Step 1: เล่นในความยากระดับ Galaxy เพื่อปลดล็อคความยากระดับ Universe ซึ่งเซฟนี้ เรียกได้ว่าเป็นเซฟที่เราจะเก็บทุกอย่างให้ใกล้เคียงกับ 100% ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเอา 9 ฉากจบ ซึ่งเป็นไปได้ที่จะซิวครบในการเล่นรอบเดียว โดยการเอาฉากจบเหล่านั้น การทำ PA (Private Action) จะเป็นตัวชี้วัดฉากจบ แนะนำให้อ่านตามไกด์นี้ เพื่อการันตีฉากจบที่ต้องการ
[Link]
ผมขอยืนยันด้วยตัวเองว่าสามารถเอา 9 ฉากจบในการเล่นรอบเดียวได้จริง เพราะผมก็เล่นตามไกด์นี้แหละ
แล้วข้อที่ควรพึงระวังไว้อีก 2 อย่าง คือ
- การใช้สกิล Pickpocket ส่งผลลบต่อค่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร นั่นหมายถึง มีโอกาสที่จะทำให้เราพลาดฉากจบของคนใดคนหนึ่งไป ระวังให้ดี
- การใช้ไอเท็ม Love Potion 256 ส่งผลบวกต่อค่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร นั่นหมายถึง ไอเท็มประเภทนี้สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในช่วงเวลาที่เราตอบคำถามระหว่างทำ PA ผิด เพราะเป็นไปได้ว่า มี PA ในภายหน้านี้ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อค่าความสัมพันธ์เรากับตัวละครใดตัวละครหนึ่งสูงพอ เราก็สามารถใช้ไอเท็มนี้ช่วยในจุดๆนี้ แต่ไม่ใช่ว่าวิธีนี้จะการันตีฉากจบได้เต็ม 100% เพราะฉากจบของตัวละครทุกตัว อาจมีเงื่อนไขบังคับที่เราต้องทำ PA อันใดอันหนึ่ง ก็หมายถึง ถ้าเราไปพลาด PA ที่ว่าไป ยังไงซะ การใช้ Love Potion 256 ก็ไม่อาจกู้สถานการณ์กลับมาได้ ระวังให้ดี

และสิ่งที่อยากแนะนำคือ ถ้าเป็นไปได้ อย่าขายไอเท็มทุกชนิด เพราะเราสามารถเก็บไว้ทำ Item Creation ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Ancient Cannon ซึ่งเป็นไอเท็มที่เก็บได้เพียงชิ้นเดียวตลอดเกม (มีโอกาสได้ชิ้นที่ 2 คือไปสุ่มหีบเอาในดันเจี้ยนลับ ซึ่งไม่แนะนำอย่างยิ่ง เพราะโอกาสเปิดเจอมันต่ำมากถึงมากที่สุด)

รวมถึง BT (Battle Trophies) ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ผมแนะนำให้ดูวิธีเก็บตามไกด์นี้
[Link]
และควรอ่านควบไปกับ Guide & Missable ด้านล่างนี้ที่ผมพิมพ์ไว้ด้วย เพราะบางช่วงจะมีวิธีเก็บ BT ได้ง่าย แม้ว่าเราพลาดไปแล้ว แต่ความหมายไม่ใช่พลาดแล้วพลาดเลย เพียงแต่เราอาจพลาดโอกาสในการเก็บ BT แบบง่ายๆไป
อันนี้ผมรวบรวมไว้ให้ เป็น BT ที่อาจพลาดได้ และทำในภายหลังได้ยาก ถ้าไม่ทำก่อนในช่วงที่มีโอกาสงามๆ


ที่สำคัญ พยายามเก็บพวกการทำ Item Creation, Quest, Monster Data, Weapon Data, Spaceship Data และ Treasure Chest แต่บางชิ้นอาจ Missable ได้ในช่วงแรกของเกม ให้เล่นโดยมีบทสรุปเป็นตัวช่วยร่วมไปด้วย จะดีมาก
[Link]

Step 2: เคลียร์ความยากระดับ Universe เพื่อปลดล็อคความยากระดับ Chaos ใน Playthrough นี้ เราสามารถเก็บตกพวก 100% บางอย่างได้ เช่น ฉากจบ หรือ Spaceship Data

Step 3: เคลียร์ความยากระดับ Chaos นี่ก็จะเป็นอีกโอกาสนึงที่จะเก็บตกพวกถ้วย 100% บางชิ้น

Step 4: เล่น Earth Mode เพื่อเราจะเริ่มเก็บ BT ที่เหลือของ Faize (หากใครมีแยกเซฟในช่วงก่อน Faize ออกปาร์ตี้ และไม่ได้เล่นพลาดพวก Missable อะไรไปในเซฟ Galaxy จะเอาเซฟนั้นมาเก็บของ Faize ต่อก็ย่อมได้) ให้ Speed Run จนจบเกม แล้วใช้เซฟนี้เก็บตกที่เหลือให้หมด โดยเฉพาะกับพวกฆ่าๆบอสใน xx นาที เล่นโหมดนี้จะขนมสุดแล้ว เพราะมอนสเตอร์จะกระจอกกว่า Galaxy

<1> [Calnus] ที่ Recreation Room ให้คุยกับ Van เราจะได้ Recipe Memo 05 มา ถ้าลืมตรงนี้ไปแล้ว เราจะไม่สามารถเก็บถ้วย World's Biggest Welch Fan ได้ ระวังด้วย

<2> [Aeos: Northern Coast] หลังชนะ Armaros เราจะได้ Faize มาร่วมทีม เป็นโอกาสดีที่จะเริ่มเก็บ BT (Battle Trophy) บางชนิดให้กับ Faize เช่น Reduce an enemy's HP to x กับ Defeat x types of enemies
Optional: ตอนสู้กับ Armaros ถ้าเป็นไปได้ แนะนำว่าควรให้ Faize เป็นคนลาสต์ช็อตบอส เพราะนี่จะเป็น 1 ในเงื่อนไข BT: Defeat 55 Grigori

