สมการรอคอย ! Sony ประกาศสเปกของเครื่อง PlayStation 5 อย่างเป็นทางการแล้ว
Playstation 5 ได้ประกาศสเปคของเครื่องพร้อมกับสถาปนิกระบบคุณ Mark Cerny ออกมานำเสนอแบบเจาะลึกในลักษณะของฮาร์ดแวร์ใหม่และสิ่งที่เราควรคาดหวังว่าการก้าวข้ามเครื่องเจาเก่าอย่าง PlayStation 4 ทางเว็บ Eurogamer มีโอกาสได้ดูการบรรยายใน VDO นี้ก่อนประมาณสองสามวันก่อนเวลาฉายจริงซึ่งทาง Eurogamer ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณ Cerny ในเชิงลึกมากขึ้นหลังจากนั้นเกี่ยวกับลักษณะของฮาร์ดแวร์ PlayStation ที่กำหนดเองได้และปรัชญาที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบของเครื่อง PlayStation 5
สิ่งที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับงานนำเสนอนี้คือทาง Sony ได้นำเสนอวิสัยทัศน์สำหรับคนรุ่นต่อไปที่ปรับเปลี่ยนจิตวิญญาณผู้บุกเบิกเกมส์คอนโซลรุ่นแรกอย่างแท้จริง ! ด้วยการนำเสนอซิลิคอนแบบกำหนดเองที่ทันสมัยแปลกใหม่พร้อมโฟกัสที่คมชัดในการรับประสบการณ์การเล่นเกมส์ ในระดับต่อไป แต่ในเวลาเดียวกันการออกแบบได้รวมเอาความเป็นมิตรกับนักพัฒนาที่พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จกับ PlayStation 4 ความคิดคือนักพัฒนาที่สะดวกสบายกับฮาร์ดแวร์รุ่นปัจจุบันและสามารถจับกับพื้นฐานของเครื่อง PS5 และ เข้าถึงฟีเจอร์ CPU, GPU และหน่วยความจำเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดาย
AMD RDNA 2 GPU รุ่นที่ปรับแต่งเองของค่าย Sony มีหน่วยประมวลผล 36 หน่วยที่ทำงานที่ความถี่ 2.23GHz ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงสุดในการคำนวณ 10.28TF และมีขีดจํากัดอยู่ที่ 2.23GHz ความเร็วของการประมวลผลทั่วไปนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณการทํางานของตัวเครื่องในคณะนั้นซึ่งตัวเครื่อง PS5 ยังมีการใช้ฟีเจอร์ Boost Clock มาช่วยในส่วนนี้ด้วยและสิ่งที่สำคัญพอ ๆ กันมันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ว่าประสิทธิภาพจากหน่วยประมวลผล RDNA นั้นเหนือกว่า PS4 หรือ PS4 Pro ขึ้นอยู่กับสถาปัตยกรรมในเครื่องเจนเก่าในความเป็นจริงความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ของหน่วยคำนวณ RDNA 2 นั้นสูงกว่า PS4 CU ถึง 62 เปอร์เซ็นต์ ! ซึ่งหมายความว่าในแง่ของการนับทรานซิสเตอร์อย่างน้อยอาร์เรย์ของเครื่อง PlayStation 5 ที่มี 36 CUs เท่ากับ 58 PlayStation 4 CU ซึ่งเราต้องจำไว้ว่า CUs ใหม่นั้นยังทำงานได้ดีกว่าความถี่สองเท่า
