามหาทางไปหมู่บ้านคัมลัน
วรรคที่ 34
หมู่บ้านอิสึจิที่ไร้เขตแดนของเซนไร ถูกทหารไฮแลนด์รุกราน หนำซ้ำปู่ของสเลก็ไม่อยู่อีกด้วย สเลจึงตามไปที่ส่วนลึกด้านในสุดของโบราณสถานมาบิโนกิโอโดยไม่สนคำยั่วยุของไซม่อน ภายในเขาได้พบกับศพของอัศวินไฮแลนด์นำโดยบัลโทโรและมิวส์แม่ของมิคุริโอ้ เนื่องจากสิ่งแปลกปลอมที่หลั่งไหลออกมาจากคัมลัน เธอจึงยอมเสียสละตนเพื่อผนึกเขตแดนเอาไว้โดยแลกกับชีวิตของเธอ แม้กระทั่งตัวตนที่แท้จริงมิคุริโอ้ เธอก็ยังไม่รู้ ส่วนลึกสุดไซม่อนได้ขัดขวางพวกสเลไว้ ไซม่อนที่ได้รับผลกระทบจากเขตแดนของสิ่งแปลกปลอมเนื่องจากเธอเป็นชาวสวรรค์เหมือนกัน ก็พ่ายแพ้ให้กับสเล เส้นทางไปยังหมู่บ้านคัมลันก็คลายออกเนื่องจากพลังของเธอ ไซม่อนไม่เข้าใจทำไมพวกสเลถึงต้องขัดขืนเฮลดาฟ ยิ่งขัดขืนเท่าไหร่ก็ยิ่งเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเหมือนเดเซล ถึงแม้ว่าเดเซลจะทุกข์ทรมานแต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาเลือกด้วยตัวเองและยังยิ้มได้แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม ไม่ว่าคนเราจะผิดชอบชั่วดียังไง แต่ถ้าเป็นหนทางที่ทุกคนจะมีความสุขร่วมกันได้ ซักวันจะหาเจอเอง
วรรคที่ 35
พวกสเลเดินมาถึงหมู่บ้านคัมลันจึงรีบไปที่วิหาร สเลไม่ยอมจำนนต่อเฮลดาฟที่จะสร้างโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งแปลกปลอม ในที่สุดศึกตัดสินของนักบุญและจ้าวแห่งภัยพิบัติก็เริ่มต้นขึ้น จนกระทั่งเฮลดาฟใช้วิธีสกปรกโดยการนำร่างของเซนไรที่ถูกดูดกลืนมาเป็นโล่ ปู่ของพวกเขาในตอนนี้ไม่สามารถช่วยชำระล้างได้อีกแล้ว สเลและมิคุริโอ้จึงร่วมมือกันปลดปล่อยปู่ของเขาให้เป็นอิสระ แม้ว่าทั้งสองจะโศกเศร้าขนาดไหนก็ตาม แต่เฮลดาฟก็แสดงความสิ้นหวังอันโดดเดี่ยวให้แก่พวกเขา ร่างของจ้าวแห่งภัยพิบัติที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับมาโอเทราสึที่กลายเป็นเฮียวมะ คามุยนั่นเอง เหล่าเพื่อนชาวสวรรค์ได้เสียสละตนเองเป็นพลังให้กับปืนจีคฟรีทเพื่อตัดสายสัมพันธ์นี้ลง ภายในวิหารเริ่มจะถล่มลงมาแต่เฮลดาฟยังยืนหยัดที่จะสู้ต่อไป สเลจึงพลักโรเซ่ให้หนีออกไปคนเดียว ถึงเวลาที่เขาต้องสู้กับเฮลดาฟตัวต่อตัวด้วยท่าที่เขาเรียนรู้มาจากหัวหน้าอัศวินเซลเก ชิชิเซนโค (ราชสีห์คำราม) ซึ่งเป็นท่าไม้ตายเดียวกันกับเฮลดาฟ อดีตโชกุนของโลลันส์
วรรคที่ 36
เฮลดาฟกลับคืนสู่ร่างมนุษย์หลังพ่ายแพ้ให้กับสเล มาโอเทราสึจึงได้รับการปลดปล่อย สเลนำดาบของเขาเสียบไปที่ร่างของเฮลดาฟ เพื่อปลดปล่อยเฮลดาฟให้หลุดพ้นจากความโดดเดี่ยวได้สำเร็จ แม้ว่าจะกำจัดเฮลดาฟไปแล้วก็ตาม จ้าวแห่งภัยพิบัติตนใหม่ก็จะเกิดขึ้นอยู่ดี แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อชาวสวรรค์ทั้งสี่ยังมีชีวิตรอดอยู่ สเลจึงทำตามความตั้งใจของเขาโดยการหลับไหลอยู่ภายในมาโอเทราสึเพื่อชำระล้างและเป็นพลังให้กับแผ่นดินกรีนวูด โดยมีโรเซ่ที่หลบหนีออกมาได้คอยดูเขาอยู่ ผืนแผ่นดินจึงกลับมาสงบสุขอีกครั้งท่ามกลางการเจรจาสงบศึกของอารีชะและเซลเก
วรรคที่ 37
วันเวลาผ่านไป นักบุญคนใหม่ก็ปรากฏตัวต่อเบื้องหน้าหลุมศพที่มีมีดคู่วางอยู่และสลักป้ายชื่อไว้ว่า Numin โดยมีชาวสวรรค์ทั้งสี่กับสองพี่น้องโทลและฟิลที่ชราภาพไปมาก
วรรคที่ 38
วันเวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่มีผู้ใดทราบมิคุริโอ้ที่เติบโตผมยาวขึ้นได้สำรวจโบราณสถาน จนกระทั่งพื้นที่เขายืนอยู่เกิดทรุดถล่ม ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งที่สวมถุงมือสัญลักษณ์ของนักบุญได้มาช่วยเขาไว้ได้ทัน ใบหน้าของมิคุริโอ้เต็มไปด้วยรอยยิ้มดีใจราวกับรอคอยใครบางคนอยู่
วรรคที่ 39 (Secret Ending)
ฉากจบในอีกด้านหนึ่ง
ในเนื้อเรื่องหลังจากสเลผ่านการทดสอบวิหารทั้ง 4 ถ้าหากไปสู้กับเฮลดาฟก่อนเดเซลตาย จะพบกับอีกฉากจบอีกแบบหนึ่ง คือ โลกก็ยังเต็มไปด้วยภัยพิบัติ พวกสเลที่หลบฝนอยู่ในกระท่อม ซึ่งไม่รู้ว่าฝนนี้จะหยุดตกเมื่อไหร่ และในท้ายตอนจะได้พบกับเงาของจ้าวแห่งภัยพิบัติตนใหม่ เนื่องจากสาเหตุที่สเลยังหาคำตอบของการเดินทาง ที่จะช่วยเฮลดาฟให้หลุดพ้นจากคำสาปของมิเคลไม่ได้นั่นเอง
Like
: Gazle
[Edited 1 times banktoom - Last Edit 2016-07-04 15:18:08]
Reply
Vote
Popular Thread
ประกาศ Danmachi ss5
Like a Dragon Gaiden: The Man Who Erased His Name คะแนนรีวิว
ยังอยากหากินกับบุญเก่าเหมือนเดิม Blizzard เผย มีความคิดจะนำ World of Warcraft ลงเครื่องเกมคอนโซล
KOF XV DLC|HINAKO SHIJO|Trailer
1 online users
Logged In :
staff
Since 2012-06-11 13:05:47
(27074 post)