<3> [Aeos: Exploration Base] ซื้อ Eldarian Bow เก็บไว้ด้วย เพราะจำเป็นต้องใช้ในเควสข้างหน้าซึ่งพลาดแล้วพลาดเลยได้เหมือนกัน และอย่าลืมเก็บข้อมูลยานอวกาศตามนี้ให้หมดด้วย
- Spaceship Data 016: Sol (Eldarian Shuttlecraft)
- Spaceship Data 012: Zagzagel (Eldarian Cruiser)
- Spaceship Data 015: Rednuht (Eldarian Battleship)
- Spaceship Data 007: SRF-004 Dentdelion
- Spaceship Data 008: SRF-005 Eremia
- Spaceship Data 006: SRF-002 Balena
รวมถึงหีบ 2 ใบในนี้
- Blueberries x 1, Blackberries x 1
- Uncooked Pasta x 1, Olive Oil x 1
เพราะหลังจากเราเดินทางไป En II ตอนช่วงหลังของเกม เราจะไม่มีโอกาสได้ย้อนมาเก็บที่นี่อีกต่อไป

<4> [Lemuris: Triom] หลังได้ Lymle มาร่วมทีม หากกลับไปที่ยานของเราแล้วจัดให้ Faize อยู่ห้องเดียวกับ Edge จะมี Private Action บางอย่างเกิดขึ้น
Optional: หลังได้ไอเท็ม Health Seeds มา (เพิ่มค่า Max HP) อย่าเพิ่งกดใช้ให้กับตัวละคร เพราะจะมีทริคพิเศษสำหรับเก็บ BT ประเภท Recover exactly 777 / 7,777 / 77,777 HP ในภายหลัง
และอย่าลืมเก็บหีบ Missable ในบ้านของ Lymle ด้วย
- Demon Amulet x 1

<5> [Lemuris: Woodley Village] ในช่วงนี้ เราจะใช้ Pickpocket ได้ หากซื้อ Bandit's Gloves มาใส่ แต่อย่าเพิ่งไปขโมยซี้ซั้วะ เพราะมันส่งผลลบต่อฉากจบตัวละครด้วย
ที่สำคัญอีกอย่าง ให้ฟาร์มไอเท็มเหล่านี้เก็บไว้ด้วย เพื่อใช้ในการทำเควส Missable ข้างหน้า
- White Rice x 3 (สกิลขุดของ Reimi: Lemuris)
- Gambleberries x 3 (สกิลขุดของ Reimi: Lemuris)
- Iron x 5 (Drops: Polyphaga; สกิลขุดของ Bacchus: Lemuris)
- Silver x 4 (ดร็อป: Stone Golem; Mine: Lemuris)
- Lizardskin x 5 (ดร็อป: Lizard Soldier, Wise Lizardmen)

<6> [Celestial Ship] หลังชนะ Barachiel แล้ว เควสที่ Triom จะหายไปโดยทันที หากยังไม่ได้จบเควส อย่าเพิ่งชนะบอส ให้ย้อนกลับไปทำให้เรียบร้อยซะ
Optional: ตอนสู้กับ Barachiel ถ้าเป็นไปได้ แนะนำว่าควรให้ Faize เป็นคนลาสต์ช็อตบอส เพราะนี่จะเป็น 1 ในเงื่อนไข BT: Defeat 55 Grigori

<7> [Lemuris: Triom] จัดการชาร์จ Fire Ring กับนักเวทย์ที่ยืนอยู่ตรงกลางของเมืองให้เรียบร้อย เพราะดันเจี้ยนหน้าเราต้องใช้มัน
Warning!!: ในช่วงที่ 3 ของการวาร์ป ระหว่างเดินทางไปยัง Cardianon Mothership อย่าลืม trigger PA กับ Lymle ในห้องทำ Item Creation เพราะเป็น 1 ในเงื่อนไขปลดล็อคฉากจบของ Faize
Warning!!: ในช่วงที่ 5 ของการวาร์ป มีอีก 1 Private Action สำคัญกับ Reimi ที่ห้อง Battle Simulator (ชั้น 2 ของยาน) เป็น 1 ในเงื่อนไขที่ปลดล็อคฉากจบของ Crowe

<8> [Cardianon Mothership], [Biological Laboratory]. [Subterranean City], [Control Tower] ใน 4 ดันเจี้ยนนี้ ต้องเปิดหีบให้ครบทุกใบก่อนเอาชนะบอส เพราะเป็นดันเจี้ยนที่เข้าได้ครั้งเดียว และอย่าลืมเก็บข้อมูลยานอวกาศในนี้ด้วย
- Spaceship Data 021: Cardianon Mothership
อันนี้คือ 4 หีบที่เราต้องใช้ Fire Ring ในการทำลายบาเรียน้ำแข็งก่อนเปิดหีบได้
- Crystal x 1 (Cardianon Mothership B1)
- Silver x 1 (Cardianon Mothership B2)
- Icicle Rapier x 1 (Cardianon Mothership: Subterranean City)
- Skill Manual "Mindflare" x 1 (Control Tower 2F)
Optional: ควรให้ Faize เป็นคนลาสต์ช็อตมอนสเตอร์ทุกประเภทใน 4 ดันเจี้ยนนี้ เพื่อเก็บ BT: Defeat x types of enemies
Optional: มอนสเตอร์ส่วนใหญ่ในนี้จะเป็น robot เกือบทั้งนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมในการเก็บ BT ของ Bacchus ประเภท Defeat xx mechanical enemies กับ Obtain xx Robotics item drops ซึ่งถ้าตั้งใจจะเก็บให้ครบทั้งสองอย่างนี้ น่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 ชม. (เห็นตามบอร์ดนอกเขาว่ากันอย่างนั้น - -)