ในระดับคุณลักษณะของเจ้า RDNA 2 คุณ Cerny อธิบายว่าเทคโนโลยี RDNA 2 บล็อกใหม่ที่เรียกว่า Geometry Engine นั้นจะช่วยให้นักพัฒนาเกมส์สามารถควบคุมรูปแบบทรงสามเหลี่ยมและวัตถุดั้งเดิมอื่น ๆ ได้อย่างไม่มีใครเทียบมันช่วยให้งานของพวกเค้าง่ายขึ้นซึ่งนั่นก็แปลว่าพัฒนาสามารถทําเกมส์ให้กับเครื่อง PS5 ได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน
- ซีพียูของ PS5 จะใช้ CPU Zen 2 ของ AMD ซีพียูนี้มีทั้งหมด 8 คอร์มีกำลังประมวลผลอยู่ที่ 3.5 GHz ทางด้านการ์ดจอของ PS5 ก็ถูกพัฒนาโดยทาง AMD สถาปัตยกรรม NAVI รองรับเทคโนโลยี RDNA 2 และ Ray Tracing สามารถส่งพลังประมวลผลได้ถึง 10.28 TFLOPS ทำให้รองรับความละเอียดสูงสุด 4K FPS ที่เฟรมเรต 60 FPS
- ความเร็วในการโหลด PS4 HDD vs PS5 SSD
- เปรียบเทียบการใช้ RAM ระหว่างเครื่อง PS4 และ PS5
- ข้อดีของ PS5 SSD
- Faster load
- No load screens
- Ultra High-Speed Streaming
- De-duplicate game data
- No long patch installs
- PS5 ยืนยันว่าสามารถเล่นเกมส์ของ PS4 ได้อย่างน้อย 100 เกมส์อันดับต้น ๆ ที่มีการทดสอบแล้ว
- รายละเอียดของ Ray Tracing บนเครื่อง PS5
- เป้าหมายเกี่ยวกับเรื่องระบบเสียงของเครื่อง PS5
- great audio for all kinds of users
- hundreds of advanced sound sources (dimensionality)
- presence and locality (higher immersion)
- คุณ Cerny บอกว่า Dead Space เป็นเกมส์ที่ดีที่สุดตลอดกาล เหมือนพยายามบอกใบ้อะไรหรือเปล่า
Popular News
แสดงความคิดเห็น
ก็คือจะเพิ่มไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ
อย่าง Xbox One ที่ว่าเล่นเกมส์ 360 ได้ ก็ยังไม่ทุกเกมส์เลยครับ แต่รายชื่อทยอยเพิ่มขึ้นทุกเดือนๆ อย่าง Ninja Gaiden 2 3 ยังเพิ่งเล่นได้ไม่กี่เดือนก่อนนี่เอง ขนาดฝั่ง Xbox พัฒนาบน Direct X นะ ยังต้องมีการปรับเพื่อให้ใช้งานได้เลย ดังนั้นใจเย็น และรอไปดีกว่าครับ หากรอไม่ไหว PS4 ตอนนี้ราคาถูกแล้ว (ไม่อยากลงงบเยอะก็มือสองไป)
(เพราะดองไว้เยอะจนเครื่องเริ่มเปิดได้ไม่ปรกติละ) เลยเป็นความหงุดหงิดบ้าบอของผมเองงงงงงง
อย่าง Xbox One ที่ว่าเล่นเกมส์ 360 ได้ ก็ยังไม่ทุกเกมส์เลยครับ แต่รายชื่อทยอยเพิ่มขึ้นทุกเดือนๆ อย่าง Ninja Gaiden 2 3 ยังเพิ่งเล่นได้ไม่กี่เดือนก่อนนี่เอง ขนาดฝั่ง Xbox พัฒนาบน Direct X นะ ยังต้องมีการปรับเพื่อให้ใช้งานได้เลย ดังนั้นใจเย็น และรอไปดีกว่าครับ หากรอไม่ไหว PS4 ตอนนี้ราคาถูกแล้ว (ไม่อยากลงงบเยอะก็มือสองไป)
กรณี Xbox นี่ผมต้องเรียกว่า "พยายามอย่างมาก" ให้มันเล่นได้
เพราะต่อให้ Direct X เหมือนกัน แต่สถาปัตยกรรมเครื่องมันต่างกันราวฟ้ากับเหว
Xbox Original เป็น x86 + nForce
Xbox 360 เป็น Power PC + AMD GPU