<9> หลังชนะ Sahariel แล้ว ช่วงที่เรายังอยู่ในยานของตัวเอง ให้รีบจัดการเคลียร์เควสที่ดาว Aeos ซะ หากเราเดินทางไป En II เราจะไม่มีโอกาสได้กลับมาปิดเควสที่นั่นแล้ว
Optional: ตอนสู้กับ Sahariel ถ้าเป็นไปได้ แนะนำว่าควรให้ Faize เป็นคนลาสต์ช็อตบอส เพราะนี่จะเป็น 1 ในเงื่อนไข BT: Defeat 55 Grigori

<10> [Abandoned Town], [Military Facility] เป็นสถานที่และดันเจี้ยนที่เข้าได้เพียงครั้งเดียว จำเป็นต้องเก็บหีบให้ครบก่อนจบเหตุการณ์ที่นี่
มี 2 หีบในนี้ที่จำเป็นต้องใช้ Fire Ring
- Compact Freezing Bomb x 3
- Compact Freezing Bomb x 3 (ไม่ได้พิมพ์ซ้ำนะ 2 หีบนี้มันดันไอเท็มเหมือนกัน)
Optional: ควรให้ Faize เป็นคนลาสต์ช็อตมอนสเตอร์ทุกประเภทในดันเจี้ยนนี้ เพื่อเก็บ BT : Defeat x types of enemies

<11> [Roak: Astral City] ที่ปราสาทชั้น 2 ให้คุยกับทหารที่ยืนตรงมุม 2 ครั้ง เราจะได้รับเควส "The Stray Carrot" มา จากนั้นไปที่เมือง Tatroi แล้วใช้ Pickpocket ขโมยคนที่อยู่ในโรงเตี๊ยม (ควรเซฟก่อนขโมย ในกรณีขโมยล้มเหลว) เราจะได้ของที่ใช้ปิดเควสนี้มา

<12> [Roak: Tatroi] จากบริเวณเดียวกันกับที่นั่งเรือไป Astral เดินไปยังทิศเหนือแล้วเข้าบ้านที่อยู่ด้านขวามือ คุยกับผู้หญิงข้างใน เราจะได้รับเควส "The First Errand" มา หลังปิดเควสนี้ได้ เราจะได้ Ultimate Bomb มา ไอเท็มชิ้นนี้มีประโยชน์สุดยอดสำหรับการทำ Item Creation อย่าเอาไปใช้สุ่มสี่สุ่มห้า เก็บไว้ให้ดี
Warning!!: หลังจากได้ Myuria มาร่วมทีม ให้รีบกลับไปที่ยานทันที เพื่อทำ PA สำคัญที่จำเป็นต่อการปลดล็อคฉากจบของ Crowe เส้นตายคือหลังเอาชนะบอสที่ Purgatorium หากเลยไปแล้วก็จบกัน

<13> [Roak: Purgatorium] Optional: ตอนสู้กับ Tamiel ถ้าเป็นไปได้ แนะนำว่าควรให้ Faize เป็นคนลาสต์ช็อตบอส เพราะนี่จะเป็น 1 ในเงื่อนไข BT: Defeat 55 Grigori
Warning!!: ในช่วงที่ 5 ของการวาร์ป คุยกับ Reimi ที่ห้อง Item Creation เพื่อทำ PA สำคัญ ซึ่งเป็น 1 ในเงื่อนไขฉากจบ Faize (PA นี้แหล่มเป็ดมาก ห้ามพลาดเด็ดขาด)
Warning!!: ในช่วงที่ 6 ของการวาร์ป ไปที่ Recreation Room แล้วคุยกับ Lymle เป็น 1 ในเงื่อนไขฉากจบ Faize อีกเช่นกัน

<14> [Roak: Tatroi] หลังจากเราเคลียร์ดันเจี้ยนข้างต้นแล้วให้กลับไปที่ Tatroi จัดการให้ Edge ใส่ Bandit's Gloves เพื่อขโมยของจาก hooded man ที่ skill shop เพื่อใช้ปิดเควส "Whodunit?"

<15> [Calnus] ระหว่างที่เรากำลังจะเดินทางไปยัง Aeos ให้รีบจัดการให้ Faize กับ Lymle อยู่ห้องนอนเดียวกันซะ หากจับคู่ไม่ได้ ให้ใช้ Love Potion 256 ช่วย
Warning!!: ในช่วงที่ 3 ของการวาร์ป คุยกับ Lymle ที่ Recreation Room เพื่อทำ PA ที่จำเป็นต่อฉากจบของ Faize

<16> [Aeos] หลังจากนำยานลงจอดที่ดาว ก่อนสู้กับ Phantom
Warning!!: ไปที่ห้องข้างๆห้อง Item Creation แล้วจะตัดเข้า cutscene นี่เป็น PA สำคัญต่อฉากจบ Faize เส้นตายคือหลังสู้กับ Phantom แล้วแยกทางกับ Faize หากเลยไปแล้วก็จบกัน
Warning!!: ไปที่ห้องที่เราจับคู่ Faize อยู่กับ Lymle แล้วคุยกับ Lymle นี่เป็น PA สำคัญต่อฉากจบ Faize เส้นตายคือหลังสู้กับ Phantom แล้วแยกทางกับ Faize หากเลยไปแล้วก็จบกัน
Warning!!: นำ Faize มาสร้าง recipe ดังต่อไปนี้ให้ครบก่อนสู้กับ Phantom [Iron Saber, Elastic Rapier, Rune Saber, Onyx Saber] แล้วจัดการแยกเซฟนี้ไว้ต่างหากเลย เพราะหลังจบเกมไปแล้วรอบนึง โหลดเซฟนี้ขึ้นมา เมื่อเราชนะ Phantom หลังจากนี้ เราจะสามารถเลือกให้ Faize อยู่ในปาร์ตี้เพื่อเก็บ BT ของเขาได้
Optional: ช่วงที่สู้กับ Phantom นี่คือโอกาสทองที่จะเก็บ BT: Survive three/four/five/six ambushes in one battle ของ Edge ซึ่งวิธีทำก็คือ


<17> [Aeos: Miga Insect Warren] Optional: ตอนสู้กับ Armaros Manifest ถ้าเป็นไปได้ แนะนำว่าควรให้ Faize เป็นคนลาสต์ช็อตบอส เพราะนี่จะเป็น 1 ในเงื่อนไข BT: Defeat 55 Grigori

<18> [Calnus] ระหว่างเดินทางไปยัง En II
Warning!!: ในช่วงที่ 2 ของการวาร์ป ไปที่ Recreation Room แล้วคุยกับ Reimi หรือ Lymle นี่ก็เป็น 1 ในเงื่อนไขฉากจบ Faize อีกเช่นกัน
Warning!!: ในช่วงที่ 5 ของการวาร์ป ไปที่ Recreation Room แล้วคุยกับ Reimi หรือ Arumat แล้วเลือกตอบว่า "He is like a rival to me!" นี่ก็เป็น 1 ในเงื่อนไขฉากจบ Crowe
Warning!!: ในช่วงที่ 7 ของการวาร์ป ไปที่ห้อง Battle Simulator แล้วคุยกับ Sarah หรือ Lymle นี่ก็เป็น 1 ในเงื่อนไขฉากจบ Faize เช่นเดิม

<19> [En II: Centropolis] เดินเข้าไปในตึกที่อยู่ตรงกลางเมือง ให้คุยกับผู้หญิงที่เดินไปเดินมาอยู่แถวๆนี้ จะได้รับเควส "Where's the Recipe?" มา ให้ Edge สวม Bandit's Gloves แล้วขโมยของจากผู้ชายผมบลอนด์ที่อยู่ในร้านขายของตรงขวามือของเมือง (คนเดียวกันกับที่ให้เควส "The Elusive Female Firefly" เรามา) เพื่อใช้จบเควสนี้ คราวนี้ก็เลิกเป็นขโมยซะที เพราะไม่มีเควสจำเป็นต้องใช้ Pickpocket อีกแล้ว

<20> [En II: Sanctuary] Optional: ตอนสู้กับ Kokabiel ถ้าเป็นไปได้ แนะนำว่าควรให้ Faize เป็นคนลาสต์ช็อตบอส เพราะนี่จะเป็น 1 ในเงื่อนไข BT: Defeat 55 Grigori
Optional : อย่าลืมนำ Bacchus มาปราบ Kokabiel Spawn (ลูกน้องบอส) 100 ตัว เพราะเป็น BT: Defeat 100 Kokabiel Spawn

<21> [Calnus] หลังเหตุการณ์ที่เราสามารถเข้าดันเจี้ยนสุดท้ายของเกมได้ ให้ไปคุยกับ Lymle ถ้า PA ขึ้น แสดงว่าค่าสนิทสนมระหว่าง Faize กับ Lymle สูงพอที่จะปลดล็อคฉากจบของ Lymle ได้ แล้วถ้าทำ PA ที่เป็นเงื่อนไขของฉากจบ Faize มาตลอดที่ผมเขียนไว้ข้างต้น ก็สบายใจได้เลยว่าได้ฉากจบ Faize แล้วแน่นอน

<22> [Nox Obscurus: Halls of Termination] ต้องมีไอเท็ม Funeral Bouquet (Item Creation) ไปสำรวจตรงจุดที่ยานของ Crowe ตกหน้า Palace of Creation จะเป็น PA สุดท้ายที่อยู่ในเงื่อนไขฉากจบ Crowe

จุดที่แตกต่างหลักๆจากโหมดความยากก่อนหน้านี้
1. ค่าสเตตัสของมอนสเตอร์เพิ่มขึ้นจากเดิมค่อนข้างเห็นได้ชัด
2. Rush Gauge ของศัตรูจะเด้งเร็วมาก ดังนั้นเราจึงมีโอกาสโจมตีศัตรูได้ไม่กี่ที มันก็จะเข้าสู่ rush mode แล้ว เราก็ไม่สามารถโจมตีให้มันชะงักได้บ่อยครั้งนัก
3. ตัวล็อคเป้าของศัตรูที่เรามองเห็นนั้น ไม่มีใน chaos แล้ว ดังนั้นการทำ blindside จึงลำบากขึ้นอีกพอสมควร เพราะเราต้องสังเกตให้ถี่ถ้วนกว่าเดิม ว่าศัตรูมันกำลังเล็งโจมตีใครอยู่

สิ่งที่ควรเตรียมพร้อมก่อนตะลุยโหมด chaos (ไม่จำเป็นต้องมี แต่ถ้ามีก็จะช่วยได้มาก)
1. Monster Data ของ Ashlay Bernbeldt ครบ 100%
2. Monster Data ของ Spriggan ครบ 100% (มอนสเตอร์ตัวนี้จะอยู่ใน Cave of the Seven Stars ชั้น 6 กับ 7)
3. Monster Data ของ Arch Spellmaster ครบ 100% (มอนสเตอร์ตัวนี้จะอยู่ใน Wandering Dungeon ชั้น 6 ขึ้นไป)
4. Battle Trophies ครบ 100% (เพื่อ Extra CP)
5. จำให้ขึ้นใจว่า BEAT:B เมพสุดใน chaos จงปรับให้ตัวละครที่เข้าปาร์ตี้เรามาใหม่ทันที

หมายเหตุ : ไกด์นี้ ผมเขียนขึ้นจากประสบการณ์ที่ตัวเองเล่น และสามารถเล่นจบเกมในโหมด chaos ได้ภายใน 8 ชม. ทั้งหมดนี้อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่ทุกท่านสามารถใช้ไกด์นี้ประกอบการเล่นได้ แล้วไปประยุกต์วิธีสู้ ตลอดจนจัดเครื่องสวมใส่ที่ใช้ต่อสู้ได้ในแบบฉบับที่ตนเองถนัด