Xbox One เป็น x86 Ryzen + AMD GPU
Xbox series X เป็น x86 Ryzen + AMD GPU
การจะให้ Xbox One หรือ Xbox Series X เล่นเกม Xbox Original หรือ 360 ได้นั้น มันต้องใช้ Emulator เท่านั้น
กรณี Xbox Original นั้น MS ทำ Emulator มาตั้งแต่สมัย Xbox 360 ซึ่งก็เอามาใช้ต่อบน Xbox One และ Xbox Series X
กรณี Xbox 360 นั้น ทำ Emulator ใหม่เลยสมัย Xbox One
ส่วน Xbox One กับ Xbox Series X สถาปัตยกรรม แทบจะเหมือนๆ กัน ควรจะเล่นได้เกือบทั้งหมด โดยปัญหาน้อยมาก
กลายเป็นว่า เกม Xbox Series X ช่วงแรก ทุกเกม "น่าจะ" ยังสามารถเล่นบน Xbox One ได้ด้วยซ้ำ
(ที่ออกข่าวมาว่าไม่มี Exclusive เลยนั่นแหละ เพราะเขาจะทำให้มันเล่นกับเครื่องเก่าได้)
กรณี PS5 นั้น "ควรจะ" เล่นเกม PS4 ได้ทั้งหมด โอเคแหละ ถ้าบอกว่า ต้อง test เป็นเกมๆ ไป ก็พอเข้าใจได้
ส่วน PS1 นั้น Sony จะปล่อยให้เล่นได้ก็ไม่ยากมาก เพราะมี Emulator อยู่แล้ว
PS2, 3 น่าจะไม่เคยมี Emulator มาก่อน
ดังนั้นจะเอาการที่เล่น PS4 ได้บางเกม ไปเทียบกับการที่ Xbox One เล่นเกม Xbox 360 ได้บางเกม มันเทียบกันไม่ได้ครับ
effort ที่ต้องใช้เพื่อให้มันเล่นได้ มันต่างกันมหาศาล
อย่าง Xbox One ที่ว่าเล่นเกมส์ 360 ได้ ก็ยังไม่ทุกเกมส์เลยครับ แต่รายชื่อทยอยเพิ่มขึ้นทุกเดือนๆ อย่าง Ninja Gaiden 2 3 ยังเพิ่งเล่นได้ไม่กี่เดือนก่อนนี่เอง ขนาดฝั่ง Xbox พัฒนาบน Direct X นะ ยังต้องมีการปรับเพื่อให้ใช้งานได้เลย ดังนั้นใจเย็น และรอไปดีกว่าครับ หากรอไม่ไหว PS4 ตอนนี้ราคาถูกแล้ว (ไม่อยากลงงบเยอะก็มือสองไป)
ผมมี ps4 ครัช แต่ถึงบอกไงว่าเซ็งยังไงก็ไม่รู้ แต่ถ้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบ Xbox ก็คงดี
และถ้าเอาที่เม้นบนผมคือผมหวังแบบอยากให้เล่นเกมส์ดอง ps3 ที่เครื่องเริ่มไม่ไหวได้ด้วยนั่นแหละครัช 5555
(เพราะดองไว้เยอะจนเครื่องเริ่มเปิดได้ไม่ปรกติละ) เลยเป็นความหงุดหงิดบ้าบอของผมเองงงงงงง
ยากมากที่จะให้เล่นเกม PS3 ได้ เพราะ Cell processor ใน PS3 มันไม่เหมือนชาวบ้าน ใช้งานยาก กว่าจะให้พวก SPU ทำงานได้ดีก็เกือบท้ายๆ เจน พอมายุค PS4, PS5 ก็ใช้ x86 ต่างกันเยอะ จะทำ software emulator ก็เพิ่มต้นทุนเปล่าๆ จะใส่ชิป Cell มา เหมือนตอน PS3 รุ่นแรกใส่ชิป Emotion Engine+graphic synthesizer (ของ PS2) ก็เพิ่มต้นทุน+ความร้อนอีก อีกอย่างนึงเกมดังๆ PS3 ก็มาทำใหม่ลง PS4 เยอะอยู่นะ PS5 เล่นย้อนได้แค่ PS4 ก็โอเคแล้วล่ะ
ส่วนเกมส์ที่ดองแบบอยากเล่นมากคือ tales of graces อ่าครัช
Card จอ เทียบเท่า RTX 2070
SSD เร็วกว่าในท้องตลาดครับ
2080 10.1 tflop
เสปคแรงอยู่ ถ้า ของxbox นี่น่าจะแรงกว่า2080 super หน่อยๆ
เทียบราคาPC การ์ดจอ20kกว่าๆ cpu6500 ขายถูกคนน่าจะซื้อแหละครับใช้้ยาวๆ
และ ssd ก็มีความต่างกว่าเพราะคัสตอม(ดัดแปลงเฉพาะ)ชิปคอนโทรเลอร์หน่วยความจำบนคอนโซลทั้ง 2 จ้าวด้วย
โดยตัว ps5 ใช้เป็นพอร์ตมารตฐานตัวล่าสุด(pcie 4.0)ที่ตอนนี้มีแค่บนบอร์ด pc ของ amd รุ่นล่าสุดเท่านั้น(และแค่ราคาเมนบอร์ดอย่างเดียวก็เกือบหมื่นไปจนถึงหลายหมื่นละ)
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มี os ที่ต่างจาก pc ด้วยครับในแง่ของการบริโภคทรัพยากรณ์ฮาร์แวร์ที่น้อยกว่า windows ทำให้มันรีดประสิทธิภาพได้แทบหมดจด ถ้านักพัฒนาเกมคุ้นเคยกับมัน
ฟัง ๆ ดูแล้วราคาน่าจะแพงแน่เลย เป็นไปได้ใหมว่า เครื่องนี้ราคาจะถึง 1000 เหรียญUS
SSD ของ PS5 นี่ถ้านับแค่ raw data ก็ชน ssd ที่วิ่งบน pcie4.0 แหละ แบบ theoretical นะ แต่ถ้านับรวมแบบ compressed data แล้วนี่ ssd pcie4.0 ก็วิ่งไม่ถึง
ประโยชน์มากกว่าแค่ โหลดเกมโหลดด่านเร็วครับ ด้วยความที่มันเร็ว มันถ่าย data ไป ram ได้ไวมาก ทำให้ไม่ต้องอ่านข้อมูลจาก storage เข้ามาเก็บไว้ที่ ram เพื่อรอให้ใช้งาน(ซึ่งอาจจะถูกใช้ก็ได้ ไม่ถูกใช้ก็ได้ ทำให้มันเปลืองพื้นที่โดยเปล่าประโยชน์) อีกต่อไป ทำให้เอาแรมไปใช้งานอย่างอื่นได้แทนที่จะเอามาแค่พักข้อมูล
ผลคือ game world จะยัด detail ได้มากขึ้น เพราะแรมเหลือใช้ละหนิ มีผลกับพวก lod, draw distance (จริงๆมันก็แรมอ่ะนะ เอาไปใช้ทำอย่างอื่นได้อีกแหละ) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ยังต้องใช้พลังในการเรนเดอร์เพิ่มขึ้นอ่ะนะ จำ dev เขาว่ามาแบบนี้แหละ มาบอกให้ฟังเฉยๆ
[Link]
แล้วอ่านข่าวที่คุณNo.No.Noแปะมา เข้าใจละว่าทำไมถึงมีdevบอกว่าของPS5ดีกว่า แปลว่าSSDตัวนี้น่าจะเทพจริงสินะ
แบบนี้ไฟนอล7รีเมคภาคต่อ การทำเป็นOP worldขนาดใหญ่ อาจจะไม่ใช่เรื่องยากแบบที่ใครๆหลายคนคิด
ถือว่า sony มาถูกทาง กว่าตลาด PC จะตามทันน่าจะอีกซักพักใหญ่ สร้างข้อแตกต่างได้พอสมควร
แต่สำหรับเกม multi dev อาจจะปวดหัวเพิ่ม
ยังไม่อยากซื้อSSDมาเปลี่ยนให้ps4 รอps5เลยละกัน
......ถ้าเงินไม่เหลือกินเหลือใช้จริง ๆ ไม่แนะนำมากครับ เห็นผลขึ้นมาไม่ทันตาขนาดนั้นครับ
เกมส์ PS4 จะทำงานด้วยความละเอียดที่สูงขึ้น + อัตราเฟรมที่ดีขึ้น
ยิ่งตอนหลังมีคนมาอธิบายให้เข้าใจง่ายๆเรื่องคุณประโยชน์ของ Custom SSD PS5 แล้ว งานดีเลย
Backward compatibility ที่รองรับได้เยอะขนาดนี้
ตอนนี้เหลือแค่หน้าตาเครื่องกับราคา
แล้วก็ Controller ตัวใหม่ที่จะมีมากกว่าไอ้ระบบตรวจชีพจรอะไรนี่มั้ย
Console เจนนี้ผมว่าสนุกแน่ๆ
แข่งกันขนาดนี้ ผู้บริโภคได้ประโยชน์เต็มๆคร้าบ