<1> ช่วงลงจอดสู่ Aeos เป็นครั้งแรก
ช่วงแรกๆของเกม ควรเลี่ยงการต่อสู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วพยายามเก็บหีบกับใช้ harvesting ตรงจุดเก็บ เพื่อค่า SP มาอัพสกิล Rising Blade ให้ Edge และอย่าลืมปรับ BEAT:B ให้ Edge ด้วย จนกระทั่งถึงจุดฟื้น HP/MP เต็ม ให้ใช้โอกาสนี้เก็บเลเวลตัวละครให้ได้ซัก 4 เป็นอย่างน้อย

The 1st Battle <Armaros>
เลเวลปาร์ตี้ : 4-5
ความยาก : 4/10
แนะนำให้ตั้ง Faize เป็น Manual เพราะป้องกันไม่ให้ AI โชว์ความโง่ด้วยการวิ่งเข้าไปใส่บอสแบบหน้ามืด แล้วก็ลงไปกองอย่างรวดเร็ว (แม้เราจะตั้ง Tactic เป็น Stay out of Trouble คอมก็ยังไม่ฉลาดชอบวิ่งเข้าไปใกล้ๆบอสประจำ
-*-) ให้คุมตัว Edge แล้วใช้ blindside ตลอด สังเกตเมื่อ Rush Gauge บอสใกล้เต็ม ให้รีบโจมตีด้วยการเสยบอสขึ้นฟ้า เพราะระหว่างนี้มันจะโต้ตอบเราไม่ได้ การต่อสู้นี้อาจเสียเวลาพอสมควร แต่ให้อดทนทำแบบนี้ไปเรื่อยๆก็จะเอาชนะได้ในที่สุด

<2> หลังเตรียมตัวเดินทางสู่ Lemuris
ให้รีบคุยกับ Faize ในยาน เราจะได้ Monster Jewel มา ให้รีบแปลงเป็น Ashlay Bernbeldt Jewel ซะ อันนี้สำคัญมาก แล้วมันจะช่วยให้การต่อสู้ในดาว Lemuris กลายเป็นความยากระดับ Earth ไปทันที

<3> ดาว Lemuris ตรงพื้นน้ำแข็ง ก่อนเข้าดันเจี้ยน Alanaire Citadel จะมี Monster Jewel อยู่ในหีบ เก็บแล้วแปลงเป็น Ashlay Bernbeldt Jewel เช่นเดิม คราวนี้ การต่อสู้จะยิ่งง่ายขึ้นเป็นกอง

The 2nd Battle <Dragon Newt>
เลเวลปาร์ตี้ : 12-13
ความยาก : 7/10
การต่อสู้นี้ค่อนข้างลำบาก เพราะบอสมันมีสกิล No Guard คือ การโจมตีเราจะแทบไม่ทำให้มันชะงักเลย ให้คุมตัว Reimi แล้วคอยตอดจากระยะไกลด้วย Sonic Thorn คอยสังเกตเมื่อบอสพุ่งเข้ามาใส่เรา ให้รีบกดกระโดดหลบ แล้วถอยห่างมาตั้งหลัก จนกว่าบอสจะเลิกสนใจเรา

<4> ใน Woodley Village ให้ซื้อ Bandit's Gloves กับสกิล Pickpocketing มา แล้วให้ Edge เรียนสกิล Pickpocket ให้ถึง Lv5 เป็นอย่างน้อย จากนั้นก็จัดการล้วงกระเป๋า npc ในเมืองให้เรียบ (ที่ผมทำแบบนี้ เพราะประหยัดตังค์ไม่ต้องซื้อไอเท็มด้วย แล้วก็จะได้ลดค่าสนิทสนมกับตัวละครคนอื่นๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลานั่งดูฉากจบของแต่ละคนตอนจบเกม)

The 3rd Battle <Barachiel>
เลเวลปาร์ตี้ : 15-16
ความยาก : 5/10
ก่อนสู้กับบอสตัวนี้ Edge ควรติดสกิล HP Boost (Lv 3+) กับมี Rising Blade Lv10 ในขณะที่สู้ให้ตั้ง Reimi กับ Faize เป็น Manual แล้วปิดสกิลทุกอย่างของ Lymle ออกให้หมดยกเว้น Healing (หรือสกิลฮีลขั้นที่สูงกว่า ในกรณีที่เก็บเลเวลมาเยอะ)
วิธีหลักๆในการสู้คือรอจังหวะให้บอสเอาตัวทิ่มใส่พื้น ซึ่งจะมี 2 สกิลก็คือ Dragon Tornado กับ Freezing Circle ผมไม่แนะนำให้ทำ blindside เพราะตัวละครเราอาจชะงักจากการถูกรัศมีพลังจากบอส แล้วทำให้ตัวละครล้ม เราจะเสียจังหวะในการสวนกลับ ให้ค่อยๆใจเย็นๆรอจังหวะมันทิ่มลงพื้น จากนี้ให้รีบเอา Edge วิ่งไป Rising Blade ใส่ตรงบริเวณจุดกลมๆของบอส (จุดอ่อนนั่นแหละ) หากตัวบอสชะงักแล้วลอยขึ้นฟ้า ให้ chain ด้วย Rising Blade ต่ออีกระลอก เมื่อบอสเข้า rush mode ก็รีบถอยออกมา หากมันเอาตัวทิ่มพื้นในระหว่าง rush mode นี้ ให้รีบสลับตัวไปยัง Reimi แล้วอัดด้วย Sonic Thorn (แต่วิธีนี้ระวังบอสมันหันไปเล่นงาน Reimi แทน)
หลังสู้ชนะจะได้ Monster Jewel ให้แปลงเป็น Ashlay Bernbeldt Jewel แล้วใส่ซะ

<5> หลังกลับไปที่ยานก่อนเดินทางไปยัง Cardianon Mothership ให้ pickpocket จาก Faize เราจะได้ Monster Jewel มาอีกชิ้น ให้แปลงเป็น Ashlay Bernbeldt Jewel เช่นเคย เท่ากับตอนนี้เราจะมีตัวละคร 4 ตัวแล้วที่ใส่ Jewel ชิ้นนี้

<6> ให้เก็บ Monster Jewel ใน Cardianon Mothership แล้วแปลงเป็น Spriggan Jewel เก็บไว้ให้ดี เดี๋ยวได้ใช้แน่นอน

<7> หลังได้ Bacchus มาร่วมทีม ปรับเป็น BEAT:B แล้วรีบกดอัพสกิล Galvanic Shock ให้ max ไปเลย เพราะสกิลนี้แรงนรกแตกมาก แล้วใส่ Spriggan Jewel กับ Attack Bracelet ตอนนี้ Atk จะพุ่งขึ้นอย่างมาก แลกกับการที่ Max HP หายไปครึ่งนึง (ระวังนิดนึง)

The 4th Battle <Sahariel>
เลเวลปาร์ตี้ : 24-26
ความยาก : 3/10
ควรตั้งให้ทุกคนยกเว้น Lymle เป็น Manual บังคับ Bacchus แล้วรอจังหวะที่บอสเตรียมยิงลำแสงออกมาจากอก ให้รีบแดชเข้าไปประชิดตรงหน้าอกบอส แล้วจับชาร์จแบ็ตด้วย Galvanic Shock ซัก 2 ที เราจะทำ damage ได้ hit ละเกือบ 2k ทำแบบนี้ซัก 2-3 ครั้ง ถ้าโดนเต็มๆ บอสก็จะร่วงอย่างรวดเร็ว แต่คอยหลบพวกท่าโจมตีอื่นๆให้ดี (มิซไซล์ อะไรพวกนี้) เพราะโดนตูมเดียว เราก็ร่วงเหมือนกัน เพราะ Max HP เราจะน้อยมาก

The 5th Battle <Genomic Beast>
เลเวลปาร์ตี้ : 26-28
ความยาก : 6/10
ให้บังคับ Bacchus เช่นเดิม แล้วตั้ง Edge ให้ Stay out of Trouble เพื่อวิ่งล่อบอสเป็นบางครั้ง คนอื่นๆก็ตั้งตามใจชอบ ไม่ต้อง Manual แล้ว วิธีหลักๆก็ให้ Bacchus แดชแล้วยิงหลายๆ hit บางครั้งเมื่อบอสติด stun ให้รีบ
แดชประชิดแล้วช็อตด้วย Galvanic Shock พยายามอย่าเข้าไปบวกนาน เพราะตอนมันหมุนตัวพ่นไฟ เราจะโดนแรงมาก (ถึงตาย 99%) ให้คอยแดชยิงเอาเมื่อบอสเข้า rush mode

<8> เมื่อลงจอดที่ดาว Roak ถึงตอนนี้ ใครจะทำเควสเพื่อฟาร์ม SP ก็แล้วแต่ตามสะดวกครับ เพราะเราจะซื้อหนังสือ HP Boost ได้ที่นี่ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์อย่างสูงกับ chaos mode หลังเข้าเมืองก็จัดการซื้อ HP Boost, Chain Combo, Critical Hit ตามแต่กำลังทรัพย์
อย่าลืมที่เมือง Astral หีบทางขวาของเมืองจะมี Monster Jewel หยิบแล้วแปลงเป็น Arch Spellmaster Jewel

The 6th Battle <Black Eagle>
เลเวลปาร์ตี้ : 28
ความยาก : 2/10
ให้ Edge ใส่ดาบ Famed Sword "Veinslay" (เก็บที่ปราสาทในเมือง Astral), Spriggan Jewel และ Attack Blacelet พร้อมกับมีสกิล Rising Blade กับ Chain Combo Lv10 เมื่อศัตรูวิ่งมาใส่เราให้ blindside แล้วอัดหลังมันด้วย Rising Blade แบบ chain ต่อเนื่องจนกว่ามันเข้า rush mode ให้รีบถอยออกมารอจน rush มันหาย แล้วก็ลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะชนะได้อย่างง่ายดาย

<9> หลังได้ Myuria มาร่วมทีม จัดการเอา Lymle ออกตี้ไปเลย แล้วแทนที่ด้วยเจ๊อึ๋มแทน แล้วให้เจ๊แกใส่ Arch Spellmaster Jewel พร้อมกับอัพ Chain Combo กับ Ice Needle ให้ max

The 7th Battle <Guardian Beast>
เลเวลปาร์ตี้ : 29-32
ความยาก : 6/10
การสู้กับบอสตัวนี้ทำได้ 2 วิธี คือ ยัด damage มันด้วยการทำ Critical Hit หรือใช้เวทของ Myuria เพราะการโจมตีธรรมดาแทบอัดมันไม่เข้า

The 8th Battle <Tamiel>
เลเวลปาร์ตี้ : 31-33
ความยาก : 8/10
เราต้องสู้ก่อน 2 battle ก่อนจะได้สู้กับบอสจริงๆ ระหว่างนี้ให้รีบใช้โอกาสนี้ ทำ rush gauge ของ Bacchus ให้เต็ม แล้วเมื่อเราเข้าสู่ battle กับบอส ให้เปิดซิงด้วย rush combo ด้วยสกิล Galvanic Shock หากมี Chain Combo เต็ม HP บอสจะหายไปครึ่งนึงทันที และระหว่างนี้ สกิลบอสจะนรกแตกมาก และตัวละครเราก็จะลงไปนอนแห้งอย่างรวดเร็ว ให้แดชยิงใส่ลูกน้องมันให้หมด เมื่อ rush gauge เต็ม ก็จัดการปิดการต่อสู้นี่ลงซะ (อธิบายเหมือนจะง่าย แต่ถ้าโชคร้ายจริงๆ นี่จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากมาก)
ที่สำคัญ ก่อนสู้แฟนธ่อม ให้เปิดหีบแถวๆนั้นจะมี Monster Jewel อีก 1