เดานะ 555+
- ปัญหาที่ Sony พยายามแก้คือเรื่อง power management(การจัดการพลังงาน) ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความร้อนที่ชิพปล่อยออกมา
- ยก ตย. เป็น PS4 ที่เป็น locked frequency คือ หากล็อค clock speed สิ่งที่ต้องแลกคือ การจัดการการใช้พลังงาน มันจะจัดการไม่ได้ เพราะอัตราการใช้พลังงานมันไม่ได้เกิดจาก clock speed แต่มันเกิดจาก workload(ต่อให้ clock speed เท่ากันแบบ PS4 การใช้พลังงานของแต่ละเกมไม่เท่ากัน)
- เพราะฉะนั้นการที่ล็อค clock speed เท่ากับว่า อัตราการใช้พลังงานจะแกว่งไปๆมาๆตาม workload ซึ่งไม่มีทางรู้ได้เลยว่า worst case scenario(กรณีที่เลวร้ายสุด) จะโดนใช้พลังงานไปเท่าไหร่
- มันเลยเกิดเป็น guessing game(เกมการคาดเดา) ขึ้นมา ว่าจริงๆแล้ว ควรจะใช้ power supply เท่าไหร่ แล้วต้องใช้ heatsink ขนาดไหนตามที่ตัวชิพจะแผ่ออกมา
- power supply ใส่มาเหลือได้อยู่แล้ว ปัญหาคือ heatsink
- จะใช้ heatsink ระดับไหน ในเมื่อได้แค่เดา ก็เลยเกิดได้สองกรณี 1) เดาผิดใส่มาน้อยเกิน = ร้อนเกิน เสียงพัดลมดัง เลวร้ายสุดคือ อุปกรณ์ภายใน throttling down(ลด clock ลงมา) หากร้อนเกินลิมิต // 2) ใส่เผื่อมาไว้เหลือๆ ทำให้ cost ยิ่งเพิ่ม และก็ยังการันตีอัตราการใช้พลังงานและความร้อนไม่ได้อยู่ดี ว่าจะพอจริงมั้ย
- จำง่ายๆว่า locked frequency = let the power consumption runs wild (ล็อค clock = ปล่อยให้การใช้พลังงานวิ่งฟรี)
- กรณี PS5, Sony มันบอก แบบด้านบนไม่เอาละ ทำยาก เลยเปลี่ยนวิธีการคิด ดีไซน์ใหม่คือ ให้ล็อค power consumption(อัตราการใช้พลังงาน) เอา
- ผลคือ ไม่เกิด guessing game แล้วเพราะรู้แน่ชัดอยู่แล้วว่า power consumption เท่าไหร่แบบเป๊ะๆเพราะล็อคไว้แล้ว ทำให้ออกแบบได้เป๊ะๆว่า power supply ต้องใช้ขนาดไหน heatsink ต้องใช้เท่าไหร่
- แล้วปล่อยให้ cpu, gpu รันแบบ variable freq เอา ภายใต้กรอบ power consumption limit ที่ออกแบบมา
- มีชิพสำหรับ power management จัดสรรพลังงานไปให้ cpu, gpu ตัว clock speed ก็จะวิ่งเต็มที่ตามพลังงานที่ได้รับมา
- ปัญหาที่ส่วนใหญ่น่าจะกังวลคือ PS5 สองเครื่องจะได้ประสิทธิภาพเท่ากันรึเปล่า เพราะไม่ได้ล็อค clock ไว้
- ตาม Cerny บอกคือ การจัดสรรพลังงานจะไม่ใช้ระดับความร้อน แต่จะไปใช้ gpu activity แทน(ก็น่าจะเป็น % ที่ใช้งานอยู่แหละมั้ง เหมือนตอนเปิด task manager) ทำให้ PS5 สองเครื่องจะต้องมีประสิทธิภาพเท่ากัน Cerny บอกประมาณว่า "เราไม่ยอมให้ PS5 ทำงานช้าลงเพียงเพราะอยู่ในห้องร้อนๆได้"