The 9th Battle <Phantom Soldiers>
เลเวลปาร์ตี้ : 33-35
ความยาก : 9/10
นี่เป็นการต่อสู้ที่ยากที่สุดในเกม chaos mode แล้ว (ไม่นับพวกบรรดาบอสลับนะ เอาเฉพาะในเนื้อเรื่องหลัก) ถึงตอนนี้ควรให้ตัว tank 2 ตัว มีสกิล HP Boost Lv10 (ผมเลือก Edge กับ Bacchus) และตัวฮีล 2 ตัว (Sarah กับ Myuria) ในการต่อสู้แบบมาราธอนนี้ ผมใช้แต่ Myuria (ใส่ Arch Spellmaster Jewel) ตลอด แล้วยิงด้วย Ice Needle Lv10 ไปจนจบการต่อสู้

<10> หลังได้ Arumat มาร่วมทีม ปรับ BEAT:B แล้วจัดการอัพ Nether Strike ให้เต็มโลด สกิลนี้เมพสุดใน Eternal Sphere แล้ว (555+) แต่เก็บเขาไว้ก่อน ยังไม่ต้องเอาออกมาเล่นก่อนก็ได้ (ยิ่งถ้าใครไม่ค่อยได้เก็บเลเวลให้ Faize มาก่อน Arumat ก็จะเลเวลน้อยตามไปด้วย)
และที่ Miga Cave B3 ทางขวา จะมีหีบเปิดเอา Monster Jewel อีก 2 อัน

The 10th Battle <Armaros Manifest>
เลเวลปาร์ตี้ : 39-41
ความยาก : 6/10
ในการต่อสู้นี้เราเน้นตัวทำ damage ได้ 2 ตัวคือ Bacchus (Galvanic Shock) หรือ Meracle (Comet Impact) เมื่อเริ่มสู้ควรรีบเคลียร์ลูกน้องบอสออกก่อนโดยเร็ว เพราะมันชอบ silence เรา แถมยิงโคตรแรง ให้บังคับ Bacchus หรือ Meracle วิ่งเข้าไปใกล้ๆบอส รอจังหวะที่มันหันมาหาเราเพื่อเตรียมโจมตี ให้รีบ blindside แล้วยัดตรงจุดอ่อนมันด้วยการ Galvanic Shock หรือ Comet Impact (คนที่โจมตีใส่ Spriggan Jewel ด้วย) บอสก็จะลงไปดิ้นสิ้นใจในไม่ช้า

<11> หลังเข้า Centropolis ให้ซื้อ Berserk ให้กับ Arumat แล้วอัพให้ max

The 11th Battle <Kokabiel>
เลเวลปาร์ตี้ : 42-44
ความยาก : 5/10
ความยากจะอยู่ที่ตอนช่วงเริ่มสู้ เพราะลูกน้องมันจะคอยกระจายมาโจมตีทุกตัวละคร และด้วยการนี้ อาจมีดับยกตี้ได้อย่างรวดเร็ว ให้ทุกตัวละครใช้สกิลที่เป็นสกิลโจมตีเป็นวงกว้าง (AoE) อย่าง Myuria ผมจะตั้งให้ใช้ Thunder Flare ส่วน Arumat จะเป็นคนคอยฆ่าบอส (รวมทั้งลูกน้องมันด้วย) ติดสกิล Diabolic Edge Lv10 พร้อมทั้งกด Berserk Lv10 (อย่าลืมใส่ Spriggan Jewel ด้วย) แล้ว spam แหลก หลังจากบอสมันรวบลูกน้องไปที่ตัวมันแล้วครั้งนึง การต่อสู้นี้จะง่ายขึ้นทันที เพราะหลังจากนี้ คอยให้ Arumat ใช้ Diabolic Edge แช่ใส่บอสเรื่อยๆ ลูกน้องที่เกิดใหม่ก็จะหายทันที (จะเหลือก็แค่ 4 ตัว ที่มันไม่รับ damage)

<12> หลังชนะบอสแล้ว ให้ย้อนกลับไปที่ที่สู้บอสอีกครั้ง เพื่อทำเควส Trial of Might เราจะได้ Laser Weapon มา จากนี้ไปจะเป็นการเตรียมตัวครั้งสุดท้ายก่อนไปถล่มดันเจี้ยนสุดท้ายของเกมแล้ว

<13> ไปที่ร้านค้า แล้วซื้อ Blackberries, Fresh Sage, Perfect Berries, Resurrection Elixir ให้เต็มที่ รวมถึงเครื่องประดับ Stallion Snaps ซัก 4 ชิ้น (หรือถ้าอยากให้ทุกตัวละครในตี้หลักเราใส่ก็จัดอีก 12) และ Anti-Silence Amulet

<14> กลับไปที่ยานของเราแล้วผสมของตามนี้
- Stallion Snaps 1 ชิ้น ผสมด้วย Stallion Snaps 3 ชิ้น เราจะได้ Stallion Snaps อันใหม่มา 4 ชิ้น ที่มี factor [Rush Gauge charge rate +2] 4 ช่อง
- เอา Anti-Silence Amulet ผสมกับ equipment อะไรก็ได้ ให้พวกตัวฮีลใส่ไว้
- Laser Weapon ผสมด้วย Crystal 3 ชิ้น (Critical Hit เพิ่ม) แล้วตามด้วย Light Gem เพื่อให้โจมตีธาตุแสง(บอสใหญ่แพ้ธาตุแสง) อันนี้เราจะให้ Arumat ใส่
- Anti-Silence Amulet ผสมกับ Ashlay Bernbeldt Jewel ทั้งหมดที่มี (น่าจะมี 8ชิ้น ถ้าเก็บมาครบ) จะได้ 3 ชิ้น และชิ้นสุดท้ายจะเหลืออีก factor นึง ให้ผสม Anti-paralysis Amulet อันนี้ให้ตัวหลักที่เราบังคับใส่
- เกราะตัวละครหลัก ให้ผสมกับ Void Recovery Unit ซื้อได้ที่ Li'l Vending Machine No. 1ในยานของเรา (ถ้าเก็บมานะ) ส่วนที่เหลือ อยากยัดอะไรก็ได้ยัดๆให้เต็มไปเลย
- อาวุธที่เหลือ ยัด factor ให้เต็ม จะยัด rice curry เพื่อเพิ่ม exp ระหว่างสู้ก็ได้ หรือ DANGER!! DO NO DRINK! เอา hp damage 20% ก็ได้
- หากมีเงินเหลือ ให้ซื้อ hp boost ใส่ให้กับตัวละครหลักทั้ง 4 ตัว โดยเฉพาะ ซาร่า และ อารุแมท และอัพให้มากสุดเท่าที่จะอัพได้ เต็มเลยยิ่งดี
อย่าลืมที่ Palace of Creation Area 5 หีบด้านซ้าย จะมี Atk Boost เก็บมายัดใส่ให้อารูแมท แล้วอัพให้เต็มเวล 10

The 12th Battle <Apostle of Creation>
เลเวลปาร์ตี้ : 49-50
ความยาก : 4/10
เริ่มเกมมาถึงให้คุมตัว Arumat แล้วกด Berserk 1 ที แล้ว chain ด้วย Diabolic Edge หรือ Nether Strike Lv10 (สกิลหลังไว้ใช้ในกรณีเน้นความแน่นอน ปลอดภัย) ถ้ายังไม่สะใจใน damage ให้ Sarah บัฟด้วย Enhance Lv10 ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ สลับกับ rush combo (ถึงตอนนี้ เด้งไวมาก แค่ยัดสกิล 2 ที rush เต็ม) ก็จะชนะได้อย่างง่ายดาย

The Last Battle <Satanail>
เลเวลปาร์ตี้ : 51-53
ความยาก : 7/10
ใช้ Arumat เป็นตัวทำ damage เช่นเดิม แต่ปรับแผนนิดหน่อย คือเราจะใช้ Nether Strike แทน เพราะ Satanial ชอบกวนตีนด้วยการลบ rush เราจนเหลือ 0 (ในกรณีเจอลูกแก้วเขียว) ให้เน้นจู่โจมจากระยะไกลเน้นความแน่นอน คอยดูดีๆเมื่อลูกแก้วบอสหายไป เราจะทำ damage ใส่ไม่ได้ ให้รอมันใส่ลูกแก้วเม็ดใหม่ และเมื่อลูกแก้วบอสโดนทำลายจนเกลี้ยง คราวนี้มันจะเริ่มใช้เวท AoE มา พยายามถอยห่างให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วคอยหาจังหวะใช้ Nether Strike 1 ครั้งแล้วชาร์จ rush ด้วยตัวเอง เพื่อเข้า rush combo ก็จะเป็นทางเลือกที่ดี และในไม่ช้า เราก็จะเอาชนะการต่อสู้นี้ได้ พร้อมกับเคลียร์โหมดที่ยากที่สุดในเกมลงได้ chaos...

หลังจากนี้ผมไม่ได้เล่นต่อละครับ แต่ใครอยากลุยต่อและท้าทายบอสลับหลังจากนี้ก็เชิญจัดได้ตามใจชอบเลย
Good Luck!

ในส่วนนี้จะเป็นการแนะนำรายละเอียดและทริคต่างๆเกี่ยวกับ Battle Trophies ทั้ง 900 ครับ
เอาล่ะ สำหรับท่านที่ต้องการจะเก็บ Battle Trophies ให้ครบทั้ง 900 นั้น ผมมีข้อแนะนำอะไรนิดๆหน่อยๆซักเล็กน้อย
1.การเก็บ BTs ให้ครบ 900 นั้น ต้องใช้ความอดทนอย่างมหาศาล (ใช้ฝีมืออย่างเดียวไม่พอ ต้องอาศัยดวงด้วยนะเอ้อ) ถ้าถามผมว่า ต้องใช้เวลาทั้งหมดเท่าไหร่ในการเก็บให้ครบ ผมขอตอบเลยว่าไม่ต่ำกว่า 300 ชั่วโมงครับ และเวลาที่ว่านี้ คือการเล่นแบบมีไกด์ช่วยด้วยนะ ถ้าเราเล่นจากไม่รู้อะไรเลย อาศัยความสามารถตัวเองล้วนๆ ต้องนานกว่านี้อีกซัก 20-50% ก็เป็นได้...
2.ตรงนี้สปอยล์นิดหน่อยครับ เกี่ยวกับตัวละคร เหอๆ

3.BTs บางอย่าง สามารถพลาดแล้วพลาดเลย หรือสามารถเก็บเงื่อนไขนั้นๆได้ง่ายในสถานที่ๆเข้าได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้น ควรมีการวางแผนที่ดีในการเล่นตามเนื้อเรื่องพร้อมๆกับการเก็บ BTs
4.BTs ที่เกี่ยวกับการนับตัวเลข อย่างเช่น defeat 30,000 ของ Edge จะไม่นับรวมถึงการเล่นรอบที่ 2 อย่างสมมติ ในรอบแรก Edge ปราบมอนสเตอร์ไป 29,999 ตัว (แล้วจะเหลือไว้ 1 ตัว for what?) แล้วรอบ 2 Edge ไปปราบเพิ่มอีก 1 ตัว กรณีนี้ BT ดังกล่าวจะไม่เด้งนะครับ เพราะในระบบเกมจะรีเซ็ตตัวเลขใหม่ ก็จะกลายเป็นว่า Edge ปราบมอนสเตอร์ไปแค่ 1 ตัว สรุปสั้นๆก็คือ เราต้องทำในการเล่นรอบเดียวให้ครบ

ถ้าพร้อมแล้ว เรามาดูในส่วนของ BTs ทั้ง 900 กันเลยดีกว่า หึหึ
หมายเหตุ : รูปแบบการเขียนไกด์นี้ ผมขอนำมาจาก Battle Trophy FAQ ที่ gamefaqs.com ของ fliptout นะครับ (เอามาแปลไทย)
Credit : [Link]

Edge


Reimi


Faize


Lymle


Bacchus


...
ยังมีต่อครับ เดี๋ยวมาทยอยลง