- แล้วมีเทคฯ ของ AMD คือ Smart Shift คือ หาก cpu ไม่ค่อยได้ใช้งาน ก็จะถ่ายพลังงานไปที่ gpu แทน เพื่อให้มันง่ายต่อการ boost ไปที่ max frequency ตามที่คาดหวังไว้ 2.23GHz และ Cerny ยังบอกอีกว่า "คาดหวังว่าทั้ง cpu, gpu จะรันที่ max clock speed ซะส่วนใหญ่" เพราะ
- Cerny โชว์ให้ดูว่าปกติ เวลาเราใช้งานแอปพลิเคชั่นเนี่ย clock speed มันก็ขึ้นๆลงๆ(ถ้าไม่ได้เข้าไปปิดฟังก์ชั่นนี้ในไบออสอ่ะนะ)ตาม workload อยู่แล้ว อัตราการใช้พลังงานที่ตัว cpu, gpu เองก็จะขึ้นๆลงๆ ดังนั้นมันควรจะถ่ายพลังไปๆมาๆกันได้อยู่แล้ว
- ผลคือ ได้ clock speed ที่สูงมากตามสเปค สูงจนต้อง ลิมิตไว้ที่ 2.23GHz ไม่งั้นอุปกรณ์ภายใน gpu จะทำงานไม่เป็นปกติ
- และ Cerny บอกว่า ยังไงต้องมีแอปพลิเคชั่นที่เป็น worst case มาแน่ๆ worst case ในที่นี้คือ แอปพลิเคชั่นที่ workload แน่นมาก power consumption จะสูงจัด จนเกินลิมิต เท่ากับว่าต้องลดอัตราการใช้พลังงานลงมา จะไม่วิ่งที่ max clock speed ชัวร์ๆ แต่ยังบอกอีกว่า ถ้ากรณีนั้นเกิดขึ้นมาจริงๆ การที่จะลดอัตราการใช้พลังงานลง 10% เนี่ยจะต้องลดคล็อคลงเพียงแค่ couple of % (2-4% ละกัน) เท่านั้น performance ก็จะไม่ลดมาก
<<< [EDIT] ขอเสริมเรื่อง ทำไมลดคล็อคแค่ 2-4% แล้วอัตราการใช้พลังงานลดไปถึง 10% , ขอออกตัวไว้ก่อนว่าเดานะ แต่เดาจากที่เคยเห็น เพราะจากที่เคยเห็นจากฝั่ง PC มา การที่เรา overclock ขึ้นไปเนี่ย อัตราการใช้พลังงานมันไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบ linear เช่น GPU 1GHz = 100w แล้ว overclock GPU ไป 2GHz จะเป็น = 2x100w นะอันนี้คือ linear แต่ตามความเป็นจริง(เท่าที่เคยเห็นมานะ) มันจะกลายเป็นว่า overclock GPU to 2GHz เนี่ย จะกินไฟเพิ่มอีกมหาศาล อาจจะเกิน 200+ หรือ 300+ อะไรแบบนี้ อันนี้เป็นตัวเลขที่สมมุติขึ้นมานะ ของจริงที่เคยเห็นของ AMD ตระกูล HD 6000series มั้ง overclock ไปอีกไม่กี่ร้อย MHz แต่กินไฟขึ้นเยอะมากๆ แต่กรณีนี้เป็นการ downclock(ลดคล็อค) เลยทำให้ลดคล็อคแค่นิดเดียวเลยลดอัตราการใช้พลังงานลงมาเยอะ ประมาณนี้ >>>
- ด้วยเหตุที่มันไปล็อค power consumption , Cerny เลยบอกว่า เราก็เผื่อมาให้แหละ, น่าจะหมายถึงเผื่อลิมิตมาให้ เมื่อพลังงานพอใช้ มันก็จะง่ายที่จะทำให้ cpu, gpu วิ่งที่ max clock speed ตามที่ว่ามาด้านบน
- จำง่ายๆว่า locked power consumption = let the frequencies run wild (ล็อคอัตราการกินพลังงาน = ปล่อย clock speed วิ่งฟรี)
สรุปทั้งหมดทั้งมวล PS5 ทุกเครื่องควรจะมีประสิทธิภาพที่เท่ากัน แล้ว cooling solution Heatsink จะเป็นยังไงให้รอดู teardown เอา Cerny บอก เราคนใช้ก็น่าจะพอใจกันนะ